ใช่แล้ว เวลาที่สตรีมีปัญหา ส่วนใหญ่จะสวดมนต์กับพระพุทธรูปและดื่มยาขมเพื่อรักษา
เฝิงฮูหยินกะพริบตา แต่นางไม่ได้ป่วยนี่นา
หมอทั้งหลายล้วนแต่บอกว่านางยังตั้งครรภ์ได้ มิใช่ว่าแม่นางหลินที่เชี่ยวชาญด้านโรคสตรีก็พูดเช่นเดียวกันหรือ? กล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร…
หลินฟู่อินเห็นอีกฝ่ายไม่ตอบคำถาม จึงกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“ดังนั้นหากบุรุษไม่อาจมีลูก จะรักษาไม่ได้เชียวหรือเ้าคะ?”
ตอนนี้เฝิงฮูหยินจึงได้เข้าใจ แต่สีหน้ากลับยิ่งซีดขาว
ดวงตาปริ่มน้ำ ส่ายหน้าสะอื้น “เื่นี้ทำไม่ได้ ข้าเคยบอกสามีอ้อมๆ
หลายครั้งแล้วว่าให้ไปหาท่านหมอหลี่ แต่เขากลับปฏิเสธไม่หยุด ข้าเองก็ไม่มีหนทาง…”
ก็คือเฝิงฮูหยินหวาดกลัว
ไม่กล้าพูดเื่อ่อนไหวเช่นนี้กับสามี
หลินฟู่อินได้ยินจากปากเหมียวหมัวมัวโดยตรงว่าเฝิงฮูหยินไม่กล้าเกลี้ยกล่อมนายท่านเฝิงให้ไปหาหมอ
แต่สิ่งที่หลินฟู่อินคิดไม่ใช่ให้อีกฝ่ายไปเกลี้ยกล่อมสามีโดยตรงเช่นนั้นอีก
“เฝิงฮูหยินเข้าใจผิดแล้วเ้าค่ะ
ข้าไม่ได้ขอให้ท่านไปเกลี้ยกล่อมนายท่านเฝิงว่าควรทำอะไร” หลินฟู่อินยิ้มมั่นใจ
“ข้า้าให้ท่านเรียกอนุภรรยาสองท่านของจวนนี้มา
ข้าจะตรวจร่างกายและรักษาพวกนาง การตรวจรักษานี้ท่านก็ไม่จำเป็ต้องปิดบังแล้ว
ให้ใจกว้างสั่งคนไปเชิญพวกนางมาก็พอ บอกว่าเพื่อทายาทสกุลเฝิง ท่านจึงตั้งใจเชิญข้ามาเป็พิเศษเพื่อจับชีพจรสตรีทุกคนในบ้าน
เช่นนี้หากมีใครป่วยจะได้ดื่มยารักษาให้สบายใจเสียที”
เฝิงฮูหยินอารมณ์ย่ำแย่จึงมีปฏิกริยาเชื่องช้า
แต่เหมียวหมัวมัวปรบมือทันที “ฮูหยินเ้าคะ ความคิดแม่นางหลินดีมาก! ข้ารู้มาว่าสองปีแรกนางสารเลวสองคนนั้นก็ไม่เลว
แต่่หลายปีให้หลังมานี้เริ่มทนไม่ได้ ลอบไปพบหมอหลายคน
แต่ไม่กล้าให้นายท่านกับฮูหยินผู้เฒ่าทราบ”
ไม่รู้ในใจของนายท่านเฝิงกับฮูหยินผู้เฒ่าจะใจแคบเหมือนคนข้างนอกนั่นหรือไม่
แต่คนในยุคนี้ เวลาที่ผู้หญิงในครอบครัวป่วยก็จะอับอายไม่กล้าหาหมอ
ตราบใดที่ไม่ป่วยหนักจนติดเตียงก็มักจะฝืนทนเอาไว้เหมือนตั้งใจปิดบังเื่ร้ายแรง
หลินฟู่อินเข้าใจความหมายในประโยคของเหมียวหมัวมัวเป็อย่างดี
ทั้งตัวนางเองก็ยังลอบไม่พอใจทั้งนายท่านและฮูหยินผู้เฒ่าไปด้วย
คนป่วยต้องปิดบังอาการเพื่อรักษาหน้า
ให้ผู้หญิงในบ้านต้องอดทนรับแรงกดดันไว้ไม่พูดออกมา
ทั้งยังปฏิบัติตัวแย่ต่อคู่แต่งงานตามธรรมเนียม ตั้งใจละทิ้งภรรยา
น่าขยะแขยงจริงๆ !
