“มหาค่ายกลจิติญญาจักษุ์มายา!!!” สองมือของหนิงอ้ายประสานรวดเร็วฉับไว ทันใดนั้นตราลัญจกรรูปลักษณ์ดวงตาสีทองขนาดใหญ่ได้ปรากฏเด่นชัดขึ้นกลางฟ้า เสร็จสิ้นก็ตวัดวาดอักขระเวทย์วิถีอีกชุดหนึ่งกำกับไว้ แรงกดดันทางพลังจิติญญาถาโถมลงมากระหน่ำใส่ทั่วบริเวณนั้น ความรุนแรงกล้าแกร่งสายนี้ได้ทำให้ร่างจิติญญาดังกล่าวสั่นสะท้านวูบวาบด้วยการจู่โจมทางพลังจิติญญาที่หนักหน่วง
นางพยายามกัดฟันอดทนอย่างสุดความสามารถที่งยังปลดปล่อยพลังแห่งการทำลายล้างออกมาโดยไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้น สะเก็ดเพลิงสีแดงฉานปลิวว่อนกระจายทั่วสารทิศ พลานุภาพที่นางสำแดงออกมากล่าวว่าเกินขีดจำกัดความสามารถของนางมากแล้วเช่นกัน หลังจากนี้หนิงอ้ายย่อมไม่ปล่อยให้นางได้กระทำตามใจสร้างความวุ่นวายไปมากกว่านี้ได้แล้ว
ฉับพลันนั้นหนิงอ้ายได้ตวัดมือข้างหนึ่งบัญชาการเปลวเพลิงสีแดงทองประกายรุ้งที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของสายโลหิตที่น่าสะพรึงกลัวสุดขีดที่ลุกท่วมเตาหลอมโอสถให้พวยพุ่งเข้าแผดเผาร่างิญญานี้โดยไร้ซึ่งความปราณีทั้งสิ้น เกิดเป็ปรากฎการณ์สะท้านฟ้าะเืดินไม่หยุดยั้ง ห้วงอากาศโดยรอบต่างถูกแผดเผาเป็ทางยาวสุดสายตา แม้แต่หนิงอ้ายก็ยังอดตะลึงกับปรากฎการณ์นี้ไม่ได้ เปลวเพลิงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลานุภาพที่กร้าวแกร่งปานนี้ถือว่าเหนือชั้นกว่าครั้งใดที่เคยบัญชาการเรียกใช้มาก่อนหน้า
ร่างจิติญญาของสตรีสาวไม่ประวิงเวลาไปมากกว่านี้ หลังจากรวบรวมพลังปราณะเิเข้าสู่สภาวะขั้นสุดยอดได้แล้ว นางจึงย่ำอากาศพุ่งพรวดพราดขึ้นกลางอากาศด้วยพลังทำลายล้างขั้นสุดยอด เสียงะเิดังสะท้านกลางเวหาด้วยพลังทำลายอันสุดยอดอหังการ ม่านพลังปราณทิวาธาตุพลันสั่นไหวรุนแรงราวกับกำลังแตกทลาย กล่าวได้ว่ายามนี้ร่างจิติญญาของโสมอัคคีพิสุทธิ์เข้าสู่เขตขั้นเหนือล้ำที่รับมือได้ยากยิ่งอย่างแท้จริง
“บีบคั้นรอคอยให้สมุนไพรวิเศษระดับ์ะเิพลังผลดปล่อยมลทินที่กักเก็บภายใน หากข้าไม่พอทราบประวัติความเป็มาของเขาแล้วคงคิดว่าเป็ตาเฒ่าประหลาดที่แปลงกายเป็รุ่นเยาว์คงไม่เกินจริงไปนัก...” ผู้าุโเหลียงที่มองเห็นั้แ่เริ่มต้นจึงทราบกระจ่างชัดถึงกลวิธีของนักปรุงโอสถน้อยท่านนี้ การกระทำเช่นนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ง่ายต่อการขจัดมลทินที่เจือปนอยู่ในพลังของสมุนไพรวิเศษเหล่านี้ วิธีการดังกล่าวนี้จำเป็ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญอย่างมากเลยทีเดียว
“สลาย!!!” การตื่นขึ้นของเปลวเพลิงสายนี้หนิงอ้ายไม่รอช้าบัญชาการเพื่อหลอมละลายสมุนไพรระดับ์ตรงหน้า มากไปกว่านั้นเพลิงสายนี้กลับไม่ได้ปลดปล่อยความร้อนแก่ผู้ใดทั้งสิ้น ยกเว้นเพียงแต่สมุนไพรระดับ์เพียงเท่านั้น เวลานั้นร่างจิติญญาของโสมอัคคีพิสุทธิ์ได้ถูกจู่โจมตั้งจากเปลวเพลิงและค่ายกลพลังจิติญญาจนสติแทบเลือนลางและค่อย ๆ สูญสลายไปทีละน้อย
