ภายใต้ผืนฟ้าแสนสดใส ดวงตะวันลอยเด่นเป็สง่า กลุ่มเมฆดำเคลื่อนตัวครอบคลุมพื้นที่ พร้อมสายฟ้าขู่คำราม
ทั่วอาณาบริเวณเมืองเสวียนซานเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง สายฟ้าฟาดสว่างวาบ ราวพญางูสีเงินร่ายรำอย่างดุเดือด
เมฆทะมึนปกคลุมท้องนภา อสนีบาตผ่าพุ่งราวลูกศร ฟ้าดินเกิดความโกลาหล
สายฟ้าฟาดลงมาอย่างต่อเนื่องนับหมื่นครั้ง นิมิตแห่ง์อัดแน่นกลางอากาศ วังแห่งหนึ่งพลันปรากฏขึ้น แดนฟ้าคำรามประจักษ์ชัด เหล่าอสูรในตำนาน ฝูงวิหค์ พฤกษาศักดิ์สิทธิ์ และหมู่ผกาลึกลับ ต่างก็สำแดงฤทธาออกมาจนสิ้น
วังดาราตกอยู่ในความอลหม่านชั่วขณะหนึ่ง ส่วนประตูจวนหยวนก็เปิดออกอย่างช้าๆ ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งและผู้มีอำนาจสูงสุด ต่างก็เฝ้ามองท้องฟ้าพร้อมคิดใคร่ครวญ
“นั่นคือที่ใด?”
“ทิศหรดี[1]ของดินแดนหยวนซิงในจักรวรรดิเชียนซาน”
“สายฟ้ารวมตัว! นิมิตปรากฏ! ต้องมีเื่นอกรีตเกิดขึ้นเป็แน่ จงส่งคนไปตรวจสอบโดยเร็ว”
วังดาราและจวนหยวนซึ่งมากล้นด้วยบารมีต่างก็ส่งยอดฝีมือไปดินแดนหยวนซิง เพื่อสืบหาต้นตอของปรากฏการณ์ประหลาดที่ะเืฟ้าดินเช่นนี้
...
ณ เรือนบรรพบุรุษตระกูลหนิง
สายฟ้าสาดแสงวาบพาดผ่านฟ้าดินและรุมล้อมอยู่รอบกายของหนิงเทียน
เตียงไม้แตกหัก เครื่องเรือนพังสิ้น ท่ามกลางมวลอากาศที่ว่างเปล่ายังคงปรากฏเส้นสายฟ้าซึ่งเรียงตัวอย่างงดงาม พร้อมส่องแสงแห่งการทำลายล้าง ราวกับผนึกหนาแน่นที่พันธนาการหนิงเทียนเอาไว้
เส้นลมปราณทั้งเก้าของเขาสั่นะเืราวกับัแม่น้ำขนาดมหึมาดิ้นทุรนทุราย เส้นเืลึกลับปรากฏบนผิวของเขาเสมือนพืชพรรณที่แปรปรวน เขากำลังเผชิญหน้ากับพลังแห่งอัสนีอันดุเดือด
อสนีบาตพยายามพุ่งใส่หนิงเทียนเพื่อทำลายเส้นลมปราณของเขา แต่ก็มีพลังอันมากล้นคอยขัดขวางอยู่เสมอ พลังทั้งสองฝั่งปะทะกันไปมาอยู่นาน กระทั่งกลายเป็การกลั่นพิเศษซึ่งทำให้เส้นลมปราณของหนิงเทียนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก และสามารถะเืใต้หล้าได้
เบื้องเวหายังคงแผดเสียงคำราม และฟาดอัสนีลงมาไม่ขาดสาย
รัศมีร้อยลี้[2]รอบเมืองเสวียนซานปกคลุมไปด้วยเสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่า มวลเมฆดำทะมึนราวปีศาจ์เข้าก่อกวน ปลุกปั่นลมฝนจากทั่วทุกสารทิศ และสร้างความโกลาหลบนห้วงนภา
ูเาเฮยเสวียน แดนมรณะซึ่งเปี่ยมไปด้วยลางร้าย อยู่ห่างจากเมืองเสวียนซานไปทางทิศอุดรประมาณสิบลี้
บนยอดเขาโดดเดี่ยวในูเาเฮยเสวียน เงาร่างดำมืดกำลังเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้า
“นิมิตปรากฏ? ต้องมีเื่พิลึกเกิดขึ้นเป็แน่ อาจเป็การถือกำเนิดปีศาจ หรือไม่ก็...”
