จางซิ่วไฉเป็คนมีความสามารถอย่างมากและยังมีนิสัยที่แข็งกร้าวอย่างยิ่งด้วย หากมิใช่ว่านิ้วขาดก็จะสอบได้เป็จวี่ เหรินไปนานแล้ว เมื่อมาถูกหม่าเหลียงฮุยวางแผนเล่นงานเอาครานี้ แม้ต้องยอมตัดขาดจากบ้านญาติฝ่ายภรรยา ก็จะไม่ยอมให้แผนต่ำช้าของคนชั่วสำเร็จเด็ดขาด
อีกประการ หัวหน้ามือปราบในตัวอำเภอจะมีสักกี่คนที่มือไม้สะอาด มิเช่นนั้นจะมีเงินทองมากมายมาจากที่ใด
ครั้งหม่าจาวอยู่ในตำแหน่งก็ข่มเหงรังแกชาวบ้าน ทั้งทุจริตและรับสินบน
หม่าเหลียงฮุยเป็คนโอหังอวดดี เป็แค่เ้าหน้าที่ในที่ว่าการก็ยังอาจหาญไปทำร้ายหลิวซิ่วไฉในหอคณิกา ยามนี้ได้เป็หัวหน้ามือปราบก็ไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาแล้ว วันหน้าจะไม่ใช่แค่ก่อเื่เดือดร้อนใหญ่หลวงเท่านั้น
หม่าซื่อมองจางอวิ๋นครั้งหนึ่ง เห็นบุตรสาวมีท่าทางร้อนรนจนแทบอยากตายเพราะอับอาย ดูท่าว่าที่หลี่ซานพูดจะเป็ความจริง ครานี้จะมาสำนึกเสียใจก็ไม่ทันแล้ว พลันเอ่ยทั้งน้ำตานองหน้าว่า “ชื่อเสียงของอวิ๋นเอ๋อร์ก็เป็เช่นนี้ไปแล้ว ไม่แต่งกับเหลียงฮุยแล้วจะแต่งกับผู้ใดเล่า”
จางซิ่วไฉจ้องหน้าหม่าซื่อ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อนว่า “ข้าไม่้าจะชดใช้ด้วยบุตรสาวผู้หนึ่ง แล้วยังต้องชดใช้ด้วยคนทั้งครอบครัวซ้ำอีก ถ้าเ้ายังมากความ ข้าจะหย่าขาดกับเ้าเสีย!”
แต่งงานกันมาตั้งหลายปี จำนวนครั้งที่จางซิ่วไฉบอกว่า จะหย่าขาดกับหม่าซื่อนั้นนับได้ด้วยนิ้วหนึ่งฝ่ามือ
หม่าซื่อมองจางซิ่วไฉอย่างไม่เชื่อสายตา
“พวกเ้าแม่ลูกปิดประตูเรือน ห้ามต้อนรับแขก เพื่อสำนึกผิดหนึ่งเดือน หากข้าไม่อนุญาต ห้ามออกจากเรือน! หาไม่แล้วจะถูกส่งตัวไปอยู่วัดให้หมด!” จางซิ่วไฉทิ้งท้ายด้วยคำพูดรุนแรง จึงเดินออกไปที่โถงใหญ่ หลังจากด่าทอหม่าจาวพ่อลูกยกหนึ่งแล้ว ก็ไล่ตะเพิดออกไปจากเรือน
หม่าเหลียงฮุยไม่เคยถูกใครทำเช่นนี้กับตนมาก่อน จึงไปยืนะโด่าทออยู่นอกประตูเรือนสกุลจางอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ลูกผู้น้องไม่แต่งกับข้ายังจะไปแต่งกับผู้ใดได้!”
