ดึกสงัด เสียงกึกก้องจากเทือกเขาไท่หังซานยังดังมาไม่ขาดสาย เขาสูงใหญ่ร้อยพันลูกที่ผุดขึ้นมาจากความว่างเปล่า ช่างใหญ่โตมโหฬารอย่างเหลือแสน
ูเาบางลูกสูงร่วมสามพันกว่าเมตร ประหนึ่งกระบี่เทพแทงทะลุเสียดแดนฟ้า สูงชันตระหง่านง้ำ อันตรายจนไม่อาจปีนได้
ูเาบางลูกกว้างใหญ่ไพศาล ทั้งยังทรงพลัง ดั่งมหิงษาอสูร1ในตำนานเก่าแก่ เต็มไปด้วยกลิ่นอายบ้าคลั่งรุนแรง ูเาสูงใหญ่ทอดตัวสลับซับซ้อนกว้างไกล
ท่ามกลางขุนเขาเหล่านี้ จากที่ไกลๆ ภายใต้แสงจันทร์ มองเห็นสายน้ำตกสีเงินทิ้งตัว ละอองไอน้ำล่องลอย เต็มไปด้วยจิติญญา
“นี่ยังเป็เทือกเขาไท่หังซานที่ฉันรู้จักอยู่หรือเปล่าเนี่ย?” โจวเฉวียนแตกตื่นจนพูดไม่ออก แล้วกัดริมฝีปากรวดเร็ว เป็การยืนยันว่าไม่ได้ฝันไป
การเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล พลิกฟ้าคว่ำดิน!
ภาพที่เห็นเหล่านี้ทำให้คนตื่นตะลึง ยากที่จะเชื่อได้
ฉู่เฟิงเหม่อมอง เขาเองก็คุมสติไม่อยู่เหมือนกัน
ตรงหน้า เทือกเขากว้างใหญ่ที่ผุดขึ้นมาจากความว่างเปล่า สูงใหญ่กว่าเทือกเขาไท่หังซานที่มีแต่แรกเสียอีก ทั้งยังสว่างไสวเรืองรอง เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ประหนึ่งแดนสรวงก็ไม่ปาน
เทือกเขาไท่หังซานขยายแนวกว้างขวาง ยิ่งใหญ่ทรงพลังกว่าแต่ก่อนเสียอีก
ฉู่เฟิงและโจวเฉวียนต่างก็เติบโตมาในถิ่นเทือกเขานี้ คุ้นเคยกับที่นี่อย่างยิ่ง การเปลี่ยนแปลงตรงหน้าเหมือนคลื่นที่ขยายวงกว้างออกไป กลิ่นอายดึกดำบรรพ์ลอยมาปะทะหน้า
มันทำให้พวกเขาทั้งใ ทั้งหวาดกลัว
“นายว่า เป็ไปได้ไหมว่าในนั้นจะมีผลไม้เทพ มีตำหนักเทพเซียน?” โจวเฉวียนความคิดหวั่นไหว ั์ตาเป็ประกาย
ทั้งคู่เห็นข่าวในเครื่องมือสื่อสาร ว่าบริเวณเขาซงซาน เขาหวังอูซาน ต่างก็เกิดเหตุประหลาดขึ้น ก้อนหินธรรมดากลับเปล่งแสงสีม่วง
เด็กหนุ่มที่กินลูกไม้สีเงินแล้วมีปีกสีเงินงอกออกมา อาศัยอยู่บริเวณเขาหวังอูซาน หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกคนของเทียนเสินเซิงอู้พาตัวไป
เื่นี้สะกิดใจโจวเฉวียน มโนเฟ้อฟุ้งไปไกล
ฉู่เฟิงสงบอย่างยิ่ง ตอบไปว่า “ตื่นๆ อย่าเพิ่งโลกสวย ูเาสูงใหญ่มากมายขนาดนี้ สัตว์ร้ายบนเขาต้องมีไม่น้อยแน่นอน เกิดโผล่ออกมาสองสามตัว เป็เื่แน่ๆ”
โจวเฉวียนได้ยินก็ถึงกับสะดุ้ง นี้ไม่ใช่ว่าเป็ไปไม่ได้ แต่มันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาต่างหาก
“โฮก...”
