เสี่ยวไป๋มองดูจุนห่าวที่เต็มไปด้วยจิติญญาในการต่อสู้ พลันคิดในใจ มนุษย์นั้นช่างไม่แน่นอนเสียจริง เมื่อกี้เพิ่งจะหน้านิ่วคิ้วขมวดและบรรยากาศอึมครึมราวกับพ่อแม่ตายซะอย่างงั้น แต่ในชั่วพริบตาเดียว เขากลับมามีแรงบันดาลใจอีกครั้ง โดยไม่อาจรู้ได้เลยว่าเพราะอะไร มิน่าล่ะท่านพ่อถึงได้กล่าวว่า มนุษย์เป็เผ่าพันธุ์ที่แปรเปลี่ยนได้อย่างง่ายดายที่สุด
“จุนห่าว ข้าคิดออกแล้ว เ้าอาจจะมีตำรับยาซู่ถี่ก็เป็ได้” เสี่ยวไป๋พูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ มันไม่อยากให้จุนห่าวโกรธเคืองอีก เสี่ยวไป๋ไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมเทพอสูรอย่างเขาถึงต้องเกรงกลัวคนธรรมดาอย่างจุนห่าวด้วย ที่เสี่ยวไป๋ไม่รู้คือ เมื่อชาติที่แล้ว จุนห่าวเป็ทหารร่วมรบพิเศษ เขาใช้ชีวิตที่โชกไปด้วยเืราวกับเป็ปลายมีดอันแหลมคมมาเป็เวลาหลายปี ร่างกายที่ผ่านการสังหารมาอย่างโชกโชน โดยปกติเขาจะสำรวมจนทำให้คนอื่นมองไม่ออก แต่ถ้าเขาโกรธขึ้นมา ความเดือดดาลของเขาจะรั่วไหลออกมาอย่างปกปิดไม่ได้
“ถ้าข้ามี... ข้าจะไม่รู้เลยหรือ หากข้ามี ข้ายังต้องมาหาเ้าหรือ? ข้าคงเอายาออกมาให้หานรุ่ยใช้ั้แ่แรกแล้ว แล้วข้าจะรีบมาที่นี่ทำไมล่ะ!” จุนห่าวพูดพลางชี้ไปที่ตัวเขาด้วยนิ้วกลาง หากเขามี เขาต้องรีบร้อนอย่างนี้ไหม?
เมื่อกล่าวจบ ก็พลันหันมองไปทางหานรุ่ยอีกครั้ง “เสี่ยวรุ่ย ข้าไม่มีมันจริง ๆ หากข้ามี ข้าก็ให้เ้าไปแล้ว เ้าก็รู้ว่าข้าห่วงใยเ้าที่สุด เสี่ยวไป๋กำลังใส่ร้ายข้า” จุนห่าวเกรงว่าหานรุ่ยจะเข้าใจผิด จึงรีบอธิบายต่อหานรุ่ยทันที
เมื่อเห็นจุนห่าวอธิบายต่อเขาอย่างร้อนรน หานรุ่ยก็พูดพลางหัวเราะว่า “ข้ารู้ว่าเ้าไม่มี เสี่ยวไป๋บอกแค่ว่า เ้าอาจจะมี เ้าให้มันพูดให้จบก่อนเถอะ” หานรุ่ยยิ่งรู้สึกว่าการอยู่กินกับจุนห่าว คือทางเลือกที่ถูกต้องแล้ว ชายที่ดีแบบนี้ ยิ่งควรจับไว้ให้แน่น ตอนนี้เขาเริ่มใส่ใจจุนห่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ใช่แล้ว จุนห่าว เ้าฟังข้าพูดให้จบก่อน เ้าไม่ต้องรีบบ่ายเบี่ยง เ้าไม่อยากรีบหายาวิเศษแล้วหรือ บัดนี้มีหนทางแล้วแท้ ๆ แต่เ้ากลับรีบบ่ายเบี่ยงเสียแบบนี้ ข้าว่า... เ้าไม่ได้อยากช่วยหานรุ่ยหรอก” เสี่ยวไป๋กล่าวอย่างยุแหย่ให้แตกกัน เมื่อกี้ใครให้จุนห่าวทำมันใเล่า มันก็เลยยุยงความสัมพันธ์ของจุนห่าวกับหานรุ่ยซะเลยและมันก็จะไม่รับผิดชอบสักนิดด้วย อย่างไรก็ตามคนเป็ทาสเมียโดยแท้อย่างจุนห่าวก็เปรียบเสมือนเสือกระดาษ [1] ถ้าหานรุ่ยเข้าข้างเสี่ยวไป๋... มันก็จะปลอดภัยแน่นอน ไม่รู้ว่าเสี่ยวไป๋ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงคิดว่าหานรุ่ยจะต้องเข้าข้างมัน แทนที่จะเข้าข้างจุนห่าว เสี่ยวไป๋คงเป็เพียงเสือโคร่งตนนึงที่หลงตัวเอง
จุนห่าวพูดอย่างเดือดดาลว่า “เ้าพูดอะไรไร้สาระ ทำไมข้าจะไม่อยากให้ยาวิเศษแก่หานรุ่ยล่ะ?” เมื่อถามจบ พลันกล่าวต่อหานรุ่ยอย่างน่าเห็นอกเห็นใจว่า “เสี่ยวรุ่ย เสี่ยวไป๋ใส่ร้ายข้า มันตั้งใจยุแหย่ให้เราแตกกัน มันมีเจตนาร้าย”
หานรุ่ยคิดในใจ จุนห่าวเปลี่ยนสีหน้าได้รวดเร็วยิ่งนัก เจตนาร้าย คำนี้ดูจะพูดเกินไปหน่อย แต่จุนห่าวดูใส่ใจตนเองถึงเพียงนี้ ในใจหานรุ่ยกลับดีใจมาก “จุนห่าว เสี่ยวไป๋แค่ล้อเ้าเล่นน่า เ้าก็รู้ว่ามันเป็แค่เพียงเด็กน้อย”
จุนห่าวกล่าวอย่างหดหู่ “เสี่ยวรุ่ย เ้าไม่สนใจข้า เ้าสนใจแต่เสี่ยวไป๋ เ้าถูกรูปลักษณ์ภายนอกของเสี่ยวไป๋ทำให้สับสน ถึงมันจะน่ารัก แต่มันก็เป็อสูรเทพ มันมีอายุตั้งห้าร้อยปีแล้ว ไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
หานรุ่ย: ....... น้ำเสียงจุนห่าวที่ออดอ้อนเช่นนี้ไปเอามาจากไหนละนี่ ทั้งยังขี้หึง หึงแม้กระทั่งเสี่ยวไป๋ อีกอย่างข้ายังไม่เคยบอกรักเขาเลย ได้คืบจะเอาศอกเสียจริง
เสี่ยวไป๋: ....... ข้านอนอยู่นิ่ง ๆ แต่กลับถูกยิงซะอย่างนั้น มันทนดูจุนห่าวไม่ได้แล้ว จุนห่าวก่อนหน้านี้แสนจะเ็า ตอนนี้กลับกลายเป็คนที่พร้อมจะะเิอารมณ์อยู่ตลอดเวลา เมื่อครั้งเสี่ยวไป๋อยู่สุ่ยหลานซิง ถึงแม้จะหลับใหลอยู่ ทว่ามันใช้จิตรับรู้แห่งเทพสนใจสรรพสิ่งภายนอก ด้วยเหตุนี้มันจึงพูดภาษาของสุ่ยหลานซิงได้อยู่บ้าง
เพื่อไม่ให้เป็ภัยต่อตัวมันเอง เสี่ยวไป๋จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีและเอ่ยขึ้นว่า “จุนห่าว เ้าอย่าลืมเสียล่ะ เทศะแห่งนี้ถูกสร้างโดยนักปรุงยาที่สร้างให้กับสหายของเขา ไม่แน่ว่าในเทศะแห่งนี้อาจจะมีตำรับยาซู่ถี่ก็เป็ได้ เ้าลองหาดู ถ้าในเทศะมีก็เท่ากับว่าเ้ามีไม่ใช่หรือ” เสี่ยวไป๋ก็ยังคงไม่ลืมที่จะซ้ำเติมจุนห่าว
