ดวงตาทั้งคู่ของหลี่ลั่วจับจ้องไปที่กู้จวิ้นเฉิน เขารู้สึกว่ากับคนผู้นี้เกรงว่าจะคุยกันดีๆ ไม่ได้เสียแล้ว
แต่กู้จวิ้นเฉินกลับยื่นมือออกมาหยิบผลอิงเถาผลหนึ่งป้อนใส่ปากของหลี่ลั่ว “เ้ายังเยาว์ ไม่เข้าใจหรอก”
หลี่ลั่วอ้าปาก กัดลงไปทั้งนิ้วมือของกู้จวิ้นเฉิน
หืม? แววตาของกู้จวิ้นเฉินเริ่มมีความรู้สึกปรากฏขึ้น เป็ความประหลาดใจที่พาดผ่านไป
“ฮึ” หลี่ลั่วคลายฟันที่กัดลงไป เขาไม่ได้ออกแรงกัดมากนัก แต่บนนิ้วมือของกู้จวิ้นเฉินปรากฏรอยฟันให้เห็นอย่างชัดเจน
ท่าทางและสีหน้าของเด็กชายตัวน้อยที่กำลังโมโหนั้นช่างน่ารักน่าเอ็นดูนัก แต่ทว่า “ไฉนจึงไม่ออกแรงให้มากหน่อยเล่า?”
หลี่ลั่วคิดในใจ ตนเองนั้นก็อยากจะกัดให้แรง กัดแรงๆ ไปเลย ในใจของเขารู้สึกว่าหนุ่มน้อยผู้นี้ช่างไม่ใส่ใจเื่ของตนเองเอาเสียเลย ท่านฉีอ๋องนั้นหยิ่งผยองยิ่ง สูงส่งยิ่ง เ็ายิ่ง แต่ดูเหมือนเขาจะใจกว้างเมื่อปฏิบัติต่อเด็กน้อยผู้นี้ “เพราะในเืของท่านมีพิษ”
กู้จวิ้นเฉินคาดไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้
“ท่านพี่ฉีอ๋องเคยมีสิ่งที่ปรารถนาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” หลี่ลั่วถาม
“ผู้ที่วางยาพิษเปิ่นหวางในครานั้นยังหาตัวไม่พบ” กู้จวิ้นเฉินตอบ เขามิได้คิดว่าหลี่ลั่วนั้นยังเป็เพียงเด็กน้อย หรือจะฟังคำพูดของเขาเข้าใจหรือไม่ อาจเป็เพราะว่าการปฏิบัติตนและตัวตนของหลี่ลั่วมักจะทำให้เขามองข้ามเื่อายุไป
“หากก่อนที่ท่านอายุจะครบยี่สิบปียังหาตัวไม่พบเล่า?” ชีวิตก็หาไม่แล้ว จะหาอย่างไร?
กู้จวิ้นเฉินมิได้ตอบคำถามนี้ “เ้ามีความปรารถนาอะไร?”
“ถ้าหากว่าความปรารถนาของข้าไม่สามารถทำให้สำเร็จเป็จริงได้ด้วยตัวของข้าเอง ท่านพี่ฉีอ๋องจะช่วยให้ข้าทำให้เป็จริงได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” หลี่ลั่วถามยิ้มๆ
หัวใจของเขา กู้จวิ้นเฉินพลันรู้สึกราวกับมีอะไรบางอย่างมาบีบรัดหัวใจของเขาอยู่ครู่หนึ่ง เขามองหลี่ลั่ว แววตาดำขลับคู่นั้นดั่งมีคลื่นลมพายุบ้าคลั่งหมุนวนอยู่ข้างใน “ได้” คำเพียงคำเดียว ทว่าหนักแน่นและมีค่าดุจทองพันชั่ง
หลี่ลั่วดวงตาเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ หลี่ลั่วเพียงหยอกล้อไปเช่นนั้นเอง ทว่าเขากลับรับปาก
เมื่อคำว่าได้เอ่ยออกมาแล้ว แม้กระทั่งกู้จวิ้นเฉินเองก็ยังรู้สึกแปลกใจที่เขารับปากคำขอของเด็กชายคนนี้ แต่เมื่อพูดออกไปแล้วเขาย่อมไม่คืนคำ “ความปรารถนาของเ้าคืออะไรเล่า?”