เงาดำรำพึงกับตนเอง ดวงตาจ้องมองท้องฟ้าสว่างไสวด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงคราม ราวกับ้ามองทะลุ์ทั้งเก้า
ไกลออกไป ดาวตกแผดเสียงกังวาน ท่ามกลางฝนแห่งแสงระยิบระยับ มีดาวดวงหนึ่งปรากฏขึ้นบนฟากฟ้า
เงาดำร่างหนึ่งประหลาดใจเล็กน้อย อีกทั้งแสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงครามยังมากัน และกลิ่นอายก็เบาบางลงจนแทบไร้ร่องรอย
“ยอดฝีมือแห่งวังดาราต่างตื่นตระหนกเช่นนี้ ดูเหมือนจะมีบางอย่างผิดวิสัยจริงๆ”
ขณะกำลังพูด เสียงคำรามสนั่นก็ดังขึ้นจากอีกทิศทางและมุ่งหน้าไปยังเมืองเสวียนซานเช่นกัน เป็เสียงของดาบสีแดงขนาดใหญ่ที่ฉีกท้องนภาออกเป็เสี่ยง และเสียงแหวกอากาศทะลุแก้วหู
“ยอดฝีมือจากจวนหยวนก็มาด้วยหรือ? ไม่ได้การแล้ว! ข้าต้องไปดูเสียหน่อย” เ้าของเงาดำล่องหนในพริบตา พลันย่องเข้าเมืองราวกับิญญาเร่ร่อน เปรียบเสมือนเงามืดที่ซ่อนตัวอยู่ในฟ้าดิน
สายฟ้านับหมื่นพันเส้นผสานกันเป็วงแหวน และถล่มเรือนบรรพบุรุษตระกูลหนิงจนแหลกลาญ แม้เื่ราวจะใหญ่โตจนสะท้อนถึง์ ทั้งยังปรากฏร่องรอยความโกลาหลจนผู้คนตื่นตระหนก แต่หนทางสู่คำตอบกลับมืดมนราวกับปริศนาที่ยากจะแก้ไข
เงาดำปรากฏตัวขึ้นนอกเรือนบรรพบุรุษตระกูลหนิง เมื่อมองตามเส้นทางของดาวตกและดาบั์บนฟากฟ้า ก็พบว่าทั้งหมดต่างพุ่งเข้ามาที่นี่อย่างรวดเร็ว เขาจึงไม่พิรี้พิไรให้เสียเวลาและรีบเข้าไปในเรือนทันทีที่สายฟ้าสงบลง
ขณะนี้หนิงเทียนหมดสติไปโดยสมบูรณ์แล้ว บนร่างของเขามีเส้นเืปรากฏอยู่ทั่ว เส้นเหล่านี้ช่วยดูดกลืนพลังิญญาฟ้าดิน ทำให้มีกระแสพลังหมุนวนปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัด
“จื๋อซิว! ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
หลังจากนั้นร่างของหนิงเทียนก็หายไปทันที ด้วยการโบกมือของเงาดำ อีกทั้งกลิ่นอายและร่องรอยต่างๆ ในเรือนก็ถูกลบล้างจนหมดสิ้น
ผ่านไปไม่นาน คลื่นผันผวนสองลูกที่เปรียบเสมือนัปะทะพยัคฆ์ ก็ปรากฏอยู่นอกเรือนบรรพบุรุษตระกูลหนิง
“ประหลาดเหลือเกิน เหตุใดถึงไม่มีสิ่งใดเลย?” หญิงสาวสวมชุดฝ่ายใน[3]ยืนมองสภาพภายในเรือนอยู่หน้าประตู
“หรือมีผู้อื่นมาถึงก่อนเรา?” ชายฉกรรจ์ผู้ทรงพลังยืนถือดาบขนาดใหญ่อยู่อีกฟากหนึ่ง ดวงตาเ็าตรวจสอบสถานการณ์ภายในเรือนอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวขมวดคิ้วก่อนจะแผ่ขยายพลังจิตออกไป จากนั้นร่องรอยความประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง
ไม่ไกลจากเรือนบรรพบุรุษตระกูลหนิง มีร่างผอมบางนอนสลบอยู่
“นี่คือ...” หญิงสาวเคลื่อนตัวออกไปด้วยแววตาเศร้าใจ
ชายผู้ถือดาบพุ่งตามมา เขามองร่างบนพื้นแล้วถามด้วยความประหลาดใจ “สายเืพิเศษ! หรือจะเป็นาง? ช่างน่าสงสารยิ่งนัก...”
