หลิวเซียงเอ๋อร์เดินวนไปมาหน้าห้องหอในตำหนักซูฮวากง ร่างบางเดินกระสับกระสายจนคนมองต้องรู้สึกเวียนศีรษะ
“พระสนม..พระองค์เดินแบบนี้มานานแล้วนะเพค่ะ”
“เรากำลังใช้สมาธิอยู่นะซิ ขอเราอยู่คนเดียวซักพักได้ไหมเ้าออกไปก่อน” หลิวเซียงเอ๋อร์หยุดหันมองหลินเสียงที่กำลังนั่งมองเธอ
“งั้นหม่อมชั้นจะออกไปอยู่ข้างนอกห้อง หากพระสนม้าสิ่งใดเอ่ยเรียกหม่อมชั้นได้นะเพค่ะ” หลินเสียงพูดจบก็ถอยหลังออกประตูไม้ใหญ่นั้นไป จวบกับองครักษ์เฉินฮั่วกลับมาพอดี
“แม่นางหลิน พระสนมทำอะไรอยู่หรือ”
“พระสนมทรงเดินไปแล้วก็เดินมา”
“เดินไปแล้วเดินมา? ”
“เ้าค่ะ” หลินเสียงไม่พูดต่อเธอทรุดตัวลงโต๊ะหินอ่อนศาลานอกห้องหอของสนมซูเฟยก่อนจะนั่งเอามือเท้าคาง
เฉินฮั่วนึกสงสัยแต่ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปหากไม่มีเสียงเรียกหรือสิ่งผิดปกติใด ๆ เขาแทบไม่มีสิทธิ์ก้าวเข้ามา ณ ที่แห่งนี้เลยเสียด้วยซ้ำหากมิเพราะเสนาบดีหลิวเป็คนสั่งให้เขามาค่อยอยู่ปกป้องนาง
‘’ หลินเสียงข้านึกออกแล้ว” หลิวเซียงเอ๋อร์วิ่งเปิดประตูใหญ่หน้าห้องหอ
“พระสนม!!” หลินเสียงใที่จู่ ๆ หลิวเซียงเอ๋อร์ก็วิ่งมาเปิดประตู นางรู้ว่าั้แ่ที่สนมหลิวซูเฟยฟื้นหลังจากตกน้ำนั่นท่าทางก็ราวต่างออกไปแม้ในบางครั้งเธอก็รู้สึกเหมือนอยู่กับคนที่ไม่คุ้นเคยแต่ก็มิกล้าถ่วงถาม
“ข้าอยากไปหอคณิกา”
“พระสนม!!” เสียงของหลินเสียงสูงขึ้นอีกครั้ง นางใกับสิ่งที่หลิวเซียงเอ๋อร์บอก เพราะหอคณิกาที่ขึ้นชื่อในเมืองนี้เป็หอคณิกาที่มิได้มีเพียงหญิงงาม แต่มีความพิเศษตรงมีบุรุษรูปงามมาบริการแก่หญิงสาว ทั้งหญิงแก่แม่หม้ายและหญิงสาวต่างก็ชอบเข้าไปชื่นชมเยี่ยงบุรุษ
“เอาน่า ๆ เราแค่ไปนั่งชมเพียงอย่างเดียว เราแค่้าไปหาข้อมูลบางสิ่งที่เราสงสัย” หลิวเซียงเอ๋อร์ทำท่าทางยักคิ้วลิ่วตา
“สงสัยสิ่งใดเพค่ะ” หลินเสียงแปลกใจเพราะั้แ่หลิวเซียงเอ๋อร์เติบโตมาไม่มีสิ่งใดที่เธอไม่รู้
“วันนั้นที่ตลาด เราถูกชายชุดดำช่วยเหลือไว้และเราก็เห็นว่าบุรุษนั้นะโลงมาจากหอคณิกา” หลิวเซียงเอ๋อร์แต่งเื่ราวนิดหน่อยเพื่อให้หลินเสียงยอมช่วยเหลือ หากแต่ความจริงเธอ้าที่จะออกไปหาหน่วยข่าวกรองที่เป็หนึ่งในคณิกาซึ่งเป็คนของฮ่องเต้ เพื่อสืบหาว่าใครเป็ผู้อยู่เื้ัที่ทำให้ตระกูลหลิวต้องถูกปะาล้างโครต เพราะหลังจากที่สนมหลิวซูเฟยถูกส่งเข้าวังหลังไม่นานตระกูลนางก็ถูกตัดสินว่าคิดก่อการกบฎช่วยเหลือศัตรูให้เข้ามาลอบสังหารฮ่องเต้ในวันที่ฉลองพระราชสมภพฮ่องเต้หนานรั่วหาน แต่ที่เธอรู้ว่าตระกูลหลิวถูกใช้เป็เครื่องมือเพราะหลังจากที่คิดว่าจบกลับไม่ใช่ ยังมีหนอนบ่อนไส้อาศัยชื่อตระกูลหลิวเพื่อสั่งการ นั่นเป็เหตุที่ทำให้สนมหลิวซูเฟยผูกคอเสียชีวิต ส่วนหลินเสียงและองครักษ์ต่างก็ฆ่าตัวตายตามเพื่อแสดงความรักและเคารพต่อนาง
หลิวเซียงเอ๋อร์หยิบชุดสีแดงฉูดฉาดราวเืนก ปักดิ้นทองลายหางนกยูง ผืนผ้าบางคลุมร่างเล็กตัดกับสีผิวเผยให้เห็นลำคอระหงส์นั่น
“พระสนม..เราจะไปกันจริงหรือเพค่ะ” หลินเสียงเองก็แต่งองค์ทรงเครื่องไม่ต่างกับหญิงงามที่กำลังจะออกไปเกี้ยวบุรุษ
“เ้าต้องคิดว่านี่คือสิ่งที่เราต้องทำ หากข้ามิได้เอยขอบคุณน้ำใจนี้ข้าก็มิอาจตายตาหลับ” หลิวเซียงเอ๋อร์กล่าววาจาอย่างหนักแน่น
หอคณิกานี้ตั้งอยู่กลางเมืองเป่ยหลง เป็หอคณิกาที่ใคร ๆ ต่างก็ต้องรู้จักเป็อย่างดี เพราะนอกจากที่จะมีเหล่าบุรุษคอยมาเสริฟเหล้าเสริฟน้ำชาแล้ว ก็ยังมีเหล่าหญิงงามค่อยต้อนรับเช่นกัน หลิวหลิวอยากเห็นหอนี้มากเพราะตอนที่อ่านเป็ตัวอักษรต่างก็ดูน่าชมแล้ว นี่ถือโอกาสที่อยู่ในร่างของสนมหลิวซูเฟยทำให้เธอได้มาเห็นด้วยตาตนเอง
หอสูงใหญ่โตสมกับที่ชื่อเสียงเลื่องลือ ในหอคณิกานี้เป็คฤหาสน์ไม้เนื้อดีขัดจนขึ้นเงามีด้วยกันทั้งหมดสี่ชั้น โดยแบ่งแยกห้องรับแขกเป็ระดับชั้น โดยชั้นบนสุดของหอสำหรับต้อนรับแขกพิเศษหรือระดับฮ่องเต้หรือหรืออ๋อง ส่วนชั้นสามต้อนรับระดับขุนนางชั้นผู้ใหญ่ ส่วนชั้นสองเป็พ่อค้าหรือผู้ที่อยากได้ความเป็ส่วนตัว ส่วนชั้นล่างเป็ส่วนต้อนรับจะมีเวทีแสดงต่าง ๆ ผลัดเปลี่ยนกันไป ทุกๆ วันจะมีป้ายบอกไว้หน้าหอสำหรับการแสดงแต่ละ่ยาม ซึ่งส่วนใหญ่ผู้คนก็จะมาชมการแสดงเพลงพิณของฉินม่อซี บุรุษหน้าหวานที่มีแววตาดั่งกวางน้อย หน่วยสืบข่าวกรองลับของฮ่องเต้หนานรั่วหาน
“พระสนมเราจะพบบุรุษเงานั้นหรือไม่เพค่ะ”
“ไม่รู้ซิ..แต่ข้าว่าเราต้องเข้าไปดูก่อน” หลิวเซียงเอ๋อร์ยืนมองคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เปิดประตูคอยตอนรับเหล่านักท่องเที่ยวยามค่ำคืน โคมไฟต่างถูกแขวนไว้ตามชายคา
“เชิญเ้าค้าาาา คุณหนูท่าน้าห้องไหนเป็พิเศษหรือไม่” เสียงหญิงวัยกลางคนที่ทาปากสีแดงจัดทำท่าจีบปากจีบคอร้องเรียกเธอขณะที่กำลังเดินเข้าไปห้องโถงใหญ่ ผู้คนต่างส่งเสียงพูดคุยอย่างครื่นเครง เหล่าบุรุษและสตรีในเมืองต่างแวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย หลิวเซียงสอดส่องสายตามองรอบ ๆ หาบุรุษที่คิดว่าน่าจะเป็ฉินม่อซี
“ข้า้ามาชมคุณชายฉินดีดพิณ เห็นว่าไพเราะนัก”
“เ้าค่ะ เ้าค่ะ ไพเราะที่สุดในใต้หล้านี้เชิญคุณหนูนั่งรอที่นี่ก่อนอีกไม่นานการแสดงก็จะออกมาแล้วเ้าค่ะ” ยามนี้สตรีที่เข้ามารอชมการแสดงเพลงพิณต่างก็ส่งสายตามองไปยังกลางเวทีหลักกลางคฤหาสน์หลังใหญ่
สองบุรุษที่อยู่ชั้นบนสอดส่องมองลงมา เมื่อเห็นหญิงสาวที่เข้ามาใหม่สวมอาภรสีแดงสะดุดตาต่างก็จ้องมองกัน สองคิ้วคมเข้มขมวดคลึงราวกับไม่พอใจ
“ฝ่าา..” เสียงเอ่ยเรียกบอกถึงสถานะหากแต่อีกคนยกมือขึ้นราวกับห้ามปราม
“เราอยู่ที่นี่ห้ามเรียกเราเช่นที่เคยเป็ เรียกเราว่าคุณชายก็พอ” ฮ่องเต้หนานรั่วหาน ยามนี้เขาจับตามองสตรีที่เรียกได้ว่าเป็ภรรยาอย่างแปลกใจ
“คุณชายให้บ่าวไปจัดการหรือไม่ขอรับ”
“ยังก่อน ข้าอยากรู้เหมือนกันว่านางจะมาไม้ไหน”
“แล้วหากพระสนม…เออ นางมาหาเศษหาเลยกับบุรุษคุณชายจะทำเช่นไรขอรับ” องครักษ์ไป่ฟางหรงยามนี้เป็เพียงบ่าวผู้ติดตามคุณชายต่างอดเป็ห่วงไม่ได้
“เช่นนั้นข้าจะจัดการเอง” พูดจบร่างสูงก็ลุกออกไปยังห้องหนึ่งที่มีบุรุษอีกคนกำลังเปลี่ยนชุด
“ฝ่าา” บุรุษที่กำลังจัดชุดสีฟ้าอ่อนคลุมด้วยผ้าโปรงสีขาวหันกลับมาพร้อมโน้มตัวคารวะ
“ฉินม่อซี..คืนนี้เราจักแสดงเอง เ้ามาแต่งหน้าให้ข้าที” ฉินม่อซีขมวดคิ้วมองอย่างงุนงง เขารู้ดีว่าฮ่องเต้หนานรั่วหานฝีมือการดีดพิณเรียกได้ว่าชั้นครูเลยก็ว่าได้ เพราะเขานั่นเองเป็ผู้ได้สอนให้ฉินม่อซีดีดพิณเป็
“ฝ่าาเหตุใดท่าน…” ฉินม่อซีเอยขึ้นอย่างไม่เป็พิธี ยามเข้าวังเขาคือข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์แต่อยู่ข้างนอกเขาคือสหายสนิทของฮ่องเต้เลยก็ว่าได้
“ข้ามีเหตุผลของข้า แต่เ้าต้องแต่งให้ผู้คนจดจำข้ามิได้” เช่นนั้นฉินม่อซีเริ่มแต่งแต้มสีสำหรับการแสดงต่าง ๆ ลงใบหน้าขาวของหนานรั่วหานอย่างเบามือก่อนจะจัดชุดใหม่เป็อันเสร็จพิธี
เสียงผู้คนปรบมือแต่แปลกใจเหตุใดวันนี้ฉินม่อซีกลับมาผ้าบางมากั้นปิดบังใบหน้า หากแต่เสียงเพลงพิณนั้นกลับนุ่มนวลชวนให้หลงไหลยิ่งกว่าทุกครั้ง หลิวเซียงเอ๋อร์นั่งยกมือเท้าคางมน ๆ ก่อนจะจิบสุราท้อรสชาดหวานลิ้นที่แม่นางเสี่ยวหงยกนำมาให้พร้อมถั่วอีกจาน
“หลินเสียงเ้าว่าบทเพลงพิณนี่ไพเราะหรือไม่” หลิวเซียงเอ๋อร์ยกยิ้มพร้อมถามสตรีที่นั่งข้าง ๆ สายตาจับจ้องไปยังบุรุษกลางเวทีอย่างไม่วางตา
“มากเลยเ้าค่ะ”
“หากข้าจะซื้อบุรุษนี่ เ้าคิดว่าต้องให้เงินเท่าไหร่ดี” คำพูดเธอทำให้หลินเสียงที่กำลังยกดื่มชาถึงกับสำลัก
“คุณหนู!!..ท่านว่ากระไรเ้าคะ”
“ข้าถามว่าถ้าต้องให้เขามาบริการข้า ข้าจะต้องจ่ายเท่าไหร่กัน” หลินเสียงไม่อยากเชื่อหูตัวเอง สตรีผู้ที่เคยเคร่งครัดทั้งกิริยามารยาท สี่คุณธรรม สามคล้อยตาม แต่ยามนี้เหตุใดนางถึงได้เอยถึงบุรุษอื่นด้วยสีหน้าราวกับต้องมนต์
“คุณหนู..บ่าวว่ามิดีเ้าค่ะ”
“ดีซิ…ข้าแค่เรียกมาหาข้อมูลไง หากบุรุษเงานั่นมาที่นี่บ่อยเขาต้องรู้จักเป็แน่” หลินเสียงได้ยินก็พยักหน้าคล้อยตาม
“คุณหนูท่านนี่ฉลาดจริง ๆ เ้าค่ะ” หลินเสียงรีบเปลี่ยนสีหน้าก่อนจะหันไปมองสตรีร่างอวบที่กำลังเดินวนโต๊ะโน้นที โต๊ะนี้ทีราวกับปลาแหวกว่ายไปมา
“แม่นางเสี่ยวหง..คุณหนูข้าถูกชะตาคุณชายฉินแล้วจักต้องจ่ายเท่าไหร่หรือ” หลินเสียงสอบถามให้แทนนายที่ยังคงทอดมองบุรุษนั่น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้