หากไม่ใช่เพราะกลัวจะเป็การทำลายชื่อเสียงของตัวเอง
นางก็คงไม่อยากปล่อยให้สตรีที่น่าสงสารอย่างเฝิงฮูหยินต้องทนต่ออีกแล้ว
หลินฟู่อินนึกอยากเห็นแม่ลูกสกุลเฝิงคู่นั้นเป็ทุกข์จากการที่สายเืขาดผู้สืบทอดมากกว่า
ได้ยินคำของเหมียวหมัวมัว
เฝิงฮูหยินก็มีท่าทีขึ้นมา ทำเช่นนี้ก็สามารถกำจัดหนองที่ต้นเหตุได้
ถ้าผลออกมาว่าอนุภรรยาทั้งสองร่างกายแข็งแรงดี
นายท่านเฝิงก็ต้องยอมรับและหาทางรักษาตัวเองแล้ว
นางยิ่งรู้ว่าสำหรับอนุภรรยาทั้งสองคนนั้น
หากมีลูกออกมาได้สักคนยิ่งจำเป็กว่านางเสียอีก อย่างไรเสียความร่ำรวยของสกุลเฝิงก็ไม่ใช่เล็กน้อย
ใครได้เห็นก็มีแต่จะริษยาจนตาแดง! สองคนนั้นต้องยินดีให้หลินฟู่อินตรวจรักษาแน่นอน!
ดวงตาของเฝิงฮูหยินสว่างไสวมั่นคงยิ่งขึ้น
นางมองเหมียวหมัวมัวแล้วออกคำสั่ง “หมัวมัวไปเชิญสองคนนั้นมาที่เรือนของข้า
บอกไปว่าข้าเชิญแม่นางหลินที่หลี่ฮูหยินและวังฮูหยินเคารพในฐานะผู้ชำนาญโรคสตรีมาจับชีพจรตรวจร่างกายพวกนาง
ดูว่าจะสามารถบำรุงให้ตั้งครรภ์บุตรสาวบุตรชายให้สกุลเฝิงได้หรือไม่”
“เ้าค่ะฮูหยิน!” เหมียวหมัวมัวดูมีความหวังขึ้นมาเช่นกัน
รีบวิ่งออกไปราวกับติดปีกทันที
“ฮูหยินเ้าคะ ข้ากล้าพนันเลยว่าสองคนนั้นคงไม่ถามร่ำไรแล้วรีบตามหมัวมัวมาทันทีแน่”
ชุนหรงทำปากยื่นอย่างดูถูก
“ฮึ มาสิยิ่งดี เกรงแต่ว่าพวกนางจะไม่มา!”
เฝิงฮูหยินแค่นเสียง จากนั้นก็มองหลินฟู่อินอีกครั้งแล้วพูดด้วยสีหน้าอับอาย
“ทำให้แม่นางหลินขบขันแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะตั้งใจมากขึ้น ไม่ว่านางแพศยาสองคนนั้นจะพูดอะไรออกมา
ท่านก็ไม่จำเป็ต้องไปใส่ใจ”
หลินฟู่อินรู้สึกประทับใจ เฝิงฮูหยินผู้นี้ดูมีท่าทีรุนแรง
ดูเหมือนอนุภรรยาสองคนนั้นจะไม่ดีเอามากจริงๆ แต่อีกส่วนหนึ่งอาจเป็เพราะภรรยาหลวงเป็ศัตรูตามธรรมชาติของภรรยาน้อยก็ได้จึงได้พูดเช่นนี้อีกมา
อันที่จริงกระทั่งตัวนางที่เป็ผู้ให้การรักษาก็ยังไม่ชอบสองคนนั้นเลย
นางเกลียดพวกภรรยาน้อย แต่ในยุคโบราณเช่นนี้กลับเป็สถานะที่แสนธรรมดา
เด็กสาวขยับยิ้ม
ก่อนเฝิงฮูหยินจะหันไปบ่นชุนหรงหนึ่งชุด “ข้าป่วยเ้าก็ป่วยไปด้วยหรือยังไง? แม่นางหลินมาถึงตั้งนานแล้วยังไม่เตรียมน้ำชามาอีก?”