“หา?” หลี่ลั่วยังไม่ได้ทันได้ตั้งตัว
“ในเมื่อรับปากเ้าแล้ว ย่อม้ารู้ว่าเ้าปรารถนาในสิ่งใด” กู้จวิ้นเฉินเอ่ยสืบไป
หลี่ลั่วใคร่ครวญ “ความปรารถนามีได้หลายข้อหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
กู้จวิ้นเฉินข่มกลั้นความคิดที่จะจับเ้าเด็กคนนี้โยนออกไปทางหน้าต่าง “...อย่างมากที่สุดสองข้อ” เสด็จพ่อของเขาเมื่อสิ้นพระชนม์ยังมิได้ขอให้เขาช่วยทำความปรารถนาให้เป็จริง เ้าคนเลวตัวน้อยนี้ไฉนจึงได้อาจหาญเยี่ยงนี้?
“ข้อแรก ต่อไปข้า้าหาคู่ครองที่ข้าชมชอบ แล้วมีชีวิตอย่างมีความสุข” หลี่ลั่วกล่าว
กู้จวิ้นเฉินขมวดคิ้วน้อยๆ “มีเงื่อนไขอันใดบ้างเล่า?”
“หน้าตาดี รูปร่างดี ดีกับข้า” หลี่ลั่วค่อยๆ ยื่นนิ้วออกมาจนครบสามนิ้ว
“ต้องหน้าตาเช่นใดจึงจะจัดได้ว่าหน้าตาดีเล่า?” กู้จวิ้นเฉินคิดใคร่ครวญ มีเพียงองค์หญิงเล็กของเสด็จอาที่รุ่นราวคราวเดียวกับเด็กคนนี้ แต่ด้วยความเฉลียวฉลาดของเด็กคนนี้แล้วเขาย่อมไม่มององค์หญิงเป็แน่
อืม...หลี่ลั่วเท้าค้างและใช้ความคิด ดวงตาทั้งคู่จ้องมองกู้จวิ้นเฉินตลอดเวลา ทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้นมา “เหมือนท่านพี่ฉีอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
ในชั่วขณะหนึ่ง รอยยิ้มของเด็กชายช่างสดใสสว่างเจิดจ้า
“เปิ่นหวางจะตามหาให้อย่างละเอียด แล้วรูปร่างเช่นใดจึงจะเรียกว่าดีเล่า?” กู้จวิ้นเฉินถามถึงเงื่อนไขข้อที่สอง
หลี่ลั่วใคร่ครวญอีก “เมื่อเป็ผู้ใหญ่แล้วความสูงต้องไม่น้อยกว่าเก้าฉื่อ” (หนึ่งฉื่อเท่ากับยี่สิบเิเ เก้าฉื่อเท่ากับหนึ่งร้อยแปดสิบเิเ)
“...” ช่างเป็หญิงสาวที่รูปร่างสูงใหญ่กำยำยิ่งนัก หาได้ไม่ง่าย ทว่าหลี่ลั่วยังเล็ก ย่อมค่อยๆ หาได้ “เงื่อนไขข้อที่สาม อย่างไรจึงจะเรียกว่าดีต่อเ้า?”