เขาโบกมือขวาด้วยความคิดว่าจะช่วยพยุงร่างนางขึ้น แต่กลับถูกหญิงสวมชุดฝ่ายในขวางไว้ “หญิงผู้นี้ถูกลิขิตให้เข้าวังดาราของข้า”
สิ้นประโยคของนาง ร่างบนพื้นและหญิงงามผู้นั้นก็อันตรธานไปอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า ในขณะที่ชายถือดาบยังคงยืนนิ่งด้วยความลังเล
เมื่อเมฆดำสลายตัวและนิมิตจางหายไป ยอดฝีมือจากวังดาราและจวนหยวนก็ถอนตัวกลับก่อนฝนหยุดตก
ูเาเฮยเสวียนตั้งอยู่ในจักรวรรดิเชียนซาน ครอบคลุมพื้นที่ขนาดเล็กเพียงเก้ายอดเขาเท่านั้น ทว่ากลับมีชื่อเสียงอันชั่วร้ายติดอันดับหนึ่งในสามของจักรวรรดิ
สถานที่แห่งนี้ถูกขนานนามว่า “แดนมรณะ” มาแต่โบราณ ยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็ฝังร่างของตนอยู่ใต้ผืนดินนี้ ว่ากันว่ายิ่งมีพลังระดับสูงเท่าใดก็ยิ่งตายเร็วเท่านั้น ที่นี่จึงเป็เขตหวงห้ามสำหรับยอดฝีมือ ผู้บำเพ็ญที่ก้าวข้ามขอบเขตจิตหยั่งลึกแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะไม่กล้าย่างกรายเข้ามาทีู่เาลูกนี้
แสงตะวันสาดส่องร่างเปลือยเปล่าของหนิงเทียนที่นอนอยู่กลางป่า ร่องรอยพลังิญญาหมุนวนอยู่ในกายของเขาดุจดังเส้นไหมสีสดสวย ซึ่งแต่ละเส้นจะประกอบด้วยคุณลักษณะที่แตกต่างกัน
ดวงตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องสภาพของผู้หลับใหลจากระยะไกล อีกฝ่ายดูเหมือนจะสนใจเขาเป็อย่างมาก
ไม่นาน หนิงเทียนก็เริ่มขยับตัวและลืมตาอย่างช้าๆ
ป่า! แสงอาทิตย์! กลางแจ้ง!
นี่คือความคิดแรกหลังจากเขาฟื้นขึ้น
เขาค่อนข้างสับสน เขาแน่ใจว่าก่อนหน้านี้เขานอนควบรวมเส้นลมปราณอยู่บนเตียง แล้วเหตุใดถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้เล่า?
เป็ความฝันหรือ?
หนิงเทียนค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ความรู้สึกวาบหวิวทำให้เขาก้มมองด้านล่าง พลันใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำและรีบยกมือขึ้นปิดจุดสำคัญพร้อมมองไปโดยรอบ
หนิงเทียนสะดุ้งกับเสียงกึกก้องในอากาศ เขาพลิกตัวหลบตามสัญชาตญาณ แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะควบคุมกำลังของตนไม่ได้ ร่างของเขาลอยขึ้นสูงจนต้องกรีดร้องด้วยความใ
เสียงหัวเราะดังมาจากในป่า ก่อนจะมีความนุ่มนวลที่มองไม่เห็นช่วยพยุงร่างกายของเขา แล้ววางลงบนพื้น
ใบหน้าของหนิงเทียนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เมื่อััได้ว่าตนเองเต็มไปด้วยพละกำลัง เส้นลมปราณทั้งเก้าในร่างของเขาเปรียบเสมือนมวลน้ำหนาแน่นเกินกว่าจะจินตนาการได้
ต้นอ่อนสามใบแกว่งไกวไปมาในตันเถียน มันเต็มไปด้วยแสงแห่งความโกลาหล ทั้งยังมีประกายสายฟ้าคลั่งที่ปล่อยพลังลึกลับออกมาอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ประสาทััของหนิงเทียนก็ดีขึ้นมาก ทิวทัศน์โดยรอบส่องสะท้อนอยู่ในจิตใจจนเขารับรู้ได้ถึงพลังแห่งฟ้าดิน