เมื่อได้ฟังเสี่ยวไป๋แล้ว ก็ได้จุดประกายความหวังให้กับจุนห่าวอีกครั้ง ทว่าเสี่ยวไป๋มายุให้รำ ตำให้รั่ว หวังทำลายความสัมพันธ์ของเขากับหานรุ่ยอย่างนี้นี่ไม่ดีเลยสักนิด หากเสี่ยวไป๋แก้ไขข้อบกพร่องตรงนี้ได้ ก็คงจะดีไม่น้อย ทว่า... คนที่ดีพร้อมขนาดนั้นยังไม่มี จะไปนับประสาอะไรกับเสือโคร่ง จุนห่าวเป็คนใจกว้าง ไม่มาคิดหยุมหยิมกับเสี่ยวไป๋หรอก
“เ้าไม่ใช่อาวุธวิเศษของเทศะแห่งนี้หรือ? ในนี้มีอะไรเ้าไม่รู้เลยหรือ” จุนห่าวถามพลางมองไปที่เสี่ยวไป๋
“ข้าเป็อาวุธวิเศษ แต่ ณ เวลานั้นนักกลั่นอาวุธได้สร้างข้อจำกัดไว้ ตัวข้าเลยไม่อาจเข้าไปในจวนไม้ไผ่เองได้ มีเพียงแค่เ้าของเทศะแห่งนี้เท่านั้นถึงจะเข้าไปได้” พอนึกถึงเื่นี้ เสี่ยวไป๋ก็นึกโกรธและรู้สึกไม่เป็ธรรมยิ่ง
จุนห่าวคิดในใจ ไม่ให้เ้าเข้าไปน่ะ ถูกแล้ว หากสองคนมีเื่อะไรผิดใจกัน เกรงจะถูกเสี่ยวไป๋รบกวน หากเป็ข้า ข้าก็จะไม่ให้เสี่ยวไป๋เข้าไปเช่นกัน
“เสี่ยวรุ่ย พวกเราเข้าไปหากันเถอะ ครั้งที่แล้วข้าเข้าไปในห้องปรุงยาเห็นว่ามียาวิเศษอยู่หลายขวด แต่ข้าไม่ได้เก็บยาวิเศษอะไรกลับมาเลย” พูดจบพลันจูงหานรุ่ยเข้าไปในจวนไม้ไผ่ เสี่ยวไป๋เห็นไม่มีใครสนใจมันจึงตามเข้าไป
พอถึงห้องปรุงยา จุนห่าวและหานรุ่ยก็พบขวดหยกอยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งสองคนหยิบขึ้นมาดูอย่างสงสัยว่า นี่คือยาวิเศษอะไร
“เสี่ยวไป๋ เ้าลองดูสิว่ามีตำรับยาซู่ถี่หรือไม่” เพราะจุนห่าวไม่รู้จัก จึงทำได้เพียงตามเสี่ยวไป๋
เสี่ยวไป๋นึกคิด จุนห่าว ไอ้เ้าโง่ พอข้าไม่จำเป็ ก็เตะข้าทิ้ง แต่พอมีปัญหา กลับมาคิดถึงข้า เสี่ยวไป๋บ่นไปบ่นมา แต่ก็ไม่ลืมคำสั่งของจุนห่าว
เสี่ยวไป๋ใช้อุ้งเท้าเล็ก ๆ คว้ายาวิเศษมาดมตรงจมูก เสี่ยวไป๋พลันสะดุ้งเฮือก และพูดอย่างดีใจว่า “จุนห่าว เจอแล้ว ก็คือกลิ่นนี้ล่ะ เป็กลิ่นเดียวกับยาของพ่อข้า ก็คืออันนี้”
จุนห่าวหยิบยาวิเศษขึ้นมาดูแล้วดูอีก เขามองไม่ออกเลยสักนิด จึงเอ่ยขึ้นว่า “อันนี้จริงหรือ เ้าไม่ได้จำผิดใช่ไหม” เื่ที่เกี่ยวข้องกับหานรุ่ย จุนห่าวจะไม่ระแวดระวังไม่ได้
