เมื่อถังเหล่ยตามพวกเซี่ยลี่เข้ามาในเมืองเฮยเหยียน ก็เป็เวลาพลบค่ำเสียแล้ว
ถังเหล่ยที่เพิ่งเข้ามาในเมืองไม่ได้เห็นประกาศจับของตัวเอง กองทัพผู้คุมกฎที่เจอระหว่างทางน่าจะถูกคนส่งมาโดยตรง ส่วนประกาศจับตัวเขาอาจจะยังส่งไปไม่ถึงเมืองต่างๆ
กลุ่มของเซี่ยลี่มาถึงบ้านหลังหนึ่งในเมือง ในบ้านนั้นไม่มีคนออกมาต้อนรับ มิน่าเล่า เซี่ยลี่ถึง...
สินค้าทั้งหมดถูกเซี่ยลี่ขนมาวางไว้ในบ้าน เมื่อบ่ายพวกเขาสูญเสียพี่น้องไปหลายคน แต่ก็แลกมาด้วยผลตอบแทนมหาศาล
คนที่ตายไปล้วนถูกฝังอยู่ที่นั่น ส่วนหนังหมาป่าหลายสิบตัวกับของมีค่าบางส่วนล้วนถูกเอากลับมา
ถังเหล่ยออกไปสำรวจในบ้านคนเดียว ก่อนจะกลับมาหาเซี่ยลี่ที่ซื้อสุราอาหารมาเตรียมตัวเลี้ยงตอบแทนบุญคุณเขา
เพราะหากไม่ได้ถังเหล่ยช่วยเอาไว้ พวกเขาก็คงรอจนหน่วยผู้คุมกฎมาถึงไม่ไหว
ผู้ชำนาญยุทธ์ที่เจอตอนบ่ายล้วนเข้ามาร่วมวงด้วย เดิมทีถังเหล่ยอยากจะปฏิเสธ แต่ติดที่เซี่ยลี่ตื๊อไม่เลิก อีกทั้งถังเหล่ยต้องขอบคุณที่เซี่ยลี่ช่วยเอาไว้วันนี้ด้วย ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องปะทะเข้ากับหน่วยผู้คุมกฎแน่
สุราอาหารมีพร้อม ถังเหล่ยก็คิดไม่ถึงว่าระหว่างหลบหนี เขาจะได้ดื่มสุรากับกลุ่มคนแปลกหน้าในเมืองเล็กๆ ที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง
“คารวะท่านจอมยุทธ์หนึ่งจอก ขอบคุณที่ท่านช่วยเหลือในวันนี้!”
เซี่ยลี่ชูแก้วขึ้นแล้วดื่มจนหมด คนอื่นๆ ก็ทำตามด้วยเช่นกัน
ถังเหล่ยกวาดตามองทุกคน ก่อนจะพยักหน้า แล้วชูแก้วสุราขึ้นดื่มจนหมด หลังจากที่สุราเข้าร่างแล้ว พลังสีทองในร่างของถังเหล่ยก็เข้ามาปกคลุมเอาไว้ และฤทธิ์สุราก็ระเหยกลายเป็ไอ
ห้ามลดการระวังตัว ในสถานที่ต่างถิ่นเช่นนี้ ถังเหล่ยไม่พร้อมเชื่อใจใครง่ายๆ
ทุกคนต่างดื่มสุราพูดคุยหัวเราะกัน ไม่มีใครพูดถึงเื่หน่วยผู้คุมกฎ เซี่ยลี่ฉลาดมาก เขารู้ว่าถังเหล่ยต้องมีความลับมากมาย เพราะแม้ถังเหล่ยจะมีอายุเพียงสิบห้าสิบหกปี แต่สามารถสังหารสัตว์อสูรระดับสามได้ในชั่วพริบตา
นี่หาใช่สิ่งที่คนธรรมดาทำได้
และเื่ที่ชายหนุ่มคนนี้คือถังเหล่ยหรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขา พวกเขาไม่จำเป็ต้องรู้ความจริงของเื่นี้
ทั้งสองฝ่ายเพียงแค่พูดคุยสัพเพเหระ และถามไถ่พอเป็พิธี
ไม่นานเด็กสาวที่ถูกถังเหล่ยช่วยเอาไว้ก็เดินมาหาถังเหล่ย
“ขอบคุณพี่ชายมาก สิ่งนี้มอบให้ท่าน!”