ทว่าด้วยอานุภาพอันลึกล้ำพิสดารของเปลวเพลิงสีแดงทองประกายรุ้ง อันเป็เปลวเพลิงระดับต้นกำเนิดที่มีความเป็มาไม่ธรรมดาสามัญแล้ว ไอร้อนนี้ได้แผดเผาทำลายร่างจิติญญาและสมุนไพรวิเศษนี้ในเวลาไม่กี่สิบรอบลมหายใจ หนิงอ้ายในเวลานั้นนอกจากจะแบ่งสมาธิเพื่อจัดการสมุนไพรแล้ว ยังอดไม่จะอยากรู้ในขุมพลังอันลี้ลับของเปลวเพลิงสายนี้ โดยหวังว่าสักวันหนึ่งเขาจะสามารถควบคุมบัญชาการได้อย่างสมบูรณ์
ท่ามกลางกระแสเปลวเพลิงสีแดงทองประกายรุ้งที่โรมรันแผดเผาสมุนไพรวิเศษระดับ์ที่ยามนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็ของเหลวสมุนไพรที่เปล่งประกายระยิบระยับแพรวพราวลอยหมุนวนไปมา ส่งกลิ่นอายบริสุทธิ์ยิ่งยวดอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอันลึกลับชวนให้ผู้ที่ได้กลิ่นรู้สึกสงบและผ่อนคลายไม่น้อย ขุมพลังภายในนั้นแม้จะถูกเรียกใช้ออกมาเพื่อต่อต้านการแผดเผาไปไม่น้อย แต่ก็ยังนับได้ว่าพลังงานที่หลงเหลืออยู่ยังมีมากเพียงพอที่จะไม่ให้โอสถปลุกสายเืนี้ลดทอนคุณวิเศษแต่อย่างใด
หนิงอ้ายประสานท่ามือก่อนจะโยกย้ายบรรดาของเหลวสมุนไพรชั้นรองและของเหลวสมุนไพรชั้นหลักลงสู่เตาหลอมโอสถนี้ในที่สุด ยามนี้อักขระเวทย์ที่ถูกสลักกำกับก่อนหน้าได้ถูกปลดผนึกคลายออก พลังจิติญญาอันเข้มข้นได้ชักนำของเหลวสมุนไพรทั้งหมดนี้ค่อย ๆ หลอมรวมด้วยความละเอียดอ่อน ขั้นตอนนี้จำเป็ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญอย่างไม่น้อย พึงทราบว่าการหลอมสร้างปรุงโอสถในแต่ละครั้งนั้นนอกจากต้องอาศัยวัตถุดิบที่ล้ำค่ารวมไปถึงสมุนไพรวิเศษที่ลึกล้ำแล้ว ความเข้าใจและความละเอียดอ่อนทางวิถีโอสถก็เป็สิ่งที่สำคัญไปไม่แพ้กันเลยทีเดียว
บรรดาของเหลวหลากหลายสีสันที่สกัดได้จากสมุนไพรวิเศษแต่ละชนิดย่อมเต็มไปด้วยพลังงานบริสุทธิ์หรือพลังปราณธาตุที่ได้สั่งสมมาเป็เวลานาน ต่อให้เป็เพียงสมุนไพรระดับต่ำนั้นก็มีพลังงานสะสมจากการดูดซับลมปราณฟ้าดินไม่ด้อยกว่าเกือบหนึ่งร้อยปีแล้ว ด้วยความแตกต่างทั้งในเื่ของพลังปราณสะสมและสังกัดปราณธาตุตั้งต้นรวมไปถึงคุณวิเศษเฉพาะที่สมุนไพรบางชนิดนั้นหากแยกใช้ก็จะเกิดผลดีมากกว่ารวมกัน ดังนั้นสิ่งที่จำเป็และเป็เื่พื้นฐานที่นักปรุงโอสถที่ต้องเรียนรู้นั่นคือการเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับคุณสมบัติของสมุนไพรประเภทต่าง ๆ
หากเป็นักปรุงโอสถที่ยังไม่ได้มีความลึกซึ้งเชี่ยวชาญมากเพียงพอ ในการหลอมรวมของเหลวสมุนไพรแต่ละชนิดนั้นจะต้องมีขั้นตอนและแบบแผนที่ค่อนข้างเคร่งครัด ด้วยเพราะกระแสพลังบริสุทธิ์ภายในของเหลวสมุนไพรแต่ละชนิดหาได้อ่อนด้อยแต่อย่างใดไม่ หากไม่มีพลังจิติญญาที่ละเอียดอ่อนที่มากเพียงพอต่อการควบคุมบัญชาการพลังงานเหล่านี้ที่เปี่ยมล้นของสมุนไพรวิเศษแล้วยากจะปรุงโอสถที่มีความบริสุทธิ์ระดับสูงออกมาได้
