การปรากฏตัวของจื๋อหร่านที่นี่ในวันนี้ ทำให้นางประหลาดใจแล้วยามนี้ยังออกมาบรรเลงฉินอีก...ข่าวลือที่เกี่ยวกับอัจฉริยะจื๋อหร่าน นางเพียงแค่ได้ยินมาจากคนอื่นในความทรงจำของนาง แต่ไหนแต่ไรมาจื๋อหร่านมิเคยแม้แต่ััฉินในจวนแม่ทัพยิ่งไม่มีสิ่งของอะไรที่เกี่ยวข้องกับฉิน หมากล้อม พู่กันจีน ภาพวาดสายลม บุปผา เหมันต์จันทราอะไรเ่าั้เลย
เหตุใดวันนี้เขาถึงผิดแปลกไปจากผิดปกติ?
แม้ว่านางกับท่านพี่จะสนิทกันทว่านางก็มักจะมองเขาไม่ออก ทว่านางมั่นใจได้ว่า เขาไม่มีทางที่จะลุกยืนขึ้นโดยไม่มีเหตุผลและบรรเลงบทเพลงฉินต่อหน้าผู้คนมากมาย...
คำพูดเมื่อครู่ของเหนียนยวี่เดิมทีทำให้เหนียนอีหลานโล่งใจไปเปลาะหนึ่งแล้ว นางคิดว่าเพราะอาการาเ็ของท่านอ๋องหลี ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อย่างท่านอ๋องหลีก็จะต้องออกไปทว่าคาดไม่ถึงเลยว่ายังมีฉู่ชิงปรากฏตัวออกมาในชั่วพริบตา
เกี่ยวกับแม่ทัพหลวงผู้นี้...เหนียนอีหลานไม่เข้าใจทว่าเพียงแค่ความเย็นะเืที่สื่อผ่านหน้ากากสีเงินของผู้คนนั้นก็ทำให้ในใจนางรู้สึกตื่นตระหนกอยู่บ้าง
นางเคยได้ยินหนานกงฉี่เล่าให้ฟังว่า ท่านแม่ทัพหลวงฉู่ชิงมิอาจคาดเดาได้แม้แต่ตระกูลหนานกงเองก็ยังไม่กล้ารุกรานบุรุษผู้นี้ง่ายๆ
ทว่านางไม่เข้าใจท่านอ๋องมู่้าปกป้องเหนียนยวี่ ทว่าท่านแม่ทัพหลวงผู้นี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ถึงได้ทำเช่นนี้?
“เอาล่ะ ในเมื่อเป็เช่นนี้ก็ให้ฉู่ชิงมาแทนหลีอ๋อง” ฮ่องเต้หยวนเต๋อตรัสด้วยสุรเสียงดังกังวานดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังตั้งตารอ “ฉู่อ้ายชิง[1]เพื่อพวกเราแคว้นเป่ยฉี ต้องลำบากทำงานหนักทุกวัน ไม่เคยเสียผลงาน ยากที่จะได้ยลการบรรเลงฉินวันนี้หูของพวกเ้ามีวาสนาแล้ว ไม่ได้แล้ว โอกาสหายากเช่นนี้ เจิ้นจะวางเดิมพัน วันนี้ให้พวกเ้าสี่คนแข่งขันบรรเลงฉินผู้ใดแสดงออกมาได้ดีที่สุด เจิ้นก็จะรับปากกับคนผู้นั้นหนึ่งข้อ"
จากคำพูดนี้เพียงข้อเดียวก็ฟังออกแล้วว่าฮ่องเต้หยวนเต๋อทรงพึงพอใจในตัวท่านแม่ทัพหลวงผู้นี้มากขนาดไหน
เมื่อทุกคนได้ยินคำว่า "รับปาก"สองคำนี้ ต่างก็ล้วนประหลาดใจนี่หมายความว่าผู้ใดที่ชนะก็สามารถทูลขออะไรก็ได้จากฮ่องเต้งั้นหรือ?
เช่นนั้นหากเป็ตำแหน่งพระชายามู่อ๋อง...
ดวงตาของเหนียนอีหลานเป็ประกายและนี่คือสิ่งแรกที่เข้ามาในหัวนาง
นางไม่ได้คาดหวังผลที่เหนือความคาดหมายเช่นนี้
หากเป็เช่นนี้จริงๆ เช่นนั้นอีกประเดี๋ยวนางจะต้องทำให้เต็มที่ แค่ต้องให้การแสดงของตนออกมาดีที่สุดเช่นนั้นนางก็จะได้ขอพระราชทานงานสมรสจากฝ่าา และเหนียนยวี่...
เหนียนอีหลานเหลือบมองเหนียนยวี่ มุมปากยกยิ้มกว้างปกปิดความยโสไว้ข้างใน บางสิ่งบางอย่าง เหนียนอีหลานก็ถูกลิขิตมาให้ได้รับมัน
"ฝ่าาเพคะเช่นนั้นหรูเยียนขอร่วมบรรเลงฉินด้วยได้หรือไม่เพคะ?"
