ผลที่ตามมากลับทำให้เหลียนเซวียนตะลึงพรึงเพริดอย่างเห็นได้ชัด เมื่ออาเหลยไปยืนกวัดแกว่งท่อนไม้ไล่ฝูงแพะูเาจนวิ่งหนีกระเจิดกระเจิง
ลิงตัวนี้เฉลียวฉลาดยิ่งนัก แสนรู้ในระดับที่ไม่ธรรมดาเลย
ฝูงแพะูเาวิ่งหนีแตกตื่น ในจำนวนนั้นมีหลายตัวมุ่งมาทางที่พวกเขาอยู่
เหลียนเซวียนรวบรวมสมาธิ ลูกดอกซัวเปียวในมือพร้อมซัดออกไปได้ทุกเมื่อ
"มาแล้วๆ" เซวียเสี่ยวหรั่นตื่นเต้นอยู่บ้าง ก้าวถอยไปด้านหลัง พลางกระซิบเตือน "แพะตัวซ้ายด้านหน้าจะตัวใหญ่อ้วนพีหน่อย"
แพะูเาตะบึงมาด้วยความเร็วสูง ขณะที่คุยกันอยู่ก็วิ่งมาแล้ว
เหลียนเซวียนสะบัดมือขวา เพียงพริบตาเดียวก็ได้ยินเสียง 'แบ๊ะ' แพะูเาอ้วนพีที่อยู่ด้านซ้ายตัวนั้นก็สะดุดตัวโก่งม้วนกลิ้งหนึ่งตลบล้มลงค่อยๆ หมดสติไป
เซวียเสี่ยวหรั่นอยากจะโห่ร้องด้วยความดีใจ แต่เห็นมือขวาของเหลียนเซวียนสะบัดออกไปอีกครั้ง ที่ศีรษะของแพะูเาตัวผอมที่อยู่ด้านขวามีเืสาดกระจาย โงนเงนสักพักแล้วล้มลงกับพื้น
เซวียเสี่ยวหรั่นตื่นเต้นยกใหญ่ มุมปากกระดกยิ้มไม่หุบ
สีหน้าของเหลียนเซวียนเริ่มซีดเล็กน้อย เขาใช้กำลังภายในติดต่อกันถึงสองครั้ง ค่อนข้างเป็การฝืนสังขาร
หลังจากความตื่นเต้นผ่านไป เซวียเสี่ยวหรั่นก็ตระหนักถึงปัญหานี้ รีบเข้ามาประคองเขา
"เหตุใดต้องเร่งร้อนเช่นนี้ ดูสิ เรี่ยวแรงไม่เหลือแล้ว นั่งพักผ่อนสักครู่เถอะ"
เธอประคองเขาไปนั่งบนโขดหิน
ฝูงแพะูเาหายไปหมดแล้ว อาเหลยถือท่อนไม้วิ่งลงมา
"เจี๊ยกๆ" มันเข้ามาหาเซวียเสี่ยวหรั่น ดวงตาดำสนิทกลมโตทอประกาย เผยสีหน้าร้องขอคำชม
เซวียเสี่ยวหรั่นขบขัน ย่อตัวลงลูบหัวของมัน "อาเหลยของพวกเราเก่งมาก ฝีมือสุดยอดไปเลย" กล่าวจบก็ยกนิ้วโป้งให้แทนคำชมเชย
อาเหลยได้รับคำชม ดวงตาวับวาวยิ่งขึ้นกว่าเดิม
มันกุมท่อนไม้ปีนขึ้นไปบนต้นไม้อย่างตื่นเต้น กวาดตามองไปทั่ว มองหาเบาะแสของแพะูเาฝูงนั้น
เซวียเสี่ยวหรั่นวิ่งไปดูแพะูเาที่ล้มอยู่กับพื้น หลังจากประเมินแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็หนักใจ
"เหลียนเซวียน แพะตัวนี้น่าจะหนักราวร้อยกว่าชั่ง ข้าแบกกลับไม่ไหวหรอกนะ"
แขนขาเธอเล็กนิดเดียว ให้ขนย้ายแพะทั้งตัวกลับไปไม่ได้อยู่แล้ว
"ไปตามพวกซีต้าเฉียงมา ให้พวกเขาเอาไปขายในเมืองได้เลย" เหลียนเซวียนค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ
"ก็คงทำได้แค่นี้ล่ะ แต่ท่านอยู่คนเดียวตรงนี้ได้หรือไม่"
เซวียเสี่ยวหรั่นมองซ้ายมองขวา บริเวณนี้เป็ป่าค่อนข้างทึบ เธอวิตกว่าจะมีสัตว์จำพวกเสือหรือหมีดำ