ทว่ากับหนิงอ้ายคล้ายกับว่าข้อจำกัดเหล่านี้จะถูกทลายลงไปทั้งสิ้น องค์ความรู้เกี่ยวกับการปรุงโอสถที่ได้รับการถ่ายทอดจากเทพโอสถาเสวี่ยจิงกล่าวว่าเปิดหูเปิดตาเขาอย่างถึงที่สุด แม้ไม่อาจกล่าวว่ายามนี้ทักษะฝีมือของเขาจะเหนือล้ำเทียบเท่านักปรุงโอสถระดับเจ็ดสิ่งนี้อาศัยเพียงแต่เวลานั้น
ครืน!!
เวลานั้นกระแสพลังบริสุทธิ์ของบรรดาของเหลวสมุนไพรทั้งหมดต่างเข้าปะทะทำให้เกิดเป็คลื่นกระเพื่อมสาดซัดออกมาเป็ระลอกคลื่นโดยรอบของเตาหลอมโอสถ ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใดกลิ่นหอมของโอสถยิ่งเข้มข้นฟุ้งกระจายกลิ่นหอมไปทั่วทั้งบริเวณ เพียงสูดดมเข้าไปก็ส่งผลให้ความเมื่อยล้าคลายไปสิ้น ผู้ที่มีอาการเรื้อรังจากการาเ็หรือกำลังฟื้นฟูพลังลมปราณก็จะได้รับการฟื้นฟูด้วยความรวดเร็วอย่างสุดขีด ผลลัพธ์อันเยี่ยมยอดนี้เป็เพียงส่วนหนึ่งของดอกผลในการหลอมสร้างปรุงโอสถอันยอดเยี่ยมล้ำค่าอย่างแท้จริง
การปรุงโอสถได้ผันผ่านมาเกือบหนึ่งเดือนถัดมาจนในที่สุดของเหลวสมุนไพรทั้งหมดกว่าสองพันชนิดต่างสอดประสานกันได้อย่างลงตัวเหมาะสมอย่างสมบูรณ์ ของเหลวโอสถเม็ดนี้เป็สีแดงประกายเงาแวววาวยิ่งก่อนจะค่อย ๆ ถูกบีบอัดขึ้นรูปเป็เม็ดโอสถทรงกลมเม็ดหนึ่งด้วยความระมัดระวัง เวลานั้นสีหน้าของผู้าุโเหลียงรวมถึงนักปรุงโอสถท่านอื่นต่างแสดงท่าทางเคร่งเครียดออกมากันเล็กน้อย
ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการหลอมสร้างโอสถนั้นคือการขจัดมลทินสุดท้ายเพื่อให้โอสถเม็ดดังกล่าวมีคุณภาพความบริสุทธิ์ล้ำเลิศให้ได้มากที่สุด การบีบอัดขึ้นรูปเม็ดโอสถก็มีความสำคัญไปไม่แพ้กัน ด้วยเพราะเป็การบีบอัดพลังงานทั้งหมดที่เคยอยู่ในรูปของเหลวให้กลายเป็เม็ดทรงกลมขนาดพอดี สองขั้นตอนเหล่านี้หากมีความผิดพลาดไปในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งนั่นก็เท่ากับว่าสิ่งที่ทุ่มเทพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาสูญเปล่าไร้ความหมายใดทั้งสิ้น
ไม่นานเกินรอหนิงอ้ายได้ประสานมือขึ้นพร้อมกับบัญชาการพลังจิติญญาออกมาถึงขีดสุด กระแสพลังที่ลึกล้ำสุดขีดที่ยากจะเชื่อได้ว่าจะพบเจอในรุ่นเยาว์อายุสิบหกสิบเจ็ดปีได้สร้างความตกตะลึงแก่ทุกคนในที่นี้อีกครั้ง เปลวเพลิงสีแดงทองประกายรุ้งลุกโหมเข้าโอบล้อมบีบอัดของเหลวโอสถให้เป็รูปร่างมากยิ่งขึ้น เวลานั้นเหนือท้องฟ้า้าได้เริ่มแปรเปลี่ยนสีสันและปรากฎเป็กลุ่มเมฆที่ถูกกระจุกรวม ไม่กี่อึดใจต่อมาคลื่นพลังอหังการสายหนึ่งได้สาดซัดถาโถมลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง
สิ่งนี้กล่าวได้ว่าเป็ทัณฑ์โอสถที่นักปรุงโอสถล้วนคุ้นเคยกันเพียงอย่างดี ความรุนแรงของทัณฑ์โอสถจะปรากฏขึ้นตามจำนวนของระดับโอสถ ดังเช่นโอสถระดับสี่ก็จะปรากฎทัณฑ์โอสถจำนวนสี่สาย โอสถระดับห้าก็จะปรากฏทัณฑ์โอสถจำนวนห้าสาย ประกายแสงสีจะเข้มข้นหรืออ่อนจางล้วนขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของโอสถที่หลอมรวมขึ้นมาได้ ยิ่งมีความบริสุทธิ์มากเท่าใดประกายรัศมีความเข้มข้นก็จะเพิ่มทวีมากไปเท่านั้น
ครืน!! ครืน!! ครืน!!
กลางชั้นฟ้าเหนือเตาหลอมโอสถได้บังเกิดเป็เสียงคำรามขู่ก้องเป็ดังสัญญาณบางประการของสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ กลิ่นอายอันอหังการของปราณอัสนีธาตุนั้นเข้มข้นถึงขีดสุดรุนแรง หนิงอ้ายอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย จริงอยู่ที่ว่าโอสถปลุกสายเืเม็ดนี้กำลังเข้าสู่ของโอสถทิพย์ระดับเจ็ดที่สามารถเรียกทัณฑ์โอสถได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ดูเหมือนว่าทัณฑ์โอสถนั้นจะรู้สึกได้ถึงขุมพลังของโอสถทิพย์มากกว่าเขตขั้นใดกระมัง
“เป็ไปได้อย่างไรกัน ทัณฑ์โอสถที่แฝงไปด้วยปราณธาตุอัคคีอย่างนั้นรึ ไม่ใช่ว่าโดยทั่วไปแล้วจะเป็เพียงปราณธาตุอัสนีหรืออย่างไร?? ” นักปรุงโอสถระดับห้าที่จ้องทัศนาอยู่จึงเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ ตลอดวิถีของนักปรุงโอสถย่อมเคยประสบพบเจอกับทัณฑ์โอสถมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีครั้งใดที่ต้องพบเจอความพิสดารถึงเพียงนี้
“สิ่งนี้คือความแตกต่างของทัณฑ์โอสถระดับสูงที่ผันแปรไปตามเม็ดโอสถที่ได้หลอมสร้างขึ้น อีกทั้งยังขึ้นตรงต่อปราณธาตุต้นกำเนิดของนักปรุงโอสถผู้นั้นอีกด้วย ดังนั้นทัณฑ์โอสถของเขาจึงเจอปนด้วยปราณาตุไฟดังนี้” ผู้าุโเหลียงตอบกลับให้อีกฝ่ายได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น
ขณะที่กลางชั้นฟ้านั้นบังเกิดการรวมตัวของทัณฑ์โอสถที่มีกลิ่นอายเข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าของบรรดาผู้แข็งแกร่งที่รับหน้าที่กางม่านพลังป้องกันโดยรอบเห็นเป็เช่นนี้แล้วจึงเผยความตึงเครียดออกมา นี่นับเป็ครั้งแรกของอาณาจักรที่ได้บังเกิดทัณฑ์โอสถที่ทรงพลานุภาพมากมายถึงเพียงนี้
“รับคำสั่ง ตั้งค่ายกลเขตแดนัพสุธาตรึงพิภพ!!” ท่ามกลางสีหน้าตกตะลึงของทุกคนที่เห็นภาพดังกล่าว น้ำเสียงแกร่งกร้าวสายหนึ่งที่ได้ขึ้นได้เรียกสติของเหล่าสุดยอดผู้แกร่งกล้าเหล่านี้ให้กลับมาดังเดิม
เงาร่างขององค์ราชันัพสุธารัตนพิภพและบรรดาผู้าุโระดับสูงในอาณาจักรต่างพุ่งทะยานมายังบริเวณดังกล่าว ก่อนองค์ราชันัจะปราดร่างขึ้นเหนือท้องฟ้า สองมือสอดประสานท่วงท่าเพื่อระดมเรียกพลังลมปราณออกมาพร้อมกับขีดเขียนอักขระเวทย์วิถีชุดหนึ่งออกมาอย่างฉับพลัน กระแสพลังปราณแสงสีส้มทองทะลักทลายออกจากร่างกายก่อนจะก่อตัวขึ้นเป็ร่างจำแลงของัพสุธารัตนพิภพขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ส่วนนี้ทั้งหมดอย่างพอดี
เปรี้ยง!!เปรี้ยง!!เปรี้ยง!!
