ดวงตาของเซียวเฉินจับจ้องสัตว์ผลึกเสวียนอยู่ตลอดเวลา รับรู้ถึงระลอกพลังเสวียนของสัตว์ผลึกเสวียน เดิมทีเขานึกว่าสัตว์ผลึกเสวียนจะไม่ตกลง
ถึงอย่างไร สัญญาผูกพันเป็นายบ่าวแทบไม่มีประโยชน์ต่อฝ่ายบ่าวรับใช้ เพราะความเป็ความตายจะถูกฝ่ายผู้เป็นายควบคุม เรียกได้ว่าวางชีวิตไว้ในมือของผู้เป็นาย ในสถานการณ์ปกติ หากไม่ถึงที่สุดจริงๆ จะไม่มีสัตว์ปิศาจตัวใดเป็ฝ่ายทำสัญญาผูกพันก่อน
แต่สัตว์ผลึกเสวียนปลดปล่อยิญญาของมันออกมาจนหมดภายใต้การจับจ้องของทุกคนทันที ไม่เพียงเหลยชิงโหรวและเหลยอวิ๋นถิงที่ใกับภาพนี้ แม้แต่เซียวเฉินเองก็ใเหมือนกัน
จากนั้น เขาก็พยักหน้า
“ชิงโหรว นำแก่นโลหิตหยดหนึ่งของเ้าแทรกเข้าไปในิญญาของมัน”
เหลยชิงโหรวกัดนิ้ว จิ้มกลางอากาศ โลหิตสดสีแดงเข้มหนึ่งหยดลอยไปบนิญญาของสัตว์ผลึกเสวียนและหลอมรวมกัน ิญญาสัตว์ผลึกเสวียนเหมือนมีโซ่เพิ่มมาเส้นหนึ่ง สัตว์ผลึกเสวียนร้องคำรามต่ำๆ จากนั้นิญญากลับเข้าร่าง
สัญญานายบ่าวผูกพันเป็ผลสำเร็จ
นับจากนี้ สัตว์ผลึกเสวียนจะร่วมเป็ร่วมตายกับเหลยชิงโหรว มีเกียรติด้วยกัน เสื่อมเกียรติด้วยกัน หากสัตว์ปิศาจตาย เ้านายจะไม่เสียหายอะไร แต่หากเ้านายตาย สัตว์ปิศาจที่เป็บ่าวรับใช้จะต้องตายตามไปด้วย
เห็นสัตว์ผลึกเสวียนอ่อนแอลงเล็กน้อย ดวงตาของเหลยชิงโหรวก็มีประกายสงสาร
“ชิงโหรว ยินดีด้วย เ้ามีสัตว์ปิศาจที่เทียบได้กับขั้นเสวียนฟ้าระดับสูงสุดเป็องครักษ์เพิ่มมาอีกหนึ่งตัวแล้ว” เซียวเฉินยิ้มกล่าว เขาย่อมดูออกว่าหลังจากสัตว์ผลึกเสวียนทำสัญญาผูกพันเป็นายบ่าวกับเหลยชิงโหรวแล้ว มันก็อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด แต่คุณสมบัติกลับเพิ่มขึ้น ต่อไปต้องเลื่อนขั้นแน่นอน บางทีอาจจะเลื่อนเป็สัตว์ปิศาจระดับแปดเพราะเหตุนี้
นั่นคือความสามารถขั้นเสวียนเต๋าเชียวนะ!
เื่นี้ต้องมีส่วนช่วยเหลือคนทั้งสองมหาศาลอย่างไม่ต้องสงสัย
เหลยเหมี่ยว หัวหน้าหมู่บ้านเหลยถิงคนปัจจุบันก็เป็แค่ผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนเต๋าเท่านั้น
บอกได้ว่าการทำสัญญาผูกพันระหว่างเหลยชิงโหรวและสัตว์ผลึกเสวียนมีแต่ผลดี ไม่มีผลเสียต่อนางเลย
“ขั้นเสวียนฟ้าระดับสูงสุด?” เหลยชิงโหรวไม่เข้าใจ
นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าสัตว์ผลึกเสวียนในตอนนี้อยู่แค่ขั้นเสวียนฟ้าห้าชั้นฟ้าเท่านั้น หรือว่าพี่ใหญ่เซียวดูผิด?
แต่ครู่ต่อมา สัตว์ผลึกเสวียนพลันเปล่งแสงจรัส แหงนหน้ากู่ร้องยาวนาน สภาวะทั่วร่างพุ่งพรวดพราด เหลยชิงโหรวใจนถอยหลัง ความสามารถของสัตว์ผลึกเสวียนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พริบตาก็เทียบได้กับขั้นเสวียนฟ้าระดับสูงสุด!
อีกนิดเดียวก็จะเป็สัตว์ปิศาจขั้นแปด!
ฉากนี้ทำให้เหลยชิงโหรวและเหลยอวิ๋นถิงมองเซียวเฉินอย่างตื่นตระหนก!
