พรุ่งนี้ก็ถึงวันลงทัณฑ์แล้ว
ผู้คนน้อยใหญ่ในสันตะสำนักต่างพากันตื่นเต้นมิน้อย โม่จ้านเองก็เช่นกัน
หลังตื่นขึ้นมากลางดึก โม่จ้านนั่งใคร่ครวญอยู่บนพื้นเป็เวลาหลายชั่วยาม ตัวเขาที่คว้าหนทางรอดเอาไว้ได้รู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก ทว่าก็ยังเป็กังวลถึงเื่ที่กำลังจะตามมา เหตุเพราะการนอนหลับมิใช่สิ่งที่ร่างกายสามารถควบคุมได้ ผู้ที่สูญเสียการนอนหลับในยุคสมัยของเขาต้องทุกข์ทรมานมากเพียงใด ตัวเขานั้นรู้ดีที่สุด หากวันพรุ่งนี้ตนยังมิอาจนอนหลับก่อนการปะาจะเริ่มขึ้น เช่นนั้นสาเหตุการตายของตัวเขาคงจะดูน่าขันสิ้นดี
มิเพียงเท่านั้น เวลาก็เป็ปัญหาใหญ่เช่นเดียวกัน หากเมื่อิญญาของเขาถูกเคลื่อนย้ายเร็วเกินไป ร่างของาาปีศาจจะตกอยู่ใน ‘สภาพผัก’ และหลังจากอัศวินเ่าั้พบเข้าจะต้องตกเป็ที่น่าสงสัยอย่างแน่นอน ข่าวการหายไปของิญญาาาปีศาจจะสร้างความตึงเครียดให้สถานการณ์โดยรอบ ในกรณีที่ข่าวการหายไปของิญญาาาปีศาจโดยไม่มีเหตุผลนําไปสู่กฎอัยการศึกอย่างเต็มรูปแบบ ถิ่นแห่งการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ปีศาจจะต้องถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวด หากโลงศพบังเอิญถูกพบอยู่ที่นั่น มิเท่ากับเขาโยนตัวเองเข้าไปในตาข่ายหรอกหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นโลงศพยังถูกปิดเอาไว้อย่างแ่า โอกาสที่จะถูกขังจนขาดอากาศหายใจตายอยู่ในนั้นยังเป็ไปได้มากกว่าการถูกสันตะสำนักหาตัวพบเสียอีก
เฮ้อ ชีวิตของปีศาจมิง่ายเลยจริงๆ เทียบกันแล้ว แม้ชีวิตในชาติก่อนของเขาจะเหนื่อยสักหน่อย ทว่าอย่างน้อยก็มิต้องเป็กังวลว่าจะรักษาชีวิตน้อยๆ เอาไว้มิได้
....มนุษย์มักหวนนึกถึงเื่เก่า คล้ายกับโม่จ้านจะลืมไปเสียแล้วว่าตนมาอยู่ที่แห่งนี้ได้อย่างไร
ท้ายที่สุด โม่จ้านตัดสินใจเด็ดขาด เขาจะเทหมดหน้าตัก ต่อให้ต้องขาดอากาศหายใจตายอยู่ในโลงศพก็ยังดีกว่าถูกฆ่าต่อหน้าสาธารณชนมากโข
ขณะที่โม่จ้านกำลังคิดอยู่นั้น...ทำไมข้าวถึงยังมิมาเสียที? หิวจังเลย...
โม่จ้านนับนิ้วคำนวณเวลา คาดว่าน่าจะใกล้เที่ยงวันแล้ว หรือการปะาในวันพรุ่งนี้จะเป็การผ่าท้อง เพื่อความประทับใจจึงได้รักษาอนามัยของกระเพาะในวันนี้?
...ประเดี๋ยวก่อน หลายวันมานี้เขากินเข้าไปมากมายถึงเพียงนั้น ทว่ากลับยังมิเคยได้เข้าห้องน้ำเลย?