เหมือนกับจะช่วยยืนยันคำของฉู่เฟิง เสียงคำรามของสัตว์ร้ายลอยออกมาจากป่าลึก จากนั้นเมฆหมอกกระจัดกระจาย สัตว์ร้ายตัวหนึ่งแหงนหน้าคำรามใส่ท้องฟ้า เหมือนระบายความโมโหโกรธา
ขนคอโจวเฉวียนลุกชัน มองไปทางเทือกเขา เพ่งมองหาต้นเสียง
“ทีู่เาลูกนั้น ทำไมเหมือนกับว่าฉันเห็น...สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งยืนคำรามอยู่บนยอดเขาล่ะเนี่ย?” เขาพูดจาตะกุกตะกัก นิ้วก็ชี้ไปทีู่เาลูกหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางเทือกเขานั้น
ระยะทางห่างไกล แต่ท่ามกลางความรางเลือนก็ยังมองเห็นได้ว่า ณ ที่นั้นมีแสงไฟไหววาบ ประหนึ่งสัตว์ป่าขนสีแดงกำลังเพ่งมองมาพลางคำรามพลาง แล้วค่อยๆ กลืนกินรังสีแห่งชีวิต
มีสัตว์ร้ายอยู่จริงๆ อีกทั้งรังของพวกมันก็อยู่นอกเขตเขาไท่หังซาน นับว่าอันตรายอย่างยิ่ง
ใบหน้าของโจวเฉวียนซีดเผือด เขากับฉู่เฟิงเพิ่งกลับถึงบ้านก็ประสบเหตุเช่นนี้ หรือว่าไม่อาจหยุดพักรั้งรอ ต้องออกเดินทางกันอีกครั้งอย่างนั้นหรือ?
“พรึ่บ...”
จากที่ไกลๆ เหมือนกับมีสายลมพัดโหม พัดพาเอาเมฆดำสายหนึ่งมาด้วย สุดท้ายร่วงหล่นที่กลางเขา
“นกั์!” ฉู่เฟิงหนังตากระตุก นกตัวใหญ่โตขนาดนั้นเลยหรือ?
“ฉัน...ไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม?” โจวเฉวียนปากคอสั่น กลืนน้ำลายอย่างยากเย็น
นกั์ตัวนั้นสีเทาทะมึนทั่วร่าง ร่อนลงมายังใจกลางขุนเขา
“ถ้าเกิดมันเล็งคนเอาไว้แล้วออกมาล่าเหยื่อ คิดหนีก็คงหนีไม่พ้นแน่” โจวเฉวียนแหกปาก นกพวกนี้ว่องไวอย่างยิ่ง หากอยากออกมาจากเขา เพียงแค่พริบตาก็ถึงเมืองแล้ว
ระหว่างที่พูด กลางเทือกเขาก็มีนกป่าสีม่วงตัวหนึ่ง แม้ตัวจะไม่มหึมาเท่าตัวก่อนหน้าทว่าก็ไม่เล็กนัก กางปีกที่ดูแล้วอาจกว้างถึงสิบกว่าเมตรออกทะยานบินออกมาจากเทือกเขา
มันมีความพิเศษเฉพาะตัว ปีกเป็ประกายสว่าง มีความแวววาวอันน่าอัศจรรย์ อย่างกับหล่อหลอมขึ้นมาจากโลหะ
“ซวยแล้ว ฉันมันปากพาซวยจริงๆ นกนั่นมันบินออกมาจริงๆ ด้วย!” โจวเฉวียนอดตบปากตัวเองแรงๆ ไม่ได้
ทั้งคู่ต่างขนลุกซู่ รีบหลบเข้าด้านหลังของต้นไม้ใหญ่ข้างทาง เกรงว่าหากถูกมันพบเข้าจะกลายเป็เหยื่อตัวแรกของมัน
ในคืนอันมืดมิด วิหคตัวนั้นเปล่งแสงส่องสว่าง ดุจดั่งสายน้ำพุสีม่วง พุ่งออกมาจากเทือกเขาใหญ่ มันกู่ร้องอย่างกับกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างอย่างร่าเริงยินดี
โครม!