"ข้าไม่เป็ไร ที่นี่ไม่ใช่ป่าลึก ไม่มีสัตว์ใหญ่ขนาดนั้น" เหลียนเซวียนส่ายหน้า "เ้าเสียอีก จะเดินหลงป่าหรือไม่ ให้อาเหลยกลับไปด้วยเถอะ"
พวกเขาเดินมาใช้เวลาหนึ่งชั่วยาม ระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆ
"ข้าจำทางได้ ให้อาเลยอยู่กับท่านที่นี่แหละ" เซวียเสี่ยวหรั่นไม่วางใจให้เขาอยู่คนเดียว
"เด็กดีเชื่อฟัง ให้อาเหลยกลับไปกับเ้า" น้ำเสียงของเหลียนเซวียนค่อนข้างจริงจัง ไม่อาจต้านทานได้ง่ายๆ
คำว่า 'เด็กดีเชื่อฟัง' ของเขาทำให้เซวียเสี่ยวหรั่นหน้าแดงสลับซีด
เธอจ้องเขาครู่ใหญ่ถึงยอมแต่โดยดี
อาเหลยตามกลับไปด้วย
ก่อนไปเซวียเสี่ยวหรั่นหันกลับไปมองหลายครั้ง สุดท้ายก็กัดฟันวิ่งลงูเาไปพร้อมกับอาเหลยอย่างเร็วที่สุด
ด้วยความที่เร่งร้อนเกินไป ไม่ทันระวังสะดุดล้มอยู่หลายครั้ง เสื้อผ้าสกปรกไม่ว่า กระโปรงใหม่ยังเป็รอยฉีกขาดไม่น้อย
แต่เธอก็ไม่นำพา ลุกขึ้นมาแล้ววิ่งต่อ
มีอาเหลยนำทาง การเดินทางกลับนับว่าราบรื่นดี เว้นเสียแต่ตอนหกล้มสองสามรอบ
ขณะที่วิ่งกลับมาถึงเรือน อูหลันฮวากับซีมู่เซียงก็ใกับสารรูปของนาง
"ต้าเหนียงจื่อ ท่านเป็อะไรไป"
"ต้าเหนียงจื่อ ท่านไปเจอโจรป่ามาหรือ"
อูหลันฮวากับซีมู่เซียงเข้ามาประคองเซวียเสี่ยวหรั่นซึ่งหายใจกระหืดกระหอบซ้ายคนขวาคน แววตาของพวกนางฉายแวววิตกกังวล
"แฮ่กๆ"
เซวียเสี่ยวหรั่นยกมือขึ้นโบกอย่างเหน็ดเหนื่อย ค่อยๆ เดินไปนั่งที่เก้าอี้หน้าระเบียง กระโปรงของเธอเลอะเป็ปื้น ผมเผ้าก็กระเซอะกระเซิงระหว่างที่วิ่งมา ทั้งเนื้อทั้งตัวอยู่ในสภาพมอมแมมดูไม่ได้
อูหลันฮวาวิ่งไปห้องครัวยกน้ำต้มที่เย็นแล้วมาให้เธอกับอาเหลยคนละถ้วย อาเหลยวิ่งมาตลอดทางพร้อมเซวียเสี่ยวหรั่น ยามกลับมาถึงก็เหนื่อยแทบกระอักเหมือนกัน
ขณะนี้อาเหลยนั่งหอบอยู่หน้าระเบียง อูหลันฮวาวางถ้วยน้ำไว้ตรงหน้าของมัน อาเหลยก้มศีรษะลงดื่มทันที
เซวียเสี่ยวหรั่นหันไปยิ้มให้อูหลันฮวาอย่างซาบซึ้ง พลางรับน้ำมาดื่มอึกๆ ลงไป
"เฮ่อ... ค่อยยังชั่วหน่อย"
"เกิดเื่อะไรขึ้น หลันฮวาบอกว่าพวกท่านขึ้นเขาไปล่าสัตว์ เหตุใดต้าเหนียงจื่อถึงกลับมาคนเดียวเล่า"
ซีมู่เซียงเครียดมาก ถึงแม้จะได้ยินมาว่าหลางจวินสกุลเหลียนฝีมือร้ายกาจ ทว่าไม่เคยเห็นกับตา นางรู้แต่ว่าการขึ้นเขาไปล่าสัตว์คือเื่ที่อันตรายมาก"
ในหมู่บ้านมีคนขึ้นเขาไปล่าสัตว์ทุกปี บ้างก็ได้รับาเ็สาหัส บ้างก็เอาชีวิตไปทิ้งในป่าลึก
ดังนั้นทุกครั้งที่บิดาพาพี่ชายสองคนขึ้นเขาไปล่าสัตว์ ทั้งครอบครัวก็จะพะว้าพะวังอย่างมาก
