โอสถห้ามเืเป็โอสถเเรกที่หนิงอ้ายได้ปรุงออกมาได้สำเร็จ การหลอมสร้างปรุงโอสถระดับสองวันนี้เหวินหวู่จึงให้เด็กหนุ่มได้เริ่มจากโอสถนี้อีกครั้ง สำหรับสูตรโอสถห้ามเืระดับสองนี้ที่ได้รับมาจากอาจารย์ของตนหนิงอ้ายเห็นว่านอกจากจะมีสมุนไพรตั้งต้นจากสูตรโอสถระดับหนึ่ง นอกจากนี้ยังได้มีการเพิ่มสมุนไพรขึ้นมาอีกหลายชนิดเช่นกันที่ล้วนเเต่มีฤทธิ์ส่งเสริมสมุนไพรก่อนหน้าทั้งสิ้น เมื่อเด็กหนุ่มได้จัดเตรียมสมุนไพรครบถ้วนตามสูตรโอสถในมือของตนแล้วจึงไม่รอช้าที่จะลงมือในทันที
หนิงอายตั้งสมาธิให้มั่นคงพร้อมกับเรียกญาณััของตนออกมาคลอบคลุมไปทั้งทั้งเตาโอสถตรงหน้านี้ มือเรียวบางได้ตวัดเอาสมุนไพรตามสูตรโอสถลงไปในเตาหลอมก่อนที่จะเรียกิญญายุทธ์ธาตุไฟของตนออกมาอย่างระมัดระวัง ความล้ำค่าของสมุนไพรตามสูตรโอสถระดับสองนี้ที่บางชนิดก็มีอายุถึงร้อยปี ดังนั้นการหลอมสร้างปรุงโอสถในครั้งนี้หนิงอ้ายจึงระวังตั้งใจเป็อย่างมากเพราะ้าใช้สมุนไพรเหล่านี้ให้คุ้มค่ามากที่สุด
ปราณธาตุไฟที่เกิดจากิญญายุทธ์ของหนิงอ้ายได้ล้อมรอบเตาโอสถซึ่งเด็กหนุ่มพยายามบังคับเปลวเพลิงนี้ให้มีความสมดุลไม่เบาไม่หนักจนเกินไปเพื่อที่จะได้เม็ดโอสถที่สมบูรณ์ เพราะหากในขั้นตอนหลอมสร้างปรุงโอสถในขณะที่สมุนไพรได้แปรเปลี่ยนเป็ของเหลว หากควบคุมความร้อนเปลวไฟของเตาโอสถได้ขาด่ไม่พอดี ผลลัพธ์ที่ตามมาก็เป็ไปได้ที่ว่าโอสถอาจจะไม่สมบูรณ์ได้หรืออาจไม่เป็ไปตามใจหวัง
ผ่านไปอีกไม่ถึงหนึ่งเค่อ ปราณธาตุไฟของหนิงอ้ายยังคงทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีเยี่ยม กลิ่นอายของพลังชีวิตที่เเผ่ออกมานั้นได้ซึมซับเข้าไปในโอสถเหลวที่กำลังจะขึ้นรูปเป็เม็ดโอสถเเล้ว กลิ่นหอมฟุ้งอันเป็เอกลักษณ์เฉพาะของโอสถระดับสองได้ส่งกลิ่นออกมาจากเตาโอสถอย่างสม่ำเสมอ
จากนั้นหนิงอ้ายจึงค่อย ๆ ลดความร้อนแรงของเปลวเพลิงตนก่อนที่จะประสานมือขึ้นตามขั้นตอนสุดท้ายของการขึ้นรูปโอสถเม็ด ก่อนที่จะได้ยินเสียงเม็ดโอสถที่กระทบกันอยู่ในเตาตรงหน้า เป็สัญญาณว่าการหลอมสร้างปรุงโอสถในครั้งนี้ได้เสร็จสิ้นเเล้ว
"เ้าหยิบโอสถระดับสองที่เ้าปรุงขึ้นมาดูเถิดว่าเป็อย่างไรบ้าง..." เหวินหวู่เอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวเท้าเข้ามาก่อนที่จะนั่งลงข้างเด็กหนุ่ม
"โอสถห้ามเืระดับสองสามเม็ดความบริสุทธิ์แปดส่วนกับครั้งเเรกเช่นนี้นับได้ว่าค่อนข้างเกินความคาดหมายของข้าไปมากเลยทีเดียว..." เหวินหวู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงชื่นชม
"เเต่ว่า...."
