“กลับไปเถอะ มีเวลาเหมาะๆ อีกเมื่อไรข้าจะมาหาเ้าอีกนะ” เ่ิูคลี่ยิ้ม ยัดของฝากทุกอย่างจากย่ามสารพัดอย่างให้เด็กหญิงเอาไว้
“ข้าจะรอพี่ชิงหยู ท่านต้องมานะ” อารมณ์นางดีขึ้นทันตาเห็น ปาดน้ำตาที่หางตาจนหมด แล้วกระเด้งะโจากไปอย่างจำใจ
เ่ิูแบกปลอกหอกสีดำข้างศาลาขึ้นมา เขาหันหลังเตรียมจะจากไป
“ประเดี๋ยวก่อน” เี๋เี่าเปิดปากรั้งไว้
เ่ิูหันหน้ากลับมา แววตานั้นบาดลึกดุจมีด
“สามวันต่อจากนี้หงส์ฟ้ากับกวางขาวจะมีศึกแข่งขันใหญ่ระหว่างกัน เ้ากล้ามาเข้าร่วมหรือเปล่า?” เี๋เี่าเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ “กล้าประมือกับอัจฉริยะที่แท้จริงในสนามสู้หรือเปล่า? หรือจะหลบอยู่ในกระดองต่อไป?”
เ่ิูไม่ปริปากแม้แต่คำเดียว เขาเพียงหันหลังเดินไป
ในแววตาลึกๆ ของนวลนางพราวด้วยไอน่าหวาดหวั่น ไม่รีรอพูดเสริม “่เี่ิเข้าเป็หนึ่งในคนเข้าแข่งขันแล้วนะ ในสมรภูมิหุบเขาปัดป้องนั่นถ้ามีตาหามีแววไม่ ถึงเวลาได้ตายแน่”
เด็กหนุ่มหยุดเดินกะทันหัน ฉับพลันจึงก้าวยาวๆ กลับไป
เี๋เี่าเห็นภาพนั้นแล้วก็ไม่เอ่ยอะไรทัดทาน
ดวงหน้านั้นระบายรอยยิ้ม
ความงดงามเลอเลิศครั้นแต่งแต้มยิ้มพิมพ์ใจเข้าไปก็เจิดจรัสประหนึ่งสายลมยามคิมหันต์หรือสุรีย์ยามวสันต์ ทว่าไม่รู้เพราะอะไร ศิษย์ทั้งหลายรอบกายนางถึงััได้แต่กลิ่นอายน่าหวาดกลัว ความดุร้ายน่าครั่นคร้ามแอบซ่อนอยู่เื้ั
“เราไปกันเถอะ” เี๋เี่ากล่าวแก่ซ่งชิงหลัว
นางเดินนำหน้าใครเพื่อน
ในที่สุดโอกาสก็มาถึง
“ไม่รู้ว่านักยุทธ์คนหนึ่งถูกจู่โจมโหดร้ายรุนแรงสักร้อยครั้ง ถึงแม้มองเห็นคนที่ห่วงใยที่สุดตายต่อหน้าต่อตา กลับไม่มีเรี่ยวแรงจะปกป้อง เช่นนั้นหทัยวรยุทธ์ของเขาจะแหลกสลายสิ้นเค้าเลยหรือเปล่านะ?”
...
...
สมรภูมิหุบเขาปัดป้อง
เป็พื้นที่แดนพลังวิเศษจากอภินิหารแห่งอักขระและกำลังภายในชั้นสูงเป็องค์ประกอบล้วนๆ บรรยากาศเรืองรองด้วยการเข่นฆ่าและความตาย เป็สถานที่บ่มเพาะการเข่นฆ่าของนักรบและผู้แข็งแกร่ง
หลายพันปีก่อน สมัยสามจักรพรรดิห้าราชัน จักรพรรดิลัวซู่ได้รวบรวมอักขระรุ่นบุกเบิกทั้งหมดมาสร้างเป็สมรภูมิหุบเขาปัดป้องแห่งแรก และเป้าหมายที่ได้ให้กำเนิดมันก็คือปัดป้องมิให้เกิดความเ็ปหรือความตายอันไร้แก่นสารอย่างเก่าก่อน จำลองแบบสนามรบเข่นฆ่ากับพวกเผ่านอกอย่างเหมือนจริงที่สุด อบรมขัดเกลาอัจฉริยะเผ่ามนุษย์ ทำให้เผ่ามนุษย์ซึ่งสุดแสนจะอ่อนแอสามารถดำรงอยู่ต่อไปยืนยาวในโลกอันโเี้ใบนี้ได้...
