ลู่เต้าเดินทางขึ้นเขาท่ามกลางความมืดเพียงลำพัง บัดนี้เขาถูกปกป้องไปด้วยม่านพลังโปร่งใสที่กั้นหมอกดำไว้ภายนอก
อย่างไรก็ตาม การปกป้องจากยันต์ิญญานี้มีข้อจำกัด มันสามารถปกป้องลู่เต้าให้ปลอดภัยได้เพียงหนึ่งร้อยลมหายใจเท่านั้น หลังจากนั้นมันจะเสื่อมสภาพลง เป็ของใช้แล้วทิ้ง จากคุณภาพของม่านพลังนี้ คาดว่าซื้อยันต์ิญญานี้เพียงใบเดียว คงใช้เงินของคนจุดธูปในศาลเ้าไปหมดแล้ว
ด้วยข้อจำกัดของยันต์ิญญานี้ ลมหายใจแต่ละครั้งจึงมีค่ายิ่ง เพื่อที่จะไปให้ถึงเขตต้องห้ามของูเายักษาภายในหนึ่งร้อยลมหายใจ ลู่เต้าจะหยุดหายใจทุกครั้งเพื่อขับอากาศเสียทั้งหมดในปอดออกไป จากนั้นจึงสูดอากาศเข้าไปสุดกำลัง
ลู่เต้าพยายามสงบสติอารมณ์เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกรบกวนจากภายนอก เขาเดินไปทางของเขตต้องห้ามอย่างจดจ่อ พวกิญญาชั่วร้ายกระซิบข้างหูเขาไม่หยุด “ไร้ประโยชน์...ลมหายใจที่เหลือของเ้าเหลือน้อยลงทุกที...ยอมแพ้ซะ...”
ลู่เต้ามองยันต์ิญญา หลังจากหายใจไปยี่สิบครั้ง อักขระที่เขียนด้วยชาดบนยันต์ิญญาก็เริ่มซีดจางลง คาดว่าในชั่วขณะที่อักขระหายไป ยันต์ิญญาก็จะสูญเสียพลังในการปกป้องเขาทันที
จะทำอย่างไรดี เหลือลมหายใจไม่ถึงแปดสิบครั้งแล้ว แต่เขตต้องห้ามยังอีกไกล เมื่อความกลัวเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของลู่เต้า ิญญาชั่วร้ายตนหนึ่งพลันพุ่งเข้ามาชนม่านพลัง
ลู่เต้าใจนหายใจติดขัด เขารีบปิดปากเพื่อปรับอารมณ์ ในขณะที่ถามตัวเองซ้ำๆ อย่างตื่นตระหนกในใจ “เมื่อกี้เสียไปกี่ลมหายใจ? ห้าครั้ง? หรือสิบครั้ง?”
เขามองยันต์ิญญาที่ช่วยชีวิตอยู่ในมือ อักขระชาดบนยันต์ิญญาจางลงอีกแล้ว ส่วนที่เขียนจางๆ เริ่มหายไปแล้วเช่นกัน
เมื่อพวกิญญาชั่วร้ายเห็นดังนั้น ก็มีเสียงหัวเราะแปลกประหลาดดังมาจากความมืดรอบข้าง
ไม่ได้… หากยังเดินไปแบบนี้ ไม่มีทางถึงเขตต้องห้ามแน่
เมื่อเห็นหมอกดำรอบตัวหนาขึ้น ลู่เต้าจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะวิ่งสุดกำลัง ทุกครั้งที่ร่างกายใกล้จะทนไม่ไหวและต้องหายใจ เขาจะใช้แรงถีบตัวไปข้างหน้า อาศัยแรงพุ่งตัวเพื่อเหินข้ามระยะทางสั้นๆ ก่อนจะล้มลงกับพื้นแล้วกลิ้งไปหลายตลบ
หากมองลงมาจากยอดเขาจะเห็นลู่เต้าสลับกันวิ่ง ะโ และกลิ้งเป็่ๆ
ฟ้าไม่ทอดทิ้งคนมุ่งมั่น หลังจากกลิ้งไปครั้งหนึ่ง ใบหน้าอันร้อนผ่าวของลู่เต้าก็ััได้ถึงความหนาวเหน็บสุดขั้ว เขาจึงรู้ตัวว่าตัวเองมาถึงทางเข้าเขตต้องห้ามอย่างไม่รู้ตัวแล้ว ยามนี้ยันต์ิญญาเหลือรอยพู่กันเพียงสองขีดเท่านั้น
ม่านพลังที่ปกคลุมร่างกายมีรอยร้าวเต็มไปหมด แสงสว่างก็หรี่ลงจนแทบมองไม่เห็น พวกหมอกดำจึงรู้ตัวว่าตัวเองประเมินลู่เต้าต่ำเกินไป จึงรีบคว้าโอกาสสุดท้ายเพื่อจับตัวเขาให้ได้
ม่านพลังถูกทุบจนดังก้องประหนึ่งเสียงกลองรบ ยามนี้เขาไม่อาจคิดอะไรซับซ้อนได้ ทำได้เพียงทำซ้ำๆ วิ่ง ะโ ล้ม กลิ้งลง แล้วลุกขึ้นเท่านั้น
“จับตัวมันให้ได้!!!”