เปรี้ยง!!เปรี้ยง!!เปรี้ยง!!เปรี้ยง!!
ตู้ม!!ตู้ม!!ตู้ม!!
ตู้ม!!ตู้ม!!ตู้ม!!ตู้ม!!
ไม่กี่ชั่วลมหายใจมหาทัณฑ์โอสถอัสนีอัคคีเข้มข้นนับเจ็ดสายได้ฟาดกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรง เสาแสงแห่งทัณฑ์โอสถแต่ละสายเปี่ยมล้นไปด้วยอานุภาพแห่งการทำลายล้างถึงขีดสุดพุ่งเข้าจู่โจมค่ายกลร่างจำแลงัพสุธารัตนพิภพไม่หยุดยั้ง ภายใต้เงาร่างเขตแดนดังกล่าวสั่นะเืเลือนลั่นอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีบางส่วนที่ถูกสลายไปทว่าได้รับแรงหนุนจากพลังลมปราณจากผู้แกร่งกล้าที่คอยซ่อมแซมและเพิ่มความแข็งแกร่งเข้าไปอีกหลายชั้น เสียงะเิดังขึ้นพร้อมกับคลื่นกระแทกกระจายทั่วสี่ทิศแปดทางทำลายทุกสิ่งที่อยู่โดยรอบทั้งสิ้น
“คำนับองค์ราชันัพสุธารัตนพิภพขอรับ!!” ผู้าุโเหลียงที่ได้เห็นผู้มาเยือนจึงรีบเดินเข้ามาต้อนรับประสานมือคำนับทักทายในทันที ใบหน้าหล่อเหลาสมกับ่วัยของอีกฝ่ายแม้จะยังปรากฎสีหน้าเคร่งเครียดแต่ก็ได้ได้ให้ความรู้สึกขุ่นเคืองไม่พอใจออกมาแต่อย่างใด
หลังจากพยักหน้ารับการคำนับของผู้าุโเหลียงและนักปรุงโอสถตรงด้านหลังแล้ว จึงมุ่งตรงไปยังจุดบริเวณที่หนิงอ้ายกำลังหลอมสร้างปรุงโอสถในขั้นสุดท้ายอยู่ ขณะนี้กระแสพลังของมหาทัณฑ์โอสถอัสนีอัคคีได้ค่อย ๆ เลือนหายไปแล้ว ถือว่าการป้องกันครั้งนี้เป็ไปด้วยดีอย่างสมควรที่จะเป็
“ข้ากับบุตรชายตัดสินใจได้แล้ว หลังจากที่บุตรชายของข้าดูดซับโอสถปลุกสายเืเม็ดนี้สำเร็จ ข้าจะเป็ผู้ออกไปตามล่ากระดูกิญญาของอสูรแมงป่องคชสารเพลิงอัคคีมาให้เ้าด้วยตนเอง” เมื่อมาถึงองค์ราชันัพสุธารัตนพิภพจึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบปกติ
“องค์ราชันัไม่ต้องเป็กังวลไป โอสถปลุกสายเืเม็ดนี้ย่อมเป็โอสถทิพย์ระดับเจ็ดที่มีคุณอนันต์ยิ่ง ภายใต้การชักนำฤทธิ์โอสถของผู้าุโเหลียงและนักปรุงโอสถท่านที่เหลือย่อมสามารถกระทำสำเร็จได้อย่างแน่นอน...” หนิงอ้ายเอ่ยออกไปให้อีกฝ่ายคลายซึ่งความกังวล ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าหากอีกฝ่ายไม่ยินยอมรับข้อเสนอดังกล่าว เขาก็คงจะยกโอสถเม็ดนี้ให้แก่ผู้าุโเหลียงและอาจหาหนทางอื่นในการเพิ่มพูนพลังฝีมือของตนอีกครั้ง
