“คุณหนู ท่านทำเช่นนี้อาจถูกตำหนิเอาได้นะเ้าคะ ให้บ่าวนำไปตัดเป็ชุดใหม่ตามที่ท่านเขยบอกดีหรือไม่”
เจียงจื่ออิ๋งส่ายหน้า นางมิได้ใช้รถม้าของตระกูลกู้แต่เลือกที่จะเดินไปยังใจกลางเมืองหลวงด้วยตนเอง
“ข้าบอกว่าให้เอาไปขายเ้าก็ทำตามที่ข้าบอกเถอะ ออ..นี่ ิเยว่ เ้าคิดอย่างไรถ้าข้า้าที่จะหย่ากับกู้เยี่ยนชิง”
ิเยว่สาวใช้ของเจียงจื่ออิ๋งอุทานเสียงดังด้วยความใ ไม่คิดว่าคุณหนูของนางที่รักท่านเขยราวกับชีวิตของตน จะเอ่ยเช่นนี้ออกมา
“คุณหนู!! ท่านพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือไม่ หากให้ใครมาได้ยินเข้ามันจะไม่ดีนะเ้าคะ”
ไม่ดีอย่างนั้นหรือ ได้ยินสิดีข้าจะได้ไปจากสถานที่ที่น่ารังเกียจอย่างตระกูลกู้เสียที ยิ่งคิดนางก็ยิ่งรู้สึกขยะแขยง ความจริงเื่หย่าเจียงจื่ออิ๋งใช้เวลาคิดใคร่ครวญอยู่หลายวันและตลอดหลายวันมานี้นางก็ได้ยินบ่าวไพร่เอ่ยถึงเื่ที่กู้เยี่ยนชิงแต่งตั้งสาวใช้ขึ้นมาเป็อนุถึงสองคน ทั้งยังมอบเรือนแยกให้แก่พวกนางได้อยู่อาศัย ทั้งที่นางเป็ภรรยาของเขาแต่เขากลับไม่คิดที่จะบอกเื่นี้กับนางสักนิด
อีกทั้งบ่าวไพร่ในจวนที่ไม่ใช่บ่าวติดตามของนางต่างก็กระทำกับนางราวกับว่านางไม่มีตัวตนภายในตระกูลกู้ นางรู้ว่าเื่นี้จะต้องมีคนที่อยู่เื้ัแน่นอน และคนคนนั้นจะเป็ใครไปไม่ได้นอกจากแม่สามีของนาง แม้ต่อหน้าทุกคนพวกนางสองคนจะแสดงออกว่ารักใคร่กลมเกลียว แต่ความจริงแล้วฮูหยินใหญ่ตระกูลกู้นั้นใช้อำนาจกดขี่เจียงจื่ออิ๋งเสียยิ่งกว่าอะไร เพราะนางกลัวว่าในอนาคตเจียงจื่ออิ๋งจะขึ้นเป็ใหญ่ภายในจวนและขึ้นมาเหยียบบนหัวของนาง ดูท่าเื่รับอนุของกู้เยี่ยนชิงก็อาจจะเป็ฝีมือของนางด้วยเช่นกัน แต่เจียงจื่ออิ๋งยังมีความลับบางอย่างที่ยังไม่เคยบอกกับกู้เยี่ยนชิงหรือหลินห่าวหยางเลยั้แ่ที่มายังยุคโบราณแห่งนี้
ความจริงนางนั้นมีความทรงจำของร่างเดิมหรือก็คือเจียงจื่ออิ๋ง แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือนางได้รู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเจียงจื่ออิ๋งที่เกิดมาในร่างนี้ แต่เป็ครั้งที่สองของนาง ซึ่งก็หมายความว่าเจียงจื่ออิ๋งในชาติแรกเลือกสามีผิดทำให้ต้องโทษปะาไปพร้อมกับเขา ส่วนชาติที่สองนางเลือกที่จะแต่งกับพี่ชายของอดีตสามีนั่นก็คือกู้เยี่ยนชิง แต่ด้วยสาเหตุใดไม่รู้ทำให้ตนและหลินห่าวหยางเข้ามาอยู่ในร่างของสองคนนี้แทน
ในเมื่อหลินห่าวหยางเลือกที่จะละทิ้งนางเช่นนี้ สำหรับมู่หยุนถิงที่รู้เื่ราวในอนาคตของเจียงจื่ออิ๋ง นางก็จะทำให้เขารู้สึกเสียใจที่เลือกเช่นนี้เช่นกัน และคนที่จะทำให้นางเป็อิสระจากตระกูลกู้ได้ก็คือองค์รัชทายาทจ้าวหลี่เสวียนเพียงคนเดียว เมื่อคิดได้ดังนั้นเจียงจื่ออิ๋งก็ตรงไปยังตำหนักขององค์รัชทายาททันที
“ข้ามาขอเข้าเฝ้าองค์รัชทายาท เ้าไปรายงานต่อพระองค์ว่าข้าคือเจียงจื่ออิ๋งฮูหยินของคุณชายใหญ่ตระกูลกู้ มีเื่สำคัญต้องกราบทูลต่อพระองค์”