"เขายังอยู่บนเขา" เซวียเสี่ยวหรั่นยกแขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก "น้องมู่เซียง รบกวนไปแจ้งบิดากับพวกพี่ชายของเ้าว่าเหลียนเซวียนล้มแพะูเาได้สองตัว แต่พวกเราไม่มีแรงขนกลับมา ไหว้วานพวกเขาช่วยเป็ธุระให้ด้วยเถอะ"
แพะูเาสองตัว? ซีมู่เซียงกับอูหลันฮวาตกตะลึงจนอ้าปากตาค้าง
"เ้าค่ะ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้" หลังจากได้สติ ซีมู่เซียงก็หมุนตัววิ่งไปตามบิดาในหมู่บ้าน
ต้าเหนียงจื่อสกุลเหลียนจ่ายค่าตอบแทนอย่างใจกว้างเสมอมา ลำพังแค่บิดานางช่วยขายสัตว์ป่ากับขนสัตว์ให้ก็ได้เงินไม่น้อยแล้ว
บิดากำชับให้นางช่วยงานต้าเหนียงจื่ออย่างดี ห้ามไม่ให้รับเงินค่าตัดเสื้อผ้าอีกด้วย เพราะผลประโยชน์ที่ครอบครัวของเขาได้รับก็มากเหลือเกินแล้ว
หลังจากซีมู่เซียงไปแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นก็ผ่อนลมหายใจ เดินไปล้างหน้าเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน หลังจากนั้นก็เกล้าผมใหม่ให้เรียบร้อย
"ต้าเหนียงจื่อ กระโปรงชุดนี้ท่านเพิ่งสวมแค่สองครั้งก็ขาดเสียแล้ว" อูหลันฮวาถือกระโปรงที่เธอถอดออกมา ท่าทางปวดใจไม่น้อย
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะแหะๆ อย่างเก้อเขิน "ข้าวิ่งเร็วไปหน่อย ไม่ทันระวังดูทางน่ะ"
"เดี๋ยวให้น้องมู่เซียงช่วยดูว่าจะมีวิธีอำพรางอย่างไรได้บ้าง ยังเอากลับมาใส่ได้อีก" อูหลันฮวาคิ้วขมวด
"ตกแต่งเพิ่มวุ่นวายเกินไป ต้องใช้เวลามาก ปล่อยไปดีกว่า แค่ปะชุนหน่อยก็พอแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นโบกมือ
"จะได้อย่างไรเล่า" จะปะซ่อมกระโปรงอย่างเดียวได้อย่างไร หลางจวินรู้เข้าต้องโกรธแน่เลย อูหลันฮวาเหลือบมองเซวียเสี่ยวหรั่นที่แสดงท่าว่าไม่แยแส
เซวียเสี่ยวหรั่นหวีผมเสร็จ อูหลันฮวาก็ยกข้าวห้าสีมาจากในครัว
"ต้าเหนียงจื่อ มู่เซียงนำข้าวห้าสีจากบ้านมาให้เ้าค่ะ"
"ข้าวห้าสี?" เซวียเสี่ยวหรั่นดวงตาสว่างวาบ เมื่อก่อนเธอเคยกิน ข้าวห้าสีก็คือข้าวเหนียวนึ่งที่มีห้าสี เหนียวนุ่มและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ อันเป็เอกลักษณ์ตามธรรมชาติ เธอชอบเป็พิเศษ
ในจานมีข้าวเหนียวสีแดง เหลือง เขียว ขาว และดำห้าสี เรียงอย่างเป็ระเบียบ สีสันสดใสเห็นแล้วชวนให้อยากอาหาร
เซวียเสี่ยวหรั่นรีบไปล้างมือ แล้วบิข้าวเหนียวแต่ละสีอย่างละนิดมาผสมกัน ปั้นเป็ก้อนกลมก่อนส่งเข้าปาก
กลิ่นหอมบริสุทธิ์ของข้าวเหนียวฟุ้งกำจายในโพรงปาก เซวียเสี่ยวหรั่นยิ้มไปถึงดวงตา
"อร่อยจังเลย"
