เดิมทีจวินจิ่วเฉินมีความกลัดกลุ้ม แต่เมื่อเห็นถึงแววตาซักถามของกูเฟยเยี่ยนเขาก็เกิดความโกรธขึ้นมาแล้วจริงๆ
เขาเสียเวลาพูดไปนานมากกว่าจะเกลี้ยกล่อมหัวหน้าาุโเพื่อให้นางมีโอกาสในการตัดสินใจด้วยตนเอง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวคนนี้จะยังลังเลอีก?
ภายในห้องบรรทมในวันนั้นนางได้ร้องขอให้เขาเก็บนางไว้ต่อหลังจากที่ผ่านไปสามเดือน เป็ไปได้หรือไม่ว่าประโยคนั้นจะเป็คำโกหก?
นอกจากใบหน้าเ็าแล้ว จวินจิ่วเฉินก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรต่อกูเฟยเยี่ยนอีก
กูเฟยเยี่ยนคาดเดาความคิดของเขาไม่ออกอยู่แล้ว เมื่อเห็นสีหน้าของเขาจู่ๆ กูเฟยเยี่ยนก็รู้สึกว่าการคาดการณ์ของตนเองเมื่อสักครู่นี้น่าขันมาก เดิมทีจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยคัดเลือกนางเข้ามาในจวนก็เพราะใบเซียมซีของวัดต้าฉือ ต่อให้นางค้นพบความลับของเขาแล้ว เขาก็ไม่ได้คิดจะเก็บนางไว้ต่อ ในตอนนั้นที่นางได้ร้องขอเขา เขาเพียงแค่ไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ตอบรับ ต่อมาหากไม่ใช่เป็เพราะคดีของจิ้งจอกเฒ่า พวกเขาคงจะไม่มีทางได้มีปฏิสัมพันธ์กันมากขนาดนี้ใช่หรือไม่?
ปัจจุบันนี้มีข่าวลือมากมายแพร่กระจายในเมืองจิ้นหยาง และยังมีคนเล่าลือกันว่าใบเซียมซีของวัดต้าฉือเป็ของปลอม ทันทีที่ระยะเวลาสามเดือนสิ้นสุดลงเกรงว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยก็คงจะไม่เก็บนางไว้ต่อ
การที่จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่พอใจไม่ได้เป็เพราะหัวหน้าาุโ้าเก็บนางไว้ เช่นนั้นเป็เพราะเหตุใดกันที่ทำให้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่พอใจ? หัวหน้าาุโก็ไม่ได้กล่าวโทษพวกเขาในเื่ของสนามประมูลนี่นา?
กูเฟยเยี่ยนคิดว่าตนเองเฉลียวฉลาดและมองจิตใจผู้คนได้ทะลุปรุโปร่งมาโดยตลอด ทว่านางกลับมองจิตใจของชายที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ไม่ได้เลย
นางไม่ได้ครุ่นคิดต่อ แต่ตอบปฏิเสธหัวหน้าาุโด้วยความสุภาพ “ด้วยความรักและความกรุณาของท่านหัวหน้า เฟยเยี่ยนซาบซึ้งใจยิ่งนัก เพียงแต่ว่าเฟยเยี่ยนเป็แพทย์หญิงของห้องยาสำนักหมอหลวง ในปัจจุบันนี้ถูกโยกย้ายไปที่จิ้งหวางฝู่ ดังนั้นจึงไม่ใช่คนที่มีอิสระ หวังว่าท่านหัวหน้าจะเข้าใจ”