ในตำหนัก ผู้คนมากมายกำลังตกตะลึงเพราะคำพูดของฮ่องเต้หยวนเต๋อเมื่อครู่นี้ และน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานของสตรีก็ดังขึ้นมาพอดีแท้จริงเป็เสียงของสตรีหนึ่งในราชทูตแคว้นตงหลี
หรูเยียนหรือ?หรือว่า...นางคืออวี่เหวินหรูเยียน?
เหนียนยวี่เหลือบมองสตรีที่ใส่ผ้าคลุมหน้าอวี่เหวินหรูเยียน ชื่อนี้...ปลุกความทรงจำมากมายของนางในทันที
อวี่เหวินหรูเยียนผู้นี้...
ในแคว้นตงหลี สตรีผู้นี้เป็สตรีมากความสามารถ ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้ทว่าในชาติก่อน ระหว่างนางและมู่อ๋องจ้าวอี้...
"ฮ่าๆ ฝ่าาหม่อมฉันคิดว่าได้นะเพคะ แม้หรูเยียนจะเป็สตรีแคว้นตงหลี ทว่าก็ไม่เลวให้ทุกคนได้ลองสดับฟังเสียงฉินของแคว้นตงหลี หม่อมฉันเองก็รู้สึกคิดถึงเสียงดนตรีที่บ้านเกิดขึ้นมาเล็กน้อยแล้วสิเพคะ"ฮองเฮาอวี่เหวินเอ่ยปาก
ความคิดในใจเหนียนยวี่และเหนียนอีหลานเหมือนกันในเมื่อเดิมพันนี้เป็ฝ่าาที่เป็คนประทานให้ พวกเขาคงมิอาจดูเบาได้
เหนียนยวี่แม้ไม่มีโอกาสที่จะชนะ ทว่าหากฉู่ชิงและจ้าวอี้ชนะได้ก็วางใจแต่ถ้าเหนียนอีหลานชนะ เช่นนั้นความคิดที่นางจะขึ้นไปเป็พระชายามู่อ๋องเื่นี้คงไม่ง่ายแล้ว
ทุกคนไม่ได้โง่ ต่างล้วนมองจุดนี้ออกกันทั้งนั้น
"ฝ่าาเพคะ ฮองเฮาเพคะ ในเมื่อองค์หญิงหรูเยียนก็เข้าร่วมเช่นนั้นเปิ่นกงจู่เองก็ขอร่วมอีกคนหนึ่งเพคะ"สตรีชุดแดงจากหนานเยวี่ยลุกยืนขึ้น เสียงนั้นอ่อนหวานฟังดูรื่นหูท่วงท่ามีเสน่ห์หยาดเยิ้ม คารวะให้ฮ่องเต้หยวนเต๋อและฮองเฮาอวี่เหวิน"ตอนนี้มีคนบรรเลงฉินเยอะแล้ว หากหงเยียนร่ายรำไปด้วยจะเป็อะไรหรือไม่เพคะ?"
เพียงชั่วพริบตาแม้แต่บรรยากาศในตำหนักก็ยังแปลกประหลาด
ตอนแรกมันเป็แค่การแสดงของเหนียนอีหลานที่ลากน้องสาวเหนียนยวี่มาแสดงด้วยเมื่อมาถึงตอนนี้ คาดไม่ถึงว่าจะกลับกลายเป็พื้นที่แข่งขันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งพระชายามู่อ๋องไปเสียแล้ว
ไม่มีผู้ใดคาดคิดถึงเหตุการณ์เช่นนี้เลย
และในความคิดของคนบางคนในที่นี้ จ้าวอี้เห็นอยู่ในสายตา จิตใจประหนึ่งคันฉ่องใส ใบหน้าหล่อเหลามืดมนลงไปั้แ่ตอนนั้นสีหน้าห่อเหี่ยวไม่เบิกบาน "บรรเลงกันหมดขนาดนี้จะสนุกอย่างไร? เสด็จพ่อ เดิมพันที่ท่านเสนอมาให้เมื่อครู่ ยกเลิกไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ"
ฮ่องเต้หยวนเต๋อชะงักไป ตระหนักถึงบางสิ่งได้และเข้าใจความคิดของทุกคน ทว่าก็ยังไม่เปลี่ยนการตัดสินใจหัวเราะออกมาอย่างเบิกบาน "เจิ้นตรัสออกไปแล้ว จะยกเลิกได้อย่างไร? อย่างไรเพียงแค่ทุกคนสนุกสนาน เช่นนั้นก็ใช้ได้แล้ว"
จ้าวอี้ผู้นี้ ถึงเวลาควรปราบเขาแล้วคิดได้ดังนั้น ฮ่องเต้หยวนเต๋อก็ตรัสด้วยสุรเสียงแหลมสูงว่า"ในเมื่อเป็เช่นนี้ ก็มาเริ่มกันเลยเถิด"
ด้วยสุรเสียงรับสั่งจากฮ่องเต้หยวนเต๋อฉู่ชิงก็ค่อยๆ เดินมาข้างๆ หลีอ๋องจ้าวเยี่ยน ความหมายชัดเจนไม่ต้องเอ่ยอธิบาย
