อวี๋เจียวไม่สนใจสักนิดว่านางจะโกรธนางถือถังน้ำเดินออกมาจากห้องหุงต้มแล้ว สตรีแซ่จ้าวพยายามไล่ตามยื่นมือออกมาแย่งถังน้ำในมือของอวี๋เจียวอย่างรุนแรง
อวี๋เจียวขมวดคิ้วใบหน้าเล็กฉายแววสุขุม ไม่มีความลังเลแม้แต่นิด ในเสี้ยววินาทีที่สตรีแซ่จ้าวเข้ามาแย่งมือของนางพลันยกถึงน้ำขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว น้ำร้อนสาดลงไปบนพื้นกระเด็นไปโดดร่างของสตรีแซ่จ้าวสตรีแซ่จ้าวส่งเสียงร้องด้วยความเ็ปพลางบริภาษอวี๋เจียวไม่หยุด
สตรีแซ่ซ่งพึ่งจะป้อนยาอวี๋เมิ่งซานเสร็จเมื่อได้ยินเสียงด้านนอกจึงรีบเดินออกมาภาพตรงหน้าคือสตรีแซ่จ้าวเปียกปอนไปทั้งตัว ยกชายกระโปรงของตนขึ้นไม่ยอมหยุดร้องด่าทอด้วยวาจาร้ายกาจยิ่งนัก ส่วนอวี๋เจียวกลับยืนใบหน้าเรียบนิ่งอยู่ด้านข้าง
สตรีแซ่ซ่งรีบเดินเข้าไปใช้มือเช็ดน้ำบนกายของสตรีแซ่จ้าวอย่างสะเปะสะปะ
สตรีแซ่จ้าวกลับปัดมือของนางออกเท้าของนางถูกน้ำร้อนจนพองแดง เจ็บเสียจนไม่กล้าแตะด้วยความโกรธจึงเงื้อมือขึ้นหมายจะฟาดลงไปทางอวี๋เจียว “นังเด็กนี่เ้าคิดจะทำให้ข้าโดนลวกตาย ข้าจะตีเ้าให้ตาย!”
สตรีแซ่ซ่งรีบเข้ามาขวางทว่าสตรีแซ่จ้าวร่างกายแข็งแรง สตรีแซ่ซ่งร่างกายบอบบางอ่อนแอเดิมทีก็ไม่อาจห้ามสตรีแซ่จ้าวได้ทำให้ฝ่ามือของสตรีแซ่จ้าวฟาดลงบนกายของนางทั้งหมดทันที
“น้องสะใภ้สาม แม่หนูเมิ่งจะตั้งใจได้อย่างไรเ้าอย่าได้ถือสาเด็กคนหนึ่งไปเลย” สตรีแซ่ซ่งเกลี้ยกล่อม
ยามนี้สตรีแซ่จ้าวจะยังรับฟังได้อย่างไรโดยเฉพาะยามเห็นอวี๋เจียวยืนข้างหลังอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนความโมโหภายในใจของนางทวีขึ้น ทั้งข่วนทั้งดึงท่าทางเช่นสตรีปากคอเราะรายสาบานจะฉีกอวี๋เจียวเป็ชิ้นให้จงได้
ท้ายที่สุดอวี๋หรูไห่และสตรีแซ่อวี๋โจวก็รับรู้ถึงความเคลื่อนไหวภายในลานเรือน
สตรีแซ่อวี๋โจวมองสตรีแซ่จ้าวที่ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากนางเอ่ยด้วยใบหน้านิ่งขรึมว่า “โหวกเหวกโวยวายจนมีสภาพเช่นไรกันพวกเ้าจะรื้อหลังคาเรือนกันหรืออย่างไร?”
สตรีแซ่จ้าวชิงฟ้องตัดหน้า“นังเด็กคนนี้จะเนรคุณแล้วเ้าค่ะ ข้าแค่จะใช้น้ำที่นางต้มสักหน่อยจิตใจของนางกลับร้ายกาจยิ่งนักเ้าค่ะ เอาน้ำร้อนทั้งถังสาดลงมาบนกายของข้าท่านดูสิ ขาข้าถูกลวกจนสภาพเป็เช่นไรแล้ว!”