“ต่อให้อวิ๋นเอ๋อร์ต้องออกบวชเป็แม่ชีก็จะไม่แต่งกับเ้า เ้าตัดใจได้เลย ไปแต่งกับผู้อื่นเสีย” จางซิ่วไฉสั่งให้คนปิดประตูเรือนแล้วเข้ามาต่อว่าหม่าซื่อแม่ลูก หนำซ้ำยังเรียกบุตรชายสองคนมาด้วย บอกพวกเขาว่า วันหน้าอย่าได้ไปมาหาสู่กับหม่าจาวพ่อลูกอีก
หม่าซื่อเอ่ยทั้งน้ำตาว่า “นั่นเป็พี่ชายแท้ๆ และหลานชายในไส้ของข้า ท่านต้องทำเช่นนี้เชียวหรือ”
“พวกเขาเล่นเล่ห์เพทุบายกับอวิ๋นเอ๋อร์ ทำลายชื่อเสียงอวิ๋นเอ๋อร์ ทำลายวาสนาจะได้แต่งงานของอวิ๋นเอ๋อร์ พวกเขาเคยเห็นเ้าเป็ญาติหรือไม่”
“ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าอวิ๋นเอ๋อร์แต่งกับหลานชายข้าแล้วจะไม่ดี แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่าอวิ๋นเอ๋อร์แต่งกับหลี่ฝูคังแล้วจะดี”
จางซิ่วไฉตัดสินใจแน่วแน่แล้ว จึงไม่ได้สนใจคำวิงวอนของหม่าซื่อแต่อย่างใด
เื่ที่หม่าจาวพ่อลูกถูกจางซิ่วไฉไล่ออกจากบ้านแพร่งพรายออกไปจากตำบลจินจีอย่างรวดเร็ว
“จางซิ่วไฉหัวแข็งจริงๆ ไม่เพียงไม่ยินยอมให้จางอวิ๋นแต่งกับหลานชายของหม่าซื่อเท่านั้น ยังตัดญาติขาดมิตรกับพี่ชายสามของภรรยาด้วย”
“นั่นไม่เรียกว่าหัวแข็ง เรียกว่าหยิ่งในศักดิ์ต่างหาก จางซิ่วไฉไม่้าทนถูกเอาเปรียบอยู่ลับๆ แต่ผู้เดียว”
“จางซิ่วไฉเป็คนใจแข็งจริงๆ ถ้าเป็คนทั่วไปก็ต้องยอมทนเสียเปรียบและให้แต่งบุตรสาวออกไปแล้ว”
“วันนี้เ้าหม่าน้อยหัวหน้ามือปราบยังเล่นงานจางอวิ๋น วันหน้าก็จะเล่นงานบ้านสกุลจาง จางซิ่วไฉไม่ให้จางอวิ๋นแต่งกับเขานั่นก็ทำถูกแล้ว”
“น่าสงสารหม่าซื่อที่ถูกบีบอยู่ตรงกลาง จึงวางตัวลำบาก”
“หม่าซื่อ ตามความคิดข้า ถ้าไม่ใช่เพราะนางพาสุนัขป่าเข้าเรือน จางอวิ๋นฉลาดเพียงนั้นจะตกหลุมพรางได้อย่างไร”
“หม่าน้อยหัวหน้ามือปราบไม่เคยทำเื่ร้ายๆ ใหญ่หลวงอันใด ทั้งไม่ใช่สุนัขป่า”
“พวกเ้าไม่รู้ล่ะสิ ข้าได้ยินมาว่า เมื่อสิ้นปีก่อน หม่าน้อยหัวหน้ามือปราบเคยไปแย่งนางโลมและทำร้ายหลิวซิ่วไฉในหอคณิกาที่อำเภอซั่งด้วย”
“์ หลิวซิ่วไฉ เป็ถึงซิ่วไฉทีเดียว กลับมาถูกหม่าน้อยหัวหน้ามือปราบทำร้ายเอาเช่นนี้แล้วหรือ”
คนในตำบลต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอื้ออึง บ้างก็คิดว่า จางซิ่วไฉจัดการเื่นี้อย่างหัวแข็งเกินไป บ้างก็คิดว่า จางซิ่วไฉทำถูกต้องแล้ว และยังมีบางคนที่คิดว่า หม่าน้อยหัวหน้ามือปราบกล้าทำร้ายแม้กระทั่งหลิวซิ่วไฉ ย่อมมิได้เกรงกลัวจางซิ่วไฉแต่อย่างใด ฉะนั้นต้องไม่มีทางยอมกล้ำกลืนโทสะครานี้และย้อนมาแก้แค้นเป็แน่
ตอนที่สกุลหลี่รู้เื่นี้ก็ผ่านไปหลายวันแล้ว และยังเป็ตาเฒ่าไฝดำขายเกี๊ยวน้ำที่บอกกับหลี่ซานที่เข้าไปซื้อน้ำมันเมล็ดลินิน[1]จากในตำบล
จะว่าไปแล้วคนที่ให้ความสนใจสกุลหลี่มากที่สุดในตำบลจินจีนั้นไม่ใช่สกุลจางสองครอบครัว แต่เป็ตาเฒ่าไฝดำขายเกี๊ยวน้ำที่เป็คู่แข่งทางด้านการค้าต่างหาก
หลี่ซานใไม่เบา วันนั้นจางซิ่วไฉส่งเขากลับโดยไม่ได้อธิบายใดๆ แม้ครึ่งประโยค นึกไม่ถึงว่าภายหลังจางซิ่วไฉจะทำเื่เช่นนี้ เขาเข้าใจจางซิ่วไฉผิดไปแล้ว