หลีอ๋องไม่เต็มใจ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้เขายังคงไร้การโต้เถียง ยิ้มให้ฉู่ชิงอย่างราบเรียบ แล้วลุกขึ้นกลับที่นั่งตนเอง
ฉินที่ข้าหลวงยกมาให้เพียงพอครบคนแล้วคนที่ดีดฉินแยกย้ายกันนั่งลง คนที่เล่นฉินนั่งล้อมกันเป็วงกลมและองค์หญิงหงเยียนแห่งหนานเยวี่ยในชุดแดงนางนั้นก็เยื้องย่างอ่อนช้อยไปอยู่ตรงกลางวงกลมทุกท่วงท่าสง่างาม ท่าทีเจิดจ้าเมียงมองไปรอบทิศ มีเสน่ห์หยาดเยิ้มทำให้ผู้คนไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจละสายตาได้
ทุกอย่างอยู่ในสายตาของเหนียนยวี่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของเหนียนอีหลานดังขึ้นมาจากทางด้านซ้าย
"เช่นนั้น อีหลานเริ่มแล้วนะเพคะ"เหนียนอีหลานเอ่ยด้วยเสียงอ่อนหวาน ขึ้นนำก่อน
เอ่ยจบ นิ้วเรียวยาวงดงามของหญิงสาว บรรจงดีดฉินเสียงฉินดังขึ้น เช่นเดียวกับความเก่งกาจอ่อนหวานของนาง ยามเสียงเข้าสู่หูของผู้คนแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ เท่านี้ ก็เพียงพอแล้วที่จะได้มองเห็นระดับการเล่นฉินของเหนียนอีหลานในบรรดาคุณหนูตระกูลขุนนางที่มาร่วมงานเลี้ยงไม่มีผู้เทียบนางได้
เสียงบรรเลงฉินของเหนียนอีหลานดังขึ้น ฉางหงเยียนสตรีชุดแดงที่อยู่ตรงกลางวง นางขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย บทเพลงนี้อ่อนโยนเงียบสงบเหมาะสำหรับการร่ายรำละเอียดอ่อน ทว่านางใส่ชุดสีแดงทั้งตัวรวมถึงบุคลิกท่วงท่าพริ้มเพรา อย่างไรก็ดูไม่เข้านัก หากร่ายรำไม่ดีคงทำให้ผู้คนที่ชมอยู่รู้สึกว่าไม่เหมาะสม ทว่าเพียงแค่ครู่เดียวนางก็เข้าไปร่ายรำอย่างสบายๆ เสียงฉินของเหนียนอีหลานราวกับการเคลื่อนไหวของมวลเมฆท่วงท่าร่ายรำของนางราวกับสายน้ำไหล ฝีมือเทียบเคียงกันได้
ดูเหมือนว่า สตรีนางนี้จะร่ายรำเก่งมาก!
เหนียนยวี่ไม่รีบร้อนดีดฉิน และเฝ้าดูอย่างเงียบๆ
ราวกับไม่้าเห็นสตรีสองคนนี้นำหน้ามู่อ๋องจ้าวอี้บรรเลงดีดฉินทันที เมื่อเทียบกับเสียงฉินของเหนียนอีหลาน เสียงฉินของมู่อ๋องฟังดูมีพลังยิ่งกว่าเสียงฉินของมู่อ๋องที่ดังเข้ามา เพียงไม่นานก็ทำให้ทำนองเพลงในตำหนักดูเหมือนจะไม่ไปในทางเดียวกัน
องค์หญิงหงเยียนยกยิ้มทันใดนั้นก็เปลี่ยนท่วงท่าร่ายรำ ด้วยท่วงท่าสง่างามนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็หนักหน่วงทรงพลังค่อยๆ กลมกลืนไปกับเสียงบรรเลงฉินของมู่อ๋องจ้าวอี้ ในเมื่อเป็เช่นนี้เห็นได้ชัดว่าเสียงบรรเลงฉินของเหนียนอีหลานก็กลายเป็ส่วนเกิน
เหนียนอีหลานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่างเงยหน้ามองเห็นเพียงความลำพองโอหังและยั่วยุในดวงตาของสตรีชุดแดงในใจก็ชะงักงันไปเล็กน้อย นางรู้ว่าตอนนี้จะต้องค่อยๆ เปลี่ยนทำนองเพลงให้เป็ไปตามจังหวะของท่านอ๋องมู่ ทว่าเมื่อนางคิดได้ ก็มีเสียงบรรเลงฉินจากตรงอื่นดังแทรกขึ้นมา...
[1]อ้ายชิง หมายถึงขุนนางที่รัก เป็คำที่ฮ่องเต้ไว้เรียกขุนนางคนโปรด