หลังจากบัดนั้นเป็ต้นมา สมรภูมิแห่งนี้ได้ผ่านการพัฒนาปรับปรุงมานักต่อนัก ก็เริ่มสนองตอบต่อการเข้าถึงในการฝึกอบรมของแต่ละรากเหง้า วงศ์ตระกูลและสำนักรวมถึงคนของอาณาจักรมนุษย์
จนยุคหลังมานี้ ขีดความสามารถในการต่อสู้ของคนมากมาย การประลองและา ล้วนแล้วแต่คลี่คลายชัดเจนในสมรภูมิหุบเขาปัดป้องทั้งสิ้น
สิบสำนักอันยิ่งใหญ่ของแคว้นเสวี่ยนั้นจักเข้ามากระทำการเป็ประจำทุกปี
การแข่งขันเช่นนี้จะจัดในสถานที่แห่งนี้โดยตลอด เหล่านักเรียนที่เข้าสู่สนามรบจะต้องเผชิญหน้ากับการท้ารบและสังหารทุกรูปแบบเท่าที่จะนึกออก นั่นคือสภาพแวดล้อมสมจริงที่สุดของา ท่ามกลางเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงกะทันหันได้ตลอดเวลา ทุกคนจะต้องตัดสินใจเลือกทางที่ถูกต้อง จึงจะสามารถกุมชัยชนะไว้ในมือได้
ข้อมูลข่าวสาร้านี้เป็สิ่งที่เ่ิูเห็นมาจากหอสมุดคลังแสงทั้งสิ้น เขาค่อนข้างสนใจเื่ราวเหล่านี้ ดังนั้นจึงศึกษาอย่างตั้งใจมารอบหนึ่ง
เมื่อมองจากทุกรูปแบบนั้น สมรภูมิหุบเขาปัดป้องเป็ส่วนสำคัญของความรุ่งเรืองในวรยุทธ์อักขระของเผ่ามนุษย์นัก เหล่าผู้แข็งแกร่งที่สั่งสมไว้มากมายในภพนี้ล้วนผ่านการเจียระไนและชำระล้างจากที่แห่งนี้ ต้องเดินออกมาจากสนามรบในสมรภูมิปัดป้องเหมือนกันทั้งหมด
เ่ิูเจอสถานการณ์ที่ศิษย์หงส์ฟ้ายั่วยุมาแล้ว ทั้งยังเคยลงมือทำผิดกฎ เห็นดังนี้แล้วพวกบุรุษผยองและป่าเถื่อนจากแดนนอกพวกนี้ ในที่สุดก็ได้ทำให้ทั้งสำนักกวางขาวโกรธเกรี้ยวกันระลอกหนัก การแข่งขันใหญ่ครานี้เห็นทีจะมีรสชาติของไฟฟอนปักหลักอยู่เป็แน่
“หากได้เข้าเป็หนึ่งในคนที่เข้าสมรภูมิหุบเขาปัดป้องได้จริง อย่างไรก็เยี่ยมยุทธ์แน่แล้ว ว่ากันว่าสนามรบนั้นสภาพแวดล้อมต่างจากภายนอกฟ้ากับเหว แอบแฝงยาวิเศษกับหญ้าิญญา แล้วยังมีสัตว์อสูรหายาก มีสิทธิ์จะพบกระดูกแท้ได้ด้วย...”
