ตูม!
์ถล่มแผ่นดินแยกจักรวาลสั่นะเืหยินหยางพลิกผันดวงดาวเคลื่อนย้าย
ระลอกคลื่นอันน่าสะพรึงกลัวแพร่กระจายออกไปและจากนั้น้าของระบบดวงดาวหวูจีมีมือขนาดใหญ่ยื่นออกมา
มันยื่นเข้าสู่ระบบดวงดาวหวูจีและคว้าดวงดาวจักรพรรดิที่ลอยอยู่ในอากาศ
ดวงดาวจักรพรรดินี้ถูกหลอมโดยจักรพรรดิดวงดาวรุ่นแรกของระบบดวงดาวหวูจี
ถึงแม้จะมิได้ถูกหลอมจากทองจักรพรรดิบริสุทธิ์แต่มันก็ผสมผสานเติมเต็มด้วยความพยายามนับไม่ถ้วนของจักรพรรดิ
ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าแม้มันจะไม่ใช่อาวุธระดับจักรพรรดิแต่ก็เหนือกว่าอาวุธระดับนั้น
และเนื่องจากมันได้รับการบูชายัญจากสรรพชีวิตนับพันล้านและถูกหล่อหลอมด้วยพลังดวงดาวอันไร้ขอบเขต ตอนนี้มันจึงเทียบเท่ากับอาวุธระดับจักรพรรดิที่ฟื้นคืนพลังอย่างสมบูรณ์
พลังที่มันปลดปล่อยออกมานั้นสามารถทำลายฟ้าดินได้แม้แต่ผู้ที่มีพลังระดับกึ่งจักรพรรดิก็มิกล้าเข้าใกล้โดยง่าย
ทว่ามือขนาดใหญ่ที่ปกคลุมท้องฟ้านี้กลับไม่สนใจสิ่งใดและสามารถยึดดวงดาวจักรพรรดินี้ได้!
นี่คือฉากที่ก่อให้เกิดความตกตะลึงและน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ต้องรู้ว่านี่คือดวงดาวจักรพรรดิและเป็ดวงดาวจักรพรรดิที่อยู่ในสภาพพลังเต็มเปี่ยมทว่ากลับถูกคว้าได้ง่ายดายเช่นนี้!
ชีวิตนับพันล้านในระบบดวงดาวหวูจีถึงกับชาไปทั้งตัวและปากของเ้าสำนักทั้งสามอ้ากว้างจนเหมือนจะใส่ไข่ไก่ไว้ได้
ฉากนี้ช่างน่าใเกินไปต้องจารึกไว้ในจิติญญาของพวกเขาชั่วชีวิตไม่อาจลืมเลือน!
ไม่ต้องสงสัยเลย
เ้าของมือขนาดใหญ่ย่อมต้องเป็ยอดฝีมือระดับจักรพรรดิที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตจักรพรรดิ!
เพราะการที่สามารถคว้าดวงดาวจักรพรรดิได้ง่ายดายโดยไม่สนใจพลังอันมหาศาลของมันในโลกปัจจุบันมีเพียงยอดฝีมือระดับจักรพรรดิเท่านั้นที่ทำได้!
แม้แต่กึ่งจักรพรรดิก็ไม่อาจทำได้!
และในขณะที่ทุกคนอยู่ในสภาพตื่นตะลึงนี้พวกเขาเห็นมือที่ปกคลุมท้องฟ้าและดวงดาวจักรพรรดิหดตัวลงพร้อมกัน
สุดท้ายมันกลับคืนสู่ขนาดปกติ
จากนั้นร่างที่สงบและสุขุมค่อยๆเดินออกมาถือดวงดาวจักรพรรดิไว้ในฝ่ามือ
เขาไม่พยายามปกปิดตัวเองดังนั้นทุกชีวิตนับพันล้านในระบบดวงดาวหวูจีรวมถึงเ้าสำนักทั้งสามต่างมองเห็นร่างนี้
แต่ไม่มีผู้ใดกล้าตำหนิเสียงดังแม้แต่เ้าสำนักทั้งสามก็มิกล้า
เพราะนี่คือยอดฝีมือระดับจักรพรรดิในยุคปัจจุบันจักรพรรดิปกครองนภาเก้าชั้นและผืนดินสิบทิศปราบปรามสี่ทะเลแปดดินแดนผู้ใดจะกล้าตำหนิเขา?
