อี้ชิงหน้าซีดเผือด เขาได้รับความอับอายต่อหน้าเย่เฟิงอีกครั้ง ทำให้อี้ชิงเกลียดเย่เฟิงเข้ากระดูกดำ หากวันนี้มีโอกาสเขาจะฆ่าเย่เฟิงอย่างไม่ลังเล ต่อให้ราคาที่ต้องจ่ายจะมากเพียงใดก็ตาม
“พวกเ้าสามคนร่วมมือกันปิดล้อมข้าที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายา แต่สุดท้ายก็แพ้ข้า ไม่รู้จริง ๆ ว่าพวกเ้ามีสิทธิ์อะไรถึงได้เป็อัจฉริยะ?” เย่เฟิงแสยะยิ้ม เขาไปเยือนดวงแสงมรดกนั่น พลันแสงเจิดจรัสห่อหุ้มร่างเขาคล้ายเชื่อมต่อกับแสงแห่งชะตาของเขา
ทันใดนั้นดวงแสงมรดกเปล่งแสงจ้า พลังประหลาดแพร่กระจายทั่วทิศทาง ประหนึ่งเทพเซียนลงมาจุติ
แสงแห่งชะตาบนร่างเย่เฟิงโคจรไม่หยุด ราวกับมีพลังพิเศษบางอย่าง พลันแสงแห่งชะตาทรงพลังขึ้น วิถีโคจรของพลังเก้าประเภทในดวงแสงมรดกก็โคจรเร็วขึ้น
ขณะนั้นมีลำแสงสายหนึ่งมาเยือนดวงแสงมรดก เข้าปกคลุมร่างเย่เฟิงในพริบตา ก่อนจะมีพลังหลั่งไหลเข้าสู่ร่างเย่เฟิง ทำให้เขารู้สึกร้อนไปทั่วตัว เพราะมีพลังอันน่าสะพรึงกลัวหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง
“นี่มัน…” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างต้องใจเต้นระรัว เย่เฟิงพึ่งพิงชะตาอันกล้าแกร่ง จึงเชื่อมโยงกับดวงแสงมรดกได้สำเร็จ และดูดซับพลังที่แฝงอยู่ในนั้นละนิด ๆ ดูเหมือนว่าเย่เฟิงจะได้เป็ผู้สืบทอดนวมรดก
“นวมรดกเป็ของข้า!”
พลันมีเสียงเกรี้ยวกราดดังขึ้น ประหนึ่งเสียงฟ้าผ่า ดังสนั่นในหูของเหล่าผู้คน เป็นี่จ้านเทียนที่พุ่งตัวไปพร้อมกับซัดหมัดโจมตีเย่เฟิง ห้วงอากาศต้องสั่นไหวราวกับจะถล่มทลาย
“ไป!” เมื่อเห็นฉากนี้ จู่ ๆ แสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตาของเย่เฟิง ก่อนจะเห็นเขาเหยียดนิ้วชี้ไปข้างหน้า พลันลำแสงเพลิงถูกยิงออกไป มันอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งเปลวไฟ ประหนึ่งัเพลิงที่้าแผดเผาทุกสิ่ง เข้าปะทะกับรังสีหมัดของนี่จ้านเทียน ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น เปลวไฟแพร่กระจาย แม้รังสีหมัดของนี่จ้านเทียนจะถูกทำลาย แต่เปลวไฟนั่นกลับแผ่ปกคลุมทั่วพื้นที่ ก่อให้เกิดไอร้อนที่หนาแน่นเข้าห่อหุ้มนี่จ้านเทียนไว้
“นวมรดกเป็ข้าเย่เฟิง เ้านี่จ้านเทียนอย่าคิดจะแย่งชิง คุณสมบัติเ้ามันยังไม่พอ!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็นพร้อมมีแสงคมกริบดุจดาบปะทุออกจากดวงตาคู่นั้น น้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความมั่นใจราวกับว่านวมรดกถูกลิขิตให้เป็ของเขา
