คุกเข่าที่ถนนฉางอัน ชูป้ายขอขมา?
คิดถึงภาพนั้นแล้วช่างน่าตั้งตารอเสียจริงๆ
“ฉันจะทำตามที่คุณปรารถนา ถึงตอนนั้นหวังว่าคุณจี้จะไม่กลืนคำพูดของตัวเองกลับลงไปนะคะ เพราะไม่ว่าคุณจะแกล้งบ้าหรือแกล้งโง่ มันก็ไม่ได้ผลกับฉัน”
เซี่ยเสี่ยวหลานพูดคำนี้ออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นก็หันไปบอกทังหงเอินว่า
“คุณอาทัง ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
ทังหงเอินลุกจากที่นั่ง “ไปเถอะ ฉันจะไปส่งพวกเธอเอง”
จี้หลินยังคงตั้งสติไม่ได้ ตระกูลโจวสามารถเล่นงานตระกูลจี้ได้ ทังหงเอินเองก็เช่นกัน แน่นอนว่าจี้หลินรู้สึกยอมแพ้แล้วด้วยซ้ำ ใครใช้ให้หลังพ่อเขาตายจากไป ตระกูลจี้ก็ตกต่ำลงจริงๆ เล่า
แต่การที่นักศึกษาสาวจากชนบท กล้าประกาศกร้าวว่าสักวันจะทำให้ตระกูลจี้ยอมศิโรราบ ยิ่งฟังจี้หลินก็รู้สึกว่าช่างน่าขันเหลือเกิน
ว่ากันว่าไม่ควรรังแกเด็กหนุ่มที่มีฐานะยากจน วันนี้หากเป็นักศึกษาชายสักคนมาประกาศกร้าวเช่นเซี่ยเสี่ยวหลาน จี้หลินอาจจะเก็บมาใส่ใจบ้าง
แต่เด็กผู้หญิงอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานกลับกล่าวว่า จะไม่พึ่งพาความช่วยเหลือจากผู้อื่น จี้หลินไม่รู้สึกกลัวสักนิด
ผู้หญิงสามารถเติบโตในหน้าที่การงานได้ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าสามารถเติบโตได้ในระดับไหน
ความเหนือชั้นของนักศึกษามหาวิทยาลัยเป็สิ่งที่ผู้คนทั่วไปพูดถึง อีกทั้งจี้หวายซินทำงานด้านการศึกษามาทั้งชีวิต ดังนั้นตระกูลจี้ย่อมไม่เคยขาดนักศึกษามหาวิทยาลัย จี้หลินพอได้ยินว่าทังหงเอินก็จะกลับด้วย เขาจึงเริ่มนั่งไม่ติด
“เื่ของพวกเราสองตระกูล...”
ทังหงเอินลอบส่ายหน้า ตระกูลจี้ถูกส่งต่อมาให้จี้หลินเช่นนี้ หากอยากจะรุ่งโรจน์ขึ้นคงยาก ถูกเสี่ยวหลานแซงหน้าคงไม่ใช่เื่แปลกอะไร
“ผมจะไม่ทำอะไรตระกูลจี้อีก และเจียงหยวนจะได้อยู่เรียนต่อที่จีน ส่วนจี้หย่าเลิกคิดออกนอกประเทศได้เลย สองเงื่อนไขนี้พวกคุณทำได้เพียงข้อเดียว เช่นนั้นการประนีประนอมของพวกเราก็คงเป็ผลแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ถึงอย่างไรอนาคตจี้หย่าก็ต้องไปคุกเข่าขอขมาที่ถนนฉางอันอยู่ดี ถึงตอนนั้นถ้าเธอไม่กลับจีน แล้วใครจะบังคับเธอได้อีกจริงไหมล่ะครับ”
จี้หย่ามีสีหน้าบูดเบี้ยว ทังหงเอินหมายความว่าอนาคตเธอจะผิดคำสัญญาสินะ
ทังหงเอินไม่อยากคุยกับเธออีก และเขาไม่สนใจว่าตระกูลจี้จะพอใจกับผลลัพธ์นี้หรือไม่ เขาตบบ่าจี้เจียงหยวนก่อนเอ่ย
“รีบกลับไปเรียนเสีย เื่เรียนไม่ควรได้รับผลกระทบไปด้วย”
จี้เจียงหยวนรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งใจแต่ก็พยักหน้าตอบรับ เื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมีทั้งที่เกิดจากความขัดแย้งระหว่างทังหงเอินกับจี้หย่าั้แ่เมื่อสิบกว่าปีก่อนเป็ปัจจัยแฝง รวมถึงการลากผู้บริสุทธิ์อย่างเซี่ยเสี่ยวหลานมาเกี่ยวข้อง... การที่จี้เจียงหยวนไม่หนักแน่นพอก็มีส่วนด้วยเช่นกัน ตอนเกิดเื่ เขาชินกับการโอนอ่อนตามใจจี้หย่า อีกทั้งหลายปีที่ผ่านมา วิธีการอยู่ร่วมกันของพวกเขาสองแม่ลูกไม่ได้เป็แบบชาวอเมริกันแม้แต่น้อย และคำพูดของเขาไม่เคยใช้ได้ผลกับจี้หย่าเลย!