อวี๋เจียวยกยิ้มเย็นเดิมทีนางก็ไม่ได้ต้มน้ำจนเดือดไม่เช่นนั้นสตรีแซ่จ้าวจะยังมีเวลามาพูดมากอยู่ที่นี่ได้อย่างไรคงจะถูกลวกจนเสียโฉมไปแล้ว
“นังเด็กนี่ เ้ายังกล้ายิ้ม ข้าจะตีเ้าให้ตาย!”ครั้นเห็นอวี๋เจียวยกยิ้มเย็น ความโมโหภายในใจของสตรีแซ่จ้าวปะทุขึ้นอีกครั้งโก่งคอร้องโวยวายจะลงมือกับอวี๋เจียวอีกครั้งให้ได้
สตรีแซ่อวี๋โจวไม่ส่งเสียงห้ามปรามเพราะนางกลับอยากเห็นสตรีแซ่จ้าวจัดการนังเด็กชั้นต่ำเมิ่งอวี๋เจียวนั้นอย่างหนัก
แต่น่าเสียดายยามนี้อวี๋หรูไห่ให้ความสำคัญกับอวี๋เจียว จึงเอ่ยออกไปอย่างเกรี้ยวกราดว่า “หยุด!สะใภ้สาม เ้าดูสภาพของเ้าในยามนี้ นับเป็เช่นไรได้?”
สตรีแซ่จ้าวชะงักการกระทำหลังถูกผู้เฒ่าอวี๋ลงมือเผยสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ “ท่านพ่อ ท่านลำเอียงปกป้องเมิ่งอวี๋เจียวสตรีน่าตายผู้นี้ได้อย่างไรเ้าคะ?นางเป็คนสาดน้ำร้อนใส่ข้าก่อน!”
ผู้เฒ่าอวี๋ชำเลืองมองอวี๋เจียวครู่หนึ่งเอ่ยเสียงนิ่งกับสตรีแซ่จ้าวว่า “ถูกลวกแล้วยังไม่รีบไปใส่ยา? ลงไม้ลงมือกับเด็กทำไมกัน?”
สตรีแซ่จ้าวคิดไม่ถึงว่าจู่ๆผู้เฒ่าอวี๋จะลำเอียงเช่นนี้ นางทำได้เพียงส่งสายตาอ้อนวอนไปหาสตรีแซ่อวี๋โจว
สตรีแซ่อวี๋โจวขมวดคิ้วนางคิดไม่ถึงเช่นกันว่าผู้เฒ่าอวี๋จะปกป้องอวี๋เจียวเช่นนี้ นางจดจ้องอวี๋เจียวแล้วยิ่งรู้สึกเกลียดชังมากขึ้นไปอีก
“แม่หนูเมิ่ง น้าสะใภ้สามของเ้าแค่้าใช้น้ำร้อน จิตใจของเ้าจะเหี้ยมโหดเกินไปกระมังยังไม่ยอมรับผิดแล้วขออภัยน้าสะใภ้สามของเ้าอีก?”
อวี๋เจียวปรายตามองสตรีแซ่อวี๋โจวแต่กลับไม่ส่งเสียงใด
สตรีแซ่ซ่งรีบดึงชายอาภรณ์ของอวี๋เจียวเพื่อบอกใบ้ให้นางยอมอ่อนข้อ อย่างน้อยผู้เฒ่าอวี๋ก็ปกป้องนางแล้ว เื่นี้ก็จะสามารถปล่อยผ่านไป
“ช่างไม่รู้จักสำนึกและปรับปรุงตัวจริงๆ!”สีหน้าของสตรีแซ่อวี๋โจวเริ่มไม่น่ามองกว่าเดิม นางคิดเพียงว่าอวี๋เจียวไม่เห็นนางอยู่ในสายตาแม้แต่นิดเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “นายท่านต่างกล่าวกันว่าผู้เป็หมอล้วนมีจิตใจเปี่ยมเมตตาถึงแม้วิชาหมอของเมิ่งอวี๋เจียวจะไม่เลว แต่ท่านดูนังเด็กคนนี้จิตใจเหี้ยมโหดยิ่งนัก ไม่มีขื่อไม่มีแป[1]เกรงว่าภายหน้าตระกูลอวี๋ของพวกเราคงไม่มีวันคืนอันสงบสุขเป็แน่เ้าค่ะ!”