ชุนหรงรีบกล่าวขอโทษหลินฟู่อินที่โบกมือให้เป็เชิงว่าไม่เป็ไรทันที
“ไปนำชาใหม่ที่ได้มาตอนต้นฤดูร้อนนี้มาชงให้แม่นางหลิน!”
ชุนหรงรีบรับปากอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้เฝิงฮูหยินยังรู้สึกไม่ยอมรับหลินฟู่อินอยู่บ้าง
หากไม่ใช่ทั้งหลี่ฮูหยิน วังฮูหยินสองคนที่สนิทสนมกันเป็ผู้เอ่ยปากยกย่องชื่นชม
นางก็ไม่มีทางเชิญเด็กคนนี้มาแน่นอน
แต่ตอนนี้ดูไปแล้วแม่นางหลินผู้นี้ไม่เพียงมีวิชาแพทย์ล้ำเลิศ
ลูกล่อลูกชนเองก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน แต่คนกลับไม่ทำร้ายผู้อื่น
แม้จะใช้ลูกเล่นแต่ก็เพื่อรักษาโรคเพื่อช่วยผู้ป่วยแก้ปัญหา
เมื่อมองหลินฟู่อินอีกครั้งก็ทำได้แต่ชื่นชมเท่านั้น
มิน่าหลี่ฮูหยินวังฮูหยินสองคนนี้จึงต้องตาเด็กน้อย
ทั้งสองคนเป็คนตรงไปตรงมา ถือเกียรติในฐานะขุนนาง หากมิใช่มีฝีมืออยู่บ้าง
หนึ่งในล้านก็ไม่มีโอกาสได้คำชมสักประโยค
ส่วนนาง… เฝิงฮูหยินยิ้มขม
นางอ่านตำรากับบิดามาั้แ่เล็ก ความรู้ทางวาจาย่อมมากกว่าพ่อค้าที่ไม่เข้าใจตัวอักษร
ไม่อาจคำนวณมากมายเท่าใด พวกนางจึงเป็สหายกันได้
หลินฟู่อินดื่มชาใหม่ของต้นปีนี้
นั่งคุยกับเฝิงฮูหยินไม่นานอนุของสกุลเฝิงทั้งสองก็ตามเหมียวหมัวมัวเข้ามา
เหมียวหมัวมัวเข้ามาแจ้งเฝิงฮูหยิน สีหน้ามีความเดียดฉันท์
“ทั้งสองแต่งเนื้อแต่งตัวทำทีว่าจะมาคารวะฮูหยินเ้าค่ะ ข้าเกรงว่าพวกนางจะรบกวนการพักผ่อนของฮูหยินจึงให้รออยู่ที่ห้องอุ่น
[1] เ้าค่ะ”
เฝิงฮูหยินโบกมือให้เหมียวหมัวมัว “ดีจริงๆ
ข้าไม่อยากพบพวกนาง หมัวมัวนำทางแม่นางหลินไปเถอะ ข้าเวียนหัวอีกแล้ว
พอแม่นางหลินดูอาการพวกนางแล้วค่อยพาแม่นางหลินมาที่ห้องข้า”
เหมียวหมัวมัวรับปาก
หลินฟู่อินพยักหน้าก่อนจะตามเหมียวหมัวมัวไปยังห้องอุ่นที่ว่า
ที่นั่นมีแม่นางแต่งตัวงดงามดูรุ่มรวยสองนางรออยู่แล้ว
เพียงแต่บนใบหน้าทั้งสองมีรอยยิ้มจอมปลอม
ดวงตาดำมืด ดูไปแล้วคล้ายไม่มีใครยินดีที่มาเรือนหลังนี้แม้แต่น้อย
เมื่อทั้งคู่ได้เห็นหมอเทวดาที่เล่าลือว่ารักษาโรคสตรีได้ก็รีบร้อนลุกขึ้น
แต่พอเห็นหลินฟู่อินที่ยังคงเยาว์วัย สวมชุดซอมซ่อก็มีอันต้องอึ้งไป
จากนั้น ในดวงตาจึงฉายแววเหยียดหยามออกมา
เหมียวหมัวมัวเห็นสายตาของทั้งสองคนก็สบถด่าในใจ
คนที่หลี่ฮูหยินวังฮูหยินชื่นชมจะไม่ดีได้หรือ? แค่ได้พบหมอท่านนี้ก็ถือว่าไว้หน้าพวกนางมากแล้ว!