หลังพูดจบ ทังหงเอินก็ทิ้งคนตระกูลจี้ไว้และกลับไปพร้อมกับพวกเซี่ยเสี่ยวหลาน ที่ตลกที่สุดคือย่าอวี๋ ตอนเดินถึงหน้าประตูเธอหันกลับไปกล่าวว่า “พวกเธอควรไว้หน้าจี้หวายซินบ้างนะ พูดคำไหนต้องเป็คำนั้น บอกว่าจะไปขอขมาที่ถนนฉางอัน ถึงเวลาห้ามเปลี่ยนเป็ที่อื่นล่ะ!”
ถนนฉางอันขึ้นชื่อว่าเป็ถนนที่ยาวและกว้างที่สุดในโลก ทั้งยังเป็หนึ่งในถนนเส้นสำคัญที่สุดของประเทศจีน ถูกขนานนามว่า ‘ถนนแห่งแรกของแผ่นดินเทพเ้า [1] ’ เป็ถนนที่แบ่งกรุงปักกิ่งออกเป็ฝั่งตะวันออกและตะวันตก จุดศูนย์กลางของถนนแห่งนี้คือจัตุรัสเทียนอันเหมิน เมื่อครั้งขบวนส่งนายกรัฐมนตรีต้องผ่านถนนยาวสิบลี้ ‘ถนนยาวสิบลี้’ ที่ว่าก็คือถนนฉางอัน จากประตูเมืองเจี้ยนกั๋วจนถึงประตูเมืองฝู่ซิงมีระยะทางรวมคือสิบลี้ หากจี้หย่าจะเดินถือป้ายขอขมาก็คงจะไม่สบายนัก!
พอคำพูดนี้ออกจากปากย่าอวี๋ จี้หลินไม่ส่งเสียงอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว
ผ่านไปครู่ใหญ่ จี้หลินถึงทำลายความเงียบงันที่เกิดขึ้น
“เจียงหยวน ถ้าหลานอยู่จีนต่อเพราะกลัวพ่อของหลานจะมาหาเื่พวกเรา หลานไม่จำเป็ต้องสนใจหรอก”
“ไม่ครับ คุณลุง ผมอยากอยู่ที่จีนต่อเอง”
จี้เจียงหยวนอยากอยู่จีนต่อ ทว่าจี้หย่าไม่อยากอยู่แม้แต่สักวินาทีเดียวอยู่อเมริกาเธอมีธุรกิจเล็กๆ เป็ของตัวเอง แต่อยู่ที่จีนมีอะไร? คนเคยใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายที่ประเทศพัฒนาแล้วอย่างจี้หย่าย่อมรู้สึกไม่พอใจสภาพปัจจุบันของประเทศจีนอย่างมาก การปฏิรูปเศรษฐกิจเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเพียงไม่กี่ปี เมืองที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดกลับไม่ใช่กรุงปักกิ่ง แต่เป็พวกเมืองท่าซึ่งจี้หย่ายังไม่เคยไป เท่าที่เธอเห็นในตอนนี้ เธอไปอยู่อเมริกาถึง 12 ปี แต่สภาพแวดล้อมของประเทศจีนแทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย
นอกกจากเวลาซื้อข้าวหรือเนื้อสัตว์ไม่จำเป็ต้องใช้ ‘ตั๋ว [2] ’ แล้ว เื่อื่นหาได้มีอะไรการเปลี่ยนแปลงมากมายนัก
แต่จี้หย่าเคยต้องกังวลเื่ซื้อข้าวหรือเนื้อสัตว์เสียที่ไหน!