ทันใดนั้น ร่างของมันกลายเป็เปลวเพลิงสีม่วง สว่างเรืองรองไปทั่วฟากฟ้า เปลวไฟโชติ่เริงแรงจนทำให้เวิ้งฟ้าสว่างดุจยามกลางวัน
ภาพที่เห็นทำให้ผู้คนใจสั่น
ลูกเพลิงนั้นแม้จากที่แสนไกลก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัว รู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนรุนแรงพุ่งตกลงมาจากที่สูง โจวเฉวียนได้แต่ปาดเหงื่อ
วิหคั์สีม่วงดุจดั่งดวงตะวันสีม่วงพาดขวางท้องฟ้า พาให้ที่นั่นสว่างไสวสุดประมาณ
“น่ากลัวฉิบนกปีศาจนั่น นี่ขนาดแค่ตัวเดียวก็ทำลายล้างหมู่บ้านเล็กๆ ได้แล้ว” โจวเฉวียนกดเสียงต่ำ ใจเขาเต็มไปด้วยความกังวล
ฉู่เฟิงเองก็เงียบงัน เป็เพราะมีเพียง์เท่านั้นที่รู้ได้ว่าในเทือกเขาไท่หังซานนั้น มีสัตว์ป่านกดุร้ายอยู่มากน้อยเท่าใด แล้วูเาที่งอกขึ้นมาเมื่อครู่อีกร่วมร้อยร่วมพันลูกเล่า
นอกจากนี้ เสียงกรีดร้องเย็นเยียบในอากาศ ทำให้ทั้งคู่ตะลึง
เพลิงสีม่วงคุโชน นกั์ตัวนั้นกำลังถูกแผดเผา กำลังกรีดร้องยามร่วงหล่นสู่พื้นดิน ยังคงดิ้นรนต่อสู้รุนแรง
นี่มันเื่อะไรกัน? ฉู่เฟิงกับโจวเฉวียนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
ภาพเมื่อครู่ที่มันทรงพลังรุนแรง ท่าทางกางปีกเหินฟ้าออกสู่เขตแดนขุนเขา ชวนให้เข้าใจว่าลูกเพลิงร้อนแรงนั่นคือการสำแดงฤทธิ์อันยิ่งใหญ่ของมัน ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายมันเผาผลาญตัวมันเอง
พรึ่บ!
กลางนภากาศ เสียงร้องยังกึกก้อง วิหคั์สีม่วงตัวนั้นยังไม่ทันร่วงถึงพื้นดิน พลันเสียงะเิสั่นะเืเลื่อนลั่น กลายเป็กลุ่มขี้เถ้ากลุ่มใหญ่ ละลอยล่องท่ามกลางแสงเพลิง
ตายอย่างนี้เนี่ยนะ? ทั้งฉู่เฟิงและโจวเฉวียนพูดไม่ออกอยู่เนิ่นนาน
“คุณพระคุณเ้าได้โปรดคุ้มครอง!”
ในที่สุด โจวเฉวียนก็ทำลายความเงียบงัน ทั้งกุมหมัดทั้งโค้งคำนับไปยังทิศทางของเทือกเขาไท่หังซาน ตาอ้วนนี่ชักจะเลอะเทอะเสียแล้ว ก็โดนเื่พิลึกพิลั่นกดดันเสียขนาดนี้
ทันใดนั้น ก็มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นภายในเทือกเขาไท่หังซาน สัตว์ประหลาดตัวหนึ่งเปล่งแสงสีแดง ร่างกายเหยียดตรงดั่งจระเข้ตัวใหญ่ ทว่ามีปีก อาจกว้างได้ถึงสิบเมตรทั่วร่างสีแดงเพลิง กำลังบินออกมายังนอกเขา
ตึง!
ยังไม่ทันออกมาจากเขตูเา เสียงะเิสะท้านะเืลั่นขึ้น ตัวมันเองเกิดไฟลุกท่วม แผดเสียงกรีดร้อง แล้วร่วงหล่นกลางอากาศ กลายเป็เถ้าถ่าน
“ตายไปอีกตัวแล้ว!”
เื่มาถึงตอนนี้ ฉู่เฟิงกับโจวเฉวียนเหมือนกับจะจับสังเกตได้นิดหน่อย พวกมันออกมาไม่ได้งั้นหรือ?
ทั้งสองมองหน้ากัน เต็มไปด้วยความรู้สึกลังเล
“หรือจะลองไปดูสักหน่อย?”