สตรีแซ่อวี๋โจวเอ่ยถึงเพียงนี้อวี๋หรูไห่ทำได้เพียงหันไปเอ่ยกับอวี๋เจียวว่า “แม่หนูเมิ่งเ้าไม่ได้ตั้งใจสาดน้ำใส่น้าสะใภ้สามของเ้าใช่หรือไม่? เ้ารีบขอโทษน้าสะใภ้สามของเ้าเร็วเข้า”
อวี๋เจียวย่อกายลงเก็บถังน้ำที่หล่นอยู่บนพื้นก่อนจะเอ่ยว่า “แน่นอนว่าไม่ได้ตั้งใจเ้าค่ะ น้าสะใภ้สามเข้ามาแย่งถังน้ำน้ำในถังถึงได้กระฉอกออกมาเ้าค่ะ”
อวี๋เจียวเอ่ยเช่นนี้ทำเอาสตรีแซ่จ้าวโมโหจนแทบกระทืบเท้า“เด็กชั้นต่ำ ข้ายังไม่ทันได้แตะถังน้ำเสียด้วยซ้ำ เ้าช่างฝีปากเก่งกล้าเสียจริง!”
อวี๋เจียวยิ้มเยาะ“ฝีปากเก่งกล้า? น้าสะใภ้สามข้าพูดไปทั้งหมดแค่หนึ่งประโยค จะมีก็แต่ท่านที่พูดไม่ยอมหยุดเ้าค่ะ”
สตรีแซ่จ้าวอัดอั้นใจเมื่อเห็นว่านางไม่ยอมจบสิ้นเื่นี้ อวี๋หรูไห่จึงไม่ปล่อยให้นางโวยวายต่อไปทำได้เพียงเอ่ยไกล่เกลี่ยซี้ซั้วว่า “เอาล่ะ ในเมื่อไม่ได้ตั้งใจคนในครอบครัวเดียวกันจะทะเลาะกันไปทำไม?เท้าโดนลวกแล้วยังไม่รีบไปใส่ยาอีกหรือ?”
สตรีแซ่อวี๋โจวมองอวี๋เจียวด้วยสายตารังเกียจยิ่งนักจากนั้นหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้องโถง
สตรีแซ่ซ่งรีบรับถังน้ำมาจากมือของอวี๋เจียวเติมน้ำใส่เข้าไปอีกครั้งจนเต็มครั้นดึงอวี๋เจียวเข้ามาในห้องหุงต้มแล้วถึงเอ่ยเสียงเบา “เ้าเด็กคนนี้เ้าไปต่อล้อต่อเถียงกับน้าสะใภ้สามของเ้าทำไมกัน? นางอยากได้น้ำร้อนเ้าก็เอาให้นางไป พวกเราค่อยต้มใหม่เป็พอ”
อวี๋เจียวแย้มยิ้มบาง“ท่านอาซ่ง ข้าเป็คนรู้ปรับตัวตามสถานการณ์มาแต่ไหนแต่ไรหากผู้อื่นเคารพข้าหนึ่งฉื่อ[2] ข้าเคารพกลับหนึ่งจั้ง[3] หากผู้อื่นหยามเหยียดข้าข้าจะไม่มีทางยอมอ่อนข้อแม้แต่นิดเ้าค่ะ”
สตรีแซ่ซ่งชะงักงันหลังจากได้ยินเช่นนั้นถอนหายใจพลางลูบหัวอวี๋เจียว “เ้าเด็กโง่ หากเป็คนตรงเกินไปมักหักได้ง่ายหากถอยหนึ่งก้าวเป็ครั้งคราวย่อมไม่เป็อะไรชีวิตล้วนแต่ผ่านไปอย่างสับสนเลอะเลือนเช่นนี้”
อวี๋เจียวยกยิ้มพลางส่ายหน้าไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา
สตรีแซ่ซ่งมองนางพลางส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
สตรีแซ่ซ่งต้มน้ำอีกหนึ่งถังอย่างรวดเร็วจากนั้นช่วยอวี๋เจียวยกเข้าไปในห้อง
อวี๋เมิ่งซานกินยาที่อวี๋เจียวพึ่งจัดเทียบยาแล้วรู้สึกดีขึ้นมากอาการบวมน้ำลมน้อยลง ในที่สุดสตรีแซ่ซ่งก็เบาใจ
อวี๋เจียวพึ่งเคยใช้สบู่ต้นจ้าวเป็ครั้งแรกรู้สึกสนใจใคร่รู้ยิ่งนัก ถึงขั้นเล่นสบู่ต้นจ้าวอยู่พักใหญ่ตลอดหลายวันที่ถูกขังไว้ในห้องเก็บฟืนนางมีโอกาสขอให้อวี๋ฉี่เจ๋อเอาน้ำมาให้เช็ดตัวแค่สองครั้งเท่านั้นด้วยเหตุนี้ร่างกายจึงสกปรกอย่างยิ่ง หลังจากอาบน้ำเสร็จ อวี๋เจียวรู้สึกโล่งสบายขึ้นไม่น้อย
หลังจากเทน้ำอาบน้ำทิ้งอวี๋เจียวดึงฟูกนอนที่ตนนอนเมื่อคืนและอาภรณ์ที่พึ่งเปลี่ยนมาวางไว้ด้วยกันเตรียมจะหอบไปซักให้เรียบร้อย
ข้างนอกมีเสียงดังขึ้นอวี๋เจียวฟังแล้วคล้ายกับ ‘อวี๋ฝูหลิง’ บุตรสาวคนโตของครอบครัวรองจะกลับมาแล้วครั้นนางหอบเสื้อผ้าสกปรกออกไปจากห้อง เสียงพูดคุยภายนอกพลันเงียบลง
อวี๋ฝูหลิงชำเลืองมองอวี๋เจียวไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา
เมื่อดูจากสีหน้าของนางอวี๋เจียวสามารถรับรู้ได้ว่าอวี๋ฝูหลิงไม่ต้อนรับขับสู้นาง
สตรีแซ่ซ่งเห็นอาภรณ์ในมือของอวี๋เจียวจึงเอ่ยออกมาว่า“อาภรณ์สกปรกที่เพิ่งเปลี่ยนให้เอามาวางไว้ในห้องเป็พอ ประเดี๋ยวข้าจะเก็บไปซัก”
อวี๋เจียวส่ายหน้า“ไม่ต้องเ้าค่ะท่านอาซ่ง ข้าซักเองก็ได้”
สตรีแซ่ซ่งเดินเข้ามาเอาอาภรณ์ไปจากมือของอวี๋เจียวเอ่ยพลางแย้มยิ้ม “ฝูหลิงพึ่งจะกลับมาจากบ้านตายาย พวกเ้าสองคนพูดคุยกันเถิดข้าจะไปซักเสื้อผ้า”
อวี๋เจียวจะมีอะไรให้สนทนากับอวี๋ฝูหลิงกันเล่าเพราะเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่อยากใส่ใจนางสักนิด
เชิงอรรถ
[1] ไม่มีขื่อไม่มีแป (ภาษาจีน 无法无天 wúfǎ wú tiān) บ้านเมืองไม่มีกฏหมายคุ้มครอง
[2] ฉื่อคือหน่วยวัดความยาวของจีน เท่ากับความยาวสิบนิ้ว
[3] จั้งคือหน่วยวัดความยาวของจีน เท่ากับ3.33เมตร