นาทีนี้สายตาของทุกคนต่างจับจ้องเงาร่างที่อาบอยู่ท่ามกลางแสงโชติ่แห่งนวมรดก
ไม่กี่ชั่วยามก่อนหน้านี้พวกเขายังดูถูกเย่เฟิงว่าเป็สวะขั้นบ่มเพาะกายา คิดว่าเย่เฟิงสู้นี่จ้านเทียนกับอี้ชิงที่เป็ถึงอัจฉริยะมากฝีมือไม่ได้ ทว่าบัดนี้อี้ชิงกลับเปราะบาง ถูกเย่เฟิงซัดกระเด็นในหนึ่งกระบวนท่า ส่วนนี่จ้านเทียนแม้จะแข็งแกร่ง แต่ในการต่อสู้แย่งชิงนวมรดกก็ยังคงพ่ายแพ้ให้กับเย่เฟิง
ชายหนุ่มขั้นบ่มเพาะกายาผู้นั้นเฉิดฉายที่สุดในแดนลับ ไม่มีใครเทียบเคียง แม้แต่อัจฉริยะมากฝีมือเ่าั้ ต่อหน้าเย่เฟิงก็ต้องยอมก้มหัว
นี่จ้านเทียนเผยสีหน้าบูดเบี้ยว เจตจำนงต่อสู้โคจรรอบกาย เขานี่จ้านเทียนเป็อัจฉริยะมากความสามารถ ในสำนักยุทธ์เทียนเสวียนมีเพียงตู๋กูหลงที่เทียบเคียงเขาได้ ทุกคนต่างต้องเคารพเขา ไม่ว่าเดินไปทางไหนก็จะกลายเป็จุดสนใจ ที่แดนลับแห่งนี้ก็เช่นกัน เขาใช้พลังอันแข็งแกร่งกำราบเหล่าอัจฉริยะจนไม่มีใครเอาชนะเขาได้
นอกจากนี้นี่จ้านเทียนยังได้รู้แจ้งในแดนมรดก พลังจึงเปลี่ยนไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ไร้ประโยชน์ แสงเจิดจรัสของเขายังคงถูกเย่เฟิงกลบมิด
เพื่อแย่งชิงนวมรดกในศึกสุดท้าย เขาต่อสู้กับอัจฉริยะมากมายจนไม่มีใครกล้าสู้กับเขา แต่เมื่อถึงตอนสุดท้ายเขากลับพ่ายแพ้ แพ้ให้กับสวะที่เขาเคยดูถูก
เื่เหล่านี้ทำให้นี่จ้านเทียนทนไม่ได้ ดวงตาที่จ้องมองเย่เฟิงเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารอันเย็นะเื
“เ้าต้องตาย!”
นี่จ้านเทียนแผดเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ก่อนจะก้าวเดินอีกครั้งพร้อมพลังต่อสู้ปะทุออกจากร่าง พลันแสงสีทองปกคลุมร่างกาย ประหนึ่งกายาทองคำไร้พ่าย ทันทีที่สิ้นสุดเสียง รังสีหมัดถูกปลดปล่อย ทั้งยังอัดแน่นไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง
“ปัง!”
รังสีหมัดโจมตีม่านแสงที่ปกคลุมร่างเย่เฟิงจึงก่อให้เกิดเสียงปะทะดังสนั่น แต่ทว่าเย่เฟิงยังคงสงบนิ่งไม่สั่นคลอนแม้แต่นิดเดียว
นาทีต่อมาม่านแสงนั่นปลดปล่อยแสงพินาศ ราบกับเป็หมัดเหล็ก ก่อนจะซัดร่างนี่จ้านเทียนเต็มแรง ทำให้นี่จ้านเทียนส่งเสียงร้องครวญ ร่างกระเด็นปลิว พร้อมเืไหลตรงมุมปาก!
“แสงนั่นมีพลังโจมตี หรือนี่หมายความว่านวมรดกจะยอมรับเย่เฟิงเป็ผู้สืบทอดแล้ว จึงไม่อนุญาตให้ผู้อื่นบุกรุก?”