"เ้าคิดว่าอย่างไร?" เมื่อเหวินหวู่ได้เห็นท่าทางของเด็กหนุ่มจึงถามกลับไปด้วยความสงสัย
"ข้ากำลังคิดว่าได้ทำขั้นตอนใดผิดพลาดไปหรือไม่? เพราะตามสูตรโอสถนั้นจะต้องได้โอสถห้ามเืเป็จำนวนทั้งสิ้นห้าเม็ดเเต่ข้ากลับปรุงขึ้นมาได้เพียงสามเม็ดเท่านั้น..." หนิงอ้ายตอบกลับไปเเต่คล้ายกับว่าคุยกับตนเองเสียมากกว่า
จ ากนั้นเด็กหนุ่มจึงเอ่ยขอท่านอาจารย์ของตนว่า้าหลอมสร้างปรุงโอสถใหม่อีกครั้ง เมื่อชายชราพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับให้กำลังใจอีกเล็กน้อย หนิงอ้ายไม่รอช้าจึงลงมือตามที่ตนคิดไว้ในทันที...
การหลอมสร้างปรุงโอสถระดับสองตามสูตรของโอสถห้ามเืตอนนี้หนิงอ้ายได้จดจำทุกขั้นตอนอย่างแม่นยำเเล้ว จึงใช้เวลาในการทดลองปรุงใหม่ในครั้งที่สองนี้ด้วยระยะเวลาไม่ถึงสองเค่อเพียงเท่านั้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็พอให้ชื่นใจมาบ้างเล็กน้อย เพราะในครั้งนี้เขาสามารถทำได้เพิ่มขึ้นเป็สี่เม็ดแม้ว่าความบริสุทธิ์จะอยู่ที่เพียงเก้าส่วนเท่านั้นก็ตาม
"เ้ากำลังสงสัยว่าเหตุใดในครั้งนี้สองนี้จำนวนที่ได้กับความบริสุทธิ์นั้นยังไม่เป็ไปตามที่้าใช่หรือไม่??" เหวินหวู่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มนั้นกำลังนั่งครุ่นคิดว่าได้ผิดพลาดในขั้นตอนใดไปหรืออย่างไร
"ขอรับท่านอาจารย์ โอสถระดับสองหากเทียบเเล้วอาจมีความแตกต่างในเื่ของสมุนไพรที่เพิ่มมาเพียงเท่านั้น หมายความว่าอาจจะเป็สาเหตุอื่นนอกเหนือจากจำนวนชนิดของสมุนไพรขอรับ..." หนิงอ้ายเอ่ยจบหลังจากที่ได้นิ่งเงียบวิเคราะห์ไปเมื่อครู่ จากนั้นจึงเริ่มทำการหลอมสร้างปรุงโอสถห้ามเืในครั้งที่สามนี้ในทันที
ขั้นตอนการหลอมสร้างปรุงโอสถนั้นเป็ไปด้วยความรวดเร็วตามขั้นตอนทุกอย่าง เพียงเเต่ว่าในครั้งที่สามนี้หนิงอ้ายได้ลองเพิ่มความร้อนแรงของเปลวเพลิงจากิญญายุทธ์ให้มากขึ้นหนึ่งเท่า เเต่ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมากลับแย่กว่าสองครั้งเเรกยิ่งนัก ครั้งนี้ได้โอสถมาเพียงสามเม็ดอีกทั้งยังมีความบริสุทธิ์เพียงหกส่วนเท่านั้น นั่นย่อมหมายความว่าความร้อนแรงของเปลวเพลิงนั้นมีส่วนสำคัญในการหลอมสร้างปรุงโอสถเช่นกัน เเต่อาจเป็ไปได้ว่าสูตรโอสถห้ามเืนี้อาจจะยังไม่เหมาะสมกับความร้อนแรงที่มากจนเกินไป
"เ้าสังเกตอะไรได้เเล้วใช่หรือไม่??" เหวินหวู่ได้ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มนั้นมีทีท่าว่าสามารถเเก้ปัญหาในเื่นี้ได้เเล้ว
"หากข้าคาดเดาไม่ผิดสูตรโอสถเเต่ละประเภทนั้นย่อมมีการใช้ความร้อนแรงของเปลวเพลิงที่แตกต่างกันออกไปใช่หรือไม่ขอรับ??"