ที่จริงแล้วคำปฏิเสธของนางไม่ได้ปฏิเสธไปเสียทั้งหมด
เพราะทันทีที่นางออกจากจิ้งหวางฝู่มันจะเป็เื่ยากมากที่จะตั้งหลักในเมืองจิ้นหยางได้ หุบเขาเสินหนงจึงเป็ตัวเลือกที่ไม่เลวนัก แม้ว่านางไม่เต็มใจที่จะวางแผนเช่นนี้ ทว่านางก็ควรปกป้องและหาทางเลือกอื่นมาสำรองไว้ให้กับตนเอง
ทันทีที่ได้ยินเช่นนี้หัวหน้าาุโก็ดีอกดีใจมาก “นังหนูน้อย ถ้าเ้าพูดเช่นนี้เหล่าฟูก็มีแผนอยู่ในใจแล้ว ฮ่าๆ” เขาไม่พูดคุยอะไรกับจิ้งหวางต่อแล้ว เขาคิดว่าเมื่อถึงเวลานั้น เขาต้องตรงไปหาเทียนอู่ฮ่องเต้แล้วเรียกขอคนจากห้องยาสำนักหมอหลวงของเทียนเหยียนก็ได้แล้ว
กูเฟยเยี่ยนจะไปรู้ได้อย่างไรว่าก่อนหน้านี้จวินจิ่วเฉินกับหัวหน้าาุโได้พูดคุยอะไรกัน นางคิดแค่ว่าหัวหน้าาุโเข้าใจในคำปฏิเสธของนางก็เพียงพอแล้ว
นางส่งยิ้มเล็กน้อยแล้วถอยกลับไปยืนด้านข้างของจวินจิ่วเฉินอย่างเชื่อฟัง
จวินจิ่วเฉินถือถ้วยน้ำชาไว้บนมือแต่ไม่ได้ดื่มลงไป ไม่ช้าเขาก็วางลงแล้วลุกขึ้นมาเอ่ยว่า “ท่านหัวหน้า ตอนนี้เป็่เวลากลางดึกแล้ว ผู้น้อยยังมีเื่ให้ต้องรีบกลับไปจึงไม่ขออยู่รบกวนต่อแล้ว”
หัวหน้าาุโอารมณ์ดีมาก! เขาหัวเราะแล้วพยักหน้าขึ้นลงพร้อมกับกำชับหัวหน้าสนามประมูลแดนบูรพากับถังจิ้งว่า ห้ามเปิดเผยตัวตนของจวินจิ่วเฉินและคนอื่นๆ จากนั้นจึงพาลงเขาไปในทางลัด เพราะเื่ราวที่เกิดขึ้นในสนามประมูลไม่ใช่เื่เล็ก ในตอนนี้เกรงว่าคงจะมีคนมากมายคาดเดาตัวตนของกูเฟยเยี่ยนแล้ว
หลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำชา จวินจิ่วเฉินกับหัวหน้าสนามประมูลแดนบูรพาเดินนำอยู่ด้านหน้า กูเฟยเยี่ยนกับถังจิ้งเดินตามอยู่ด้านหลัง
จวินจิ่วเฉินนิ่งเงียบไปตลอดทาง หัวหน้าสนามประมูลแดนบูรพาเห็นใบหน้าเ็าของเขาแล้วถึงกับไม่กล้าพูดอะไรกับเขา กูเฟยเยี่ยนก็นิ่งเงียบเช่นกัน นางก้มหน้าก้มตาโดยที่จิตใจล้วนตกไปอยู่ที่เ้านายตรงหน้า นางไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่พอใจ แต่นางรับรู้และรู้สึกได้ว่าการที่เขาไม่พอใจนั้นเป็เพราะนาง
เ้าหน้าที่ประมูลถังจิ้งลอบพิจารณากูเฟยเยี่ยนมาตลอดทาง เมื่อใกล้ถึงเชิงเขานางก็ได้เอ่ยขึ้นมา “นังหนูน้อย เ้าอายุสิบแปดปีจริงหรือ? ”
กูเฟยเยี่ยนเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “หมายความว่าอย่างไร? ”
