เล่มที่ 10 บทที่ 300 เ้าตลบหลังข้า
นกเฮยจิงอูเห็นดังนั้น ก็เกิดมีโทสะรุนแรง มันอ้าปากพ่นเปลวไฟต้ารื่อออกมาทันที หวังจะเผาโซ่ตรวนสีทองให้ได้ แต่มันกลับคิดไม่ถึงเลยว่า นอกจากจะไม่อาจเผาทำลายได้แล้ว มิหนำซ้ำยังถูกโซ่ตรวนสีทองดูดกลืนเปลวไฟต้ารื่อกลับไปอีกด้วย…
นกเฮยจิงอูก้าวถอยหลังออกไปเล็กน้อย จากนั้นโซ่ทองก็พลันหายไป…
ส่วนนกเฮยจิงอูเองก็ไม่ยอมแพ้แต่เพียงเท่านี้ มันพยายามโคจรเคล็ดวิชาสำแดงเป็สายรุ้งอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งตัวออกไปอีกทาง และแล้วมันก็มาถึงบริเวณสุดขอบทะเลอสูรอีกครั้ง…
และครั้งนี้เองก็ไม่ต่างอะไรกับครั้งที่แล้ว ขณะที่บินมาถึงสุดขอบทะเลอสูร ลำแสงสีดำก็รวมตัวกันจนกลายเป็ร่างนกทันที กระทั่งบัดนี้ที่กรงเล็บของมันก็ปรากฏเป็โซ่ตรวนซึ่งเต็มไปด้วยอักขระสีทองอีกครั้ง และต้นทางของโซ่นั้น ก็มาจากโลงศพหินเช่นเดิม…
“นี่เ้าตลบหลังข้างั้นหรือ?”
นกเฮยจิงอูคำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ทันใดนั้นรอบด้านของมันภายในรัศมีร้อยลี้ ก็กลับกลายเป็ทะเลเพลิง บัดนี้เอง ทะเลอสูรที่แห้งเหือดก็ได้ถูกเปลวไฟแผดเผาจนหลอมละลายจนหมด โขดหินดินทรายมากมายก็ล้วนกลายสภาพเป็ธารลาวาแทน…
“เ้าจะมาโทษข้าไม่ได้นะ…”
เมื่อสิ้นเสียง นกเฮยจิงอูก็ถึงกับชะงักงันลงไป
ใช่แล้วล่ะ เพราะตนเองอีกคน… ไม่สิ หรือจะพูดให้ถูกก็คือ อดีตเ้าสำนักตงจี่ได้วางแผนบางอย่างเอาไว้ เมื่อครั้งก่อนจะหมดลมหายใจ…
เมื่ออดีต ตอนที่อดีตเ้าสำนักตงจี่ถึงคราวเคราะห์หนัก ขณะที่เขายังไม่สิ้นลมหายใจ ทันใดนั้นได้เกิดสำนึกเลวขึ้นมาชั่ววูบ และตอนหลังก็ล่วงรู้ว่าตนเองเหลือเวลาไม่มากแล้ว หากสิ้นชีพไป เกรงว่าสิ่งชั่วร้ายนี้จะต้องออกอาละวาดสร้างความวุ่นวายเป็แน่ เขาจึงสร้างโคมเขียวนี้ขึ้นมา หวังเอาไว้กดข่มสิ่งชั่วร้ายนี้ โดยเสิ่นทงภายในโคมเขียวนี้ ก็คือโซ่ตรวนทั้งสิบแปดสาย สำหรับพันธนาการตนเองไว้ในโลงศพหินนั่นเอง…
และบัดนี้ โซ่ตรวนทั้งสิบแปดสายก็ไม่เพียงแต่พันธนาการร่างภายในโลงเท่านั้น แต่ยังพันธนาการนกเฮยจิงอูที่เกิดจากแรงอาฆาตเอาไว้อีกด้วย…
“คิดว่าแบบนี้จะเอาชนะข้าได้งั้นหรือ?”