"ย่อมเป็เช่นนั้นสมุนไพรเเต่ละชนิดที่ถูกบันทึกในสูตรโอสถย่อมมีคุณลักษณะที่พิเศษเฉพาะเ้าจะเห็นว่าสมุนไพรหลักในสูตรโอสถนี้จะเป็สมุนไพรสังกัดธาตุน้ำเสียเป็ส่วนใหญ่ ดังนั้นเเล้วเปลวเพลิงในการหลอมสร้างปรุงโอสถที่ร้อนแรงเกินไปย่อมส่งผลไปถึงความบริสุทธิ์ของเม็ดโอสถเป็อย่างมากเช่นกัน..."
"ดังนั้นเเล้วการที่อาจารย์ได้ให้เ้าศึกษาตำราเกี่ยวกับสมุนไพรต่าง ๆ ทั้งเเหล่งที่อยู่อาศัยรวมไปถึงคุณสมบัตินี้เ้าสามารถนำมาปรับให้เข้ากับสูตรโอสถที่เ้า้า หรือแม้กระทั่งคาดเดาความร้อนแรงของเปลวเพลิงที่ควรใช้ในยามหลอมสร้างปรุงโอสถนี้ เ้าลองอีกครั้งดูเเล้วกัน...."เหวินหวู่ได้อธิบายถึงหลักการหลอมสร้างปรุงโอสถที่ตนได้ค้นพบขึ้นในตลอดเส้นทางการเป็นักปรุงโอสถของตนตลอดหลายสิบปีมานี้พร้อมกับถ่ายทอดให้กับศิษย์สายตรงเพียงคนเดียวของตนอย่างไม่ปิดบัง
"ข้าเข้าใจแล้วขอรับท่านอาจารย์ ครั้งนี้ข้าจะลองเพิ่มเวลาในการหลอมสร้างปรุงโอสถ เพราะหากควบคุมเปลวเพลิงให้อยู่ในระดับที่พอดีสมดุลเเล้ว ระยะเวลาที่เพิ่มขึ้นน่าจะมีผลไปไม่น้อยเช่นกันขอรับ..." หนิงอ้ายตอบกลับชายชราผู้เป็อาจารย์ของตนไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะทำการปรุงโอสถอีกครั้งในครั้งที่สี่
สองมือเรียวบางของเด็กหนุ่มนั้นได้ตวัดเอาสมุนไพรตามสูตรโอสถห้ามเืระดับสองลงไปในเตาหลอมโอสถ โดยที่ขั้นตอนหลังจากนั้นก็เหมือนเดิมทุกอย่าง เพียงเเต่ว่าในครั้งนี้หนองอ้ายเลือกที่จะควบคุมเปลวเพลิงจากิญญายุทธ์ของตนอย่างสม่ำเสมอไม่ติดขัดสมดุลกันเหมือนกับครั้งที่สองก่อนหน้า
จนเมื่อเวลาได้ผ่านไปถึงสองเค่อเเล้ว ตัวของหนิงอ้ายยังคงควบคุมเปลวไปใต้เตาหลอมโอสถนั้นอย่างคงที่มั่นคง จนเมื่อถึงขณะหนึ่งคล้ายกับมีญาณััหรือบางสิ่งที่บอกให้กับเด็กหนุ่มได้รู้ว่าเวลาเช่นนี้น่าจะพอดีเเล้ว จากนั้นเด็กหนุ่มจึงค่อย ๆ ผ่อนระดับของเปลวเพลิงลงก่อนที่จะประสานมือคู่อีกครั้งเพื่อผนึกโอสถเหลวนี้ให้กลายเป็เม็ดตามที่้า กลิ่นหอมฟุ้งอันเป็เอกลักษณ์เฉพาะของโอสถห้ามเืระดับสองได้อบอวลไปทั่วห้องนี้ สร้างความผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด
"หวังว่าในครั้งนี้จะสำเร็จตามที่คาดการณ์..." หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นอย่างแ่เบา
ท่ามกลางความลุ้นระทึกว่าในครั้งนี้ตนจะทำได้สำเร็จจริงหรือไม่ เมื่อได้ยินเสียงโอสถที่กลิ้งนอนอยู่ในเตาหลอมหนิงอ้ายจึงหยิบขึ้นมาดูทันที
"โอสถห้ามเืระดับสองจำนวนห้าเม็ดความบริสุทธ์สิบส่วนทั้งสิ้น!!! ท่านอาจารย์ข้าทำสำเร็จแล้วขอรับ..." หนิงอ้ายร้องเสียงดังออกมาด้วยความยินดี
"เ้าสามารถทำได้สำเร็จแม้ว่าข้าได้ชี้แนะไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เก่งมาก เก่งมากศิษย์ของข้า..." เหวินหวู่เอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มเอ็นดูที่เห็นท่าทางดีใจราวกับเด็กน้อย
"เเต่ถึงอย่างไรเ้าอย่าได้กดดันตัวเองมากไปนัก นักปรุงโอสถที่มีพลังิญญาระดับเทวะิญญาขึ้นไปจะสามารถปรุงโอสถระดับสองได้ก็จริง เเต่ถึงอย่างไรนั้นการจะได้มาซึ่งความบริสุทธิ์ถึงสิบส่วนก็ใช้ว่าจะสามารถทำได้ทุกครั้งด้วยเพราะปัจจัยหลายสิ่งอย่าง..."