ลู่เต้าล้มลงบนพื้นหิมะ ร่างกายเต็มไปด้วยหิมะ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง ในเวลาเดียวกันรอยพู่กันบนยันต์ิญญาก็เหลือเพียงขีดสุดท้าย
ณ ่เวลาสุดท้าย หมอกดำก็ห่อหุ้มลู่เต้าไว้แน่นเสมือนตอนที่จัดการกับลู่คง ม่านพลังถูกพลังอันแข็งแกร่งบีบอัดจนเสียงดังปะทุเป็ระยะๆ เศษม่านพลังค่อยๆ ร่วงหล่น
ลู่เต้าที่ไม่มีทางหนีเหลือแล้ว ดวงตาพลันพร่ามัว ราวกับจะล้มลงได้ทุกเมื่อ เขาสะบัดร่างกาย รวบรวมพลังทั้งหมดไว้ที่เท้า วิ่งไปยังถ้ำน้ำแข็งที่อยู่สุดเขตต้องห้ามก่อนจะะโขึ้น
ในขณะที่เขาะโ เวลาราวกับแล่นช้าลง ลู่เต้าที่สูญเสียสติไปกึ่งหนึ่งมองรอยพู่กันสุดท้ายสลายหายไป ม่านพลังถูกบีบอัดจนแตกสลาย
ในขณะที่หมอกดำกำลังจะััลู่เต้ากลางอากาศ เขาก็ตกลงไปในถ้ำน้ำแข็งอย่างแรง ก่อนจะไถลบนพื้นน้ำแข็งลื่นๆ ไปไกลลิ่ว
อากาศในถ้ำน้ำแข็งแห้งและหนาวเย็น แต่ลู่เต้ายังคงสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างตะกละตะกลาม ในขณะที่มองไปปากถ้ำด้วยอารามกระวนกระวายใจ หมอกดำถูกกั้นไว้นอกถ้ำน้ำแข็งอย่างที่คิด มีกำแพงที่มองไม่เห็นกั้นพวกมันไว้
“น่าชังนัก...” เมื่อลมเย็นะเืในเขตต้องห้ามพัดผ่าน หมอกดำก็สลายหายไปในหิมะพร้อมกับหิมะที่โปรยปรายลงมา
“สำเร็จแล้ว...” ลู่เต้าเดินโงนเงนเข้าไปในถ้ำน้ำแข็ง ไปยังที่ที่ “คนผู้นั้น” อยู่
กำแพงน้ำแข็งสีฟ้าใสไม่ได้เปล่งประกายเหมือนครั้งก่อน ลู่เต้าเดินมาถึงที่ที่อีกฝ่ายปรากฏตัวครั้งที่แล้ว นั่นก็คือตรงที่ไม้อยู่ ก่อนจะะโออกไปว่า
“ไป๋เสีย!”
เสียงของลู่เต้าดังก้องสะท้อนถ้ำน้ำแข็ง แต่ชายหนุ่มในกำแพงน้ำแข็งไม่ได้ตอบสนองต่อเสียงเรียกของเขาแม้แต่น้อย
“เ้าพอใจแล้วใช่หรือไม่! ข้ากลับมาทำตามที่เ้า้าแล้ว!” ลู่เต้าทุบกำแพงน้ำแข็งหลายครั้ง นอกจากมือที่เ็ปเพราะทุบกำแพงน้ำแข็งแข็งๆ แล้ว ก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ อีก
ในขณะที่เขาไม่รู้จะทำอย่างไร ทางเดินน้ำแข็งเรียบลื่นก็เตือนลู่เต้า
“รอยเืครั้งก่อนหายไปไหน” ลู่เต้าสังเกตรอบๆ อย่างละเอียด ก็ไม่พบรอยเืแม้แต่น้อย
“หรือว่า...” ลู่เต้าสะดุ้ง เขาดึงมีดล่าสัตว์ออกมาโดยไม่ต้องคิดทันที ก่อนจะกรีดฝ่ามือตัวเองอย่างแรง ทันใดนั้นเืสดๆ ก็ไหลทะลักออกมา
เขากัดฟัน อดทนกับความหนาวที่จะถูกแช่แข็ง ก่อนจะทุบฝ่ามือลงบนกำแพงน้ำแข็ง
ผิวน้ำแข็งดูเหมือนจะได้สติ เริ่มดูดเือย่างบ้าคลั่ง ในเวลาเดียวกันก็มีแสงสว่างจ้าเหมือนครั้งก่อน เมื่อแสงสว่างจางหายไป ในกำแพงน้ำแข็งก็ปรากฏเงาร่างสีดำขึ้นมาอีกครั้ง
“เ้าเองเหรอ” ไป๋เสียกล่าว “เ้ากลับมาจริงๆ ด้วย”
“ความปรารถนา...” ลู่เต้ากล่าวกับจอมมารรูปงามในกำแพงน้ำแข็งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หากปลดปล่อยเ้าออกมา เ้าจะทำให้ความปรารถนาของข้าเป็จริงหนึ่งข้อใช่หรือไม่”