ในมือของเด็กสาวถือของเล่นที่ทำจากดินเหนียว
ถังเหล่ยแย้มยิ้ม และรับของเล่นเอามาถือไว้ในมือ หัวของของเล่นเล่นใหญ่มาก ดูไปแล้วก็เหมือนถังเหล่ยอยู่ไม่น้อย
“อวี่เอ๋อร์ ตอนนี้ดึกมากแล้ว เ้ากลับห้อง รีบไปพักผ่อนเถอะ!”
เซี่ยลี่รีบกล่าว ก่อนมองมาที่ถังเหล่ยด้วยแววตาขอโทษ
“ขอโทษท่านจอมยุทธ์ด้วย ่นี้อวี่เอ๋อร์ป่วยบางอย่าง ครั้งนี้ที่ข้าพาอวี่เอ๋อร์ไปส่งสินค้าด้วย ก็เพื่อหาเงินมารักษาให้นางเองนั่นละ”
เซี่ยลี่ลูบหัวบุตรสาวด้วยความรักใคร่
“ครั้งนี้โชคดีมากจริงๆ หากเอาหนังหมาป่านภามากมายขนาดนี้ไปขาย จะต้องมีเงินพอรักษาอวี่เอ๋อร์แน่!”
ผู้ชำนาญยุทธ์อีกคนหนึ่งกล่าวด้วยความดีใจ
“ป่วยหรือ?”
ถังเหล่ยผงะไป ก่อนจะกล่าวออกมา
“ข้าพอมีความรู้ด้านนี้อยู่บ้าง ให้ข้าดูอาการป่วยของนางได้หรือไม่?”
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของถังเหล่ย พวกเขาต่างมองหน้ากันด้วยความใ ถังเหล่ยน่าจะอายุสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น การที่เขาจะมีพลังแข็งแกร่งก็แล้วไป แต่นี่รักษาคนเป็ด้วยอีกหรือ?
ชาติที่แล้วถังเหล่ยเป็ถึงราชันนักปรุงยาขั้นที่หก เเม้สิ่งที่นักปรุงยาเชี่ยวชาญที่สุดจะไม่ใช่การรักษา แต่ฝีมือของถังเหล่ย ต่อให้เป็แพทย์จากจักรวรรดิเทียนอวี่ก็เทียบกับเขาไม่ได้
“ท่านจอมยุทธ์เชิญ!”
เซี่ยลี่ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาคิดว่าถังเหล่ยแค่ล้อเล่น
ถังเหล่ยขยับมือไปจับเส้นชีพจรของเด็กสาว จากนั้นก็ส่งปราณแท้พลังยุทธ์เข้าไป
“หืม? กลิ่นอายนี้มัน...?”
ในร่างกายของเด็กสาวมีกลิ่นอายสีดำจางๆ กลุ่มหนึ่ง ถังเหล่ยรู้สึกคุ้นเคยกลิ่นอายเหล่านี้อยู่บ้าง
กลิ่นอายไม่ต่างจากพิษที่เคยพบในร่างของถังเหล่ยมากนัก เพียงแค่ไม่ร้ายแรงเท่า
นี่เป็วิชาของเฮยฉานฉู่ บางทีอาจจะไม่ใช่ตัวของเฮยฉานฉู่เอง แต่ต้องเกี่ยวข้องกับเขาไม่ทางใดทางก็หนึ่ง
“พี่ใหญ่เซี่ย คนในเมืองเฮยเหยียนป่วยเป็โรคเดียวกับอวี่เอ๋อร์กันค่อนข้างเยอะใช่หรือไม่?”
ถังเหล่ยไม่คิดว่าศิษย์ของเฮยฉานฉู่จะส่งคนมาวางยาพิษพวกเซี่ยลี่โดยเฉพาะ อย่างไรพวกเขาก็เป็เพียงคนส่งของ ไม่มีเงินทองมากมาย ถังเหล่ยคาดเดาว่าน่าจะเป็ฝีมือศิษย์ของเฮยฉานฉู่ที่อยู่ในเมืองเฮยเหยียน แล้วอวี่เอ๋อร์ที่ไม่ระวังตัวเผลอไปโดนพิษเข้า
“มิผิด โรคชนิดนี้เพิ่งเกิดขึ้นในเมืองเฮยเหยียนไม่นาน เดิมทีมีคนป่วยตายไปหลายคน จนทำให้ทุกคนล้วนหวาดกลัว แต่ต่อมานี่ซี ตระกูลจี้กลับเริ่มขายยาที่สามารถสะกดโรคชนิดนี้ได้ คนมากมายล้วนต้องอาศัยยาของตระกูลจี้ในการรักษา แต่ใช่ว่าคนป่วยจะน้อยลง ข้าก็ไม่รู้ว่าอาการป่วยของอวี่เอ๋อร์จะต้องรักษาไปถึงเมื่อไหร่!?”