“มันกินผลน้ำแข็ง์ไขกระดูกหยก”
เซียวเฉินกล่าว มีเพียงสมุนไพริญญาขั้นหกจึงมีอานุภาพเช่นนี้ อีกทั้งเซียวเฉินยังมั่นใจว่า มันไม่ได้กินแค่ผลเดียว อาจกินถึงสามผล!
และความจริงก็เป็เช่นนี้
“โฮก...” สัตว์ผลึกเสวียนคำรามต่ำๆ ให้เหลยชิงโหรว เสียงห้าวต่ำ ราวกับกำลังพูดอะไรบางอย่าง ตอนแรกเหลยชิงโหรวอึ้ง จากนั้นเอ่ยว่า “เ้าจะพาข้าไปสถานที่แห่งหนึ่งหรือ?”
สัตว์ผลึกเสวียนผงกศีรษะ
“โฮก...”
สัตว์ผลึกเสวียนคำรามต่ำๆ อีกครั้ง ดวงตาเปล่งประกาย
เหลยชิงโหรวบอกเหลยอวิ๋นถิงและเซียวเฉินว่า “พี่ พี่ใหญ่เซียว มันบอกว่ารู้จักดินแดนลึกลับแห่งหนึ่ง ด้านในอาจมีสมบัติล้ำค่า มันจะพาพวกเราไป”
เซียวเฉินผงกศีรษะ
“ได้ พวกเราไปดูกัน”
จากนั้น คนทั้งสามก็มาถึงพื้นที่รกร้างผืนหนึ่งภายใต้การนำทางของสัตว์ผลึกเสวียน ที่นี่เหมือนผ่านการทำลายล้างมา เป็รัศมีหลายหลี่ หญ้าไม่ขึ้นสักต้น มีแค่ต้นไม้แห้งเหี่ยวไม่กี่ต้น เย็นเยียบและโดดเดี่ยวอย่างเห็นได้ชัด
“คิดไม่ถึงว่าในส่วนลึกของป่าจะมีสถานที่รกร้างเช่นนี้” เหลยอวิ๋นถิงถอนหายใจ เมื่อเห็นภาพตรงเบื้องหน้าก็อดเกิดความรู้สึกหดหู่ไม่ได้
“สถานที่ที่เ้าเอ่ยถึงคือที่นี่หรือ?”
เซียวเฉินหันหน้ากลับไปมองสัตว์ผลึกเสวียน สัตว์ผลึกเสวียนผงกศีรษะ คำรามต่ำๆ อย่างต่อเนื่อง เหลยชิงโหรวกล่าวว่า “มันบอกว่าเป็ที่นี่ ก่อนหน้านี้ทุก่เวลาหนึ่งจะมีแสงจรัสเปล่งประกายที่นี่ บรรจุอานุภาพกดดันอันแข็งแกร่ง ดังนั้น มันจึงไม่เคยมา ไม่รู้สภาพการณ์ชัดเจนนัก”
แววตาของเซียวเฉินลึกล้ำ
ที่นี่ต้องมีสมบัติล้ำค่าแน่นอน แต่เกรงว่าคงไม่ได้มาง่ายดายปานนั้น
ระหว่างที่คนทั้งสามกำลังสนทนากันอยู่นั้น พลันเกิดแผ่นดินไหว มีก้อนหินกลิ้งลงมาจากูเา สัตว์ผลึกเสวียนคำรามและคุ้มครองเหลยชิงโหรวไว้ด้านหลัง ส่วนเซียวเฉินและเหลยอวิ๋นถิงปลดปล่อยพลังเสวียนออกมาพร้อมกันแล้วโจมตีไปกระแทกก้อนหินที่กลิ้งลงมาจนแตกสลาย
ตูม!
แกร่ก!
เสียงะเืเลื่อนลั่นแสบแก้วหู เหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เทือกเขาตรงเบื้องหน้าปริแตก แผ่นดินค่อยๆ ยุบลงไป เซียวเฉินมีสีหน้าแปรเปลี่ยน
“ถอยออกไป ที่นี่อันตราย”
เซียวเฉินะโ สัตว์ผลึกเสวียนที่อยู่ด้านหลังเขาก็สะบัดเหลยชิงโหรวขึ้นหลังของมัน หลบหลีกก้อนหินที่กลิ้งลงมาอย่างบ้าคลั่งพลางพุ่งออกไปข้างนอก เซียวเฉินโจมตีด้วยแสงเสวียนในมืออย่างต่อเนื่อง และพาเหลยอวิ๋นถิงสู้พลางถอยออกมา
ตูม!
พื้นดินยิ่งจมลึกลงไปทุกที จากนั้นตามด้วยเสียงดังสนั่น แผ่นดินทรุดตัวฉับพลัน เผยให้เห็นถ้ำขนาดั์ ตัวูเาถล่มลงมา ฝุ่นธุลีคละคลุ้ง ก้อนหินะเื
สั่นไหวอย่างรุนแรง ทำเอาสัตว์ปิศาจนับไม่ถ้วนร่ำร้องด้วยความใ!