ผู้คนคาดเดากันไปต่าง ๆ นานา จากนั้นพวกเขาเห็นพลังเก้าประเภทในดวงแสงมรดกนั่นโคจรอย่างต่อเนื่องจนเริ่มมีชีวิตชีวา ทั้งยังถูกส่งไปยังร่างเย่เฟิงผ่านลำแสง ทำให้เย่เฟิงรู้สึกว่าลมปราณภายในกายเขาเพิ่มขึ้น ความสามารถที่ฝึกฝนก่อนหน้านี้ก็ยกระดับขึ้นด้วยอัตราที่น่ากลัว
ภายในร่างกาย พลังหยวนไหลเวียนทั่วเส้นชีพจรอย่างบ้าคลั่ง ช่วยสนับสนุนพลังเก้าประเภทที่หลอมรวมกับร่างเขา
เมื่อพลังทั้งเก้าหลอมรวมเป็หนึ่งกับร่างเย่เฟิงก็ทรงพลังขึ้นมาก ตามผิวร่างกายของเขายังมีพลังที่แตกต่างกันพลุ่งพล่านอย่างบ้าคลั่ง และเรืองรองแสงเก้าสี
“แกร่งมาก พลังของนวมรดกนี่น่าหวาดกลัวนัก ไม่รู้ว่าหลังจากเย่เฟิงได้สืบทอดทั้งหมดอย่างสมบูรณ์จะเปลี่ยนไปน่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด!”
มีผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งในหมู่ฝูงชนกล่าวด้วยสายตาอิจฉาริษยา
เซี่ยจวิ้นหลงเห็นเย่เฟิงอาบอยู่ท่ามกลางแสงแห่งการสืบทอด ในใจก็เปี่ยมล้นด้วยความรู้สึกปีติยินดี
ชายหนุ่มผู้สร้างตำนานที่เวทีประลองทดสอบของตระกูลตู๋กูในอดีต บัดนี้เขามาเยือนวังเทพโอสถ ภายใต้กฎที่โหดร้ายของแดนลับยอดเขาเทพโอสถ เขาเอาชนะทุกวิถีทาง เดินทีละก้าว ๆ จนในที่สุดก็ได้รับนวมรดกสูงสุด ต่อให้อยู่ในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยผู้แข็งแกร่ง แต่เขายังคงเฉิดฉาย
ฟู่หยิงมองเงาร่างนั้นด้วยแววตาสับสนราวกับไร้ความขุ่นเคืองเฉกเช่นก่อนนี้ แม้เย่เฟิงจะเคยดูิ่นางและทำร้ายพี่ชายนางจนาเ็สาหัสก็ตาม
เมื่อคิดทบทวนดูแล้ว เื่ทั้งหมดนี้เหมือนจะเป็ความผิดของนางและพี่ชายนางเอง ช่างน่าขันนักที่นางเคยดูแคลนและเหยียดหยามเย่เฟิง บัดนี้หวนนึกถึงวีรกรรมที่ตนทำไว้กับเย่เฟิง มันช่างไร้สาระยิ่งนัก
ฟู่หยิงและฟู่เจินมีนิสัยคล้ายกัน เย่อหยิ่งไม่เห็นหัวผู้อื่น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าต่อหน้าเย่เฟิง พวกเขาสองพี่น้องนับเป็สิ่งใดกัน? ก็แค่ตัวตลกที่ชอบทำตัวน่าอายต่อหน้าคนหมู่มาก
บนยอดเขาเทพโอสถที่โลกภายนอก ทุกคนต่างจับตามองไปที่ภาพผืนใหญ่บนท้องฟ้า พลางรู้สึกตื่นใ
ทว่าแววตาของฟู่หยางดูเกรี้ยวกราดมาก เย่เฟิงได้รับนวมรดก นี่ทำให้หัวใจของเขาเต็มไปด้วยโทสะและมีไอสังหารพวยพุ่งออกจากร่าง
“คนคนนี้จะปล่อยไว้ไม่ได้ ที่จริงควรกำจัดไปตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ!”
ฟู่หยางคิดในใจ พลางแสงจ้าปะทุออกจากดวงตา
จี๋เหยียนเผยสีหน้าไม่สู้ดี เขาก้าวออกมาและคล้ายสื่อสารเื่บางอย่างกับฟู่หยางผ่านทางพลังจิต
“เื่นี้คงต้องให้ศิษย์น้องสามจัดการแล้ว!”
ฟู่หยางกล่าวกับจี๋เหยียนพลางเหยียดยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็น