ถังจิ้งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ดูไม่เหมือนเลย จากรูปร่างเ้าแล้วอย่างมากก็สิบหกปี”
เมื่อได้ยินเช่นนี้กูเฟยเยี่ยนที่มีความกังวลและไม่มีความสุขมากนักก็เอ่ยถามด้วยความเคือง “ท่านว่าข้าเตี้ยหรือ? ”
น้ำเสียงของถังจิ้งค่อนข้างจะจริงจัง “ไม่เพียงแต่จะเตี้ยแล้ว แต่ยังผอมอีกด้วย เ้านายของเ้าคงไม่ถึงกับไม่ให้เ้าทานข้าวหรอกใช่ไหม? ”
กูเฟยเยี่ยนกลอกตามองบนและไม่อยากจะสนใจนาง
อย่างไรก็ตามถังจิ้งได้เอ่ยต่อว่า “นังหนูน้อย พวกเรานับได้ว่ารู้จักกันแล้ว ครั้งหน้าที่มาหุบเขาเสินหนงอย่าลืมมาหาพี่สาวคนนี้ล่ะ พี่สาวจะพาเ้าไปเที่ยวเล่นเอง” กูเฟยเยี่ยนจึงได้หันไปมองถังจิ้งตรงๆ “ท่านอายุเท่าไหร่แล้ว? ”
ถังจิ้งตอบกลับไป “ยี่สิบเอ็ด เพียงพอที่จะเป็พี่สาวเ้าแล้ว”
กูเฟยเยี่ยนยิ้มเยาะออกมา “ข้านึกว่าท่านอายุยี่สิบห้ายี่สิบหกปีเสียอีก ถ้าท่านยังปลอมตัวเป็ผู้ชายเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ท่านคงจะไม่สามารถแต่งงานออกเรือนไปได้แน่”
ถังจิ้งคาดไม่ถึงเป็อย่างยิ่ง “เ้านี่นะ เก่งกาจด้านสมุนไพรก็จริง แต่ฝีปากกลับเก่งกาจยิ่งกว่า! ”
กูเฟยเยี่ยนส่งยิ้มกลับไปแต่ไม่ได้พูดอะไรอีก ถังจิ้งจึงไม่พูดอะไรเช่นกัน
เมื่อมาถึงเชิงเขาที่ต้องแยกจากกัน ถังจิ้งจึงเลิกล้อเล่นแล้วพูดด้วยความจริงจัง “แพทย์หญิงกู ข้าเป็พยานบุคคล ข้าจะช่วยเร่งรัดเงินก้อนนั้นของคุณหนูสามตระกูลหานให้เอง”
กูเฟยเยี่ยนโค้งคำนับด้วยความจริงใจ “ขอบคุณมาก”
หลังจากที่หัวหน้าสนามประมูลแดนบูรพากับถังจิ้งจากไป กูเฟยเยี่ยนถึงได้เดินไปอยู่ข้างจวินจิ่วเฉิน นางก้มหน้าก้มตาเดินหน้าต่อไปพร้อมกับเขา
ทั้งสองคนต่างก็นิ่งเงียบราวกับโลกทั้งใบได้เงียบสงบลง
กูเฟยเยี่ยนยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจว่าตนเองทำผิดตรงไหนถึงทำให้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยไม่พอใจได้ขนาดนี้ นางค่อยๆ เกิดความกลัดกลุ้ม และเมื่อกลัดกลุ้มขึ้นมาก็ยิ่งอยากจะพูดมากๆ
นางหยุดเดินกะทันหัน “เตี้ยนเซี่ย”
จวินจิ่วเฉินหยุดลงทันทีเช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
กูเฟยเยี่ยนจงใจเดินไปหยุดตรงหน้าเขา ทั้งที่ไม่มีความสุขแต่ก็ยังเผยรอยยิ้มออกมา รอยยิ้มของนางค่อนข้างจะประจบประแจง “เตี้ยนเซี่ย นู๋ปี้ทำอะไรผิดไปหรือไม่? ทำให้ท่านไม่พอใจแล้ว? ท่านโปรดชี้แนะอย่างชัดเจน นู๋ปี้รู้ว่าผิดแล้วจะแก้ไขแน่นอน! ”