อย่าว่าแต่ดวงดาวจักรพรรดิเลยแม้เขาจะสั่งให้ทุกคนต่อสู้ด้วยกระบี่และบดเต้าหู้ต่อหน้าต่อตาพวกเขาก็มิกล้าขัดขืน
และร่างบนท้องฟ้านั้นย่อมเป็ซูเซวียน
เขาได้ััถึงดวงดาวจักรพรรดิจากตระกูลซูหรือหากจะพูดให้ชัดเจนยิ่งขึ้นในคือส่วนลึกที่สุดของดวงดาวจักรพรรดิ
มันคือแร่โลหะที่พิเศษยิ่งแม้จะไม่มีพลังพิเศษอื่นใดแต่ในแง่ของความแข็งแกร่งแม้แต่ทองจักรพรรดิก็ไม่อาจเทียบได้
กล่าวอีกนัยหนึ่งแม้แต่อาวุธระดับจักรพรรดิก็ไม่อาจทำลายมันได้
ในสายตาของซูเซวียนนี่คือวัตถุดิบที่ดีที่สุดสำหรับการหลอมเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย
ในขณะนี้
ซูเซวียนยืนอยู่เหนือระบบดวงดาวมองลงมาเห็นสิ่งมีชีวิตนับพันล้านและเ้าสำนักทั้งสามแล้วกล่าวอย่างสงบ
“ข้าจะยืมดวงดาวจักรพรรดิของเ้าไปสักพักและเพื่อเป็การตอบแทนข้าจะกำจัดภัยคุกคามให้เ้า”
และในวินาทีที่คำพูดของเขาดังขึ้นทันใดนั้นจากส่วนลึกของระบบดวงดาวหวูจีเสียงสั่นะเืที่สั่นสะท้าน์ก็ดังขึ้นราวกับมีบางสิ่งกำลังจะแตกสลาย
สีหน้าของเ้าสำนักทั้งสามเปลี่ยนไปอย่างมากเพราะพวกเขารู้ว่านั่นคือเสียงของผนึกที่แตกสลาย
เห็นได้ชัดว่าความคิดชั่วร้ายแห่งความมืดนี้ซ่อนตัวอยู่และจากนั้นมันฉวยโอกาสที่พวกเขาไม่อยู่ใน่พิธีบูชายัญ มันได้ฝ่าผนึกออกมาได้ในครั้งเดียว
เ้าสำนักทั้งสาม้าหยุดยั้งแต่มันก็สายเกินไป
ในวินาทีถัดมาปราณแห่งความมืดอันมหาศาลพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าทะลวงผ่านทั้งระบบดวงดาวหวูจี
เสียงที่ทำให้จิติญญารู้สึกเหมือนถูกปนเปื้อนดังก้อง
“ก๊าก๊าก๊า ข้าเป็อิสระแล้ว ข้าเป็อิสระแล้ว!”
“ว๊าก๊าก๊าก๊า พลังด้านลบมากมายขนาดนี้มากกว่าที่ข้าคาดไว้เสียอีก!”
พร้อมกับคำพูดในปราณแห่งความมืดอันไร้ขอบเขตเงามืดอันน่าสะพรึงกลัวปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง
และในทุกครั้งที่เขาหายใจพลังงานด้านลบจำนวนนับไม่ถ้วนที่เต็มไปด้วยอารมณ์ร้ายจากทุกทิศทางพุ่งเข้าหาเขา
เขาดูดซับมันราวกับกำลังเพลิดเพลินกับงานเลี้ยงอันโอชะ
และกลิ่นอายของเงามืดนั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงระดับที่เทียบได้กับเ้าสำนักทั้งสามในทันทีซึ่งคือระดับปราชญ์สูงสุด
แต่มันยังไม่จบเสียงคำรามที่สั่นะเืจักรวาลดังก้องและในวินาทีถัดมาพลังของจักรพรรดิจางๆปรากฏขึ้นจากร่างของเงามืด
นี่หมายความว่าเขาได้ก้าวข้ามขอบเขตนักบุญและเข้าสู่ขอบเขตกึ่งจักรพรรดิแล้ว!
“ฮ่าฮ่าฮ่า วันแห่งการเป็จักรพรรดิอยู่ใกล้แค่เอื้อม!”
เงามืดนั้นหยิ่งผยองและได้ใจอย่างยิ่งมันอดไม่ได้ที่จะมอง
ไปยังเ้าสำนักทั้งสามแน่นอนว่าตอนนี้ใบหน้าของพวกเขาคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวต่อเขา
สีหน้าเช่นนั้นต้องน่าสนใจมากแน่
ทว่าเมื่อเขามองไปจริงๆเขาพบว่าเ้าสำนักทั้งสามกลับกลายเป็สูงใหญ่ราวั์และกำลังมองเขาด้วยสายตาราวกับเขาคือคนโง่
เงามืดถึงกับงุนงงในตอนแรกจากนั้นโทสะก็กลืนกินเขาในทันทีโดยไม่ได้คิดอะไรมากเห็นชัดว่าคิดว่าเ้าสำนักทั้งสามกำลังดูถูกเขา
ทว่าขณะที่เขากำลังจะะเิพลังออกมาเขาเห็นเ้าสำนักใหญ่โอวหยางซิ่วชี้ขึ้นไป้า
หืม?