เ่ิูไตร่ตรองในใจ
ทว่าการแข่งคราวนี้เป็เื่ของทั้งสำนักอย่างเห็นได้ชัด หาใช่แค่ศิษย์ปีใดปีหนึ่งไม่ ดังนั้นสิทธิ์จะได้เข้าเป็ผู้แข่งขันควรเป็ของระดับสูงที่เ้าสำนักหรือคณาจารย์เห็นดีเห็นงามด้วยต่างหาก เป็สิ่งล้ำค่าอย่างยิ่ง ได้มาไม่ง่ายดายเลย
หากนับวีรกรรมตอนก่อน เ่ิูมีพลังเป็อันดับหนึ่งของปีหนึ่ง อาจเป็ผู้ได้รับเลือกของปีหนึ่งได้ แต่ตอนนี้เล่า เขาเป็ศิษย์ปีสองไปแล้ว ทว่ายังมิได้กระทำสิ่งใดเพื่อยืนยันตัวเองเลย...
ยามครุ่นคิดอย่างหนัก เด็กหนุ่มก็ตัดสินใจจะต่อสู้บ้าง
เขาไปตามหาหัวหน้าหมวดปีหนึ่งหวังเยี่ยน
ตอนเขาเคาะประตูนั้นเองกลับพบกว่าเซียนสตรีอันดับหนึ่งของสำนักกวางขาว ไป๋อวี้ชิงนั่งอยู่ด้านใน สองนางราวกับกำลังพูดคุยอะไรบางอย่าง
เ่ิูชะงักเล็กน้อย แต่ก็เอ่ยออกไปชัดถ้อยชัดคำตามประสงค์ของตัวเอง
“เื่นี้ข้ารู้แล้วล่ะ” หวังเยี่ยนพยักหน้าตอบรับ นางไร้ทีท่าจะคัดค้าน
เ่ิูเอ่ยขอบคุณแล้วเดินจากไป
ยามนั้นเองที่แม่นางไป๋อวี้ชิงในชุดยาวสีพิสุทธิ์ ประดุจบุปผาริมธารเบ่งบานเงียบเชียบ พิงข้างบานหน้าต่างใหญ่จรดพื้นอย่างสงบ นางลอบมองเ่ิูจวบจนเขาละสายตาไป
เมื่อส่งเ่ิูกลับแล้ว หวังเยี่ยนก็หันกายกลับมาแล้วว่า “เป็อย่างไร? ตอนนี้เ้ายังยืนยันคำเดิมหรือเปล่า?”
ไป๋อวี้ชิงลุกขึ้นยืนตรง เรือนร่างสะสวยมีท่วงทำนองยวนเย้าใจคนให้เต้นตึกตัก นางสะบัดผมเงางามตามอารมณ์ “นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะทุ่มเทกลั่นอาวุธิญญาให้บริสุทธิ์ถึงเพียงนี้ เอาเถอะ ในเมื่อเป็แบบนี้ ข้ากลับคิดว่าเขามีคุณสมบัติจะเข้าแล้วล่ะ”
หวังเยี่ยนหัวเราะร่า
“อวี้ชิง เ้ารู้ไหมว่าข้าชื่นชมเ้าส่วนไหนที่สุด?” นางถามกลั้วหัวเราะ
ไป๋อวี้ชิงยกมุมปากขึ้นอย่างน่ามองเบาๆ “หรือจะเป็เพราะข้าสวยเล่า?”