“เ้า…”
จวินจิ่วเฉินได้ปริปากออกมาแล้วทว่าจู่ๆ ก็หยุดลง เขาตระหนักได้ในภายหลังว่าอารมณ์ของตนเองชัดเจนจนทำให้นางมองออกว่าการที่เขาไม่พอใจมันเป็เพราะนาง
ความรู้สึกไม่สบายใจลอบผ่านเข้ามาในใจเล็กน้อย จวินจิ่วเฉินหลบหลีกสายตาของกูเฟยเยี่ยนโดยไม่รู้ตัว เขาไม่พูดอะไรออกมาแล้วก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว
“ข้าทำไมกัน…”
กูเฟยเยี่ยนเกิดความกลัดกลุ้มมากกว่าเดิมจึงรีบไล่ตามไป เมื่อมาถึงหน้าประตู ทั้งสองกำลังจะขึ้นไปบนม้าก็ได้พบกับองครักษ์ลับที่ไล่ตามมา “เตี้ยนเซี่ย คุณหนูสามตระกูลหานให้ข้าน้อยนำของสิ่งนี้มอบให้พระองค์”
กูเฟยเยี่ยนหันกลับไปมองจึงเห็นว่าสิ่งที่อยู่บนมือขององครักษ์ลับนั้นเหมือนกับดอกไม้และต้นหญ้า สิ่งนั้นมีสีเหลืองอ่อน ไม่มีรากไม้ มีความพิเศษมหัศจรรย์มาก ้าห้อยด้วยเชือกสีแดง
นี่มันพืชไม่ทราบชื่อที่หานอวี๋เอ๋อร์ได้ห้อยไว้บนเอวไม่ใช่หรือ? ดอกนี้เล็กกว่าดอกของนางหนึ่งขนาดทว่าเป็สายพันธุ์เดียวกัน ้าห้อยเชือกสีแดงเอาไว้ เป็ไปได้หรือไม่ว่า้ามอบให้จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยห้อยไว้ที่เอว?
ของที่ห้อยไว้บนเอวสามารถให้พร่ำเพรื่อได้หรือ? สิ่งนั้นมันคือการมอบให้คนรักหรือไม่ก็แสดงออกถึงความชื่นชอบ! นี่หานอวี๋เอ๋อร์มาแสดงออกถึงความชื่นชอบหรือ?
กูเฟยเยี่ยนกำลังครุ่นคิด หมางจ้งเอ่ยอีกว่า “เตี้ยนเซี่ย คุณหนูสามตระกูลหานบอกว่านางอารมณ์ไม่ดี อีกนานถึงจะสามารถพบพระองค์ได้ นางให้พระองค์เก็บดอกเฟิ่งหลีนี้ไว้ให้ดี หากอยากพบนางให้ส่งจดหมายนกพิราบให้นาง”
จวินจิ่วเฉินไม่พูดอะไรแต่รับของไปเก็บไว้ในแขนเสื้อแล้วขึ้นม้าจากไป
กูเฟยเยี่ยนตกตะลึงมาก!
คุณหนูสามตระกูลหานพูดเช่นนี้ จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยก็รับของไว้อีก นี่ไม่เหมือนว่าคุณหนูสามตระกูลหาแสดงออกถึงความชื่นชอบ แต่ตรงกันข้ามเหมือนกับมีอะไรบางอย่างระหว่างพวกเขา หรือว่านางมองพลาดมาโดยตลอด?
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังเ็าของจวินจิ่วเฉิน กูเฟยเยี่ยนก็ค่อยๆ ขมวดคิ้วเป็ปมแน่น
เป็ไปได้หรือไม่ว่าเหตุผลที่จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงโกรธนางคือ…หานอวี๋เอ๋อร์?