จุนห่าวและหานรุ่ยออกมาจากห้องพักของจางหนิง และกลับไปยังห้องพักของพวกเขา
“จุนตง จุนหนาน วันนี้ทำได้ดีมาก” จุนห่าวกล่าวชมเชยพลางนั่งลงบนเก้าอี้ การไปคฤหาสน์ท่านเ้าเมืองในวันนี้ เด็กทั้งสองมีสัมมาคารวะ เข้าใจคำว่า มารยาท ไม่ร้องไห้กระจองอแง ไม่แตะต้องหรือทำอะไรให้วุ่นวาย สำหรับเด็กอายุสองขวบครึ่ง ถือว่าทำได้ดีทีเดียว
“ขอบคุณท่านพ่อที่ชม เป็เพราะท่านพ่อและท่านแม่สั่งสอนมาดี ต่อไปนี้เราจะทำให้ดียิ่งขึ้น” เด็กทั้งสองพูดพร้อมเพรียงกัน
“วันนี้น่ะ ผู้ใหญ่ที่ะโเสียงดังคนนั้นไม่มีมารยาทเอาเสียเลย ข้าจะไม่ทำตัวแบบเขาแน่” จุนหนานกล่าว
“ข้าจะทำตัวให้เป็ประโยชน์ จะไม่เป็คนที่ทำลายชื่อเสียงของครอบครัว ท่านพ่อกับท่านแม่จะมีเกียรติและไม่อับอายในตัวข้าแน่นอน” จุนตงพูดพร้อมท้าวเอว พลางกอดหน้าอกเล็ก ๆ ของเขาไปด้วย เมื่อเทียบกันกับจุนหนานแล้ว จุนตงสามารถเข้าใจได้เร็วกว่าจุนหนานอยู่บ้างนิดหน่อย เขาเข้าใจเื่ราวต่าง ๆ โดยรวมได้ ดังนั้นเขาจึงรับรู้เื่ต่าง ๆ ได้ลึกซึ้งมากกว่าจุนหนาน
เมื่อมองจุนตงที่กำลังท้าวเอวพลางกอดอกไปด้วย จุนห่าวก็รู้สึกเสียดาย เขาคิดในใจว่า จะดีแค่ไหนกันเชียว หากจุนตงได้เป็ทหาร เขาต้องเป็ทหารที่ดีในอนาคตได้อย่างแน่นอน น่าเสียดายที่โลกนี้ไม่ใช่โลกใบเดิมกับที่เขาอาศัยอยู่ จุนห่าวตบบ่าจุนตง “พ่อกับแม่หวังแค่ว่า พวกเ้าจะมีความสุขและใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข เพราะฉะนั้นอย่าเข้มงวดกับตัวเองจนเกินไปเลย เ้ายังเด็ก จงเพลิดเพลินไปกับวัยเด็กของเ้าเสียดีกว่า ถ้าเ้าเริ่มบำเพ็ญเพียรได้เมื่อไหร่ ชีวิตของเ้าก็คงจะไม่ได้เงียบสงบและสบายเช่นนี้แล้ว เ้าควรจะเรียนรู้จากจุนหนานบ้าง เ้าเห็นไหมว่า จุนหนานจะมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มในทุกวัน ไม่เหมือนกับเ้าที่ชอบทำหน้าบึ้งตึง เ้าบอกว่า เ้าอายุยังน้อย ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงชอบทำหน้าบึ้งตึงนักล่ะ พ่อเ้าไม่เข้าใจเ้าเลยจริง ๆ” จุนห่าวรู้ว่า จุนตงจะสามารถทำความเข้าใจได้ เด็กคนนี้เฉลียวฉลาดและเข้าใจเื่ต่าง ๆ ได้รวดเร็วยิ่งนัก โดยทั่วไปแล้ว เด็ก ๆ บนแผ่นดินชางหลานจะมีสติปัญญาที่ว่องไว
จุนตงคิด ...... ข้าไม่อยากเรียนรู้จากจุนหนาน คนโง่เง่านั่น เขาก็ไม่ได้ชอบทำหน้าตาบึ้งตึงสักหน่อย แต่เพราะเขาคิดว่า ไม่มีอะไรให้ต้องยิ้มต่างหาก เขาถึงไม่ยิ้มอย่างไรล่ะ ไม่เหมือนจุนหนานหรอก ที่เส้นตื้น ยิ้มหัวเราะง่ายดายขนาดนั้นน่ะ