แม้หลินฟู่อินจะััแววดูถูกจากทั้งสอง
ทั้งยังไม่ค่อยชอบอนุภรรยาเท่าใดนัก แต่นางไม่ใส่ใจเื่ในบ้านผู้อื่น
จึงยกยิ้มมุมปากน้อยๆ “ท่านทั้งสอง ใครจะตรวจก่อนเ้าคะ?”
หนึ่งในอนุที่สวมชุดสีแดงกลอกตาก่อนจะผลักอนุอีกคนที่สวมชุดสีส้มออกไปด้านหนึ่งแล้วยิ้มหวานให้หลินฟู่อิน
“น้องสาวผู้นี้ ให้ข้าตรวจก่อนเถอะ!”
“หลิวอี๋เหนียงระวังด้วย ท่านนี้คือท่านหมอหลิน
ใครเป็น้องสาวเ้ากัน!” เหมียวหมัวมัวผุดยิ้ม ตวาดเสียงแข็งทันที
ในต้าเว่ยนี้คำว่าพี่สาวน้องสาวไม่ใช่เรียกกันโดยง่าย
โดยเฉพาะกับครอบครัวที่ร่ำรวย
หลิวอี๋เหนียงที่เรียกหลินฟู่อินว่าน้องสาวหน้าซีดเผือดทันทีที่ถูกเสียงตวาดนี้ตบหน้า
แต่นางไม่เกรงกลัว ทั้งยังจ้องเหมียวหมัวมัว “หมัวมัวไม่สร้างเื่เกินไปหรือ? ท่านหมอหลินเป็เพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น
ข้าเรียกว่าน้องสาวด้วยความรักใคร่เอ็นดู มีตรงไหนไม่เหมาะสมกัน?”
ก่อนหน้านี้หลินฟู่อินคิดว่าอีกฝ่ายคงพลั้งปากจึงไม่คิดจะเสียเวลากับอนุคนหนึ่ง
ทว่าเมื่ออีกฝ่ายตั้งใจอธิบายเช่นนี้ กล้าให้นางไปเป็น้องสาว นางก็หัวเราะออกมา
“หลิวอี๋เหนียง ข้าไม่มีพี่สาวเช่นท่าน
เวลาพูดอะไรใส่ใจด้วยจะเป็ดี”
น้ำเสียงของหลินฟูอินราบเรียบ
บอกไม่ได้ว่าโกรธหรือไม่ แต่ความหมายที่พูดออกไปนั้น
ในสายตาของหลิวอี๋เหนียงไม่ต่างจากการตบหน้า
หลิวอี๋เหนียงโกรธเสียจนหน้ากลายเป็สีฟ้าสลับม่วง
แลดูน่าเกลียดยิ่งนัก
นางคิดว่าหลินฟู่อินยังเด็ก
แต่งตัวไม่ได้ดูร่ำรวยดูมีอำนาจอะไรจึงลอบดูถูกอยู่บ้าง
เรียกอีกฝ่ายว่าน้องสาวออกไปตามใจชอบ
นางต่อสู้กับนางแก่เหล่านี้มาตลอด
วันนี้เป็ครั้งแรกที่ได้เรียกผู้อื่นว่าน้องสาวแต่กลับไม่ได้มองสีหน้าอีกฝ่าย
จึงคิดนำเด็กคนนี้มาใช้งานเสียหน่อย
หารู้ไม่ว่าเด็กคนหนึ่งที่ไม่พูดอะไรสักคำก่อนหน้านี้กลับไม่ได้รับมือง่ายๆ
ความหมายของสิ่งที่เด็กคนนี้พูดคืออะไร?
