เหมาเข็ดขัดหนังและกระเป๋าเงินใบเล็กกลับมาั้แ่รับสินค้าครั้งก่อนแล้ว
ทว่ายังไม่จัดกิจกรรมทันที เพราะ้าให้เหล่าลูกค้าของ ‘หลานเฟิ่งหวง’ ได้พักหายใจหายคอก่อน การถอนขนแกะย่อมต้องรอพวกแกะอวบอ้วนมีเวลาขนขึ้นใหม่อีกครั้ง เช่นเดียวกับการเข้าสู่เดือนใหม่ จะต้องมีเงินเดือนเข้าบัญชีแน่นอน
ฤดูใบไม้ผลิเดือนมีนาคมแล้ว ยังไม่อยากซื้อเครื่องแต่งกายประจำฤดูใบไม้ผลิอีกหรือ?
เสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิของปีนี้เหลือ่เวลาจำหน่ายเพียงหนึ่งเดือน พอถึงต้นเดือนพฤษภาคม หลานเฟิ่งหวงก็ควรขายเครื่องแต่งกายฤดูร้อนแล้ว
เธอยังไม่ได้คิดไว้ว่าจะส่งเสริมการขายอย่างไร เธอเพียง้าขายเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิรอบนี้ให้หมดก่อน แบบที่ขายไม่ค่อยดีสามารถวานให้เฉินซีเหลียงเปลี่ยนใหม่ให้ได้ ก่อนนำเข้าเสื้อผ้าฤดูร้อน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่คิดจะไปหยางเฉิงเพื่อรับสินค้าด้วยตนเอง ตอนนี้เธอต้องใช้พลังงานทั้งหมดรับมือกับ ‘การสอบคัดเลือกรอบแรก’ ในเดือนพฤษภาคม จริงอยู่ที่่ต้นยุค 80 ผู้คนมากมายยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มันคือคณะที่เร้นลับทีเดียว แต่นี่ไม่ได้แปลว่าคู่แข่งของเซี่ยเสี่ยวหลานน้อย ไม่ว่าคณะไหน อย่างไรเสียก็เป็ถึงมหาวิทยาลัยหัวชิง จำนวนคนสอบเข้าจึงไม่น่าจะน้อย
เซี่ยเสี่ยวหลานลองศึกษาคะแนนรับเข้าเรียนขั้นต่ำของมณฑลอวี้หนานเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยหัวชิงใน่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เธอต้องสอบได้คะแนนอย่างต่ำมากกว่า 570 คะแนน
ยิ่งใกล้ 600 คะแนนยิ่งปลอดภัย ถ้ามากกว่า 600 คะแนนได้ ก็ไม่กลัวโดนคนอื่นเบียดตกอับดับขั้นต่ำแล้ว
สำหรับการสอบปลายภาค เซี่ยเสี่ยวหลานสอบได้เพียง 514 คะแนน ยังอีกยาวไกลกว่าจะถึง 570 คะแนน ความมั่นใจในการสอบเข้าหัวชิงของเธอมาจากการทำแบบฝึกหัดอย่างบ้าระห่ำใน่เวลาที่เหลือ และมาจากข้อสอบเกาเข่าวิชาคณิตศาสตร์ปี 84 ที่เธอจดจำได้ทั้งหมดแล้วเท่านั้น... ข้อสอบจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่? เซี่ยเสี่ยวหลานไม่สามารถบอกได้ เพราะเธอเคยเดินทางไปเยว่หยาง ทว่าหา ‘ตัวเอง’ ไม่พบ ดังนั้นโลกนี้ไม่ได้เหมือนโลกที่เธอจากมาทุกอย่าง
ถ้าข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ปี 84 ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เซี่ยเสี่ยวหลานจะทำข้อสอบคณิตศาสตร์นี้ได้คะแนนเต็มอย่างไร้ข้อกังขา
สอบปลายภาคครั้งก่อนวิชาคณิตศาสตร์ของเธอได้ 102 คะแนน วิชาคณิตศาสตร์วิชาเดียวคะแนนเต็มคือ 120 คะแนน ต่อให้ข้อสอบเหมือนกับในความทรงจำของเธอโดยไม่แปรเปลี่ยน ฟังดูแล้วก็เพิ่มขึ้นแค่ 18 คะแนนเท่านั้น ยังห่างจากคะแนนขั้นต่ำ 570 คะแนนอีกไกลมากไม่ใช่หรือ? ความจริงคือ หากข้อสอบเกาเข่าปี 84 ไม่เกิดความเปลี่ยนแปลง ความยากที่บีบคั้นจิตใจผู้เข้าสอบจนพังทลายนั้นเพียงพอสำหรับกำจัดคู่แข่งจำนวนมากของเซี่ยเสี่ยวหลานแล้วนั่นเอง