โม่จ้านที่เพิ่งรู้ตัว เริ่มคลำร่างกายแปลกประหลาดนี้ด้วยสีหน้าซับซ้อน พูดไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร
ขณะกำลังคิดฟุ้งซ่าน เสียงประตูที่มิได้ยินเสียนานก็ดังขึ้น ผู้ที่เข้ามาคือหมีเอ่อร์ น้องชายของาาปีศาจตนก่อน
เมื่อเห็นว่าโม่จ้านมิได้ถูกมัด ดวงตาของหมีเอ่อร์เป็ประกาย เขาวางกล่องใส่จานลงแล้วพุ่งเข้ามา เด็กน้อยกอดต้นขาของโม่จ้านเอาไว้แน่น ไม่ว่าอย่างไรก็มิยอมปล่อย โม่จ้านลูบหัวของเด็กน้อยพลางยกยิ้มขมขื่น เส้นผมสีเหลืองอ่อนช่างนุ่มละมุน เป็ััที่ดียิ่งนัก
“ข้าร้องขอตั้งนานกว่าท่านปู่ลู่อี้จะยอมให้ข้ามาส่งข้าว” หมีเอ่อร์ซุกหน้าลงกับต้นขาของโม่จ้าน เอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าซึม “พวกเขารู้ว่าท่านคือพี่ชายของข้า ดังนั้นจึงมิวางใจมาโดยตลอด มักส่งคนมาจับตาดูข้า”
ย่อมต้องเป็เช่นนั้น โม่จ้านคุกเข่าลงมองดวงตาชุ่มน้ำของหมีเอ่อร์แล้วถอนหายใจ
“วันพรุ่งนี้...แค่กๆ พวกเขาจะให้ข้า...ไปดู...ด้วย...” หมีเอ่อร์กอดโม่จ้านไว้แน่น เด็กน้อยไอออกมาพลางสะอื้นไห้ “ข้ามิ้า! เหตุใดาาปีศาจอย่างท่านพี่ต้องตายให้คนเ่าั้ดู! ...ฮึกๆ แค่กๆ...”
สร้างอำนาจ ซื้อใจคน เกรงว่าคงมีจะความคิดที่จะทำให้หมีเอ่อร์ยอมหักใจด้วยกระมัง
โม่จ้านมิอาจหักใจ ทว่าก็มิรู้ว่าควรจะปลอบใจเด็กน้อยตรงหน้าด้วยวิธีใด ถูกผู้อื่นบอกว่าญาติพี่น้องจะต้องถูกสังหารต่อหน้าตน การทำเช่นนี้จะต้องสร้างาแในใจให้เด็กน้อยอย่างมิต้องสงสัย สันตะสำนักชิงตัวหมีเอ่อร์ไปเป็พระบุตรศักดิ์สิทธิ์ คาดว่าคงมิใช่เพราะเห็นคุณค่าความสามารถ แต่เป็เพราะอยากจะควบคุมศักยภาพของเด็กน้อยเพื่อรักษาตำแหน่งในการปกครองของตนเอาไว้เท่านั้น
“เอาล่ะๆ หยุดร้องเสีย”
โม่จ้านคิดหาทางเบี่ยงเบนความสนใจอย่างงุ่มง่าม พยายามฝืนยิ้มที่์รู้ดีว่าเป็รอยยิ้มเช่นไรพลางลูบหัวหมีเอ่อร์เบาๆ
“เล่าเื่เมื่อก่อนให้พี่ฟังได้หรือไม่? พี่ถูกขังเสียนาน ความทรงจำมิค่อยแจ่มชัดแล้ว”
ทันทีที่เอ่ยประโยคนี้ออกไป หมีเอ่อร์พลันร้องไห้หนักกว่าเก่า โม่จ้านทำสิ่งใดมิถูก อดกลั้นอยู่ครึ่งค่อนวันก็ยังมิอาจพูดสิ่งใดออกไปได้ หมีเอ่อร์ร้องไห้อย่างหนักอยู่ในอ้อมกอดของโม่จ้าน ปลดปล่อยอารมณ์ที่ตนกดข่มเอาไว้เป็เวลานาน
ที่แท้ท่านพี่ก็ถูกทรมานจนความทรงจำเลอะเลือน
ในความทรงจำของหมีเอ่อร์ พี่ใหญ่ของตนแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น คอยปกป้องตนกับพี่รองมาโดยตลอด ทุกคราที่เห็นตนร้องไห้ก็มักจะช่วยปาดน้ำตาให้และลูบหัวเขาเสมอ พี่ใหญ่มิเคยทำร้ายผู้บริสุทธิ์สักครา ถึงแม้จะเป็ปีศาจแล้วอย่างไรเล่า?