ไม่ใช่เย้ยหยันว่านางเป็เพียงอนุภรรยา
ส่วนเด็กคนนั้นไม่มีพี่สาวที่เป็อนุภรรยาหรอกหรือ?
อันอี๋เหนียง อนุอีกคนเห็นศัตรูคู่ฟ้าของตนพูดไม่ออกก็อดหัวเราะเยาะความโชคร้ายของอีกฝ่ายไม่ได้
“ตายจริง คนๆ นี้นี่ยังไม่รู้ฐานะตัวเองอีกหรือ คิดว่าตัวเองเป็หงส์หรือยังไง? ก็แค่แม่ไก่แก่ร่วงลงบนกองฟืน!
คิกๆ…”
อันอี๋เหนียงหัวเราะคิกคัก น้ำเสียงแหบพร่า
หลิวฟู่อินขมวดคิ้วรังเกียจ ยามนี้เข้าใจสิ่งที่เฝิงฮูหยินพูดแล้ว หากสุนัขสองตัวพูดอะไรออกมาก็อย่าได้ใส่ใจความหมาย
“อี๋เหนียงทั้งสองยัง้าตรวจชีพจรอยู่หรือไม่?
หากไม่แล้วก็ขอให้เหมียวหมัวมัวพาข้ากลับไปหาเฝิงฮูหยินด้วยเ้าค่ะ”
“ท่านหมอหลินจับชีพจรให้ฮูหยินเสร็จแล้ว
ร่างกายไม่มีปัญหา บำรุงร่างกายให้ดีก็ยังคลอดลูกได้ แต่อี๋เหนียงทั้งสอง…” เหมียวหมัวมัวมองท้องทั้งสองสายตาเย็นะเืจนทั้งคู่หวาดกลัวไปหมด
รีบยกมือขึ้นมากุมท้องน้อยเอาไว้ ราวกับเกรงว่าเหมียวหมัวมัวจะกระชากเอาท้องของพวกตนไป
เห็นท่าทีเช่นนี้เหมียวหมัวมัวก็อดเยาะไม่ได้
“ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายังตั้งครรภ์ได้หรือไม่!”
สีหน้าของทั้งสองที่ทะเลาะเบาะแว้งกันมานานพลันซีดเผือด
หากให้เหมียวหมัวมัวพูดออกไปว่าฮูหยินยังตั้งท้องได้
แต่อนุทั้งสองไม่อาจตั้งท้องได้แล้ว ไม่ว่าจะจริงหรือไม่
ฮูหยินผู้เฒ่าก็ต้องสั่งให้นายท่านไปห้องฮูหยินทุกวันเป็แน่…
เื่นี้ไม่มีทาง… ทั้งสองไม่สนใจจะทะเลาะกันต่อ
อันอี๋เหนียงรีบเบียดอีกคนหนึ่งออกไปแล้วมองหลินฟู่อิน “ตรวจเ้าค่ะ
ท่านหมอหลินได้โปรดช่วยตรวจข้าด้วยเถอะนะเ้าคะ…”
แต่หลิวอี๋เหนียงกลับเอ่ยขัด
“ฮูหยินแก่กว่าเราเกือบสิบปี หากยังท้องได้ พวกเราย่อมไม่มีปัญหา…”
หลินฟู่อินไม่กล่าวอะไร แต่เหมียวหมัวมัวกลับแค่นเสียง
“เฮอะ ใช่ว่าต้องเป็ดังเ้าว่านี่!”
ทั้งสองจะทะเลาะกันก็ทะเลาะไป
หลินฟู่อินจับชีพจรของอันอี๋เหนียงก่อน “ทีนี้ก็เปลี่ยนมือเ้าค่ะ”
อันอี๋เหนียงเห็นเด็กสาวจับชีพจรของตนด้วยท่าทีจริงจัง
ท่าทีสงบนิ่ง ดูแล้วหนักแน่นยิ่งกว่าพวกหมอพเนจรที่นางเคยแอบพบมาก่อนหน้านี้ก็รู้สึกมีหวังขึ้นมา
“เรียบร้อยเ้าค่ะ” หลินฟู่อินพูดเสียงเบา
แต่มองหน้าอันอี๋เหนียงอีกครั้งจนนางใจสั่นหวาดกลัวขึ้นมา “เป็ยังไงบ้างเ้าคะ?”