เขาเหยียดมือซ้ายรับห่อเสื้อผ้าที่หล่นลงมาอย่างรวดเร็ว ที่แท้เสียงคำรามลั่นฟ้าเมื่อครู่ก็เกิดจากเสื้อผ้าเหล่านี้นี่เอง
เมื่อนึกถึงเสียงหัวเราะคิกคักก่อนหน้านี้ หนิงเทียนก็หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย แล้วสวมเสื้อผ้าที่ไม่พอดีตัวเหล่านี้ทันที
“ใครกัน? ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!” แม้ใบหน้าของเขาจะกลายเป็สีแดง แต่สิ่งสำคัญอันดับแรกก็คือการหาคำตอบว่าทำไมเขาถึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่
ร่างล่องหนราวมนุษย์ในห้วงความฝันคืบคลานเข้ามาเงียบๆ ทั้งร่างปกคลุมด้วยเงาดำมืดดั่งกลุ่มเมฆดำที่ดูดกลืนแสงสว่างจนหมดสิ้น
แม้ั์ตาสุกประกายจะซ่อนเร้นแสงศักดิ์สิทธิ์สีม่วงคราม ทั้งยังปกปิดกลิ่นอายเอาไว้จนไม่อาจัั แต่ก็ยังมีความน่าเกรงขามที่ยากจะขัดขืนได้
หนิงเทียนเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ในคราแรกเขาเห็นเงาร่างนี้ไม่ชัดนัก จนกระทั่งเส้นลมปราณทั้งเก้าในร่างสั่นะเื พลังิญญาหมุนวน และกระแสลมเย็นพัดผ่านเข้าสู่ดวงตา เขาจึงเห็นว่าร่างที่แท้จริงของเงามืดก็คือหญิงชุดดำรูปร่างสูงโปร่ง
นางดูอายุราวยี่สิบต้นๆ ดวงหน้าวิจิตรงดงาม ผิวพรรณขาวเนียนราวหิมะ ทั้งยังมีกลิ่นอายที่เ็าและหยิ่งผยอง
นางกำลังจับจ้องหนิงเทียนอยู่เช่นกัน เมื่อดวงตาของทั้งคู่สอดประสาน ความรู้สึกลึกลับก็ปรากฏขึ้นในใจ
“ท่านก็เป็จื๋อซิวหรือ?” หนิงเทียนโพล่งออกมาด้วยแววตาสับสน
นี่เป็ความรู้สึกตามสัญชาตญาณของจื๋อซิว หรือเป็ความเกี่ยวเนื่องระหว่างเขากับหญิงนางนี้กันแน่?
“รากบ่มเพาะของเ้าทรงพลังยิ่งนัก มันเพิ่งตื่นหรือ?” ดวงตาของนางเฉียบคมราวกับสามารถมองทะลุหัวใจคนได้
หนิงเทียนมีท่าทีกังวลเล็กน้อย ก่อนจะตอบอย่างลังเล “ข้าเพิ่งกลายเป็จื๋อซิว ว่าแต่เหตุใดข้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
“ย่อมเป็ข้าที่พาเ้ามา”
“ท่าน? เช่นนั้นไม่ใช่ว่าท่านเห็นขะ...ข้า” หนิงเทียนกระอึกกระอักด้วยความอับอาย
“แค่เด็กน้อยผู้หนึ่ง มีสิ่งใดให้ต้องประหม่ากัน?” หญิงชุดดำกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เดิมทีนางดูเ็าและหยิ่งผยองจนผู้พบเห็นรู้สึกครั่นคร้าม ทว่าเมื่อแย้มยิ้มแล้ว นางกลับผลิบานและเปล่งประกายราวดอกไม้ในฤดูวสันต์ งามเสียจนหนิงเทียนตกตะลึง
“มองอะไร?” เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา รอยยิ้มของหญิงชุดดำก็จางหายไป
“รอยยิ้มท่านช่างงดงาม”
“แม้จะงดงาม แต่เ้าก็ไม่ได้รับอนุญาตให้มอง”
“ทำไมเล่า? ข้ายังถูกท่านเห็นจนหมดแล้ว...”
“หนอนผีเสื้อของเ้ามีอะไรดี? ตามข้ามานี่”
หญิงชุดดำแสดงสีหน้าเ็า ทว่าในใจกลับมีความผูกพันที่ไม่อาจอธิบายได้ต่อหนิงเทียน
“รากบ่มเพาะนี้แปลกยิ่งนัก มันคือสิ่งใดกันแน่?”