"เเต่กับเ้าที่พึ่งเป็ผู้ฝึกตนระดับเทวะิญญาขั้นต้นได้ไม่นาน ยังสามารถปรุงโอสถระดับสองที่มีความบริสุทธิ์มากถึงแปดส่วนเก้าส่วนเช่นนี้ได้ตั้งเเต่ครั้งเเรก ๆ ก็นับว่าโดดเด่นเหนือขั้นกว่านักปรุงโอสถระดับหนึ่งทั่วไปเเล้ว ไม่นับรวมไปถึงในตอนนี้ที่เ้าเป็เพียงนักปรุงโอสถฝึกหัดด้วยอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเช่นนี้ นับว่ามากไปด้วยพร์ที่สามารถยืนอยู่แถวหน้าอย่างเต็มภาคภูมิได้เเล้ว..."
"อาจารย์ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เ้าเคยพบเจอกับสิ่งใดมาบ้างที่หล่อหลอมให้เ้าต้องกลายเป็คนที่จริงจังในทุกเื่เช่นนี้ไปได้ เเต่หากให้อาจารย์แนะนำด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาหลายสิบปีนี้ จึงอยากให้คำแนะนำเ้าเเต่เพียงว่า..."
"ทุกคนย่อมผ่านอายุสิบห้าสิบหกปีเพียงเเค่ครั้งเดียวเท่านั้น เ้าที่ยังคงเป็เด็กหนุ่มจงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขให้สมกับ่วัยที่ควรจะเป็เสียเถิด อีกหลายสิบปีข้างหน้าตัวเ้าก็ไม่สามารถที่จะย้อนเวลามาเเก้ไขหรือใช้ชีวิตตอนอายุสิบห้าสิบหกปีได้เเล้ว ปล่อยวางเสียบ้าง ลองทำสิ่งใหม่ ๆ ที่ไม่เคยทำหรืออาจจะออกไปเรียนรู้โลกที่กว้างใหญ่นี้เพื่อเรียนรู้ผิดถูกว่าสิ่งใดควรทำหรือยิ่งใดไม่ควรทำ..."
"ที่สำคัญอาจารย์จะคอยอยู่ข้างหลังเ้า คอยเป็กำลังใจ คอยให้คำปรึกษาอยู่เสมอ ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ นอกจากครอบครัวหรือสหายของเ้าเเล้ว จงอย่าลืมว่าที่ตรงนี้ก็จะมีอาจารย์เช่นกัน..." สิ้นคำสอนของเหวินหวู่ หนิงอ้ายจึงโผเข้ากอดชายชราพร้อมกับร้องไห้ออกมาเสียงดังคล้ายกับ้าระบายความอึดอัดที่อยู่ในใจของตน...