นางมองใบหน้าเล็กของหลินฟู่อินด้วยความกังวล
น้ำเสียงที่ถามออกไปเต็มไปด้วยความวิตก
“ประเดี๋ยวค่อยแจ้งเ้าค่ะ ถึงตาท่านแล้ว”
หลินฟู่อินใช้คางชี้ไปยังหลิวอี๋เหนียงที่มีท่าทีวิตกเช่นกัน
หลิวอี๋เหนียงมองอันอี๋เหนียง
จากนั้นจึงยื่นข้อมือขาวผ่องดุจรากบัวออกไป
หลินฟู่อินให้นางสลับแขนสองครั้ง คิ้วเด็กสาวขมวดแน่น
ทำให้หลิวอี๋เหนียงหวาดกลัวจนหน้าซีด ความเย่อหยิ่งก่อนหน้าเลือนหายไปหมด
ไม่ใช่เพราะนางเกรงว่าร่างกายตัวเองมีอะไรผิดปกติ
แต่เป็กลิ่นอายจากหลินฟู่อินที่ทำให้นางกังวลขึ้นมาจริงๆ
เมื่อหลินฟู่อินจับชีพจรเสร็จก็ถอนหายใจ
เฝิงฮูหยินปกติดี ถึงจะเริ่มอายุมากแต่ร่างกายและกระดูกยังแข็งแรงอยู่
แต่อนุภรรยาทั้งสองนี้อยากมีบุตรชายยิ่งนัก จึงดื่มยาเสือยาหมาป่า
[2] เข้าไปมากจนร่างกายดีๆ ถูกทำลายเกือบหมดแล้ว
ต่อให้นายท่านเฝิงไม่ได้เป็หมัน สองคนนี้ก็คงยากที่จะตั้งครรภ์
ในเมื่อดินแห้งเผือด
เมล็ดพันธุ์จะหยั่งรากได้อย่างไร?
แต่พอเป็เช่นนี้
ความคิดที่เคยจะเอามาใช้ก่อนหน้าก็คงใช้ไม่ได้แล้ว…
หากไม่ได้ผลจริงๆ
ก็ต้องหาทางให้ฮูหยินผู้เฒ่าที่อยากมีหลานจนนอนไม่หลับยอมรับให้ได้
ครั้งนี้หากนางแก้ปัญหาเื่ผู้สืบทอดสกุลเฝิงได้
อีกหน่อยชื่อเสียงของนางต้องดีขึ้นแน่
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว
หลินฟู่อินก็โบกมือเรียกอันอี๋เหนียง หญิงสาวเดินเข้ามาหาหลินฟู่อินแล้วถามด้วยสีหน้าคาดหวัง
“ท่านหมอหลิน ร่างกายข้าเป็ยังไงบ้างเ้าคะ?”