คะแนนขั้นต่ำโดยรวมของเกาเข่าปีนี้จะลดลงเนื่องจากวิชาคณิตศาสตร์
แน่นอนว่าสำหรับเหล่าเด็กเรียนที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดัง โจทย์คณิตศาสตร์ยากหรือไม่ก็ไม่กระทบต่อพวกเขามากนัก แต่ไม่ใช่นักเรียนดีเด่นทุกๆ คนจะปราดเปรื่องในทุกวิชา เด็กเรียนเก่งที่ค่อนข้างอ่อนคณิตศาสตร์ พอได้ข้อสอบคณิตศาสตร์ตอนสอบเกาเข่าก็ปวดศีรษะเหมือนกัน ถ้าทุกคนคะแนนร่วง เซี่ยเสี่ยวหลานกลับได้เพิ่มขึ้นสิบกว่าคะแนนในวิชานี้ ความได้เปรียบย่อมมากขึ้น
แม้หากมิใช่ข้อสอบฉบับเดียวกับในความทรงจำของเธอ วิชาคณิตศาสตร์ก็เป็วิชาถนัดของเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ดี
เธอแค่ทำคะแนนเต็มไม่ได้ ทว่าไม่มีทางโดนรั้งจนต้องถอยหลังแน่นอน
ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่ตะบี้ตะบันท่องจำ สำหรับความรู้ที่จำเป็ต้องตั้งใจท่องจำพวกนั้น เธอตัดสินใจจะเริ่มหลังการสอบคัดเลือกรอบแรกผ่าน ความจำของคนเรามีวัฏจักรการลืม ท่องตอนนี้ก็ต้องทบทวนไปตลอด มิเช่นนั้นจะลืมเลือนเอาได้
ของฝากที่เซี่ยเสี่ยวหลานนำกลับบ้านมาถูกแบ่งให้บ้านหลี่เฟิ่งเหมยเป็หลัก ส่วนขนมนุ่มลิ้นเธอมอบให้ย่าอวี๋ เนื่องจากย่าอวี๋เป็โรคเบาหวาน จะรับประทานของแบบนี้มากไม่ได้ ส่วนเื่รับคนเข้าทำงาน เธอเขียนประกาศรับสมัครงานและให้หลี่เฟิ่งเหมยติดไว้หน้าประตูร้าน ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็ต้องไปดูร้านแล้ว ตั้งใจทบทวนบทเรียนและทำแบบฝึกหัดอยู่บ้านได้อย่างสบายใจ
ชงนมวัวดื่มหนึ่งแก้ว กินปิ่งลิ้นวัว [1] สองชิ้น จากนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานก็นำหนังสือเรียนออกมา
บ้านย่าอวี๋เป็บ้านหลังเดี่ยว สภาพแวดล้อมสงบเงียบเหมาะกับการตั้งใจทบทวนบทเรียนยิ่งนัก หากตอนแรกเลือกเช่าอาคาร เพื่อนบ้านจะได้ยินกระทั่งเสียงยามผายลมเสียงดัง ไม่มีทางสงบเท่าบ้านย่าอวี๋แน่นอน สถานที่กว้างขวาง เงียบสงบสะดวกสบาย เมื่อมีจุดเด่นเหล่านี้ อารมณ์แปรปรวนของย่าอวี๋ก็ไม่ถือว่าเป็ข้อเสียอันยากจะรับไหว
ยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างย่าอวี๋กับเซี่ยเสี่ยวหลานและมารดาดีขึ้นมาก นอกจากการพูดจาไม่รื่นหู ย่าอวี๋คือคนที่แบ่งแยกความโปรดปรานและความเกลียดชังอย่างชัดเจน เซี่ยเสี่ยวหลานชื่นชอบที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนประเภทนี้ แข็งกระด้างก็แข็งกระด้างเถอะ ย่อมดีกว่าหญิงชราที่เสแสร้งโศกเศร้าน่าเวทนาอยู่ทั้งวัน
ย่าอวี๋ไม่มีวันแสร้งทำตัวน่าสงสาร เธอคือหญิงชราตัวคนเดียว ถ้าแสดงความอ่อนแอ ไม่พ้นโดนคนอื่นกรูเข้ามารุมยับแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานทบทวนทั้งเช้า และออกจากห้องมาคลายสมอง
จับย่าอวี๋ที่กำลังแอบรดน้ำให้กล้วยไม้บนขอบหน้าต่างของเธอได้พอดิบพอดี
“ย่าอวี๋ เช้าวันนี้ฉันเห็นคุณวนเวียนอยู่สองสามหน มีอะไรจะคุยหรือเปล่าคะ?”