ฟ้าดินเปลี่ยนแปลง สรรพสิ่งเปลี่ยนไป พวกเขารู้ดีว่า โลกที่เปลี่ยนไปหลังจากวันนี้ จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างแตกต่างไปจากเดิม หากว่ามีความกล้าและความคิดริเริ่มมากพอ บางทีก็อาจได้รับโอกาสอันดีั้แ่วินาทีแรก
แน่นอนว่า ก็มีโอกาสเอาชีวิตไปทิ้งด้วยเช่นกัน
ทั้งคู่ต่างก็มีความกล้าไม่น้อยหากก็ยังต้องยั้งคิด แต่แล้วก็อดไม่ได้ที่จะก้าวเดินต่อไป เข้าไปในูเาย่อมเป็ไปไม่ได้ ทำได้เพียงแค่ส่องดูจากภายนอก
ตรงนั้นมีอะไร ทำไมจึงแผดเผาสัตว์ร้ายจนดับดิ้น?
หนทางมองดูเหมือนไม่ไกลนัก แต่เอาเข้าจริงก็กินระยะทางอยู่หลายกิโลเมตร จนเข้าใกล้ทางเข้าเทือกเขา จึงพบกองเถ้าถ่านบนพื้น มีเศษกระดูกส่วนที่ยังไหม้ไม่หมดอยู่ในนั้นด้วย
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่า ทางข้างหน้ามันเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันชั่วร้ายนะ”
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด โจวเฉวียนรู้สึกได้ถึงขาสองข้างที่สั่นเทาจนแทบจะยืนไม่อยู่ ตะคริวกินที่ส่วนน่อง ช่องท้อง จนสั่นเป็เ้าเข้า
ฉู่เฟิงเองก็รู้สึกกระสับกระส่าย เหมือนกับถูกสัตว์ร้ายเขม้นมองอยู่ ร่างกายแข็งทื่อ ขนทั่วร่างลุกชัน หนังตากระตุกไม่หยุดหย่อน
ทั้งคู่หายใจลึก ถอยหลังไปเรื่อยๆ ความคิดแรกที่ผุดขึ้นเรียบง่ายมาก ตอนนี้บริเวณเทือกเขานี้ไม่สามารถเข้าใกล้ได้อีกแล้ว มันต่างไปจากแต่ก่อนโดยสิ้นเชิง
หลังจากนั้นไม่นานที่พวกเขาหลบซ่อนอยู่ในป่า พลันมองเห็นว่าที่ตำแหน่งทางเข้าเทือกเขา มีดวงแสงคู่แล้วคู่เล่าขนาดเท่าโคมไฟผุดพรายขึ้นมา บางดวงสีแดงดั่งเื บางดวงสีน้ำเงินเข้ม แล้วก็มีบางดวงที่สีเหลืองทอง ทั้งหมดล้วนเย็นเยียบ
ดวงแสงตรงนั้นแน่นขนัด มันมากเกินไปแล้ว
“ลูกตา ตรงนั้นมีลูกตาคู่แล้วคู่เล่า พวกมันอยากออกมาข้างนอก!” โจวเฉวียนกดเสียงต่ำร้องออกมาอย่างแปร่งหู กลัวจนแทบจะเสียสติ
ดวงตามากมายขนาดนั้น มีหลายดวงที่มีขนาดใหญ่ประมาณอ่างน้ำ ท่ามกลางความมืดมิดของทางเข้าเทือกเขาที่ชวนให้สยดสยองเป็อย่างยิ่ง เพียงคิดก็หนังหัวชาดิกแล้ว
ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด บริเวณนั้นจึงมืดยิ่งเสียกว่ามืด ช่างแตกต่างกับเทือกเขาที่ส่องสว่างเรืองรอง สายแห่งแสงเหมือนกับถูกตัดสะบั้น มองเห็นได้แต่เพียงดวงตาน่ากลัวไร้ความปรานีเ่าั้
ปัง!
ทันใดนั้น มีสัตว์ตัวหนึ่งพุ่งทะยานออกมา แผ่นดินสะท้าน ผืนป่าะเื ใบไม้ร่วงหล่นเป็สาย เป็ภาพอันน่าหวาดกลัว
จากนั้น ก็เห็นดั่งเช่นภาพอันน่ากลัวที่เห็นก่อนหน้านี้ ขณะที่มันกำลังทะยานออกมาจากูเา ร่างก็พลันะเิ กลายเป็เปลวไฟ ถูกเผาผลาญจนสิ้น
“นี่มันะเิพลีชีพหรือเปล่าเนี่ย ไม่อยากอยู่ต่อแล้วหรือ?” โจวเฉวียนพึมพำ เขาพูดเหมือนกับผ่อนคลายเหลือเกิน แต่จริงๆ แล้วขาทั้งคู่สั่นเทาไม่หยุด
ต่อจากนั้น ก็มีเสียงคำรามต่อเนื่องอีกหลายเสียง เหล่าสัตว์ดึกดำบรรพ์ต่างโจนทะยาน แม้กระทั่งแมงมุมสีเงินขนาดตัวเท่าบ้านก็ยังมี ณ เวลานั้นมันช่างน่าหวาดกลัว ทว่าท้ายที่สุดก็มีจุดจบเฉกเช่นเดียวกัน ทุกตัวต่างกลายเป็เถ้าถ่าน
ไม่มีเลยสักตัวที่ผ่านพ้นออกมายังโลกภายนอกได้ทั้งที่ยังมีชีวิต
“เทวบรรพต ไท่หังซาน!” โจวเฉวียนแทบจะคุกเข่าอยู่แล้ว พร่ำบ่นสวดมนต์ไม่หยุดหย่อน
หลังจากนั้นอีกเนิ่นนาน บริเวณทางเข้าอันมืดมิดต่างไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว ไร้ซึ่งสรรพสำเนียง ทว่าส่ำสัตว์จากายังคงอยู่ ณ ที่นั่น แม้ว่าจะอันตราย สรรพสัตว์พวกนั้นต่างก็ไม่ถอยหนี
ตราบจนกระทั่งแสงสีทองหลั่งไหล ปรากฏขึ้นท่ามกลางความเลือนราง ความเงียบงันถูกทำลายในที่สุด
วัวขนาดไม่ใหญ่นักสูงประมาณหนึ่งเมตรตัวหนึ่ง ค่อยๆ ย่างเท้าทีละนิดด้วยความช้าอย่างยิ่ง หากก็คาดหวังอยู่ในที มันก้าวด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง มาดหมายจะออกสู่ภายนอก
“เ้าวัวกระเปี๊ยกตัวนี้หล่อมาจากทองคำหรือเปล่าเนี่ย?” โจวเฉวียนเหม่อมอง
ฉู่เฟิงเองก็ตื่นตะลึง มองไปยังเบื้องหน้า
วัวตัวเล็กนั้นมีสีทองทั่วทั้งตัว ท่ามกลางความมืดมิด ขนมันวาวประหนึ่งหล่อมาจากทองคำ แม้กระทั่งลูกั์ตาและเขาทั้งคู่ต่างก็เป็สีทอง
ไม่มีท่าทางโง่งมเหมือนวัวทั่วไป เพียงมองก็รู้ได้ว่ามันมีสติปัญญา
อย่างน้อยที่สุด ก็เป็วัวสีทองที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
ตรงทางเข้าูเาตรงนั้นเงียบสงบอย่างยิ่ง ดวงตาเย็นเยียบใหญ่ขนาดโคมไฟคู่แล้วคู่เล่า ต่างจับตาดูวัวสีทองตัวนั้นอย่างไม่คลาดสายตา คอยดูว่ามันจะสามารถออกไปได้ทั้งยังมีชีวิตหรือไม่
หนึ่งก้าว สองก้าว...สิบก้าว จนหนึ่งร้อยก้าว!
วัวตัวนั้นยังคงปรกติดี ไม่เกิดเื่ขึ้นแต่อย่างใด มันแสดงอาการตื่นเต้นออกมา ไม่ต่างกับอารมณ์ที่มนุษย์พึงมี มันเริ่มมีความกล้ามากขึ้น เร่งความเร็วขึ้น
สุดท้าย มันออกมาจากูเาได้สำเร็จ ออกมาจากเทือกเขาได้ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่
โจวเฉวียนสบถออกมา เขามีความกังวลอยู่บ้าง แต่ก็ยังแอบลุ้น พูดเสียงเบา “วัวตัวนั้นออกมาได้แล้ว สีทองทั้งตัวเลยนะเนี่ย มันมีของดีอะไรกันแน่ มันตัวเล็กอย่างนี้ พวกเราจับมันมาดีไหม?”
***************************************************
1 มหิงษาอสูร ตัวแทนแห่งความชั่วร้าย ได้รับพรจากพระพรหมให้เป็ะ มีฤทธิ์มาก สุดท้ายถูกสังหารโดยมหาเทวีทุรคา ที่มีกำเนิดจากเพลิงครรภ์