ตอนนี้นางเชื่อแล้วว่าเด็กคนนี้มีฝีมืออยู่บ้างจริงๆ
ในตอนจับชีพจรดูแตกต่างจากพวกที่เอาแต่ส่ายหน้าไปมา แสร้งทำทีว่าเป็เื่ลึกลับพวกนั้น
สีหน้าสงบนิ่งเช่นนี้ราวกับท่านหมอหลี่ไม่มีผิด…
“อันอี๋เหนียง เรียนตามตรง
ปกติท่านดื่มยาเสือยาหมาป่ามากเกินไป ร่างกายถูกทำลายจนเกือบหมดแล้ว
หาก้าตั้งครรภ์เกรงว่าต้องใช้เวลาดูแลร่างกายสองหรือสามปี”
หลินฟู่อินสีหน้าไร้อารมณ์ เื่จริงล้วนบอกออกไปจนหมด
ความจริงใหญ่โตเช่นนี้ทำให้อันอี๋เหนียงตัวสั่นสะท้าน
อีกทางหนึ่ง เหมียวหมัวมัวกลับปรากฏรอยยิ้มในดวงตา
และมีสีหน้าสาแก่ใจมาจากหลิวอี๋เหนียง
เห็นคนยังมีใจยินดีในหายนะของผู้อื่น หลินฟู่อินก็ส่ายหน้าคล้ายเย้ยหยัน
“ท่านหมอหลิน แล้วข้าเล่า? ปกติข้าสุขภาพดีตลอด
มีแค่เจ็บป่วยเล็กน้อยเท่านั้น” หลิวอี๋เหนียงรู้สึกว่าร่างกายตัวเองดีมาก กล่าวกับหลินฟู่อินด้วยความสบายใจ
อีกทั้งยังเป็ไปเพื่อให้ผู้อื่นพูดไม่ออก
แต่สิ่งที่รอนางกลับเป็ความจริงที่โหดร้ายยิ่งกว่า
“หลิวอี๋เหนียง เื่นี้ข้าช่วยท่านไม่ได้
ท่านดื่มยาเสือยาหมาป่าเข้าไปเยอะยิ่งกว่า ร่างกายท่านเสื่อมไปแล้ว
นำกลับมาไม่ได้แล้ว ตอนนี้ท่านแข็งแรงเพราะยังอายุน้อย หากแก่ตัวไปท่านจะได้รู้ว่าฤทธิ์ยาเ่าั้รุนแรงเพียงใด”
หลินฟู่อินมองหน้านาง กล่าวความจริงออกไป
แต่หลิวอี๋เหนียงไม่เชื่อ
นางะโขึ้นมาชี้หน้าหลินฟู่อิน ดวงตาชี้ “เ้าพูดไร้สาระ! ร่างกายข้าแข็งแรงดี!
จะแย่ได้ยังไง?
ฮูหยินหาเ้ามาใส่ความข้าแน่ๆ!” พูดจบประโยคนี้ก็ชี้อันอี๋เหนียง
“อันอี๋เหนียง ฮูหยินต้องเอาตัวนางมาใส่ความพวกเราแน่ พวกเราล้วนแต่สบายดี
แต่คนกลับบอกว่าสุขภาพแย่ ฮูหยินแก่ปานนั้นยังคลอดลูกได้ ไม่ใช่เื่ตลกหรอกหรือ?”
แต่อันอี๋เหนียงหูตาสว่างกว่า นางรู้ว่าสิ่งที่หลินฟู่อินกล่าวล้วนถูกต้อง
หลายปีมานี้นางดื่มยาอันตรายเข้าไปมาก เมื่ออายุเริ่มมากขึ้น
ระดูนางที่เคยมาสม่ำเสมอก็ไม่สม่ำเสมออีกแล้ว ทำให้นึกวิตกในใจ
“หลิวอี๋เหนียงอย่าดื้อดึงเลยเ้าค่ะ ระดูของท่านมาช้าทุกรอบ
แต่ทุกครั้งที่มาไม่เพียงมามาก ยังมาไม่หยุด
บางครั้งอาจยาวนานถึงครึ่งเดือนจึงจะทำความสะอาดได้หมดไม่ใช่หรือเ้าคะ?” หลินฟู่อินมองหลิวอี๋เหนียงที่มีท่าทีดึงดัน กล่าวเสียงเย็น
นางเกลียดอนุหรือไม่ไม่สำคัญ
แต่สตรีที่มีบุตรไม่ได้เช่นนี้ นางกลับรู้สึกสงสาร
แต่ก็ไม่ใช่ว่าสองคนนี้จะมีลูกไม่ได้ั้แ่แรก
เป็เพราะพวกนางทำร้ายร่างกายตัวเองต่างหาก สิ่งนี้ทำให้หลินฟู่อินสงสารน้อยลงไปมาก
เห็นหลิวอี๋เหนียงสาดน้ำโคลนใส่เฝิงฮูหยิน
นางก็ไม่ทนแล้ว
หลิวอี๋เหนียงได้ยินก็ตัวแข็งค้าง
ปากขยับอยากปฏิเสธแต่กลับหาเสียงตัวเองไม่เจอ