เมื่อนางเอ่ยจบ ทหารที่อารักขาประตูทางเข้าตำหนักรัชทายาทก็รีบกลับเข้าไปรายงานทันที ทหารอีกคนที่ยืนเฝ้าอยู่มองร่างบางในชุดสีกลีบบัวด้วยสายตาสงสัย เขารู้จักนางเพราะนางติดตามคุณชายใหญ่กู้มาที่นี่หลายครั้ง แต่เหตุใดสะใภ้ของท่านเสนาบดีกู้ถึงได้เดินมาที่ตำหนักขององค์รัชทายาท หรือว่ารถม้าของนางจะพัง ผ่านไปไม่นานทหารที่เข้าไปด้านในก็กลับออกมาพร้อมกับไห่กงกง พ่อบ้านของตำหนักองค์รัชทายาท
“คารวะฮูหยินกู้ขอรับ บ่าวได้ยินว่าท่านมีธุระ้าพูดกับองค์รัชทายาท แต่เวลานี้องค์รัชทายาทมีแขกคนสำคัญ จึงออกมาพบกับท่านไม่ได้ บ่าวว่าท่านมาใหม่ในคราวหลังดีหรือไม่”
เจียงจื่ออิ๋งชั่งใจเล็กน้อยจากนั้นจึงพยักหน้า “เช่นนั้นข้าฝากไห่กงกงช่วยกราบทูลต่อองค์รัชทายาทด้วยว่า เื่นี้เกี่ยวกับ.....เมื่อใดที่พระองค์ทรงว่างท่านก็ให้บ่าวไปตามข้าที่จวนตระกูลกู้นะเ้าคะ”
เจียงจื่ออิ๋งกระซิบบางคำที่ทำให้ไห่กงกงใ ก่อนที่นางจะพาิเยว่เดินจากมา
“คุณหนูท่านพูดอะไรกับไห่กงกงเ้าคะ เหตุใดเขาถึงได้มีท่าทีใเช่นนั้น”
จากความทรงจำของเจียงจื่ออิ๋ง ทำให้นางรู้ว่าเมื่อชาติก่อนตอนที่องค์ชายแปดจ้าวหลี่หนานก่อฏ ไห่กงกงเอาตัวเข้ารับคมดาบแทนองค์รัชทายาทจนตนเองต้องเสียชีวิต นางมั่นใจว่านอกจากฮ่องเต้แล้วไห่กงกงเป็อีกคนหนึ่งที่องค์รัชทายาทไว้ใจและให้ความสำคัญ เื่ที่นางพูดออกไปจะต้องเป็ความลับไปจนกว่าที่องค์รัชทายาทจะเรียกนางเข้าพบแน่นอน
“ไม่มีอะไร เราไปหาอะไรทานที่โรงเตี๊ยมกัน ได้โอกาสออกมาทั้งทีเรามาเที่ยวเล่นให้สนุกเถอะ”
เจียงจื่ออิ๋งดึงแขนสาวใช้คนสนิทให้รีบเดินตามมา ิเยว่ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ หลายวันมานี้นางสังเกตว่าคุณหนูเอาแต่เก็บตัวครุ่นคิดเื่บางอยู่เพียงคนเดียว ไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจวนแม้สักนิด วันนี้เป็ครั้งแรกที่นางเห็นคุณหนูยิ้มได้หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านไป เอาเถอะ ไม่ว่าคุณหนูจะเลือกเดินไปในเส้นทางใด นางก็ขอติดตามคุณหนูของนางตลอดไป สองนายบ่าวเดินมาถึงโรงเตี๊ยมใหญ่ที่ขึ้นชื่อเื่อาหารรสเลิศในเมืองหลวง เมื่อทั้งสองนั่งลงเจียงจื่ออิ๋งก็ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อบนใบหน้าของตน พลางบนเบาๆ กับสาวใช้ให้ได้ยินเพียงสองคนอย่างลืมตัว แต่ยังมีคนที่หูดีดันได้ยินเข้าโดยบังเอิญ
“เหตุใดหน้าร้อนในยุคโบราณถึงได้ร้อนเพียงนี้ เฮ้อ!!ถ้าได้โค้กเย็นๆ สักแก้วคงจะดีไม่น้อย”
ลู่หยวนซีที่กำลังนั่งหันหลังทานอาหารอยู่บนโต๊ะที่ห่างออกไปได้ยินเข้า นางถึงกับชะงักไปทันที โค้กเย็นๆ ยุคโบราณ คนคนนี้เป็ใครกัน หรือว่านางก็ทะลุมิติเข้ามาในนิยายเื่นี้เหมือนกับตนอย่างนั้นหรือ บ้าไปแล้วแน่ๆ ร่างบางเลิกสนใจอาหารที่อยู่ตรงหน้าทันที นางลุกพรวดพราดพุ่งเข้าหาสตรีทั้งสองที่นั่งอยู่บนโต๊ะถัดจากตนไปสองสามตัว ก่อนจะเห็นใบหน้าของคนคุ้นเคยอย่างชัดเจน
