กะโหลกของหวังเฉิงนั้นค่อนข้างแข็ง เมื่อกระแทกกับเก้าอี้จึงทำให้เกิดเสียงดังเป็อย่างมากจนหร่านซวี่จือตื่นขึ้นเพราะเสียงนี้
“พี่หวัง เกิดอะไรขึ้น? ” หร่านซวี่จือชันตัวลุกขึ้นแล้วเอ่ยถามเขาด้วยความไม่เข้าใจสถานการณ์
หวังเฉิงลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับแยกเขี้ยวด้วยความเจ็บ เขากดท้ายทอยไว้แล้วขมวดคิ้ว “ไม่มีอะไร ฉันกำลังหาพัด”
ตอนนี้ยังเป็่ปิดเทอม เมื่อห่มผ้าห่มนานไปก็จะร้อน หวังเฉิงก็ค้นเจอพัดอันใหญ่ในกองข้าวของ จากนั้นก็มองดูกางเกงของตนเองและก็พลันโล่งอกแล้วลุกขึ้นไป
ด้วยอากาศที่ร้อนเกินไปและเตียงก็เล็ก แม้ว่าหวังเฉิงจะขยับติดขอบเตียงแต่ก็ยังคงััโดนหร่านซวี่จือในบางที
เหงื่อที่ซึมบนิัทำให้จุดที่ทั้งสองััโดนตัวกันจึงเกิดความเหนียวเล็กน้อย เพียงแค่หร่านซวี่จือขยับตัวเล็กน้อยก็ทำให้หวังเฉิงก็แทบจะหล่นจากเตียงแล้ว
“บ้าจริง นายขยับเข้าไปหน่อยสิ! ” หวังเฉิงใช้ศอกสะกิดเขา
หร่านซวี่จือขมวดคิ้ว “พี่หวัง บนตัวฉันยังมีกลิ่นอะไรหรือ? ”
จู่ๆ ทำไมถามคำถามนี้?
หวังเฉิงพูดความจริง “ไม่มี”
“งั้นพี่จะไปไกลขนาดนั้นทำไม? ฝั่งผมก็แคบมากแล้ว พี่ขยับเข้ามาหน่อยก็กว้างขึ้นแล้วไม่ใช่หรือไง? ”
หวังเฉิงพูดไม่ออก เขาลังเลอยู่นานและรู้สึกว่าตนเองนั้นแปลกๆ ชอบกล ก็แค่เ้าเด็กที่เนื้อตัวบอบบางไม่ใช่หรือไง? ทำไมทำเหมือนกับกำลังรับมือกับปีศาจอย่างไรอย่างนั้น
พอคิดได้เช่นนี้ หวังเฉิงก็ทำใจฮึกเหิมแล้วขยับเข้าไปด้านใน
หร่านซวี่จือเลิกเสื้อขึ้นแล้วเกาพุง เผยให้เห็น่เอวเป็วงกว้าง
หวังเฉิงปิดตา ไม่นานนักก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ
ร้อนเกินไป
จุดที่เนื้อหนังัักันราวกับกำลังแผดเผา มันร้อนจนเสียวซ่าน หวังเฉิงอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปเพราะอยากจะัั วินาทีถัดมา มือเขาก็ัักับผิวพรรณที่ทั้งร้อนรุ่มและอ่อนนุ่มอย่างไม่คาดคิด
อุณหภูมิบนตัวหร่านซวี่จือนั้นเย็นกว่าหวังเฉิงเล็กน้อย พอ่เอวถูกคนอื่นัั หร่านซวี่จือจึงอดไม่ไหวที่จะบิดตัวเพื่อให้หลุดจากความร้อนนั้น
หวังเฉิงตัวแข็งทื่อ
กล้ามเนื้อเกร็งแน่นไปหมด หวังเฉิงรีบหันหลังขวับราวกับยอมแพ้
ผ่านไปชั่วครู่ หวังเฉิงตัวสั่นระริกเล็กน้อย มือเท้าลนแล้วรีบคว้าผ้าเช็ดพื้นที่อยู่ใต้เตียงมาทำลายหลักฐาน สักพักก็มีกลิ่นคาวโชยขึ้นมากลางอากาศเล็กน้อย แต่เพียงไม่กี่นาทีก็ค่อยๆ จางหายไป
หวังเฉิงไม่ได้หลับทั้งคืน
ตอนเช้าเมื่อหร่านซวี่จือตื่นขึ้นมา เขาได้ยินเสียงตักน้ำข้างนอกจึงพลิกตัวลงจากเตียงและเห็นหวังเฉิงตักน้ำอยู่ข้างนอก ดวงตาจดจ้องอยู่ที่ถังน้ำ ทั้งๆ ที่น้ำในถังล้นออกมาแล้ว
“สวัสดีตอนเช้าครับ พี่หวัง” หร่านซวี่จือรู้สึกถึงความผิดปกติของหวังเฉิงได้ทันที เขาจึงเอ่ยปากกล่าวทักทายพร้อมกับอยากเตือนเขา
หวังเฉิงได้สติจึงรีบปิดก๊อกน้ำ ชายหนุ่มหันหลังให้หร่านซวี่จือแล้วพูด “ตื่นแล้วก็รีบกลับไปเถอะ หลายวันนี้ที่บ้านฉันค่อนข้างยุ่ง”
หวังเฉิงยืนสูบบุหรี่อย่างครุ่นคิด
เมื่อคืนเขานอนไม่หลับ กลางดึกต้องตื่นขึ้นมาแล้วค้นเอาหนังโป๊ที่เก็บสะสมไว้สมัยก่อนมาเปิดดู ซึ่งรสนิยมทางเพศน่าจะยังไม่มีปัญหา แต่เื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนคือผีหลอกหรืออย่างไร?
บนตัวเ้าเด็กนี่มันมีปัญหาจริงๆ ด้วย แถมยังชอบยุ่งเื่ชาวบ้าน ทางที่ดีก็อย่าไปเกี่ยวข้องด้วยจะดีกว่า
“นี่! ” หวังเฉิงะโกับหร่านซวี่จือ “การบ้านของเ้าหวังหลงก็เสร็จพอสมควรแล้ว ตอ่ไปนายไม่ต้องมาที่บ้านแล้วนะ น่ารำคาญ! ”
หร่านซวี่จือหันศีรษะด้วยความไม่รู้อีโหน่อีเหน่ มองดูหวังเฉิงแล้วก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย เหมือนกับไม่ได้สนใจอยู่แล้ว
หวังเฉิงถึงกับกล้ามเนื้อหัวใจตายไปอย่างน่าแปลกประหลาด
บ้านตระกูลไป๋นั้นค่อนข้างยุ่งในหลายวันนี้ กลางวันอากาศค่อนข้างร้อนแต่ก็ยังต้องไปทำงานในเถียงนาทุกวัน ปกติแล้วไป๋หลิงฮัวมักจะไม่เข้าร่วมด้วย ไป๋ซวงก็จะทำแผ่นรองรองเท้าอยู่ที่บ้าน ส่วนกับไป๋เหมยกับหร่านซวี่จือก็ไปด้วยกัน
ทุกคนต่างก็อยู่ที่นา หร่านซวี่จือก้มหน้าก้มตาเกี่ยวรวงข้าวและฟังพวกชาวนาพูดถึงเื่ของเซียวหงแล้ววิเคราะห์ในใจ
“พี่เสี่ยวหลิง! ” จู่ๆ ก็มีเสียงคนตะปบหลังของหร่านซวี่จือ มือสองข้างพาดบนคอของหร่านซวี่จือแล้วเอ่ยด้วยความดีใจ “พี่จะไปเล่นกับเราหรือเปล่า! ”
หร่านซวี่จือไม่สูงเท่าหวังหลง พอหวังหลงพาดอยู่บนตัวเขาแบบนี้ หร่านซวี่จือถึงกับตัวจุ่มเข้าไปในดินโคลน
หวังหลงลุกขึ้นจากตัวของเขาอย่างเก้อเขิน
“ฉันยังทำงานไม่เสร็จ” หร่านซวี่จือขยับแว่นตาที่หล่นลงมาแล้วขยับเคียวเกี่ยวข้าวในมือพร้อมกับเอ่ยกับหวังหลง
หวังหลงสำรวจพื้นที่คร่าวๆ “ผมกับพี่ช่วยพี่ก็ได้! พี่เสี่ยวหลิงนี่ใช้ไม่ได้เลย! พื้นที่เล็กแค่นี้ยังต้องเกี่ยวนานขนาดนี้! ”
หวังเฉิงถูกหวังหลงลากมาด้วยความไม่เต็มใจ หวังเฉิงนั้นรวดเร็วมากจริงๆ ท่วงท่านั้นคล่องแคล่วกว่าหร่านซวี่จือมากนัก แล้วไม่นานนักข้าวในนาก็ล้มตัวลงเป็ผืนกว้าง
“พวกนายจะไปไหนหรือ? ” หร่านซวี่จือถาม
หวังหลงครอบกะละมังไว้บนกะโหลกแล้วยักคิ้ว “จับปลาไหล”
คนที่มานอกจากพี่น้องตระกูลหวัง หร่านซวี่จือ แล้วก็ยังมีเด็กจากหมู่บ้านอื่นอีก เด็กพวกนี้ชอบมาเล่นกับหวังเฉิงและหวังหลงแถมตัวยังติดกับพวกเขาราวกับหาง
จุดที่หวังหลงบอกคือผืนนาร้างของชาวนาในอดีต ในดินโคลนจะมีหางสีดำเป็เงาออกมา บนผิวน้ำจะมีฟองอากาศลอยอยู่ มองดูแล้วน่าจะมีอะไรอยู่ในนั้นเยอะ