“โหวกเหวกอะไรกัน?” เสียงอิดโรยของหญิงชราคนหนึ่งดังเข้ามา
เมื่อเลิกม่านลูกปัดขึ้นก็พบสตรีสูงวัยแต่งตัวดูร่ำรวยปรากฏตัวพร้อมสาวใช้ติดตามคอยดูแลหลายคน
หลินฟู่อินเห็นรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายคงเป็อดีตอนุภรรยานายท่านผู้เฒ่าสกุลเฝิงแน่นอน
เห็นนางเข้ามา เหมียวหมัวมัวกับพวกอันอี๋เหนียงก็รีบค้อมคำนับเรียกนางว่าฮูหยินผู้เฒ่าทันที
ฮูหยินผู้เฒ่าเฝิงกวาดสายตามองรอบห้อง ดวงตาเรียวยาวของนางแรกสุดเห็นหลิวอี๋เหนียงที่ทำหน้าหม่นหมองจึงทำราวกับมองไม่เห็น
ดวงตาชรามีร่องรอยไม่พอใจ เมื่อเห็นหลินฟู่อินยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้
ทั้งตัวเล็กทั้งสงบนิ่งก็ประหลาดใจขึ้นมา
หลินฟู่อินเห็นอีกฝ่ายกวาดตามองตนจึงลุกขึ้นทักทาย
“ฮูหยินผู้เฒ่าสบายดีนะเ้าคะ”
“เด็กคนนี้ใคร” เฝิงฮูหยินผู้เฒ่าถาม ท่าทีจงใจ
ที่จริงนางรูู้ตั้งนานแล้วว่าลูกสะใภ้ที่ไม่ยอมออกไข่คนนั้นฟังที่หลี่ฮูหยินวังฮูหยินแนะนำ
จึงได้เชิญเด็กสาวคนหนึ่งที่เป็หมอมายังจวน…
ฮึ
ไม่รู้สตรีช่างริษยาผู้นั้นจะมีความคิดชั่วร้ายอะไรอีก คนคงเกรงจะโดนหย่าเป็แน่!
พอคิดเช่นนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงได้สั่งการให้สาวใช้หลายคนติดตามนางบุกมาถึงห้องอุ่นของเรือนเฝิงฮูหยินพร้อมกัน
แต่เมื่อเห็นอันอี๋เหนียงทำหน้าเหม่อลอย ส่วนหลิวอี๋เหนียงก็ดูโง่เง่าเหมือนทุกที
ทำให้นางยิ่งมั่นใจว่าหลินฟู่อินต้องถูกผู้อื่นเรียกมาเพื่อทำร้ายผู้อื่นแน่
ความคิดนางบังเอิญเหมือนกับหลิวอี๋เหนียงพอดิบพอดี
คู่แม่สามีลูกสะใภ้ใจตรงกัน
หลินฟู่อินมองดวงตาฝ้าฟางของฮูหยินผู้เฒ่า แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ
“ข้าคือหลินฟู่อิน เฝิงฮูหยินเชิญข้ามาตรวจชีพจรนางกับอี๋เหนียงทั้งสองเ้าค่ะ”
“อ้อ แล้วแม่นางหลินเห็นเป็ยังไงเล่า? พวกลูกสะใภ้ข้าเป็เช่นไร? ตั้งครรภ์กันได้หรือไม่?”
ดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่าทอแสงอันตราย จ้องกดดันหลินฟู่อิน
ราวกับหากคำตอบของนางไม่ดี นางจะไม่ปล่อยอีกฝ่ายไป
----------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ห้องอุ่น (暖阁) หมายถึง ห้องเล็กที่แยกจากห้องใหญ่แต่มีทางเชื่อมถึงกัน
มักมีเตาอุ่นอยู่ด้วย ใช้เมื่อพูดถึงศาลาน้อยที่มีเตาอุ่นก็ได้เช่นกัน
[2] ยาเสือยาหมาป่า (虎狼药) หมายถึง ไม่ใช่ชื่อยาชนิดใดชนิดหนึ่ง
แต่เป็วลี สื่อว่าเป็ยารุนแรงเกินไปจนเป็อันตรายต่อร่างกาย
ผู้กินไม่อาจทนรับไหว และยังมีอีกความหมายหนึ่งว่าเป็ยาที่สตรีมีครรภ์ไม่ควรใช้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้