“ศิษย์ชนชั้นสูงหลายปีมานี้มีเพียงเ้าเท่านั้นที่เป็อัจฉริยะซึ่งรักษาความตั้งใจแต่เดิมไว้ได้ ถึงแม้จะลำเอียงที่เ่ิูเป็คนยากแค้น แต่ก็ไม่ได้ลำเอียงจนตัดสินผิดพลาด” หวังเยี่ยนค่อยๆ เก็บรอยยิ้มนั้นไป ส่ายหน้าพลางถอนใจ “หลายปีมานี้ ชนชั้นสูงที่จะเป็เช่นเ้ามีแต่จะน้อยลงแล้ว”
“เื่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับศิษย์ชนชั้นสูงหรอกเ้าค่ะ” ไป๋อวี้ชิงว่าอารามยืนยัน “แต่เป็ศรัทธาและคุณธรรมของนักยุทธ์ต่างหาก”
หวังเยี่ยนมองเด็กหญิงที่ทั้งทระนงและงดงามโดยไม่ปริปากอันใด
เกียรติยศค่อยๆ เสื่อมสลาย คืนวันอันอู้ฟู่ของอาณาจักรค่อยๆ เจือจาง เกียรติยศของนักยุทธ์นั้น ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่ห่างหายลงไปทุกที ในความเป็จริงที่ทั้งเยือกแข็งและตรงไปตรงมานี้ เด็กหญิงผู้งดงามทะนงตนนางนี้เลือกจะเสาะหาของเก่าก่อนบางอย่าง เป็โชคดีหรือโชคร้ายกันแน่นะ?
...
สำหรับคำตอบที่หวังเยี่ยนให้เขานั้น เ่ิูไม่รู้เช่นกันว่าจะรับปากหรือปฏิเสธดี
คิดไประหว่างทางก็มาถึงเขตหอพักปีสองอย่างไม่ทันตั้งตัวเสียแล้ว
เงื่อนไขต่างๆ ของหอพักปีสองดีกว่าปีหนึ่งนัก ไม่ได้เป็ห้องรวมพักหลายคนทว่าเป็ห้องเดี่ยวหนึ่งคนต่อหนึ่งห้องไป ปัจจัยดำรงชีวิตก็ครบถ้วนขึ้นมามากนัก การสอบเลื่อนชั้นนั้นเคร่งเครียดมาก เมื่อถึงปิดภาคเรียนมิใช่ว่าศิษย์ปีหนึ่งทุกคนจะสามารถสัมฤทธิ์ผลได้ตามมาตรฐาน
โอกาสตกเห็นว่ามีมากถึงครึ่งต่อครึ่ง
ดังนั้นเมื่อเทียบกับจำนวนศิษย์ปีหนึ่ง ศิษย์ปีสองมีน้อยกว่ากันมากทีเดียว และเหล่าผู้ที่ผ่านสอบปลายภาคมาได้ก็ล้วนแล้วแต่เป็อัจฉริยะทั้งนั้น การที่หอพักจะดีขึ้นมาหน่อยก็สมน้ำสมเนื้อดีอยู่
เ่ิูเลื่อนชั้นกะทันหัน หอที่จัดไว้ให้เขาอยู่ด้านหลังสุดของเขต
ใช้ป้ายสลักนามเปิดประตูจากระยะไกล เ่ิูเพิ่งเข้าไปก็ยืนนิ่งเสียแล้ว
เขาสั่นอย่างหวาดกลัว ปฏิกิริยาแรกที่ทำคือหันหลังโกยแน่บออกนอกประตู สีหน้าลนลานไม่ใช่น้อย ราวกับหนูเห็นแมวไม่มีผิด
ทว่าเมื่อแรงมหาศาลท่วมท้นแล่นมาหา เ่ิูก็ถูกอากาศธาตุลากถูลู่ถูกังกลับไปทางเดิมเสียแล้ว
“ช่วยด้วย มีคนจะฆ่าข้า...จะทำอนาจารข้า...” าามารเย่ตะเบ็งร้องสุดเสียง กระหืดกระหอบ แขนขาไขว่คว้าจะเป็จะตาย เขาหนีสุดชีวิตแล้ว ทว่าก็ไม่มีทางรอดพ้นไปได้
“ทำอนาจารงั้นหรือ?” เสียงเย็นเยียบอันคุ้นเคยดังแว่วมา
ปึง
ประตูใหญ่ปิดสนิท
เสียงแปลกประหลาดดังมาเป็ชุดจากด้านใน ราวกับใครสักคนถูกตีอย่างบ้าคลั่งบนพื้น ผสมปนเปกับเสียงโอดครวญและสาปแช่ง ตามมาด้วยแรงตีที่ดุเดือดโหดร้ายกว่าแรกเริ่มหลายขุม หมัดต่อยดังตุบๆๆ...