ย่าอวี๋ตั้งคอตรง “ใครจะคุยกับเธอ ฉันรอดูเื่ตลกงี่เง่าอยู่ต่างหาก ดูว่าเธอจะโดนจับใส่ห่อขายวันไหนก็เท่านั้น!”
หญิงชราผู้นี้แค่พูดจาดีๆ ไม่เป็ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ถือสาเอาความกับเธอ
“คุณพูดถึงเื่ของน้าฉันหรือคะ? ฉันปฏิเสธแล้วล่ะ!”
ย่าอวี๋หัวเราะเยาะ “บางคนหน้าทนจะตายไปนะ แค่เธอปฏิเสธก็ไม่คิดจัดการเธอแล้วอย่างนั้นหรือ? ฉันว่าเขาคงส่งเธอไปแต่งงานกับเ้าโง่สักคนเพื่อหลอกเอาสินสอด หรือไม่ก็พ่อม่ายแก่ ถ้าผลประโยชน์ยังไม่ตกถึงมือ คนหน้าด้านหน้าทนไม่มีทางยอมแพ้หรอก”
ท่าทางฉลาดหลักแหลมเสียเต็มประดา ทั้งที่จริงโง่เขลาเสียจนความคิดถูกเขียนไว้บนหน้าหมดแล้ว
ย่าอวี๋ใช้ชีวิตมาจนมีประสบการณ์ช่ำชอง คนอย่างหลิวฟางจะรีบเร่งก็ต่อเมื่อตนเองได้ประโยชน์เท่านั้น บนโลกนี้มีคนที่ชื่นชอบการเป็แม่สื่อจับคู่ แต่ย่าอวี๋เห็นว่าหลิวฟางไม่เหมือนมีเจตนาดีสักนิด
แม้หลิวฟางจะหลุดเผยความเ้าเล่ห์ออกมาแล้วก็จริง ทว่าหลิวเฟินไว้ใจคนง่ายยิ่งกว่า ย่าอวี๋ไม่กังวลว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะโดนหลอกแม้แต่น้อย เซี่ยเสี่ยวหลานถือว่าเป็พวกหน้าเนื้อใจเสือกลายๆ ไม่ได้หลอกง่ายดายขนาดนั้น
“เื่ที่คุณบอกฉันจะระวังไว้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
คงเป็ไปไม่ได้ที่จะไม่ยอมให้หลิวเฟินขาดการติดต่อกับญาติทุกคนหรือเปล่า?
มารดาเธอเชื่อคนง่าย ทำได้เพียงให้เซี่ยเสี่ยวหลานคอยใส่ใจ หรืออีกหน่อยมารดาเธอมีมิตรสหายของตนเองมากขึ้น น้องสาวแท้ๆ จะมาเยี่ยมเยียนหรือไม่ มารดาเธอคงไม่สนใจสักเท่าไรแล้ว ส่วนตอนนี้น่ะหรือ วงสังคมแคบยิ่งนัก หลิวฟางยินดีจะมาก็มาเถอะ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ยี่หระที่อีกฝ่ายเอาเปรียบ ขอแค่ทำให้มารดาเธอเบิกบานใจเป็พอ
แม้เซี่ยเสี่ยวหลานเตรียมใจแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าหลิวฟางน้าของเธอจะเป็คนอุตสาหะไม่เสื่อมคลาย
----------------------------------------
หลิวฟางกลับไปเล่าสิ่งที่เจอในซางตูให้เหลียงปิ่งอันฟัง
บอกว่าร้านเสื้อผ้าเปิดโดยหลี่เฟิ่งเหมย แต่พี่ชายเธอยังต้องออกไปทำงานก่อสร้างข้างนอกอยู่ดี น้ำเสียงมีความอัดอั้นขุ่นเคืองเต็มที่
“ไม่รู้จักสงสารสามีตัวเองบ้างหรือไรนะ? ฉันว่าร้านนั้นทำเงินได้ตั้งเยอะแยะ ลงทุนกับคนอื่นก็ไม่ถึงกับต้องปล่อยให้พี่ใหญ่ไปทำงานก่อสร้างหรือเปล่า?”