“ข้าพูดอะไรย่อมถูกต้องทั้งสิ้น ข้าทำอะไรย่อมถูกต้องเช่นกัน มิว่าเื่อันใดต้องคิดถึงข้าก่อน ต่อให้ข้าพูดผิด หรือทำผิดไป ก็ไม่สามารถชี้โทษความผิดของข้าต่อหน้าธารกำนัล” เกี่ยวกับเื่นี้ เมื่อได้พูดแล้วก็พูดได้เป็พรวน
“ที่เ้า้าคือหญิงรับใช้ มิใช่คู่ครองที่มีความรักเช่นสามีภรรยา” กู้จวิ้นเฉินแจกแจง
รอยยิ้มของหลี่ลั่วสดใสยิ่งขึ้นไปอีก “ผู้ใดบอกว่าข้า้าผู้หญิงกันเล่า? ท่านพี่ฉีอ๋องมิเคยได้ยินคำว่า ความดีของั[1] หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
คราแรกนั้นกู้จวิ้นเฉินมิทันได้นึกคิด เมื่อเขาคิดได้ขึ้นมานั้น เขาก็พลันลุกขึ้นพรวด “เลอะเลือน” น้ำเสียงอันเข้มงวดอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนดังขึ้น ความอบอุ่นอ่อนโยนเมื่อสักครู่กลายเป็เ็า ดวงตาทั้งคู่จ้องมองหลี่ลั่ว ราวกับกุญแจที่กักขังหลี่ลั่วไว้เป็ก้อนกลมๆ
ใจของหลี่ลั่วหดลงเล็กน้อย ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน เขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าตนเองใจริงๆ ั้แ่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตนเองย้อนเวลามาอยู่ในร่างนี้ ชีวิตในทุกวันของเขาก็เป็ไปอย่างตามใจตนเอง
ต่อให้กลับไปถึงจวนโหวแล้วต้องเผชิญหน้ากับความหน้าเนื้อใจเสือของบรรดาญาติๆ เขาก็รับมือได้ แต่ความโกรธเกรี้ยวในยามนี้ของกู้จวิ้นเฉินเหมือนดั่งความผิดบาปที่กดทับลงมาบนตัวของเขา ยามนี้หลี่ลั่วจึงเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งว่าชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าเขานี้ สามารถเป็ท่านพี่ฉีอ๋องของเขาที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างใจกว้าง ให้เขากำเริบเสิบสานได้ และยังเป็ท่านฉีอ๋องที่ห่างจากบัลลังก์ัเพียงก้าวเดียว หลี่ลั่วไม่เกรงกลัวเขาได้ แต่หลี่ลั่วเกรงกลัวในอำนาจของเขา ในยุคสมัยโบราณ อำนาจและบารมีของเชื้อพระวงศ์ในราชสำนักนั้นสามารถผลักดันหรือทำลายล้างกำลังความสามารถทั้งหมดลงได้
ส่วนกู้จวิ้นเฉิน เป็ตัวแทนกำลังความสามารถของอำนาจบารมีระดับสูงสุด
หลี่ลั่วก้มหัวลงต่ำ ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย
กู้จวิ้นเฉินเก็บงำกลิ่นอายของอำนาจและบารมีของตน อย่างไรก็เป็เพียงเด็กน้อยอายุห้าขวบ เป็ตนเองที่จริงจริงเกินไป “เ้าเป็บุตรชายของหลี่ซวี่” ผู้นำกองทัพทหารมือดีจากซีเป่ยห้าพันนาย บุรุษผู้กู้วิกฤตทำให้เมืองหลวงรอดพ้นจากการนองเื บุตรชายของเขา...ไฉนจึงรักเพศเดียวกันได้
“เช่นนั้นแล้วจะเป็อันใดเล่า?” หลี่ลั่วเงยหน้าขึ้นสบตากู้จวิ้นเฉิน “ฝ่าาทรงรังเกียจผู้ที่มีความรักกับเพศเดียวกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ไม่เกี่ยวกับข้า” เื่ที่ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเขา เขาจะรังเกียจไปเพื่ออะไร?