คนทั้งสามมองภาพตรงเบื้องหน้า ในใจตื่นตระหนก แผ่นดินไหว พื้นดินยุบตัว ฝุ่นธุลีคละคลุ้งทุกอย่างเมื่อครู่เหมือนวันสิ้นโลก ภาพอันน่าใเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ในใจของเซียวเฉินยามนี้ปั่นป่วนไปหมด
วิ้งวิ้ง!
กลางละอองธุลี เหมือนมีแสงเปล่งประกายอีกครั้ง
“ดูเหมือนจะมีแสง...”
เหลยอวิ๋นถิงเบิกตามองแล้วเอ่ยช้าๆ
หลังฝุ่นธุลีจางหาย ภาพหลังการเปลี่ยนแปลงอันใหญ่โตก็ปรากฏตรงเบื้องหน้าของคนทั้งสอง พวกเขาอดสูดลมหายใจหนาวเหน็บไม่ได้
เทือกเขาขนาดหลายร้อยจั้งแยกออกด้านข้างเป็สองส่วน แผ่นดินตรงกลางยุบตัวกลายเป็ขั้นบันได ตรงกลางมีถ้ำขนาดหลายสิบเมตร ลึกจนไม่เห็นก้นบึ้ง แต่กลับมีแสงกะพริบ
มีกลิ่นหอมประหลาดส่งมาจากด้านในถ้ำใต้ดิน
กลิ่นหอมสดชื่น ทำให้จิตใจคึกคักแจ่มใส
เื่นี้ทำให้คนทั้งสามแตกตื่น ในถ้ำต้องมีความลึกล้ำแน่นอน!
จากนั้น เซียวเฉินกล่าวว่า “อวิ๋นถิง ชิงโหรว พวกเราสามคนลงไปดูกันดีกว่า แล้วให้สัตว์ผลึกเสวียนเฝ้าป้องกันไว้ไม่ให้สัตว์ปิศาจและคนอื่นๆ ตามลงมาได้”
เหลยชิงโหรวพยักหน้า นางบอกสัตว์ผลึกเสวียนหลายประโยค สัตว์ผลึกเสวียนผงกศีรษะ วิ่งไปตรงทางเข้าที่อยู่ไม่ไกล ตั้งอกตั้งใจเฝ้ายาม
คนทั้งสามยิ้ม จากนั้นมองถ้ำใต้ดิน
“พวกเราไปดูกัน!”
เอ่ยจบ คนทั้งสามก็เดินลงไปตามบันไดเข้าสู่ถ้ำใต้ดินอย่างช้าๆ ถ้ำใต้ดินเป็อุโมงค์ขรุขระสายหนึ่ง ใช้ศิลาั์จำนวนนับไม่ถ้วนสร้างขึ้นแฝงด้วยความเก่าแก่ ไม่รู้ว่าผ่านวันเวลามานานเพียงใด เหมือนจะพังถล่มลงมาได้ทุกเมื่อ
ไม่รู้ว่าคนทั้งสามเดินไปไกลเพียงใด พวกเขารู้สึกว่าเริ่มมีอานุภาพกดดันจางๆ ส่งมาจากในถ้ำ ทำให้พวกเขามีสีหน้าแปรเปลี่ยน มีเสียงฝีเท้าในถ้ำเบาๆ จากนั้นก็ดังขึ้นทุกที คนทั้งสามระแวดระวัง
“ระวังนะ...”
สิ้นเสียง มัมมี่เหมือนหุ่นเชิดหลายตัวก็พุ่งมา พวกเขาใ มัมมี่ราวกับเสียชีวิตไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน น่าสยองขวัญ ไม่ต้องเอ่ยถึงเหลยชิงโหรว ต่อให้เป็เซียวเฉินและเหลยอวิ๋นถิงก็ใจเต้นรัว
ตูม!
เซียวเฉินพลิกมือจู่โจมด้วยประทับหงสาทำลายมัมมี่หลายตัวในพริบตา มัมมี่ที่เหลือเหมือนมีสติปัญญา คิดจะหันกายหลบหนี
“อย่าให้พวกมันหนีไปได้” เหลยอวิ๋นถิงก้าวออกมา สายฟ้าพวยพุ่ง กระแสไฟแล่นปราด เกิดเสียงตูมดังสนั่นะเืแก้วหู หลายอึดใจต่อมา มัมมี่ก็กลายเป็เถ้าถ่าน
“ท่าทางโชควาสนาจะไม่ได้มาง่ายๆ พวกเราระวังหน่อย ข้าอยากรู้นักว่าด้านในมีอะไรกันแน่!” เซียวเฉินยิ้มกล่าว เดินนำอยู่หน้าสุด เหลยชิงโหรวเดินตรงกลาง และเหลยอวิ๋นถิงเดินปิดท้าย คนทั้งสามค่อยๆ ล่วงลึกสู่ถ้ำใต้ดิน...