“เ้า!!....คือฮูหยินกู้”
ลู่หยวนซีใแทบหงายหลัง นางไม่คิดว่าคนที่เอ่ยเื่ที่ไม่น่าจะมีในบทนิยายของเื่นี้ขึ้นมา จะเป็คนที่คอยตามหาเื่นางั้แ่ที่นางก้าวมาเหยียบที่เมืองหลวงแห่งนี้ ร่างบางพยายามสงบสติอารมณ์ของตนให้เย็นลง นางคิดว่าบางทีตนเองอาจจะหูฝาดไปก็ได้
“นึกว่าใคร เป็เ้านี่เอง เ้าแอบตามข้ามาที่นี่อย่างนั้นหรือ ไม่สิหรือว่าเ้าถูกองค์รัชทายาทเฉดหัวออกมาจากตำหนักจนต้องระเห็จมาอาศัยโรงเตี๊ยมนอน เฮอะ!! ข้าคิดเอาไว้อยู่แล้ว อีกไม่นานพระองค์จะต้องทรงเบื่อเ้าแน่”
ลู่หยวนซีไม่สนใจคำพูดเหน็บแนมที่ออกมาจากปากของเจียงจื่ออิ๋ง แต่ที่นางสนใจก็คือวิธีการพูดและลักษณะนิสัยของนาง โดยปกติสตรีในยุคโบราณจะเก็บตัวอยู่แต่ภายในเรือน ไม่บ่อยนักที่จะได้ออกมาเที่ยวเล่นข้างนอก ยิ่งแต่งงานแล้วยิ่งยากที่ได้ออกมาตามลำพังเช่นนี้ แต่นางไม่เหมือนหญิงสาวเรือนหลังคนอื่นช่างน่าสนใจนัก คงต้องทดสอบดูสักหน่อยแล้ว
“คุณหนูเจียง เ้าอยากได้โค้กเย็นๆ อย่างนั้นหรือ”
ลู่หยวนซีไม่เรียกตำแหน่งฮูหยินกู้ของนาง แต่เรียกสกุลเดิมก่อนแต่งงานของเจียงจื่ออิ๋งแทน
“เ้า....เ้ารู้จักได้อย่างไรโอ๊ย!! หัวของข้า”
เจียงจื่ออิงยังพูดไม่ทันจบ นางก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที ราวกับว่ามีบางอย่างกำลังบังคับให้นางห้ามเอ่ยเื่นั้นขึ้นมาอีก เจียงจื่ออิ๋งที่มีท่าทางทรมานทำให้ิเยว่ใลนลานจนต้องร้องไห้ออกมา
“คุณหนู!!ท่านเป็อะไรไป อย่าทำให้บ่าวกลัวเช่นนี้สิเ้าคะ”
ลู่หยวนซีที่ยืนมองอยู่ใกล้ๆ ใช้สายตาสแกนดูร่างกายของเจียงจื่ออิ๋งแต่นางไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติ มีเพียงสมองของนางเท่านั้นที่ขึ้นเครื่องหมายใสีแดงและมีเส้นด้ายสีแดงที่เหมือนถูกโยงหายไปในอากาศ หรือว่านางกำลังถูกผู้เขียนชักจูง เท่าทันความคิดตน ลู่หยวนซีสะบัดมือเบาๆ มีดผ่าตัดของนางก็โผล่พ้นชายเสื้อออกมาเล็กน้อย ก่อนนางจะตวัดตัดเส้นด้ายนั้นขาดกระจุย เสียงร้องเ็ปของเจียงจื่ออิ๋งก็หายไปทันที ลู่หยวนซีเห็นว่ามีคนเริ่มหันมาให้ความสนใจพวกนาง นางก็ดึงให้เจียงจื่ออิ๋งลุกเดินตามตนขึ้นไปยังห้องส่วนตัวของนาง
“เ้าพาข้ามาที่นี่ทำไม่”
เจียงจื่ออิ๋งไม่คิดว่าลู่หยวนซีจะทำเช่นนั้น ตอนที่อยู่ข้างล่างนางไม่เห็นว่าลู่หยวนซีทำอะไร แต่หลังจากที่นางสะบัดมือเหนือหัวของตน อาการปวดหัวก็ทุเลาจนหายเป็ปลิดทิ้งอย่างน่าอัศจรรย์ นางทำได้อย่างไร
“เ้าลงไปสั่งให้เสี่ยวเอ้อยกอาหารขึ้นมาบนนี้สามสี่อย่าง”
ลู่หยวนซีหันไปสั่งสาวใช้ของเจียงจื่ออิ๋งเพราะนางมีเื่สำคัญที่ต้องคุยกันตามลำพัง ิเยว่มองนายหญิงของตนเล็กน้อยส่วนเจียงจื่ออิ๋งเองก็อยากรู้เช่นกันว่าลู่หยวนซีมีเื่ใดที่ต้องคุยกับนาง นางจึงพยักหน้าให้ิเยว่ถอยออกไปก่อน