นกเฮยจิงอูที่ถูกโซ่ตรวนทั้งสิบแปดสายพันธนาการไว้ ยังมิวายแค่นหัวเราะเ็าออกมาอีก…
จากนั้นมันก็สยายปีกออกมา ให้กลายเป็เปลวไฟสีดำ ไม่นานก็มีเสียงะเิดังสนั่นตามมา เพราะเปลวไฟได้พุ่งชนเข้ากับโคมเขียวแล้ว…
ทันใดนั้นเปลวไฟสีดำแสนร้อนแรงก็ปะทะกับลำแสงสีเขียวเข้าเต็มๆ กระทั่งฟ้าดินสั่นะเื ลำแสงสีเขียวกลับกลายเป็สายธารที่เชี่ยวกราก ส่วนเปลวไฟต้ารื่อก็กลายเป็ธารลาวาสีดำอันข้นหนืด เพียงชั่วพริบตาที่ลาวาไหลผ่าน ทั่วทั้งหุบเขาก็ลุกเป็เพลิงทันที…
ในขณะเดียวกันโซ่ตรวนที่พันธนาคารกรงเล็บนกเฮยจิงอูเอาไว้ ก็เกิดสั่นไหวย อักขระมากมายพากันแตกสลายออกมา กลายสภาพเป็ลำแสงผสานเข้าไปยังลำแสงสีเขียว ดูเป็ภาพที่งดงามมากทีเดียว…
เปลวไฟบนร่างของนกเฮยจิงอูได้สาดกระจายร่วงหล่นลงมาราวกับสายฝนโลหิต พลังปราณมหาศาลดุจสายน้ำในมหาสมุทรก็พลันปั่นป่วนรุนแรงโดยไม่อาจหยุดยั้งได้อีกต่อไป แม้ตัวจะาเ็หนักแค่ไหน แต่มันก็ไม่คิดสนใจแม้แต่น้อย ก่อนจะดับเครื่องชนพุ่งเข้าไปอีกครั้ง …
“ตู้ม!”
“ตู้ม!”
“ตู้ม!”
นกเฮยจิงอูพุ่งชนเข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่า แถมแต่ละครั้งก็ยังรุนแรงและหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ…
แม้โซ่ตรวนจะเกิดจากพลังของโคมเขียว แต่ภายใต้การพุ่งชนอย่างบ้าระห่ำของเ้านกเฮยจิงอูนี้เอง แม้แต่โคมเขียวก็ยังต้องหวั่นไหวให้กับพลังรุนแรงเช่นนี้ กลัวว่าตนเองจะสูญสิ้นพลังอำนาจและกลายเป็เพียงวัตถุธรรมดาในที่สุด แล้วนับประสาอะไรกับโซ่ตรวนเหล่านี้…
ไม่นาน โซ่ตรวนก็เริ่มอ่อนแสงลงจนเริ่มเลือนราง คล้ายกับว่ามันเตรียมพร้อมดับสูญลงไปได้ทุกเมื่อ…
“อ๊า…”
ทว่าตอนนี้เอง จู่ๆนกเฮยจิงอูกลับโหยหวนออกมาอย่างน่าเวทนา ไม่นานก็เห็นว่าที่ท้องของมันมีรอยกรีดด้วยกระบี่ที่ยาวนับร้อยจ้าง พริบตาถัดมาก็เกิดเป็ลำแสงกระบี่สี่สายสาดส่องออกมา ก่อนที่ลำแสงทั้งสี่นั้น จะวนกลับขึ้นไปบนยอดเขา
หลังจากลำแสงกระบี่สลายไป สายตาก็พลันเห็นร่างของหลินเฟยปรากฏออกมาแทน บัดนี้หลินเฟยกำลังก้มมองนกเฮยจิงอูโดยด้านหลังของเขายังมีหวังจิ่งและจงหยางที่มีใบหน้าซีดเผือดกำลังยืนโงนเงนอย่างอ่อนแรงอยู่…
“เป็ข้าผู้เฒ่าเองที่ประเมินเ้าต่ำไป คิดไม่ถึงเลยว่าเ้าจะสร้างห้วงมิติกระบี่ออกมาได้…” นกเฮยจิงอูแค่นหัวเราะออกมา พริบตานั้นเอง ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเพราะอะไร หลังจากที่ถูกกลืนกินเข้าไปแล้ว อีกฝ่ายถึงยังมีชีวิตอยู่…