“ร่างสัตว์อสูรที่มีแก่นปราณอสูรสังกัดปราณธาตุไฟและแก่นปราณอสูรสังกัดปราณธาตุน้ำตามคุณสมบัติที่เ้าแจ้งมาคือต้องเป็สัตว์อสูรระดับมายาเป็ต้นไปที่อายุไม่น้อยกว่าหมื่นปี ข้าได้เสาะหาจัดเตรียมให้เ้าเรียบร้อย คงต้องรบกวนเ้าช่วยเหลือบุตรชายของข้าปลุกพลังสายเืครั้งนี้แล้ว...” ราชันัพสุธารัตนพิภพกล่าวเสร็จก็ตวัดมือเรียกออกมาเบื้องหน้า เพียงแผ่ญาณััออกไปเล็กน้อยก็ทราบได้ถึงความจริงที่อีกฝ่ายได้เอ่ยขึ้นว่าถูกต้องทั้งหมด สิ่งนี่นับว่าสามารถยืนยันได้แล้วว่าอีกฝ่ายยินยอมรับขอเสนอที่เคยได้ตกลงกันในก่อนหน้า
“ส่วนอีกเื่หนึ่งนั้น คือการมาเยือนขององค์ราชันปกครองของอาณาจักรทั้งแปดที่เหลือ การปรากฎของมหาทัณฑ์โอสถของโอสถระดับเจ็ดเมื่อครู่ได้สร้างความตื่นตะลึงแก่พวกเขาเป็อย่างมาก แม้พื้นที่บริเวณนี้จะถูกปิดกั้นป้องกันได้มากเพียงใด ทว่ากลิ่นอายเฉพาะของทัณฑ์โอสถนั้นไม่อาจปกปิดได้ทั้งหมด เื่นี้เ้าไม่ต้องเป็กังวลใจแต่อย่างใดข้าเป็ผู้รับหน้าในเื่นี้เอง” กล่าวจบลงองค์ราชันัพสุธารัตนพิภพก็ปราดร่างขึ้นกลางฟ้าพุ่งทะยานไปยังบริเวณพื้นที่หนึ่งห่างออกไป
เวลานั้นเงาร่างของผู้แกร่งกล้าที่ติดตามองค์ราชันปกครองอาณาจักรที่เหลือนั้นค่อย ๆ ปรากฏขึ้นจากม่านพลังอำพลาง กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากสุดยอดผู้แกร่งกล้าเหล่านี้ล้วนลึกล้ำไม่ธรรมดาสามัญอย่างแท้จริง ก่อนหน้านี้พลังจิติญญาของหนิงอ้ายที่ผสานเข้ากับวิชามหาจักษุ์อนันตมายาได้ตรวจพบพวกเขาก่อนแล้ว ดังนั้นคำกล่าวที่ได้ยินเมื่อครู่จึงไม่ได้รู้สึกแปลกประหลาดใจแต่อย่างใด
หลังจากจัดการเื่ทัณฑ์โอสถเสร็จสิ้น หนิงอ้ายได้เก็บโอสถเม็ดนั้นเอาไว้ในขวดหยก ก่อนจะจะเริ่มหลอมกลั่นร่างของสัตว์อสุรทั้งสองนี้ หนิงอ้ายบัญชาการพลังจิติญญาเพื่อทำการหลอมกลั่นกายเนื้อของสัตว์อสูร ไขกระดูกและโลหิตเหล่านี้ให้มีความบริสุทธิ์ยิ่งยวด เปลวเพลิงที่ใช้นั้นยังเป็เป็เปลวเพลิงสีแดงทองประกายรุ้ง และด้วยความร้อนแรงแผดเผาถึงขีดสุดแม้ร่างของสัตว์อสูรตรงหน้าจะมีความแข็งแกร่งมากเท่าใด ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเปลวเพลิงสายนี้ของหนิงอ้ายรวมไปถึงความลี้ลับของเตาหลอมโอสถแล้ว ไม่กี่สิบรอบลมหายใจจึงเริ่มมีบางส่วนที่ถูกหลอมละลายได้ในที่สุด...