หนิงเทียนทั้งอับอายและหงุดหงิดจึงไม่อยากใส่ใจคำพูดของนาง แต่เขาก็ปฏิเสธความน่าสนใจของรากบ่มเพาะในร่างกายไม่ได้
“ยามนี้เ้าเป็จื๋อซิวแล้ว คิดจะเข้าสำนักใดเพื่อฝึกฝนหรือไม่?”
หนิงเทียนชะงักครู่หนึ่ง เมื่อภาพการเสียชีวิตของบิดาและความแค้นต่อตระกูลซูปรากฏขึ้น ความโกรธของเขาก็พลุ่งพล่านทันที
“ไม่! ข้าอยากกลับไปล้างแค้น!” หนิงเทียนตอบอย่างเคียดแค้นและเกลียดชัง เขาไม่มีวันปล่อยตระกูลซูและหญิงต่ำช้าสองนางนั้นไปเด็ดขาด!
หญิงชุดดำได้ยินดังนั้นจึงถามสถานการณ์ของเขาด้วยความประหลาดใจ
สีหน้าของหนิงเทียนมีเพียงความเศร้า บิดาเสียชีวิต ตระกูลหนิงล่มสลาย เขาจึงโดดเดี่ยวและไม่อาจระบายให้ผู้ใดฟังได้ เมื่อหญิงชุดดำถามถึงเื่ราวของเขา ความคับข้องใจที่อัดอั้นไว้ก็ปะทุขึ้นทันที
หญิงชุดดำฟังอย่างเงียบๆ ใบหน้างดงามเยือกเย็นราวน้ำค้างแข็ง
“พวกคนเนรคุณ! สมควรตายยิ่งนัก!” เสียงเ็าเผยให้เห็นความโกรธ ซึ่งถูกใจหนิงเทียนเป็อย่างมากราวกับเขาได้พบสหายแล้ว
“ข้าจะกลับไปสังหารนางและล้างแค้นให้ท่านพ่อ!”
“หากกลับไปเช่นนี้เ้าคงไม่รอด เ้าควรฝึกทักษะบางอย่างก่อน” หญิงชุดดำมองเขาด้วยประกายแสงนุ่มนวล
หนิงเทียนยิ้มอย่างเศร้าสร้อยแล้วกล่าวว่า “การเข้าศึกษาในสำนักเป็เื่ไกลเกินเอื้อมสำหรับข้า”
“ลูกผู้ชายสามปีค่อยล้างแค้นยังไม่สาย เ้าอายุเพียงสิบเจ็ด จิติญญานักสู้ถูกสุนัขกินไปแล้วหรือ?”
นางมองเขาอย่างเ็า แรงกดดันมหาศาลกระชากอากาศและสร้างความปั่นป่วนต่อมิติเวลา จนหนิงเทียนไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้
เขาใกลัวและพยายามดิ้นรนสุดชีวิต นางอายุมากกว่าเขาไม่กี่ปีเท่านั้น จะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวเพียงนี้ได้อย่างไร?
“ท่านคิดจะทำสิ่งใด?”
“ความแข็งแกร่งของข้าเป็อย่างไร?”
“ทรงพลังยิ่งนัก”
“เ้าอยากเรียนหรือไม่?”
หนิงเทียนตะลึง “ทะ...ท่านเต็มใจสอนข้าหรือ?”
“หากเ้านับถือข้าเป็อาจารย์ เ้าจะสามารถแก้แค้นได้ในไม่ช้า” หญิงชุดดำยิ้มอย่างงดงาม จนทุกสิ่งในโลกหล้านี้สูญสิ้นแสงสว่างไปทั้งหมด
หนิงเทียนเหม่อมองและพิจารณาคำพูดของนางอยู่ในใจ
หากนับถือนางเป็อาจารย์และร่ำเรียนทักษะจากนาง เขาอาจจะล้างแค้นได้ในไม่ช้าจริงๆ
---------------------------------------
[1] ทิศหรดี (西南方) แปลว่า ทิศตะวันตกเฉียงใต้
[2] ร้อยลี้ (百里) หมายถึง ระยะทางแสนยาวไกล โดย 1 ลี้ ยาวประมาณครึ่งกิโลเมตร
[3] ชุดฝ่ายใน (宫装) คือ เครื่องแต่งกายอย่างไม่เป็ทางการสำหรับพระสนมเอกหรือองค์หญิง โดยมีระดับต่ำกว่าชุดบรรดาศักดิ์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้