“เช่นนั้นข้าชมชอบผู้ชาย แล้วเกี่ยวข้องกับฝ่าาอย่างไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?” หลี่ลั่วถามกลับ
“เ้ายังเป็เพียงเด็กคนหนึ่ง” กู้จวิ้นเฉินตอบ
“เช่นนั้นแล้วอย่างไรเล่า?” หลี่ลั่วรู้สึกว่าด้วยความที่เขาตัวเตี้ย เมื่อสบตากับกู้จวิ้นเฉินแล้วเสมือนไม่สมศักดิ์ศรีของตน ดังนั้นเขาจึงปีนขึ้นไปบนโต๊ะตัวเตี้ยเพื่อเพิ่มความสูงขึ้นเล็กน้อย “ข้าเป็เด็ก แต่กลับถอนพิษของฝ่าาได้ ข้าเป็เด็ก แต่กลับรู้ว่าเมื่อไม่ใช่สิ่งที่ข้ารัก ได้มาย่อมไร้ประโยชน์”
กู้จวิ้นเฉินนิ่งเฉยไม่เอ่ยวาจาใด
เมื่อไม่ใช่สิ่งที่ข้ารัก ได้มาย่อมไร้ประโยชน์
เหตุผลเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็เข้าใจได้
“คนที่เ้ารักนั้น เปิ่นหวางคงหาให้เ้าไม่ได้ ความปรารถนานี้ของเ้า เปิ่นหวางคงช่วยให้เ้าสมปรารถนาไม่ได้” ผ่านไปเนิ่นนาน กู้จวิ้นเฉินจึงกล่าวประโยคนี้ออกมา
ใช่สิ รักร่วมเพศเดียวกันของผู้อื่น จะเกี่ยวข้องอันใดกับเขาเล่า?
กู้จวิ้นเฉินหลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง แววตาก็กลับมาเป็ประกายสดใส “ทั้งที่เ้ายืนอยู่บนโต๊ะ แต่ก็ยังคงเป็เ้าเตี้ยอยู่ดี”
“...” หลี่ลั่วอยากด่าว่ามารดาเ้าเถอะ
“มาพูดถึงความปรารถนาที่สองของเ้ากันดีกว่า” กู้จวิ้นเฉินนั่งลงแล้วถามต่อ “หากเ้าชมชอบ ก็นั่งอยู่ข้างบนเถิด”
“ข้าอยากมีชีวิตที่ผ่อนคลาย ไม่ต้องหงุดหงิดรำคาญใจ ไม่ถูกรังแก”
อย่าว่าแต่ในยุคสมัยโบราณเลย ขนาดในยุคปัจจุบันก็ยังไม่มีความคิดไร้เหตุผลเช่นนี้
กู้จวิ้นเฉินไม่รู้ว่าเหตุไฉนเด็กชายตัวน้อยอายุห้าขวบเช่นหลี่ลั่วจึงมีความคิดเช่นนี้ เหมือนกับที่เขาไม่รู้ว่าเหตุใดเด็กชายตัวน้อยอายุห้าขวบถึงได้มีความมั่นใจในการพูดจาเช่นนี้ ทั้งยังวิเคราะห์หายาถอนพิษให้กับพิษของเขาได้ ทว่ามีอยู่เื่หนึ่งที่กู้จวิ้นเฉินกระจ่างแจ้งดี หลี่ลั่วมาถึงเมืองหลวง มาอยู่ท่ามกลางผู้ที่มีทั้งอำนาจบารมีและคนชั้นสูง หากเขาไม่ทำตัวให้เข้มแข็งขึ้นมา เช่นนั้นก็จะต้องถูกรังแก ต่อให้ผู้อื่นไม่รังแกเขา แต่ญาติของเขาอีกหลายเรือนนั้นย่อมรังแกเขาแน่นอน อีกทั้งยังมีตัวอย่างให้เห็นมากมายถึงมารดาใหญ่ที่รังแกบุตรของอนุ