“ใช่ อันนี้แหละ” เสี่ยวไป๋กล่าวอย่างมั่นใจ จมูกของมันไวมาก เ้าจุนห่าวโง่กลับไม่เชื่อมันซะอย่างนั้น
“จุนห่าว เอามาให้ข้าเถอะ ข้าเชื่อเสี่ยวไป๋” หานรุ่ยคว้ายาวิเศษจากมือจุนห่าว มันคือความหวังเดียวและเขาไม่คิดที่จะยอมแพ้
หานรุ่ยมองเสี่ยวไป๋และเอ่ยถามขึ้นว่า “ถ้าข้ากินยาตอนนี้ มันจะส่งผลต่อลูกไหม? หากส่งผลไม่ดีต่อลูก ข้าจะยังไม่กิน”
เสี่ยวไป๋: ไม่ส่งผลร้ายกับเด็กหรอก ยานี่จะนอกจากจะช่วยฟื้นฟูอาการาเ็ของเ้าแล้ว ยังดีต่อเด็กอีกด้วย
เมื่อได้ฟังเสี่ยวไป๋พูดเยี่ยงนั้น หานรุ่ยจึงกินยาเข้าไปอย่างไม่ลังเล แม้แต่จุนห่าวเอง ก็ยับยั้งไม่ทัน
ครั้นทานยาแล้ว หานลุ่ยจึงนั่งลงทำท่าขัดสมาธิ เพื่อสมานยา หานรุ่ยรู้สึกว่า ร่ายกายสบายขึ้นและยังััได้ถึงพลังอบอุ่น สักพักหานรุ่ยรู้สึกว่า อาการาเ็ของเขากำลังฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วยาม หานรุ่ยเปิดตาขึ้นและกล่าวกับจุนห่าวที่อยู่เบื้องหน้าในขณะที่เขายังนั่งท่าขัดสมาธิว่า “จุนห่าว ข้าฟื้นตัวแล้ว” หานรุ่ยดีใจยิ่งนัก เขาสามารถกลับมาบำเพ็ญเพียรได้อีกครั้งแล้ว เขามองออกแล้วว่า ไม่ช้าก็เร็วจุนห่าวจักต้องกางปีกบินพุ่งถลาถึงท้องฟ้า [2] เวลานี้เขากลับมาบำเพ็ญเพียรได้อีกครั้งและได้อยู่เคียงข้างจุนห่าวแล้ว
“เสี่ยวรุ่ย ข้ายินดีกับเ้าด้วย” จุนห่าวอวยพรหานรุ่ยอย่างจริงใจ
หานรุ่ยกล่าวพลางมองจุนห่าวว่า “จุนห่าว ั้แ่นี้ไปข้าจะอยู่กับเ้า ถ้าเ้าไม่ได้ไปไหน ข้าก็ย่อมไม่ทิ้งเ้า...”
“เสี่ยวรุ่ย ต่อให้เ้าจะอยากจากไป ข้าก็จะไม่ปล่อยมือเ้า ตอนนี้เ้าได้อยู่กับข้าแล้ว ก็อย่าคิดเื่ที่จะจากไปเลย” จุนห่าวมองหานรุ่ยและกล่าวขึ้นมาอย่างจริงจัง
เสี่ยวไป๋มองดูทั้งสองคน พลางคิดในใจว่า เ้าโง่สองคนกำลังแสดงความหวานปานน้ำผึ้ง จนลืมข้าอีกครั้งซะอย่างนั้น นี่พวกเ้าโตกันรึยังเนี่ย
-------------------------------------------------------------------------------
[1] เสือกระดาษ คือ เปรียบเปรยคนที่ภายนอกดูแข็งแกร่งแต่แท้จริงแล้วอ่อนแอ
[2] กางปีกบินพุ่งถลาถึงท้องฟ้า คือ อุปมาการประสบผลสำเร็จอย่างที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงงันอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น