สิบห้านาทีต่อมา
เสียงเงียบลงจนได้
ทวารประตูใหญ่เปิดออกอีกครา
อาจารย์วัยฉกรรจ์ร่างสูงผอมเดินออกมาจากด้านใน เขาหรี่ตาด้วยใบหน้าแต้มยิ้มพึงพอใจ ก่อนก้าวยาวๆ จากไป
ด้านใน
เ่ิูตัวบวมไม่เหลือที่ว่าง นอนแผ่กระตุกอยู่กับพื้น
“มารดามันเถอะ คราวนี้จะลงมือหนักเกินแล้วนะโว้ย...” เ่ิูกระตุกมุมปาก ก่อนหน้านี้ที่หอพิจารณ์เขารู้สึกเหมือนเป็าแแค่ภายนอกเท่านั้น ทว่าคราวนี้กลับรู้สึกเหมือนอวัยวะภายในจนถึงกระดูกถูกเ้าวัตถุโบราณนั่นเคาะแตกไปแล้ว
เป็อาจารย์หอพิจารณ์ชัดๆ ไม่ใช่หรือไร ทำไมมาโผล่ที่นี่ได้เล่า?
แค่เห็นหน้าเขาครั้งแรก เ่ิูก็รับรู้เองอย่างอัตโนมัติ จะต้องทนทรมานรับแรงตี ตอนจะโกยหนีกลับถูกอีกฝ่ายกินทั้งเป็ ถูกลากเข้าหาอย่างไม่ปรานีปราศรัย
พลังของเ้าวัตถุโบราณช่างมากมายเกินจะวัดได้จริงๆ
แล้วยังมี คราวหน้าหากแม้จะถูกตีจนตาย ก็จะด่าว่าผอมไม่ได้อีก
เ่ิูจำได้แม่นมั่น ว่าเมื่อครู่ที่ตนถูกตีเกือบตายนั้นได้เผลอหลุดปากด่าออกไปประโยคหนึ่งอย่างไม่เจตนา ‘ไอ้ลิงผอมกะหร่อง’ ผลก็งามไส้ด้วยแทงใจดำบุรุษคนนั้นเข้าอย่างจัง ประเคนตีเขาไม่บันยะบันยังราวกับคนบ้า แรงจนเ่ิูร้องไห้หาบิดามารดา
“ทำไมเ้าคร่ำครึนี่ถึงถือเวลาคนอื่นเรียกตัวเองว่าลิงผอมกะหร่องนักนะ?”
เ่ิูกระตุ้นกำลังภายใน เด็กหนุ่มตะเกียกตะกายขึ้นจากพื้น ใจคิดพิจารณา
ร่างวรยุทธ์เริ่มปฏิบัติการอัตโนมัติ กำลังภายในเอ่อท้นริเริ่มเยียวยาพื้นที่าแ เหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา มีสิ่งแปลกปลอมประหลาดมากมายถูกขับไล่ออกไปทีละเล็กละน้อย พร้อมกับกระบวนการพื้นฟูาแนั่นเอง
สิ่งนี้ทำให้เ่ิูยังใกับตัวเองเลย
หลังผ่านอาณาพิภพมาแล้ว เขานึกว่าตนฝึกตัวเองอย่างหนักจนถึงจุดสูงสุดแล้ว ไม่มีสิ่งใดตกค้าง ทว่าใครจะนึกเล่าว่ายังมีสิ่งแปลกปลอมหลงเหลืออยู่ ตอนเ้าวัตถุโบราณตีเขาเป็ว่าเล่น ถึงจะลงมือเหมือนลงไม้ ทั้งรุนแรงทั้งป่าเถื่อน แต่เหมือนจะใช้วิชาพิเศษบางอย่างะเืทั้งสิ่งสกปรกและของแปลกปลอมในร่างกายเขาออกจนเกลี้ยง!