เงามืดมองขึ้นไปตามสัญชาตญาณและจากนั้นโทสะที่พุ่งพล่านของเขาก็เหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็นจัด
จากศีรษะจรดปลายเท้าและแม้แต่ในใจเขากลายเป็เย็นเยือกไปทั้งตัวในทันที
เพียงเพราะที่ปลายสายตาของเขาดวงตาคู่หนึ่งที่ลึกซึ้งราวดวงอาทิตย์และจันทรากำลังมองเขาด้วยความสงบ
และในขณะนั้นเงามืดตระหนักด้วยความสยดสยองว่าเขาอยู่ในมือขนาดใหญ่!
ไม่น่าแปลกใจไม่น่าแปลกใจที่เ้าสำนักทั้งสามกลายเป็คนตัวสูงใหญ่มันไม่ใช่ว่าพวกเขาใหญ่ขึ้นแต่เป็เขาที่เล็กลง!
“เ้า เ้า...”
เงามืดมองไปยังดวงตาอันเยือกเย็นนั้นและรู้สึกว่าร่างกายทั้งร่างสั่นสะท้านเขากำลังจะพูดบางอย่าง
แต่ได้ยินเสียงสงบของอีกฝ่ายดังลงมา
“ในชาติหน้าจงจำไว้ว่าต้องเรียนรู้วิถีแห่งความรอบคอบ และออกมาเมื่อเ้าไร้เทียมทานเท่านั้น”
จากนั้นมือขนาดใหญ่บีบลงบดขยี้เขาจนกลายเป็ฝุ่นราวกับบดยุงไม่เหลือแม้แต่เส้นผมเดียว
ส่วนคุณสมบัติะและไม่อาจทำลายได้ของเขาเมื่อเผชิญหน้ากับพลังราชันะของซูเซวียนแน่นอนว่ามันไร้ประโยชน์
ไม่ไกลนัก
เ้าสำนักทั้งสามเมื่อเห็นฉากนี้ก็รู้สึกเหมือนกำลังฝัน
ปีศาจร้ายที่รบกวนระบบดวงดาวหวูจีของพวกเขามานานนับไม่ถ้วนตายง่ายดายเช่นนี้ราวกับมดถูกบดขยี้จนตาย!
นี่เหมือนฝันช่างไม่สมจริงเกินไป
จากนั้นในขณะนั้นเองใบหน้าของเ้าสำนักรองที่สองหลินหยาถูกตบอย่างแรงโดยเ้าสำนักใหญ่โอวหยางซิ่ว
เเน่นอนว่าเขาโกรธจัด “เ้ากำลังทำอะไร?”
“เจ็บหรือไม่?”
“ไร้สาระด้วยแรงขนาดนั้นจะไม่เจ็บได้อย่างไร?”
“ดีแปลว่าไม่ใช่ความฝัน”
“เ้าไอ้...”
...
เมื่อมองดูเ้าสำนักใหญ่และเ้าสำนักรองที่สองซึ่งเหมือนสมบัติมีชีวิตสิ่งมีชีวิตนับพันล้านถึงกับตะลึง
นี่หรือคือท่านเ้าสำนักผู้สูงส่งและมั่นคงอย่างยิ่งของพวกเขา?
สุดท้ายเ้าสำนักรองที่สามจ้าวหยุนหยานกระแอมดังๆสองสามครั้งทำให้ทั้งสองกลับสู่สติ
จากนั้นทั้งสามโค้งคำนับซูเซวียนด้วยความเคารพ “ขอบคุณท่านที่ช่วยชีวิตพวกเรา”
เพราะหากซูเซวียนไม่ได้ลงมือวันที่ความคิดชั่วร้ายแห่งความมืดนี้หลุดออกมาจะเป็วันที่สรรพชีวิตนับพันล้านในระบบดวงดาวหวูจีทั้งหมดต้องถูกฝัง
“ไม่จำเป็ข้ายืมดวงดาวจักรพรรดิของเ้าไปสักพักและกำจัดอุปสรรคให้เ้านี่คือการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรม”
เมื่อกล่าวจบซูเซวียนถือดวงดาวจักรพรรดิไว้ในมือข้างหนึ่ง ก้าวออกไปและหายตัวไป