“โอ้?” ไป๋เสียสนใจ “เหตุใดถึงเปลี่ยนใจกะทันหันเล่า”
“หมู่บ้านถูกปีศาจรุกราน ทุกคนถูกสิงร่าง” ลู่เต้ากัดฟันกล่าวด้วยความเศร้าโศก “มีเพียงข้าที่หนีรอดออกมาได้”
ไป๋เสียหัวเราะอย่างชั่วร้าย “เ้าเลยมาขอความช่วยเหลือที่นี่อย่างนั้นหรือ”
เขาทาบมือบนอก ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงโอ้อวด “มาขอความช่วยเหลือจากคนในวิถีมารอย่างข้า”
“ด้วยพลังของเ้า คงจะปราบพวกปีศาจได้ใช่หรือไม่” ลู่เต้าสบตากับเงาสีดำในกำแพงน้ำแข็ง “เ้าเพียงแค่บอกข้าว่าทำได้หรือไม่ได้ก็พอ”
“แน่นอนว่าได้ เพียงแต่ข้าเปลี่ยนใจแล้ว” เสียงของไป๋เสียหยิ่งยโสยิ่ง “ครั้งก่อนเ้าปฏิเสธความปรารถนาดีของข้า ครั้งนี้เ้าอยากให้ข้าช่วย เ้าต้องมอบสิ่งที่มีค่ากว่า มิฉะนั้น เ้ามีสิทธิ์อะไรมาสั่งข้าเล่า”
ลู่เต้ากัดฟันกล่าว “ข้า...ไม่มีเงิน”
“เงิน? นั่นไม่มีค่าอะไรสำหรับข้า” ไป๋เสียแนบใบหน้าเข้ากับกำแพงน้ำแข็ง แล้วกระซิบข้างหูของลู่เต้าด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า “ขอเพียงเ้ามอบร่างกาย ข้าก็จะช่วยชีวิตพวกเขากลับมาให้เ้า”
“มอบร่างกาย เช่นนั้นข้าก็...” ลู่เต้าเอ่ยด้วยความประหลาดใจ
“เ้าจะไม่มีตัวตนอีกต่อไป ข้าจะเข้าไปแทนที่เ้าเพื่อเกิดใหม่อีกครั้ง” ไป๋เสียกล่าวเรียบๆ
เดิมทีไป๋เสียคิดว่าลู่เต้าจะยอมแพ้ ใครจะคิดว่าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ลู่เต้าก็เดินมาอยู่เบื้องหน้าไม้สะกดมารอันประณีตงดงามและแกะสลักลวดลายซับซ้อนไว้ มันเปล่งรัศมีสังหารอันเยือกเย็นที่บอกเล่าถึงพลังอันไร้เทียมทาน
“เฮ้ เ้าหนู หลังจากเอามันออกไป เ้าจะไม่ใช่เ้าอีกต่อไปแล้ว ตัดสินใจแล้วอย่างนั้นหรือ” ก่อนที่ลู่เต้าจะดึงไม้สะกดมารออก ไป๋เสียแสร้งทำเป็เตือนลู่เต้าว่าการกระทำนี้หมายถึงอะไร
“ขอเพียงช่วยชีวิตทุกคนได้ เ้าอยากอะไรก็เอาไปได้หมด” ลู่เต้ายกมือทั้งสองจับไม้สะกดมารไว้ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วออกแรง “ดังนั้น...”
แกร่ก... แกร่ก... แกร่ก...
บนผิวน้ำแข็งรอบไม้สะกดมารพลันปรากฏรอยแตกร้าวกระจาย เมื่อลู่เต้าออกแรง รอยร้าวยิ่งขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งลามไปทั่วทั้งถ้ำน้ำแข็ง
“ขอยืมพลังของเ้า!”
พร้อมกับเสียง “โครม” ดังสนั่น ไม้สะกดมารสีดำสนิทถูกดึงออกมาพร้อมกับเศษน้ำแข็ง! กำแพงน้ำแข็งที่ผนึกไป๋เสียไว้ก็แตกสลายกลายเป็เศษ เกล็ดน้ำแข็งสีขาวที่ห่อหุ้มลู่เต้าไว้ด้านในพลันแตกกระจาย
เงาร่างสีดำที่ยืนอยู่กลางเกล็ดน้ำแข็งสีขาวยินดีปรีดาที่ได้กำเนิดใหม่อีกครั้ง
“เื่ของท่านปู่...ฝากเ้าด้วย” เสียงอันอ่อนแรงดังแ่เบาก่อนจะสลายหายไป