หลังจากเซี่ยลี่กล่าวจบ เขาก็มองอวี่เอ๋อร์ด้วยความกังวล อวี่เออร์ที่อายุน้อยคงแบกรับความทรมานจากอาการป่วยไม่ไหวแน่
‘ตระกูลจี้แห่งเมืองเฮยเหยียนหรือ? น่าสนใจ’
ถังเหล่ยลอบเหยียดรอยยิ้มเยือกเย็น ต้นเหตุของเื่นี้เขาคาดเดาได้เจ็ดแปดส่วน หากเป็เื่อื่น ถังเหล่ยก็คร้านจะยุ่ง แต่ความแค้นระหว่างเขากับเฮยฉานฉู่ หาใช่สิ่งที่จะตัดขาดลงได้ง่ายๆ
“ตระกูลจี้มีสถานะแบบไหนในเมือง?”
ถังเหล่ยแกล้งถามส่งๆ
จากนั้นเซี่ยลี่ก็แนะนำตระกูลจี้คร่าวๆ ตระกูลจี้คือตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเฮยเหยียน แต่เพราะอยู่ห่างไกล ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลจึงเป็เพียงผู้ทรงยุทธ์ขั้นที่สี่คนหนึ่งเท่านั้น
ถังเหล่ยพยักหน้า เหมือนเขาแค่ถามไปอย่างนั้น
หลังจากอวี่เอ๋อร์กลับห้องไป ถังเหล่ยก็แสร้งเมา แล้วกลับไปที่พักที่เซี่ยลี่เตรียมไว้ให้
เมื่อประตูปิดลง ถังเหล่ยก็นำวัตถุดิบบางส่วนออกมาจากแหวนมิติ วัตถุดิบเหล่านี้เป็ของที่เยียนหลิงซานรวบรวมมา หากเอาไปทิ้งก็น่าเสียดาย ถังเหล่ยจึงยังเก็บไว้ในแหวน
ถือว่าเอามาใช้ในตอนนี้ได้พอดี ถึงแม้วัตถุดิบเหล่านี้จะมั่วซั่วมาก แต่วัตถุดิบปรุงยาไม่กี่ชนิดยังพอมีอยู่ โรคของอวี่เอ๋อร์เบาบางมาก ไม่ต้องปรุงให้เป็ยา เพียงแค่ผสมกันนิดหน่อยก็ได้แล้ว
ภายใต้การแผดเผาของเปลวเพลิงสีทองของถังเหล่ย วัตถุดิบก็กลายเป็ผงอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็นำผงเ่าั้ใส่ไว้ในขวดเล็กๆ ใบหนึ่ง
ด้านนอกมีหน่วยผู้คุมกฎอยู่ จากการคาดเดาของถังเหล่ย ตอนนี้หน่วยผู้คุมกฎน่าจะไปถึงด่านซิวหลัวแล้ว หากเขาคิดจะออกจากจักรวรรดิเทียนอวี่ คงต้องวางแผนให้รอบคอบกว่านี้
ถังเหล่ยนั่งบนเตียง และใช้วิชาัคชสารกลืนกินพลังิญญาฟ้าดินรอบๆ
นถังเหล่ยยังคงระวังตัวอยู่ตลอด หากมีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย เขาก็ััมันได้ทันที ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย
ถังเหล่ยตัดสินใจอยู่ที่นี่ต่ออีกวัน เขา้ากำจัดศิษย์ของเฮยฉานฉู่ก่อน แล้วค่อยจากไป ถังเหล่ยคิดว่าตัวเองไม่ใช่คนดีอะไร เขาไม่ได้คิดจะช่วยเหลือคนอื่นๆ
แต่การกำจัดศิษย์ของเฮยฉานฉู่ คือสิ่งที่ถังเหล่ยอยากทำให้สำเร็จ
ราตรีเริ่มเข้าปกคลุมท้องนภา ในเมืองเฮยเหยียนเหลือแต่เพียงตะเกียงไฟสลัวๆ และแล้วหมอกดำจางๆ สายหนึ่งบนเมืองเฉยเหยียนก็ปรากฏขึ้น…