ไม่ใช่ว่าหนิงอ้ายไม่อยากใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายเหมือนกับคนทั่วไป เเต่ด้วยเพราะตั้งเเต่โลกเดิมที่เขาเป็เพียงเด็กกำพร้าที่อาศัยอยู่ในสถานสงเคราะห์ สภาพแวดล้อมในตอนนั้นได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กคนหนึ่งไปสิ้น จากที่เคยเป็เด็กน้อยใสซื่อบริสุทธิ์ไม่ทันคนเจอกับโลกของความเป็จริงที่โหดร้าย จึงหล่อหลอมเด็กน้อยในวันนั้นให้โตขึ้นไปด้วยเเรงกดดันกับคำกล่าวที่ว่าผู้ที่เเข็งแกร่งเท่านั้นที่จะเป็ผู้อยู่รอด
หนิงอ้ายได้รับโอกาสครั้งที่สองในการใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ อาจจะด้วยเพราะความเป็อยู่ก่อนหน้าที่เขารับรู้ได้จากความทรงจำของหนิงอ้ายคนเก่า หรืออาจจะด้วยเพราะความคุ้นชินกับการกดดันตัวเองเช่นนี้จึงทำให้เขานั้นยังคงจริงจังในการทำทุกสิ่งให้ออกมาดีที่สุดเช่นนี้ รู้ว่าในโลกนี้ตนจะมีผู้หนุนหลังที่มากมายหาใช่ต้องเดียวดายเหมือนกับในโลกเก่า เเต่อย่างไรนั้นตัวเขาก็ต้องพึ่งตัวเองให้ได้มากที่สุด ต้องเเข็งแกร่งให้มากขึ้นพอที่จะปกป้องตัวเองและสิ่งที่ตัวเองรักเช่นกัน
ตลอดเวลาเกือบสามชั่วยามหลังจากนั้น หนิงอ้ายได้ทำการหลอมสร้างปรุงโอสถห้ามเืระดับสองนี้ไปอีกหลายครั้งโดยไม่ผิดพลาดและออกมาเป็ความบริสุทธิ์สิบส่วนในทุกครั้งเเล้ว จึงได้ข้อสรุปเเล้วว่าความสมดุลของเปลวเพลิงรวมไปถึงระยะเวลาในการหลอมสร้างที่มากขึ้น จะเป็อีกส่วนสำคัญที่ทำให้โอสถที่ปรุงนั้นออกมาสมบูรณ์ที่สุด
แม้จะต้องสูญเสียพลังลมปราณที่เพิ่มขึ้นจากการหลอมสร้างปรุงโอสถระดับหนึ่งอีกเล็กน้อย เเต่เมื่อทำบ่อยครั้งเข้าเด็กหนุ่มจึงต้องหยุดพักเพื่อดูดซับโอสถลมปราณที่ตนหลอมสร้างขึ้น ไปพร้อมกับนั่งสอบถามสิ่งที่ยังสงสัยกับอาจารย์ของตนด้วยความใฝ่รู้
"วันนี้ก็เพียงเท่านี้ การฝึกฝนเป็เื่ที่ดีก็จริงเเต่มากไปก็ส่งผลเสียเช่นกันพรุ่งนี้อาจารย์จะพาเ้าไปสอบเลื่อนระดับที่เมืองหมอกทมิฬในวันพรุ่งนี้..." เหวินหวู่เอ่ยขึ้นพร้อมกับลูบหัวเด็กหนุ่มด้วยความเอ็นดู
เขาตั้งใจจะพาเด็กหนุ่มไปสอบเลื่อนขั้นให้เรียบร้อย เพราะอีกฝ่ายจะได้ใช้สิทธิของการเป็นักปรุงโอสถทั้งในเื่สวัสดิการในสำนัก รวมไปถึงสามารถไปช่วยบรรดาศิษย์คนอื่น ๆ ที่หอโอสถด้านนอกที่อยู่ในพื้นที่ส่วนกลางของสำนัก
หนิงอ้ายรับคำของอาจารย์ตน พร้อมกับยกมือประสานพร้อมกับโค้งตัวลงเล็กน้อยเป็การขอบคุณอีกฝ่ายที่เอ็นดูและเมตตาตนเป็อย่างยิ่ง จากนั้นจึงขอเเยกตัวกลับเรือนพักของตนที่อยู่ห่างไปไม่ไกลสักเท่าไหร่ เ้าต้าเฮยเองที่เหมือนกับว่าได้ออกไปเที่ยวเล่นซุกซนตรงผืนป่าด้านหลัง ไม่นานหนึ่งคน หนึ่งสัตว์อสูรก็ถึงจุดหมายซึ่งนั่นก็คือเรือนพักติดป่าไผ่นั่นเอง...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้