แต่เขาเข้มแข็งมาก ความแข็งแกร่งของเขามาจากสติปัญญาอันเฉลียวฉลาดของเขา ไหวพริบปฏิภาณของเขา
“ได้” กู้จวิ้นตอบรับเพียงคำเดียวอีกครั้ง
“หา?” หลี่ลั่วกะพริบตาปริบๆ ไม่เข้าใจว่าหมายว่าอย่างไร
“ขอเพียงข้ายังมีชีวิตอยู่ เ้าจะไม่มีวันถูกรังแก” ไม่มีวันถูกรังแกย่อมไม่ต้องหงุดหงิดรำคาญใจ ใช้ชีวิตอย่างสบายๆ นี่คือความหมายที่กู้จวิ้นเฉินแสดงออกมา เป็คำสัญญาของเขา
คำพูดของท่านฉีอ๋องหนักแน่นดุจทองคำพันชั่ง
ดวงตาของหลี่ลั่วเป็ประกายวาววับขึ้นครั้งหนึ่ง หลี่จงิเอาใจใส่ต่อเขาเพราะสำนึกในบุญคุณของหลี่ซวี่ที่มีต่อเขา หลี่หยางซื่อดีต่อเขาเพราะพวกเขาถือเป็ครอบครัวเดียวกันมีผลประโยชน์ร่วมกัน หลี่จิงเอาใจใส่ต่อเขาเพราะเขาเป็สายเืของน้องชายนาง จ้าวหนิงฮ่องเต้ใจกว้างต่อเขาเพราะหลี่ซวี่มีบุญคุณต่อเขาที่เป็ผู้ช่วยชีวิต แต่หนุ่มน้อยผู้นี้ดีต่อเขาเช่นนี้ด้วยเหตุอันใดเล่า?
สำหรับท่านอ๋องฉีแล้วนั้น หลี่ลั่วที่อายุเพียงห้าขวบไม่มีประโยชน์อันใดต่อเขา และแน่นอนว่าหลี่ลั่วย่อมไม่เชื่อว่าเป็เพราะวิธีการถอนพิษดังกล่าว เช่นนั้นแล้ว เพราะเหตุอันใดเล่า
เห็นท่าทางของเด็กชายน้อยที่ขมวดคิ้ว ทำท่าคิดหนักอย่างสับสนแล้วนั้น กู้จวิ้นเฉินรู้สึกน่าขันยิ่งนัก “เ้ากำลังคิดอันใดอยู่?”
หลี่ลั่วส่ายหน้า “ท่าน...จะไม่ถอนพิษจริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“พิษในร่างกายข้าแม้แต่หมอเทวดาเมิ่งเต๋อหลางdHยังถอนพิษไม่ได้ แล้วเ้ามีความมั่นใจมาจากที่ไหนกันว่าจะสามารถถอนพิษได้?” กู้จวิ้นเฉินย้อนถาม “อาศัยเพียงหนังสือแพทย์ที่เด็กน้อยอายุห้าขวบอ่านเช่นนั้นหรือ?” เื่ที่สมควรไปสืบของหลี่ลั่ว ในหลายวันมานี้กู้จวิ้นเฉินล้วนให้คนไปสืบมาอย่างชัดเจนแล้ว
เด็กที่ออกมาจากสถานที่เช่นนั้น เลี้ยงดูและอบรมนิสัยเช่นนี้ออกมาไม่ได้ ต่อให้เรียนปูพื้นฐานั้แ่อายุสามขวบแล้วอย่างไรเล่า? จากสามขวบถึงห้าขวบ ซิ่วไฉผู้นั้นสอนบทกวีให้กับเขาเพียงไม่กี่บท อักษรไม่กี่ตัว หนังสือแพทย์ในห้องหนังสือของเขานั้นจะอ่านเข้าใจได้อย่างไร?