บนท้องฟ้ามีลมมีเมฆเปลี่ยนแปลงคาดเดาลำบาก ภายในเวลาชั่วประเดี๋ยวเดียวคนทั้งสามก็ถูกแยกออกจากกัน ถึงขั้นแยกจากกันตลอดกาล
ยามอยู่ที่นี่ ตนเพิ่งจะเคยเห็นพี่ใหญ่ร้องออกมาด้วยความเ็ปทรมานและความโเี้ของเหล่าพระสังฆราชที่ปกติหน้าตาเปี่ยมเมตตาเป็ครั้งแรก แต่ทว่านอกจากร้องไห้ ตนยังทำสิ่งใดได้อีกหรือ? มิต้องเอ่ยถึงเื่ช่วยพี่ใหญ่ กระทั่งตามหาพี่น้องที่าเ็และหายตัวไปก็ยังมิสามารถทำได้
ตนที่อ่อนแอถึงเพียงนี้ต้องพึ่งพาพี่ใหญ่มาโดยตลอด ในขณะที่พี่ใหญ่กำลังเดินเข้าหาความตายก็ยังคงเป็ห่วงเขา แม้สายเืจะต่างกัน แต่ความผูกพันนั้นข้นกว่าสายเืนัก นี่คือสิ่งที่นักบุญใจบาปแห่งสันตะสำนักเ่าั้มิมีวันเข้าใจ
พี่ใหญ่คงจะรังเกียจในความอ่อนแอของเขา หากแม้นไร้หนทางช่วยเหลือ เช่นนั้นอย่างน้อยก็มิควรทำให้พี่ใหญ่ต้องเผยสีหน้าเป็ห่วงออกมา
หมีเอ่อร์เช็ดดวงตาที่แดงก่ำ อิงแอบซบบนกายของโม่จ้านและเริ่มเล่าชีวิตยามอยู่ด้วยกันในอดีต การพบกันเมื่อครั้งยังเด็กจนพึ่งพาอาศัยกัน ยามออกจากหมู่บ้านด้วยกัน ยามหารือเื่การใช้ชีวิตร่วมกัน ไปจนถึงการเข้าเมืองครั้งสุดท้าย ก่อนจะสะอื้นไห้จนมิอาจเล่าต่อได้
หัวใจของโม่จ้านรู้สึกหนักอึ้งกว่าเดิมหลังได้ฟังเื่ราวทั้งหมดจนจบ มือหยาบกร้านกุมมือเย็นเฉียบของเด็กน้อยเอาไว้ คิดอยากให้หมีเอ่อร์ััได้ถึงความอบอุ่นแม้สักเล็กน้อย
“สมเด็กพระสันตะปาปาเคยบอกว่า โซ่จองจำิญญาจะทรมานิญญาของเผ่าปีศาจไปเรื่อยๆ ทำให้เผ่าปีศาจไร้หนทางต่อต้านอย่างสิ้นเชิง...”
แม้จะถูกกอบกุมไว้ด้วยมือใหญ่ของโม่จ้าน กระนั้นมือทั้งสองข้างของหมีเอ่อร์ยังคงสั่นเทามิยอมหยุด
“....ฮึกฮือๆๆ...พี่ใหญ่จะต้อง...ทรมานมากเป็แน่...ฮือๆๆๆ...”
โม่จ้านสะดุ้ง เขามองเด็กน้อยอารมณ์หดหู่ตรงหน้า ลังเลแล้วลังเลอีกสุดท้ายจึงตัดสินใจเอ่ยออกไป
“...พี่ใหญ่เพียงอยากนอนหลับฝันดีสักตื่นในคืนนี้ หมีเอ่อร์ช่วยให้พี่ทำสำเร็จได้หรือไม่?”