เมื่อจุนห่าวชมเชยลูกทั้งสองแล้ว จึงกล่าวกับหานรุ่ยต่อว่า “คิดไม่ถึงว่า เื่ราวทั้งหมดจะแก้ไขได้รวดเร็วเช่นนี้ ครั้งนี้ต้องยกความดีความชอบให้เ้า ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่า ชื่อเสียงของตระกูลหานจะมีประโยชน์ถึงเพียงนี้ เ้าไม่เห็นไอเ้าเซ่าเจี้ยนหลิ่นที่คับอกคับใจเช่นนั้นหรือ แค่คิด ข้าก็รู้สึกตลกขึ้นมาแล้ว ั้แ่โตมาจนป่านนี้ นี่เป็ครั้งแรกเลย ที่ข้ากลายเป็หมาที่คอยอาศัยบารมีของคนอื่นมาอวดเบ่งเช่นนี้น่ะ ข้ารู้สึกดีอยู่ไม่น้อยเชียว”
“เป็หมาที่อาศัยบารมีของคนอื่นมาอวดเบ่งอย่างนั้นหรือ? นี่เ้าเป็หมาหรือข้าเป็หมากันล่ะ!” เมื่อหานรุ่ยฟังคำอุปมาของจุนห่าว เขาก็ยกคิ้วพลางทำหน้ากลั้นขำ เขาคิดในใจ เอาตัวเองไปเปรียบกับหมาได้ คงไม่มีใครทำแบบนี้แล้วล่ะ ไม่รู้ว่าจุนห่าวคิดได้อย่างไรกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า คำอุปมานี้ ดูจะไม่เหมาะสินะ ถ้าอย่างนั้นข้าเป็หมาก็แล้วกัน ข้าเป็หมาได้ไหมล่ะ?” จุนห่าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาคิดไม่ถึงว่า หานรุ่ยจะพูดเื่ตลกเช่นนี้ออกมาได้
“ได้สิ หากเ้าเป็หมา ข้าก็จะเป็ภรรยาชายของหมา พูดไปพูดมา ข้าก็เป็หมาไปด้วยสินะ” หานรุ่ยพูดอย่างหมดหนทาง
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็คือลูกหมา” จุนหนานเอ่ยแทรกขึ้น
จุนตงหมดคำจะพูด ครอบครัวของพวกเขากลายเป็ครอบครัวสุนัขไปเสียแล้ว
หลังจากจบเื่ตลกขำขันนี้ หานรุ่ยก็ขมวดคิ้วและพูดกับจุนห่าวอย่างกังวลใจว่า “หลังเหตุการณ์วันนี้ หยุนจิ่นจะต้องนำเื่ของข้าไปส่งข่าวแจ้งตระกูลหยุนที่เมืองเย่ว์เซียนเป็แน่ หากตระกูลหยุนล่วงรู้เข้า ตระกูลหานก็จะต้องทราบเื่นี้ แต่ละตระกูลใหญ่จะมีสายสืบที่เอาไว้สืบเื่ราวของกันและกันอยู่ หากตระกูลใหญ่ในเมืองเย่ว์เซียนทราบขึ้นมาว่า ข้าฟื้นตัวแล้ว ข้าไม่แน่ใจเลยว่า ชีวิตที่สงบสุขของพวกเราจะเกิดคลื่นซัดเข้ามาหรือไม่?” เขาแอบคิดว่า ที่จริงแล้วไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะให้เขาฟื้นตัวหรอก คนที่้าให้เขาตายยังคงอยู่ เพียงแค่เขาไม่รู้ว่า หลังจากที่คนผู้นั้นได้ข่าวของเขาแล้ว จะลงมือในทันทีเลยหรือไม่ พอคิดถึงตรงนี้ ก็พลันเกิดแสงแวววับขึ้นมาในดวงตาของหานรุ่ย