อย่างไรเสียสามีภรรยาที่แต่งงานครั้งแรกก็ดีกว่า ก่อนหน้านี้หลี่เฟิ่งเหมยเคยออกเรือนแล้วหนึ่งหน แม้มีลูกกับหลิวหย่งพี่ชายเธอแล้ว แต่ในใจคิดอะไรใครจะไปรู้ได้เล่า!
เหลียงปิ่งอันกลับคิดว่าเธอปากคอเราะร้ายและพูดจาหาเื่ไปทั่ว “พี่ใหญ่ยังไม่ว่าอะไรเลย พวกเขาสามีภรรยาย่อมรู้จักหารือกันอยู่แล้ว เื่นี้เป็สิ่งที่น้องสาวอย่างคุณควรพูดหรือ?”
หลิวฟางตัดพ้อว่าพี่ชายลำเอียงด้วย ไม่รู้ว่าช่วยเหลือเงินให้หลิวเฟินที่หย่าร้างไปเท่าไรแล้ว ขนาดเซี่ยเสี่ยวหลานยังได้ไปเที่ยวปักกิ่ง ซื้อของฝากมากมายกลับมาพะเน้าพะนอคนอื่น หลิวหย่งคงอุดหนุนเงินให้เป็แน่
เหลียงปิ่งอันไม่อาจสรรหาคำอะไรมาพูดกับเธอเลยจริงๆ
บ้านเหลียงไม่ขาดแคลนเงินจำนวนแค่นี้เสียหน่อย มีอะไรต้องริษยา? หรือจะต้องให้เขาคนนี้ใช้ชีวิตโดยพึ่งพาเงินอุดหนุนจากพี่ชายภรรยาที่ทำธุรกิจอิสระ? เหลียงปิ่งอันไม่ยอมคนคนนั้นหรอก! อีกอย่างหลายปีมานี้หลิวฟางห่างเหินกับครอบครัวไปไม่น้อย หลังหลิวเฟินหย่าก็พาลูกสาวไปอาศัยบ้านแม่ อยู่ด้วยกันทั้งวันทั้งคืนใต้ชายคาเดียวกัน ย่อมรักใคร่เอ็นดูเซี่ยเสี่ยวหลานมากกว่าแน่นอน
ข่าวคราวที่หลิวฟางนำกลับมาทำให้เหลียงปิ่งอันไม่กังวลใจอีกต่อไป
หลิวหย่งและหลี่เฟิ่งเหมยน่าจะได้รับความช่วยเหลือจากคนใหญ่คนโต ถึงได้เปิดหน้าร้านในเมืองได้เช่นนี้ เหลียงปิ่งอันไม่หวังให้พี่ชายภรรยามาเกื้อกูลเื่เงินทอง แต่ก็ไม่คิดจะไปสร้างความขุ่นเคืองใจแก่พี่ชายภรรยาผู้มีเส้นสาย ทว่าการที่หลิวหย่งมีเงินเป็คนละเื่กับหลิวเฟินและลูกสาว หลิวหย่งอาจจะช่วยหลิวเฟินกับลูกได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังมีภรรยาและลูกชายของตนเองอยู่ หลิวเฟินกับเซี่ยเสี่ยวหลานไม่อาจใช้เงินที่หลิวหย่งหามาได้ตามอำเภอใจเสมอไป
เหลียงปิ่งอันคิดว่าธุระจับคู่ให้แก่เซี่ยเสี่ยวหลานมีโอกาสสำเร็จสูงดั่งเดิม
เชิงอรรถ
[1]牛舌饼 ปิ่งลิ้นวัว คือ ขนมชนิดหนึ่ง ปกติขนมปิ่ง (饼) จะมีลักษณะเป็แป้งจี่บาง แต่ปิ่งลิ้นวัวมีรูปทรงเป็วงรียาวคล้ายลิ้นวัว และมีไส้ด้านในที่ทำจากงาดำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้