“ฉันไม่ยอมอยู่ที่จีนหรอกนะ ฉันจะกลับอเมริกากับจอร์จ!”
ทังหงเอินช่างกลั่นแกล้งกันเหลือเกิน ปากบอกว่าจะประนีประนอม แต่กลับลากเจียงหยวนไปเป็พวก มิหนำซ้ำยังไม่อนุญาตให้เธอออกนอกประเทศอีกด้วย เขาแค่ยอมรับปากว่าจะไม่เล่นงานตระกูลจี้อีกเท่านั้น ตอนนี้จี้หย่ารู้สึกผิดหวังในตัวลูกชายมาก เธอไม่แม้แต่จะชายตามองเขา และเธอรู้สึกเหมือนถูกจี้เจียงหยวนทรยศต่อความรักของแม่ที่เธอเคยมอบให้
“ช่วยอยู่เฉยๆ สักไม่กี่วันได้หรือเปล่า ยังสร้างความเดือดร้อนให้ตระกูลจี้ไม่พอหรืออย่างไร!”
ต่อให้อยากกลับอเมริกาจริงก็ไม่ควรปะทะกับทังหงเอินตรงๆ อดทนรอให้มรสุมพัดผ่านไปเพียงไม่นานทุกอย่างก็คงจะดีขึ้น
จี้หลินเองก็รู้สึกหมดเรี่ยวแรง
เื่ของย่าอวี๋เขายังคิดไม่ตกว่าควรทำอย่างไรดี
ตระกูลจี้ยังคงติดหนี้บุญคุณย่าอวี๋ ตอนนี้พ่อของเขาไปสู่สุขติแล้ว หากย่าอวี๋ป่าวประกาศเื่ใดออกไป ชื่อเสียงของตระกูลจี้ก็คงจะย่ำแย่ยิ่งขึ้น แม้พ่อจะจากไปแล้วแต่เพื่อนนักศึกษาสมัยเรียนอยู่เป่ยผิงหลายๆ คนยังมีชีวิตอยู่ ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ที่พ่อของเขากับหนิงเยี่ยนฝานรู้จักกันมาหลายสิบปี ก็เพราะเป็เพื่อนร่วมสถาบันนั่นเอง!
เช่นนั้นหนิงเยี่ยนฝานต้องรู้จักย่าอวี๋อย่างแน่นอน
จี้หลินปวดหัวแทบะเิ แต่จี้หย่ายังไม่วายที่จะอาละวาดออกมา จี้หลินจึงหมดความอดทนแล้วเช่นกัน
—-------------------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานกลับไปแล้ว ภายในห้องรับรองของสำนักงานประจำกรุงปักกิ่ง ตระกูลจี้ต่างพากันนั่งไม่ติด
ทังหงเอินรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานยังคงรู้สึกโกรธอยู่ ตอนแรกเธอยังไม่ลามไปถึงจี้เจียงหยวน แต่ตอนนี้เธอประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่อยากเป็เพื่อนกับจี้เจียงหยวนอีกต่อไป ทังหงเอินขึ้นรถมานั่งข้างคนขับ “ฉันจะไปส่ง เื่วันนี้เป็ฉันเองจัดการได้ไม่ดีพอ”
นี่ไม่ใช่ความผิดของทังหงเอิน แต่เขาแค่ประเมินคนตระกูลจี้สูงเกินไป
ตระกูลจี้โง่กว่าที่เขาคิดยิ่งนัก
ตระกูลจี้ไม่คิดจะขอโทษเซี่ยเสี่ยวหลาน คนเ่าั้แค่อยากคืนดีกับเขาและอาศัยเื่นี้ไปรับมือกับแรงกดดันจากตระกูลโจว ในขณะที่เซี่ยเสี่ยวหลานเป็เด็กหัวรั้น หยิ่งทะนงตน ไม่้าการประนีประนอม เธออยากทำให้ตระกูลจี้ยอมยกศีรษะที่หยิ่งผยองให้กับตัวเอง ซึ่งนั่นถือเป็การให้เวลาตระกูลจี้ได้พักหายใจ
ที่ทังหงเอินบอกว่าตระกูลจี้โง่ ก็เพราะมีตาหามีแววไม่
ไม่รู้จักเซี่ยเสี่ยวหลานดีพอก็กล้าเหยียดหยาม
ยังไม่ทันรู้จักความสามารถและนิสัยของเซี่ยเสี่ยวหลานก็กล้าที่จะ ‘วางเดิมพัน’ แบบนี้ยังไม่เรียกว่าโง่อีกหรือ?