“หึหึ เ้าเองก็มีฝีมือไม่เลว…” หลินเฟยหัวเราะน้อยๆออกมา ทว่าในใจกลับคิดเสียดายอยู่…
ที่จริงแล้ว ชั่วขณะที่ถูกกลืนกินเข้าไป หลินเฟยเองก็ได้สำแดงห้วงมิติกระบี่ออกมา อีกทั้งยังปลดปล่อยปราณกระบี่อิ๋นเหวิน ทงโยว ซีรื่อและเหล่ยยวี่ออกมาคุ้มกันตนเอง รวมถึงหวังจิ่งและจงหยางอีกด้วย ทำให้พวกเขารอดพ้นจากเปลวไฟต้ารื่อมาได้…
และหลังจากนั้นเขาก็เอาแต่ยั่วยุให้นกเฮยจิงอูพุ่งชนโคมเขียวไม่หยุด…
เดิมทียังคิดว่าตอนที่ทั้งคู่สู้กันอย่างเอาเป็เอาตายนั้น จะกลับพลิกโอกาสให้เป็ของตนได้
ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็ไปตามคิดไว้ ขาดอีกเพียงนิดเดียวแท้ๆ…
แม้เมื่อครู่เขาจะสามารถสร้างาแให้กับนกเฮยจิงอูได้ แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะสังหารมัน…
แต่ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะบัดนี้เขามีตบะพลังเพียงขั้นมิ่งหุนเคราะห์สี่เท่านั้น…
การจะใช้พลังขั้นมิ่งหุนเคราะห์สี่ต่อกรกับาาปีศาจเยาตี้ขั้นสูงสุด เกรงว่าจะต้องมีโชควาสนาใหญ่หลวงเข้าช่วยอีกแรง…
และครั้งนี้เอง ก็เห็นได้ชัดว่าตนเองไม่มีโชควาสนานั้น…
“หากเ้าไม่ออกมา ข้าผู้เฒ่าเองก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ในเมื่อเ้าดันแกว่งเท้าหาเสี้ยนเช่นนี้ ข้าผู้เฒ่าก็จะสงเคราะห์ให้เอง!” นกเฮยจิงอูะเิหัวเราะลั่น และบัดนี้เองรอยแผลที่ท้องของมันก็สมานดังเดิมแล้ว โดยที่ไม่หลงเหลือรอยขีดข่วนแม้แต่น้อย
จากนั้นนกเฮยจิงอูก็กางปีกออกและทะยานร่างตัวเองบินตรงไปยังหลินเฟยที่อยู่บนยอดเขา ทันใดนั้นเปลวไฟสีดำก็ลุกโชติ่สาดกระจายกระทั่งกลายเป็เปลวไฟร้อนแรงสูงขึ้นไปนับพันจ้าง และพุ่งตัวไปทางยอดเขาอย่างรวดเร็ว
ลำแสงจากโคมเขียวกะพริบไหวเล็กน้อย พริบตาถัดมาลำแสงสีเขียวแสนสุกสกาวก็กลายสภาพเป็ปราการโปร่งใส ขวางกั้นเอาไว้ั้แ่ฟ้าจรดดินลงมา ทำให้สามารถสกัดเปลวไฟสีดำที่มีพลังรุนแรงเอาไว้ได้ และเมื่อทั้งสองสิ่งปะทะเข้าหากัน ทั่วทั้งหุบเขาก็เกิดการสั่นะเืรุนแรง ทำใหู้เาถล่มดินทลายลงมา ส่วนห้วงมิติก็มีสภาพราวกับกระจกที่กำลังแตกร้าวออกมาเรื่อยๆ…
หลินเฟยพาตัวเองมาหลบภายในลำแสงเขียว จากนั้นก็โคจรพลังเพื่อบงการปราณกระบี่ไท่อี๋ให้กลายเป็สะพานสีทอง หมายจะเสริมความแข็งแกร่งให้ปราการที่เกิดจากโคมเขียวอีกชั้น…
แต่สุดท้ายหลินเฟยก็หนีความจริงที่ว่าตนเองมีพลังเพียงขั้นมิ่งหุนเคราะห์สี่ แม้เขามีพลังร้ายกาจจนสามารถเอาชนะผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันหกโคจรได้ก็ตาม…
ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับนกเฮยจิงอูที่มีตบะพลังระดับาาปีศาจขั้นเยาตี้แล้ว จึงถือว่าห่างชั้นกันมาก ต่อให้ใช้ทั้งเล่ห์ใช้ทั้งกล ก็ยังไม่อาจก้าวผ่านความแตกต่างระหว่างสองขั้นบำเพ็ญนี้ได้…
และแล้วก็เป็เช่นนั้นจริงๆ เพียงครู่เดียวปราการที่เกิดจากโคมเขียวก็ถูกกรงเล็บของนกเฮยจิงอูกรีดออกจนเป็รอยแยก บัดนี้กรงเล็บใหญ่โตก็คล้ายกับม่านขนาดั์ที่สามารถบดบังทุกสิ่งได้ เบื้องหน้าก็ราวกับฟ้าดินกำลังจะถล่มลง เพียงพริบตาเดียวสะพานสีทองที่เกิดจากปราณกระบี่ไท่อี๋ก็แตกสลายสิ้นไป…
ปราณกระบี่ไท่อี๋ลอยกลับเข้ามายังร่างของหลินเฟยตามเดิม และดูเหมือนว่ามันจะเสียหายหนักเอาการ เพราะในตอนนี้ หลินเฟยอยู่ในสภาพมีใบหน้าซีดขาวไร้สีเื มิหนำซ้ำยังถึงกับถอยหลังออกไปเจ็ดก้าวติดๆกัน และทุกย่างก้าวที่ก้าวถอยออกไป ก็เหมือนกับได้ยินเสียงกระดูกแตกร้าวแว่วออกมาเป็ระยะอีกด้วย …
เพียงเศษเสี้ยวพลังที่ปะทะเข้ามา ก็เกือบทำให้กายเนื้อที่แข็งแกร่งปานเหล็กเสวียนเถี่ยนของตนเองแตกสลายลงไปแล้ว…
หากไม่ได้โคมเขียวคอยช่วยไว้ละก็ เกรงว่าป่านนี้คงไม่อาจต้านรับการโจมตีของนกเฮยจิงอูได้แม้แต่ครั้งเดียวเลยด้วยซ้ำ…
“ครั้งนี้ข้าผู้เฒ่าจำต้องฉีกกระชากร่างเ้าให้เละ ก่อนจะกลืนกินลงไปให้ได้!”
นกเฮยจิงอูหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง บัดนี้มันคิดเพียงว่าจะต้องสังหารหลินเฟยเพื่อชำระแค้นให้ได้จากนั้นค่อยทำลายโซ่ตรวน เช่นนั้นก็จะถึงเวลาที่มันจะโบยบินไปยังพิภพแสนกว้างใหญ่เสียที…
“หึหึ…” ทว่าหลินเฟยยังคงยกยิ้มออกมาเช่นเดิม ก่อนจะจ้องมองไปยังนกเฮยจิงอูที่อยู่ห่างออกไปไกล และกล่าวบางอย่างออกมา
“ยังจำได้หรือเปล่า? ตอนที่หลอมกระบี่ไท่หยินสำเร็จ ข้าเคยถามถึงหวงซีกับเ้า…”
“หือ?”
หลังจากนั้นไม่นาน…
ลำแสงกระบี่สี่สายก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง!
ภายใต้การชักนำของวิถีกระบี่ ทำให้ลำแสงกระบี่ทั้งสี่สายก็รวมกันเป็หนึ่งเดียว จากนั้นก็สะบั้นใส่เข้าไปที่ท้องของนกเฮยจิงอูทันที จากนั้นก็มีลำแสงพวยพุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้า พริบตาถัดมาก็ปรากฏดวงดาวมากมาย กำลังทอดยาวลงมาและส่งแสงเจิดจรัสราวกับทางช้างเผือกกลางอากาศ และท่ามกลางดวงดาวน้อยๆแสนสุกสกาวนี้เอง ก็มีปราณกระบี่ทั้งสี่ปรากฏออกมารางๆ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------