หร่านซวี่จือม้วนขากางเกงขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆ เหยียบก้อนหินลงน้ำอย่างระมัดระวัง บนผิวก้อนหินค่อนข้างลื่น เขาจึงยืนไม่ค่อยมั่นคง
“นี่! พี่หวัง พาน้องชายมาเล่นอีกแล้วหรือ! ” บนฝั่งมีหญิงสาวสองคนเดินมา ในมือมีตะกร้าไม้ไผ่สาน ในนั้นมีของกิน และเธอก็ส่งรอยยิ้มเหมือนดอกไม้
หร่านซวี่จือมองไป จำได้ว่าเป็คนจากหมู่บ้านข้างๆ อายุของเธอพอกันกับไป๋หลิง
หนึ่งในนั้นมีคนหนึ่งชื่อหลี่เยวี่ยิ่ ผิวพรรณขาวผุดผ่อง ดวงตากลมโตเหมือนอัลมอนด์ ปากเรียวเล็ก รูปร่างพอดี เธอได้รับความนิยมชมชอบในหมู่บ้านข้างๆ เคยเรียนหนังสือหลายปีและเป็คนมีการศึกษา ปิดเทอมปีนี้จึงกลับมาช่วยงานคุณปู่คุณย่า
“พี่เยวี่ยิ่ สวัสดีครับ! ” หวังหลงรีบปีนขึ้นไปพลางหยิบซาลาเปาในตะกร้ามากัดหนึ่งคำ “พี่เยวี่ยิ่ ฝีมือพี่ยิ่งทำยิ่งพัฒนานะครับเนี่ย! ”
หลี่เยวี่ยิ่ปิดปากยิ้ม เมื่อดูแล้วมีเสน่ห์เป็อย่างมาก ภายใต้แสงอาทิตย์ยิ่งดูมีประกาย ชาวนาที่เดินผ่านหลายคนถึงกับจ้องจนถอนสายตาไม่ได้เลยทีเดียว
หร่านซวี่จือมองอยู่พักหนึ่ง เขากลับรู้สึกว่าไป๋หลิงฮัวสวยกว่า
หวังเฉิงนั้นมีท่าทีที่ดีต่อหลี่เยวี่ยิ่ เวลาพูดจาก็ไม่ได้ห่ามเหมือนปกติซึ่งต่างจากท่าทีที่มีต่อไป๋หลิงฮัว
ไป๋หลิงฮัวกับหลี่เยวี่ยิ่นั้นมีหน้าตาคนละแบบกัน ไป๋หลิงฮัวนั้นออกไปทางสวยงดงาม เมื่อดูแล้วตกหลุมรักได้โดยง่าย ส่วนหลี่เยวี่ยิ่นั้นออกไปทางไร้เดียงสา เป็ความสวยงามที่คนรักคนเอ็นดู
“เฮ้ เ้ากระต่าย! ” หวังเฉิงะโกับหร่านซวี่จือในนา “ไม่หิวหรือ? ”
หร่านซวี่จือลุกขึ้นยืน จากนั้นก็มองไปแล้วส่ายหน้า
หลี่เยวี่ยิ่มองเห็นหร่านซวี่จือ เธอเผยอปากด้วยความตื่นตา “ผู้ชายคนนี้คือใครน่ะ? ไม่เคยเห็นมาก่อน หน้าตาหล่อเหลาจริง”
เพื่อนที่ยืนข้างเธอตอบ “น่าจะเป็คนบ้านแซ่ไป๋ เป็นักศึกษาเพิ่งกลับมาจากในเมือง มาเที่ยว่ปิดเทอมเหมือนเธอ”
“น้องชายไป๋หลิงฮัว ไป๋หลิงหรือ? ” หลี่เยวี่ยิ่เคยได้ยินชื่อนี้ “เป็คนที่มีการศึกษามากนี่นา งั้นฉันต้องหาโอกาสไปคุยกับเขาสักหน่อยแล้ว”
หวังเฉิงขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว