“ซานกุ้ย ข้าได้ยินมาว่าครอบครัวของเ้ามีแขกผู้มีเกียรติหรือ?”
“หลี่เจิ้ง ท่านมาแล้วหรือ รีบเข้ามาในบ้านเร็ว”
หลิวซานกุ้ยทักทายหลี่เจิ้งและเอ่ยเชิญจากที่ไกลๆ ให้เข้ามาในบ้าน
เขาไม่ได้ตาบอดถึงขั้นไม่เห็นว่า มีองครักษ์เดินตามหลังหลี่เจิ้งมา
นั่นคือองครักษ์ของซูจื่อเยี่ย
หลี่เจิ้งสาวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาได้คุยกับเกาจิ่วก่อนแล้วจึงรู้ว่าที่องครักษ์ไปเชิญเขามาด้วยเื่อันใด
เขาเอ่ยทักทายเกาจิ่ว ก่อนที่เกาจิ่วจะแนะนำให้เขาได้รู้จักกับซูจื่อเยี่ย จากนั้นเขาก็นั่งลงอย่างไม่เกรงใจ “เอาเถิด ข้าว่าฉีหรุ่ยเอ๋อร์ เ้ารีบเช็ดน้ำหูน้ำตาเถิด ตอนนั้นเ้าทำกับซานกุ้ยอย่างนั้น หากไม่ใช่เพราะว่าเด็กคนนี้มีจิตใจดี และมองว่าพวกเ้าคือพ่อแม่จากใจ เราคงไม่ต้องคิดมากปานนี้ นึกถึงปีก่อนเื่ที่เ้าเกือบเอาชีวิตของซานกุ้ย หากไม่ใช่เพราะภรรยาข้าช่วยไว้ ไม่แน่ว่าซานกุ้ยคงจากไปนานแล้ว โชคดีที่คนก่อเหตุนั้นรัดกุมจึงไม่มีใครจับช่องโหว่ได้ แต่วันนี้ข้าคิดว่าไม่ต้องปิดบังอีกแล้ว”
เขายังได้ยินมาว่าซูจื่อเยี่ยเป็บุตรชายของท่านอ๋องผิง แต่เขาไม่สนว่าจะเป็บุตรของชายาหรืออนุ ลำพังไพ่ของจวนอ๋องผิง หลิวฉีซื่อก็ยากที่จะพลิกเื่ราวหรือพูดจาตลบตะแลงได้แล้ว
หลายปีก่อนนั้นหลังจากที่หลิวต้าฟู่กลับมาที่หมู่บ้านสามสิบลี้ ก็แอบเอาเงินไปหาหลี่เจิ้ง
“ข้าว่าน้องชายหลิว เราเติบโตด้วยกันมาั้แ่เด็ก เ้าแอบภรรยาเก็บเงินไว้เช่นนี้ไม่ใช่เื่ที่ถูกต้อง คนเขาออกเรือนมาจากในจังหวัด อยู่ห่างไกลกับบ้าน มาถึงนี่แล้ว เ้าก็คือที่พึ่งเดียวของนาง อย่าได้ทำให้คนเขารู้สึกชอกช้ำใจ”
หลิวต้าฟู่ยิ้มและพูดว่า “ที่ไหนเล่า พี่ชาย นิสัยข้าใช่ว่าเ้าไม่รู้? ข้าไม่เคยทำให้หรุ่ยเอ๋อร์เสียใจแม้แต่น้อย เพียงแต่ว่าซานกุ้ยคือลูกของอวี้หลัน แต่หลังจากคลอดเขาออกมา นางก็จากไป”
กัวอวี้หลันตอนนั้นก็สนิทกับหลี่เจิ้งหวงจินเองเช่นกัน
“เป็ลูกของนางหรือ? แล้วเหตุใดพวกเ้าถึงได้อุ้มกลับมา? นี่เื่อะไรกัน? เ้าบอกเล่ามาให้ละเอียด”
หลิวต้าฟู่เคยบอกเล่าเื่ราวที่เกิดขึ้นให้แก่หลี่เจิ้ง แต่ปกปิดเื่ที่กัวอวี้หลันถูกฉีหรุ่ยเอ๋อร์ผลักลงกับพื้น ทำให้ครรภ์เป็พิษ เมื่อให้กำเนิดหลิวซานกุ้ยแล้วเืก็ไหลไม่หยุดและจากไปทั้งอย่างนั้น
เมื่อรู้ว่านี่คือเงินที่กัวอวี้หลันตั้งใจเก็บไว้เพื่อเลี้ยงดูหลิวซานกุ้ย หลี่เจิ้งหวงจินจึงเอ่ย “ได้ยินเ้าพูดเช่นนี้ เห็นทีอวี้หลันคงคิดอยากมาตั้งรกรากที่หมู่บ้านสามสิบลี้ ใครจะรู้ว่านางจะจากไป ในเมื่อเก็บไว้ให้ซานกุ้ย เ้าคิดไว้หรือไม่ว่า้าซื้อที่ดินแบบไหน?”
หลิวต้าฟู่้านำเงินทั้งหมดซื้อที่นาดี แต่พอคำนวณแล้ว หลังจากซื้อที่นาดี ในมือยังเหลือเงินสองถึงสามตำลึง
เขาปฏิเสธจากก้นบึ้งของหัวใจที่จะยกเงินเหล่านี้ให้แก่หลิวฉีซื่อ
เพราะรู้ว่านางเป็คนจิตใจโหดร้าย
ในท้ายที่สุดก็ได้หวงจินช่วยเขาออกความคิดเห็น จากนั้นก็ใช้ชื่อของหลิวซานกุ้ยซื้อที่นาดีห้าไร่และที่ดินแห้งสิบไร่
“เมื่อพูดถึงเื่นี้ ตอนนั้นเซียงเซินที่รับรู้เป็พยานก็ยังมีชีวิตอยู่ หรือไม่ก็เชิญพวกเขามาเป็พยานด้วย ดีหรือไม่?”
หลิวฉีซื่อพูดอย่างโกรธเคืองว่า “หลี่เจิ้ง นี่เป็เื่ส่วนตัวของตระกูลหลิวของเรา กัวอวี้หลันนั่นก็ดูไม่เหมือนคนมีเงิน เช่นนั้นจะทิ้งเงินไว้มากมายได้อย่างไร? นั่นก็เพราะต้าฟู่แอบเก็บเงินส่วนตัวลับหลังข้า”
หลี่เจิ้งไม่อยากสนใจนางแม้แต่น้อย นางผู้หญิงจิตใจโเี้ชั่วร้ายคนนี้
“เ้าคิดว่าเ้าบอกว่าไม่ใช่ก็คือไม่ใช่หรือ ข้าถามเ้าหน่อย ตอนที่เ้าแต่งกับต้าฟู่แล้ว เ้าเคยให้เงินแก่เขาหรือ? กระทั่งเขาจะขอเงินไปซื้อเหล้าสักกาที่ปากทางหมู่บ้าน ยังต้องขอกับเ้านานครึ่งค่อนวัน ฮึ เงินเก็บส่วนตัวอะไรกัน ช่างน่าขันนัก ตอนนั้นทั้งที่ข้าต่อว่าเขา ทว่าเขาก็เห็นแก่เ้าที่ออกเรือนมาไกล และไม่มีที่พึ่งในที่แห่งนี้ก็เท่านั้น”
คำพูดของหลี่เจิ้งยืนยันว่าสิ่งที่หลิวต้าฟู่พูดเป็ความจริง ในตอนนั้นหลิวต้าฟู่ได้ซื้อที่นาดีห้าไร่และที่ดินแห้งสิบไร่ไว้ในนามของหลิวซานกุ้ย
“โอ้ เกือบลืมไป โฉนดนั่นยังไม่ได้แก้ชื่อสินะ เหอะๆ ยังดีที่ตอนนั้นข้าจัดการเื่ราวได้รอบคอบ ตั้งใจออกเงินหลายตำลึงไว้เพื่อช่วยเปลี่ยนโฉนดนั้นเป็แบบลงทะเบียนกับหน่วยงานราชการ นี่ก็ผ่านมาหลายสิบปี ซานกุ้ย หลังจากที่เอาโฉนดกลับมา อย่าลืมเอาเงินในตอนนั้นคืนข้าด้วย โอ๊ย พูดถึงแล้ว ข้าเองก็จะได้มีเงินเก็บส่วนตัวหลายตำลึงแล้วสิ”
คำพูดของเขาทำให้ครอบครัวของหลิวซานกุ้ยขบขัน
ซูจื่อเยี่ยยังคงมีสีหน้าตึงเครียด และถามหาโฉนดอย่างไม่ลดละ “เอามา”
เมื่อเห็นว่าหลิวฉีซื่อทำหน้าราวกับว่าไม่มีทางให้ เขาจึงฉุกคิดได้ “ไม่ให้ ก็บุกบ้าน!”
หลิวเต้าเซียงมองเขาอย่างไร้คำพูด เ้าเป็เครือญาติของฮ่องเต้ เ้าร้ายกาจ!
หลิวฉีซื่อมาจากจวนตระกูลหวง ย่อมรู้ว่าการบุกบ้านนั้นหมายความว่าอย่างไร เื่มาจนถึงตอนนี้ นางเองยังทำใจไม่ได้
หลี่เจิ้งจึงเอ่ยอย่างหัวเราะชอบใจ “ไม่ต้องบุกบ้าน ถึงอย่างไรพยานในตอนนั้นก็ยังอยู่ ฉีซื่อ หากเ้าไม่เอาออกมา ข้าจะพาซานกุ้ยไปที่ว่าการอำเภอและทำอีกหนึ่งฉบับ ที่นั่นมีบันทึกเก็บไว้อยู่แล้ว”
ดังนั้นการซื้อที่ก็ควรจ่ายเงินเพื่อทำโฉนดทางการจึงจะวางใจได้
หลิวเต้าเซียงตัดสินใจว่า ในอนาคตเมื่อใดก็ตามที่นางซื้อที่ดิน นางจะใช้โฉนดทางการเท่านั้น และจะไม่รู้สึกเสียดายเงินอีกต่อไป
หลิวฉีซื่อจุกในอก สิ่งที่แอบเก็บซ่อนไว้ก็เพื่อจะยกเป็สินทรัพย์ให้แก่ลูกๆ ในภายภาคหน้า นางเห็นว่ามันกำลังจะหลุดลอยจากมือไป
ความรู้สึกนั้นราวกับอุตส่าห์เลี้ยงดูลาตัวหนึ่งจนอ้วนพี จากนั้นจู่ๆ ก็มีคนมาเคาะประตูและบอกกับนางว่า ลาตัวนี้นางเลี้ยงโดยไม่ได้รับเงิน
“ท่านแม่ ท่านพูดอะไรหน่อยสิ!”
ขืนเื่ไปถึงที่ว่าการอำเภอ ไม่เพียงแต่บุตรชายของเขาหลิวจื้อไฉ แล้วยังมีน้องสี่หลิววั่งกุ้ย อนาคตของสองคนนี้คงถูกทำลายแน่นอน
หากมีการดำเนินเื่ในที่ว่าการอำเภอก็ต้องมีการรายงาน เขาไม่คิดว่าหลี่เจิ้งจะใจดีช่วยตระกูลหลิวปิดบังอย่างแน่นอน
“ท่านแม่ ท่านคิดจะทำลายเ้าสี่ก็ตามใจ แต่ท่านจะตัดหนทางอนาคตของลูกชายข้าไม่ได้ มิฉะนั้น ข้าจะไม่ยอมจบเื่นี้กับท่าน แม้จะต้องแลกด้วยชีวิต”
หลิวซุนซื่อซึ่งเหมือนกลายเป็เสาประดับบ้าน ทันใดนั้นก็ฟื้นคืนชีพ
เมื่อไม่เอ่ยปากก็ไม่มีอะไร แต่เมื่อเอ่ยปากก็ยอมแลกด้วยชีวิต
กล่าวอีกนัยหนึ่ง นับจากที่หลิวเหรินกุ้ยมีอนุ หลิวซุนซื่อก็เริ่มกลายเป็คนดีมากขึ้น
หลิวเต้าเซียงเม้มปากยิ้มและเอ่ย “ใช่แล้ว ป้ารอง ถึงตอนนั้นท่านพ่อข้าไปขอสำเนาโฉนด นายอำเภอคงต้องถามไถ่ว่าโฉนดฉบับเดิมหายไปไหน พ่อข้าเองก็เป็คนซื่อตรง คงไม่มีทางปั้นเื่โกหกท่านนายอำเภอแน่”
หลิวชิวเซียงยิ้ม “นี่ น้องรอง เ้าลืมไปหรือว่า ท่านย่าเป็คนของจวนตระกูลหวงนะ”
หลิวเต้าเซียงสุขใจ นี่คือพี่สาวแท้ๆ ของนางจริงๆ ท่านพี่แน่ใจนะว่าไม่ได้จงใจเล่นงานหลิวฉีซื่อให้หน้าดำเป็ตอตะโก?!
เกาจิ่วช่วยต่อคำพูดให้ “เฮอะ จวนตระกูลหวงนั้นหรือจะสนใจเื่เล็กน้อยเช่นนี้”
ยิ่งไปกว่านั้น บิดาของหลิวเต้าเซียงยังมีนายน้อยช่วยหนุนหลังให้ ลำพังผู้ช่วยผู้ว่าการระดับห้าผิน ยังคิดจะขวางทางคนจากเมืองหลวง คงไม่รู้ว่าตัวอักษรคำว่าตายเขียนอย่างไร?
“นอกจากนี้ แม้ว่านายท่านหวงรู้แล้วอย่างไร เขาก็เป็เพียงผู้ช่วยผู้ว่าการ เวลาเห็นนายน้อยข้ายังต้องคุกเข่าคำนับด้วยซ้ำ!” เกาจิ่วเอ่ย
ทุกคนหันมองเขาอย่างพร้อมเพรียงกัน เ้าหนุ่มนี่ต้องผยองถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
นายน้อยท่านนั้นนั่งทับอยู่เหนือศีรษะ มีเพียงคนตาบอดเท่านั้นที่ไม่เห็น กระทั่งคนโง่ยังรู้ว่าเขามาเพื่อหนุนหลังให้แม่สาวน้อย
ซูจื่อเยี่ยยังคงนั่งนิ่ง มองเขาทำไมกัน เขาจะดันหลังให้นางเอง พวกเ้าไม่พอใจแล้วอย่างไร จะกัดเขาหรือ?
ไม่กล้า นอกเสียจากว่าไม่อยากมีชีวิตต่อแล้ว
“เกาจิ่ว เ้าไปจัดการด้วยตัวเอง”
เกาจิ่วได้รับคำสั่ง ก่อนจะโบกมือให้องครักษ์ที่ยืนเรียงรายสองฝั่งด้านนอกประตู “พี่น้อง ไปกับข้า บุกบ้านกัน”
หลิวเต้าเซียงเหลือบมองบุปผาบนเทือกเขาสูง เ้าเป็หัวหน้าเผ่าโจรหรือ?
ข้าคือเชื้อพระวงศ์อย่างถูกต้อง!
หลิวเต้าเซียงก้มศีรษะลง ดื่มน้ำชาและแทะเมล็ดทานตะวันต่อ
อย่างไรก็ตาม โฉนดที่ดินคงไม่มีทางหลุดรอดไปได้
โอ้ ใช่ แล้วก็เงินสี่ร้อยสิบหกตำลึง
เมื่อหลิวฉีซื่อได้ยินก็กระวนกระวายใจ เบื้องหน้ามืดบอดไปหมด จึงพิงตัวล้มไปในอ้อมกอดของหลิวเหรินกุ้ย
หลิวเต้าเซียงถือชายกระโปรงของตนเองและเดินช้าๆ ไปที่ด้านข้างของหลิวฉีซื่อ เห็นนางหลับตาแน่น ใบหน้าซีดเผือด แขนสองข้างอ่อนแรงและทิ้งลงข้างกาย ทั้งที่เป็เดือนสามของฤดูใบไม้ผลิ แต่นางกลับมีเหงื่อซึมทั่วตัว ผมเผ้าที่กระจัดกระจายปรกลงมาแนบกับใบหน้า มองดูแล้วน่าอึดอัดนัก
โอ๊ะโอ เป็ลมไปแล้วจริงๆ
นางคิดได้ดังนั้นจึงปล่อยวาง หลิวฉีซื่อเห็นแก่เงินจนเคยตัว ในสายตานั้นมีเพียงเงินที่สูงส่งเหนือกว่าสิ่งอื่นใด
ตอนนี้เมื่อรู้ว่าโฉนดที่ตนเองแอบมั่วนิ่มไว้กับเงินสี่ร้อยกว่าตำลึงกำลังจะหลุดลอยไป จะไม่ชอกช้ำใจได้อย่างไร?
“ท่านปู่ ท่านย่าเป็ลมอีกแล้ว”
นางไม่มีทางบอกว่า หลิวฉีซื่อจงใจ
เมื่อหลิวต้าฟู่ได้ยินคำว่า ‘อีกแล้ว’ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เขาเป็สามัญชนสมองทึบ แล้วจะกล้ายั่วให้คุณชายในจวนอ๋องเคืองโกรธได้อย่างไร อีกทั้งของเ่าั้เดิมทีก็เป็ของหลิวซานกุ้ยอยู่แล้ว ตอนนี้เื่ราวเปิดเผยออกมา ย่อมต้องคืนสู่เ้าของตัวจริง
“ทำตามที่พวกเ้าพูดเถิด ข้ารู้ว่าท่านแม่เ้าน่าจะเก็บโฉนดไว้ที่ใด” หลิวต้าฟู่เอ่ย
อย่างมากก็อยู่ในช่องระหว่างเตียงหรือซอกกำแพง หรือไม่ก็ทับอยู่ใต้กล่องอะไรประมาณนั้น
หลิวซานกุ้ยคิดในใจ ตอนนั้นที่แยกครอบครัว ตนเองได้รับแบ่งบ้านมาหนึ่งหลังกับที่นาดีสองไร่ อันที่จริงเขาไม่ควรได้รับมันมามากมายเพียงนี้
หลิวเต้าเซียงพูดจาอย่างระมัดระวัง “ท่านปู่ บ้านเก่าหลังนี้เป็ของปู่ทวดย่าทวดที่เก็บไว้ให้ท่านพ่อข้าใช่หรือไม่!”
หลิวต้าฟู่แอบคิดในใจว่า เหตุใดบุตรสาวสามคนของซานกุ้ยจึงไม่เหมือนเขาสักคน
“ใช่ ปู่ทวดเ้าเป็คนพูดเองว่าจะเก็บไว้ให้ซานกุ้ย ย่าแท้ๆ ของพวกเ้าเป็ญาติตระกูลเดียวกับย่าทวด ซึ่งก็คือหลานสาวห่างๆ ใครจะคิดว่าซานกุ้ยกลับมีใบหน้าคล้ายกับย่าทวดของพวกเ้าอย่างมาก”
หลิวเต้าเซียงทำท่าสบายใจ ในเมื่อปู่ทวดสั่งเสียไว้ เช่นนั้นก็ไม่เกี่ยวกับหลิวฉีซื่อ
“ใช่สิ ท่านปู่ พ่อข้ายังได้รับแบ่งที่นาดีสองไร่ หรือไม่ก็หักออกจากเงินสี่ร้อยสิบหกตำลึง ดีหรือไม่?”
นางแค่เห็นอกเห็นใจว่าหลิวฉีซื่ออาจจะปวดใจจริงๆ!
“พูดอะไรกัน ข้ารู้ว่าพวกเ้าหวังดี เงินสี่ร้อยสี่สิบตำลึงก็ลดลงเหลือสี่ร้อยสิบหกตำลึง อีกอย่างที่นาสองไร่แม้ว่าพวกเ้าจะนำไปเพาะปลูก แต่ทุกปีพวกเ้าก็ยังมอบเงินตอบแทนให้ไม่ใช่หรือ?”
หลิวต้าฟู่ยังมีคำพูดที่ไม่ได้พูดออกมา นั่นก็คือของขวัญประจำปีในสองปีที่ผ่านมานั้นเพียงพอกับการซื้อที่นาสิบกว่าไร่แล้ว เขาจึงไม่กล้าขอที่นาดีสองไร่คืนจริงๆ นี่เท่ากับว่าบีบคั้นความสัมพันธ์ฉันพ่อลูกของเขากับซานกุ้ยไม่ใช่หรือ?
หลิวเต้าเซียงมองดูพ่อผู้แสนดีของตน เขาคงไม่อยากตัดขาดความสัมพันธ์นี้จริงๆ เอาเถิด เช่นนั้นนางก็จะไม่เป็คนชั่วร้าย ปู่คนนี้นางจำใจยอมรับก็ได้
แน่นอนว่า เพียงแค่ปู่คนเดียวเท่านั้น
“ท่านปู่ ดูท่านพูดเข้าสิ ท่านยังคงเป็ท่านปู่ของพวกเรานะ”
ทันทีที่หลิวเต้าเซียงเอ่ยออกมา หลิวซานกุ้ยก็ถอนหายใจเงียบๆ ด้วยความโล่งอก ในครอบครัวนี้ เขาเองก็ไม่มีจุดยืนเท่าใดเหมือนกัน!
แน่นอนว่าเขาที่เป็ผู้คลั่งรักภรรยา การไม่มีจุดยืนในบ้านจึงไม่ได้รู้สึกน่าขายหน้าแต่อย่างใด
เกาจิ่วเป็คนทำงานดี จึงตามหลิวต้าฟู่กลับไปเอาโฉนดที่บ้านเดิม ส่วนเงินสี่ร้อยกว่าตำลึงนั้น...
หลิวต้าฟู่บอกว่าเมื่อหลิวฉีซื่อตื่นขึ้นมา จะให้นางเขียนใบชำระหนี้
เพราะหลิวต้าฟู่ไม่ได้เป็หัวหน้าครอบครัว เงินไปไหนบ้างเขาเองก็ไม่ได้ใส่ใจดูแล
-----