ทุกคนบนรถ แม้แต่คนขับรถอย่างเสี่ยวหวังก็รู้ดีว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนแบบไหน เมื่อครู่เสี่ยวหวังยืนฟังอยู่นอกห้อง ยังแอบปาดเหงื่อแทนตระกูลจี้ด้วยซ้ำ เซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนที่ใครก็ไม่ควรไปหาเื่ด้วย ไม่ว่าเธอตั้งใจทำอะไรก็ไม่เคยล้มเหลวเลยสักครั้ง อย่างเื่เกาะบารมีคนใหญ่คนโต หลิวเทียนเฉวียนพยายามแทบตาย เ้านายเขาไม่แม้แต่จะชายตาแลด้วยซ้ำ ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเพิ่งไปมาหาสู่กันไม่เท่าไร เ้านายเขาก็แทบเทใจเข้าข้างเธอจนหมดหน้าตัก
“คุณอาทัง นี่อาจจะเป็ข่าวดีก็ได้ค่ะ หลังเข้ามหาวิทยาลัยฉันรู้สึกว่าฉันเข้มงวดกับตัวเองน้อยลง พอดีเลย ฉันจะได้มีเป้าหมายในการต่อสู้ฝ่าฟันมากขึ้น”
ตระกูลจี้ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา กระตุ้นเพลิงโทสะของเซี่ยเสี่ยวหลานจนลุกโชน และยังกระตุ้นนิสัยชอบเอาชนะของเธออีกด้วย!
้าทำให้ตระกูลจี้รู้สึกเกรงกลัว ทำให้เขายอมขอโทษอย่างศิโรราบจำเป็ต้องใช้เวลานานถึงสามสิบปีเสียที่ไหน ในเมื่อจี้หย่า้าแจ้งเกิดที่ถนนฉางอันเสียขนาดนั้น เซี่ยเสี่ยวหลานก็จะช่วยสงเคราะห์ให้
ทังหงเอินไม่ได้ตักเตือนอะไรออกไป เด็กวัยรุ่นมีความทะเยอทะยานไม่ใช่เื่เลวร้าย เปลี่ยนความโกรธมาเป็แรงผลักดันถือว่าเป็เื่ดี
“สหายหลิวเฟิน ฉันเป็คนขอให้เธอเดินทางไกลจากซางตูมาถึงปักกิ่ง แต่กลับไม่ได้ยินคำขอโทษ... เฮ้อ ฉันต้องขอโทษเธอด้วยจริงๆ”
หลิวเฟินมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดของนายกทัง ท่านนายกทังจะเป็กันเองเกินไปแล้ว!
เชิงอรรถ
[1] สมัยโบราณแผ่นดินจีนถูกเรียกว่า เสินโจว(神州)หมายถึง แผ่นดินของเทพเ้า
[2] ในที่นี้หมายถึงตั๋วปันส่วนข้าวหรือเนื้อสัตว์ ประเทศจีนยุคปี 1950-1980 ยังต้องปันส่วนอาหารกันอยู่ ประชาชนจำเป็ต้องมีตั๋วเหล่านี้เพื่อใช้แลกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งถูกยกเลิกภายหลังการปฏิรูปเศรษฐกิจ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้