ทุกอย่างไม่มีเหตุผล ในใจของกู้จวิ้นเฉินจึงมีปริศนาที่ยิ่งใหญ่นัก
แต่ในบางเวลาที่เด็กน้อยยิ้มอย่างอ่อนหวานให้ตนนั้น ก็ดูเหมือนกับเด็กน้อยอายุห้าขวบคนหนึ่ง
“นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ข้าถอนพิษไม่ได้” หลี่ลั่วแย้งขึ้น “วิชาแพทย์ของข้าอาจจะไม่ดีเท่ากับหมอเทวดาที่ท่านเอ่ยถึง แต่วิชาแพทย์ของเขาก็ยังมีส่วนที่สู้ข้าไม่ได้ สิ่งที่ทุกคนถนัดนั้นย่อมไม่เหมือนกัน”
“ฝีปากกล้านัก” น้ำเสียงมั่นคงหนักแน่นลอยมาจากหน้าประตู ชายวัยกลางคนก้าวเข้ามา หน้าตาของชายผู้นั้นมีอายุราวๆ วัยกลางคน ทว่าผมกลับเป็สีขาวโพลนทั้งศีรษะ ฉายาหมอเทวดาของเมิ่งเต๋อหลางนั้นไม่ได้เป็ชื่อเสียงจอมปลอม สกุลเมิ่งเป็ครอบครัวแพทย์และยาที่มีชื่อเสียง บรรพบุรุษหลายรุ่นก่อนหน้านี้ต่างมีตำแหน่งอยู่ในสำนักหมอหลวงของราชสำนัก แต่เมื่อมาถึงรุ่นของเมิ่งเต๋อหลาง เขาไม่ชอบชื่อเสียงจอมปลอมของหมอหลวง และไม่ชอบการทำงานอยู่ในสำนักหมอหลวงที่ไร้อิสระเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้เป็ขุนนางในราชสำนัก เมิ่งเต๋อหลางเป็ลูกหลานรุ่นสุดท้ายของสกุลเมิ่ง เขาไม่แต่งภรรยาตลอดชีวิต...บัดนี้มีอายุหกสิบแปดปี แต่เมื่อดูแล้วราวกับเขาเป็เพียงชายหนุ่มฉกรรจ์วัยเพียงสี่สิบปีเท่านั้น ที่เป็เช่นนี้เพราะเกี่ยวพันกับพลังยุทธ์ของเขา เขาเป็ผู้รักษาพรหมจรรย์ จนถึงบัดนี้ร่างกายของเขายังเป็ร่างกายของหนุ่มน้อย ดังนั้นจึงดูแล้วยังหนุ่มแน่นอยู่มาก “ตาแก่เช่นข้าเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ มามากมายนัก ยังไม่เคยพบผู้ที่กล้าพูดจาหยิ่งยโสเช่นนี้ต่อหน้าข้า ตาแก่เช่นข้าอยากรู้เสียแล้วว่า วิชาแพทย์ด้านไหนของข้าที่สู้เ้าไม่ได้?”
เดิมทีเมิ่งเต๋อหลางก็ไม่ใช่คนอารมณ์สุนทรีนัก แต่ชื่อเสียงการรักษาคนของเขานั้นระบือไกล ขอเพียงเป็สถานที่ที่้าท่านหมอ ต่อให้สถานที่แห่งนั้นจะยากจนหรือห่างไกลสักเพียงใด หากเขาปลีกเวลาได้ก็จะปีนูเาข้ามแม่น้ำไปรักษาให้ ดังนั้นต่อให้เขาจะอารมณ์ร้ายกว่านี้ ก็ไม่อาจทำให้ชื่อเสียงของเขาที่มีต่อคนทั้งโลกด่างพร้อยได้
“ท่านคือ...หมอเทวดาเมิ่งหรือ?” แม้หลี่ลั่วจะเอ่ยถาม แต่จริงๆ แล้วเขามั่นใจนัก พูดกันจริงๆ แล้วการได้พบและรู้จักกับหมอเทวดาในยุคสมัยโบราณ หลี่ลั่วรู้สึกเป็เกียรติอย่างยิ่ง
[1] ความดีของั (龙阳之好) ใช้เรียกแทน ชายหนุ่มที่รักเพศเดียวกันในสมัยโบราณ