ดวงตาของหมีเอ่อร์มีหยาดน้ำตาเอ่อคลออีกครั้ง ทว่าครานี้เพียงกลิ้งไปมาอยู่บนหน่วยตา มิยอมหลั่งริน
“ข้ามียาลูกกลอนนอนหลับที่ดีที่สุด จะไปเอามาให้พี่ใหญ่ประเดี๋ยวนี้ขอรับ”
โม่จ้านมองเด็กน้อยที่รีบวิ่งออกไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย
ที่แท้โซ่ตรวนจองจำิญญาที่มีไว้ต่อกรกับเผ่ามารไร้ผลต่อิญญาของมนุษย์ ดังนั้นตนจึงมิได้รับความเ็ปอันใด เ้าเด็กคนนี้คิดอยากช่วยพี่ชายแต่ไร้ซึ่งกำลัง เพียงแต่พี่ชายที่เขาอยากช่วยจริงๆ นั้นกลับดับชีวิตตนเองเพราะทนทรมานมิไหวไปเสียนานแล้ว
การไร้กำลังช่วยเหลือเช่นนี้ต้องทรมานมากเพียงใด เมื่อชาติก่อนโม่จ้านมีประสบการณ์ทำคดีเดียวกับความเป็ความตายและการแยกจากมาหลายครั้ง ตัวเขาในตอนนี้แท้จริงเป็เพียงคนแปลกหน้า ทว่ากลับหลอกใช้ความสัมพันธ์ที่หมีเอ่อร์มีต่อาาปีศาจ ในใจอดที่จะรู้สึกผิดมิได้
กระทั่งเด็กน้อยกลับมาและยื่นหลอดแก้วปิดผนึกบรรจุเม็ดยาส่งให้ตน โม่จ้านมิกล้าสบสายตาของเด็กน้อย อีกฝ่ายเองก็มิต่างกัน หมีเอ่อร์กลัวว่าเมื่อเห็นหน้าพี่ใหญ่แล้วตนจะร้องไห้ออกมาอีกครา เขาจึงเอาแต่ก้มหน้าเช่นกัน
“หมีเอ่อร์ เงยหน้าขึ้นมองข้า” โม่จ้านกัดฟันพลางคุกเข่าลง มือทั้งสองข้างจับไหล่ของเด็กน้อยไว้แน่น “เ้าอยากช่วยแก้แค้นให้ข้าหรือไม่?”
หมีเอ่อร์ผู้หยาดน้ำตาร่ายรำพยักหน้า ความเกลียดชังที่ซ่อนอยู่ในดวงตานั้นมิอาจถูกหยาดน้ำตาบดบัง
“ถ้าเช่นนั้นก็จงมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี ข้ารู้ว่าเ้าเกลียด ทว่ามีเพียงที่นี่เท่านั้นที่จะสามารถสอนเวทมนตร์ที่ดีที่สุดให้แก่เ้าได้ หากภายหน้าเ้าแข็งแกร่งจนสามารถโค่นล้มที่นี่ได้ พี่ใหญ่อนุญาตให้เ้าช่วยแก้แค้นแทนพี่ใหญ่ หากความสามารถของเ้ามิพอ เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่จนถึงขีดจำกัดของตนเองแล้วจากไปให้ไกล ยิ่งไกลเท่าใดยิ่งดี”
น้ำเสียงของโม่จ้านเคร่งขรึม หมีเอ่อร์ที่น้ำตาเอ่อคลอสบมองสายตาของพี่ชายตรงๆ ก่อนจะกลั้นหายใจพยักหน้าแรงๆ หนึ่งครา
“เ้าต้องเก็บซ่อนความคิดของตนเอาไว้ มิเช่นนั้นความพยายามทั้งหมดจะสูญเปล่า แม้พี่ใหญ่จะตายโดยเปล่าประโยชน์ แต่ก็จะมิยอมให้เ้าต้องาเ็เพราะพี่ใหญ่แม้แต่น้อย จำเอาไว้ นี่คือความหวังสุดท้ายของพี่ใหญ่”
น้ำตาของหมีเอ่อร์เอ่อคลออยู่เต็มขอบตา ท้ายที่สุดหลั่งรินลงมาอย่างมิอาจอดกลั้น โม่จ้านช่วยเช็ดน้ำตาให้อย่างแ่เบาพร้อมกับเอ่ยปลอบเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หลังผ่านพ้นหนึ่งมื้ออาหารที่ไร้รสชาติ เด็กน้อยออกแรงกอดโม่จ้านทั้งที่ดวงตาแดงก่ำ ฝ่าเท้ารู้สึกหนักราวกับมีตะกั่วถ่วงเอาไว้ หมีเอ่อร์ข่มความรู้สึกอยากหันหลังกลับไปของตน รีบเร่งเดินออกไปทางด้านนอก โม่จ้านนิ่งเงียบพลางส่งหมีเอ่อร์ออกไปด้วยสายตา เขาถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งก่อนกำยาในมือแน่น