“ข้ามีญาติผู้หนึ่งอยู่ในอำเภอซั่ง บอกว่า มือของหม่าจาวเคยเอาชีวิตคนมาแล้วหลายชีวิต และยังบอกว่า หม่าน้อยหัวหน้ามือปราบ เคยไปทำร้ายหลิวซิ่วไฉที่หอนางโลมอีกด้วย”
“ชีวิตคน… หอนางโลม…” หลี่ซานพอจะเดาได้แล้วว่า เหตุใดจางซิ่วไฉจึงยืนกรานไม่ให้จางอวิ๋นแต่งกับหม่าเหลียงฮุย
ตาเฒ่าขายเกี๊ยวน้ำพูดอย่างมีลับลมคมในเป็ที่สุดว่า “ผู้อื่นไม่รู้จักหลิวซิ่วไฉ แต่ข้ารู้จักเขา เขาเป็คนใจแคบนัก ไม่ยอมเสียเปรียบผู้อื่นแม้แต่น้อย ครานี้เกรงว่าคงพยายามหาทางแก้แค้นหม่าน้อยหัวหน้ามือปราบอย่างสุดกำลังอยู่เป็แน่ ไม่เชื่อก็คอยดูกันไป”
หลี่ซานนั่งลงบนตั่งในแผงขายของ “เอาเกี๊ยวน้ำถ้วยหนึ่ง” ไม่อาจเอาแต่ฟังตาเฒ่าเล่าเื่นี้ฝ่ายเดียวได้ คิดว่าต้องอุดหนุนการค้าเขาสักหน่อย ทว่าเกี๊ยวน้ำนี้ไม่อร่อยเท่าที่บ้านตนทำเองซ้ำยังแพงอีกเดียว
ตาเฒ่าขายเกี๊ยวน้ำลวกเกี๊ยวอย่างคล่องแคล่วและยังให้เกี๊ยวหลี่ซานเพิ่มอีกสองตัวด้วย ว่าแล้วก็หย่อนบั้นท้ายนั่งลงบนตั่งข้างๆ หลี่ซาน ถามด้วยท่าทีค่อนข้างระแวงว่า “หลังปีใหม่บ้านเ้าจะมาออกแผงขายแป้งย่างหรือไม่”
“ไม่มา” หลังเทศกาลโคมไฟการค้าเต้าหู้ที่เรือนก็ดีขึ้น แม้แต่พ่อค้าจากต่างเมืองที่ห่างจากเมืองเยี่ยนเป็ร้อยลี้ก็ยังวิ่งมาซื้อสินค้า พ่อลูกสกุลอู่ทำงานวุ่นวายจนเท้าแทบไม่ติดดินเลย มิเช่นนั้นหลี่ซานก็ไม่ต้องเข้ามาซื้อของในตัวตำบลเช่นนี้ สกุลหลี่จะมีเวลามาออกแผงขายแป้งย่างในตำบลได้อย่างไร
ตาเฒ่าขายเกี๊ยวน้ำดีใจจนน้ำตาคลอและเกือบจะหลุดคำว่า ดี ออกจากปาก รอจนหลี่ซานกลับไปแล้ว จึงได้ฮัมเพลงขึ้นมาอย่างมีความสุข
หลี่ซานซื้อน้ำมันเมล็ดลินินเสร็จก็ไปซื้อเนื้อหมูยี่สิบชั่งและซี่โครงหมูสิบชั่ง ที่แผงขายหมูของคนขายเนื้อแซ่จาง ตามที่บุตรีสุดที่รักบอกมา
แม้เื่แต่งงานจะไม่ลุล่วง แต่ก็ไม่กระทบกับความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัว คนขายเนื้อแซ่จางยังคงให้เครื่องในหมูกับหลี่ซานอย่างมีไมตรีและยังให้หัวหมูอีกหนึ่งหัว “กินสมองหมูบำรุงสมอง พอเจี้ยนอันสี่พี่น้องกินแล้ว เริ่มฤดูใบไม้ผลิก็จะสอบเข้าสำนักศึกษาได้”
“พี่จาง สมพรปากเถิด เครื่องในหมูกับหัวหมูข้าขอรับไว้แล้ว” หลี่ซานแอบวางเงินก้อนไว้บนแผง
ั้แ่เดือนหนึ่งมา เมื่อคนสกุลหลี่มาซื้อเนื้อหมู เ้าจางคนขายเนื้อก็จะให้เครื่องในหมู หูหมู หัวหมู กีบเท้าหมูประมาณนี้ไปด้วย หลี่ซานเกรงใจไม่อยากเอาเปรียบ ครั้งนี้จะให้เงินเขา
“ก้อนเงิน!” เ้าจางคนขายเนื้อบังเอิญพบก้อนเงินอยู่บนแผง ั้แ่เช้าตรู่จนตอนนี้ นอกจากหลี่ซานแล้วก็ยังไม่มีลูกค้าคนอื่นมาซื้อเนื้ออีก ไม่ต้องคิดก็รู้ได้ว่าเป็หลี่ซานวางเอาไว้ให้ ถ้าเก็บก้อนเงินนี้เอาไว้จะต้องถูกตาเฒ่าจางด่าตายแน่
พอดีว่าจางจินไห่มาเอาเนื้อหมูไปส่งให้บ้านฝ่ายมารดาของหลิวซื่อมารดาของตน เ้าจางคนขายเนื้อจึงเอาก้อนเงินนี้ให้เขาไป บอกว่าตอนผ่านหมู่บ้านหลี่ก็ให้นำไปคืนหลี่ซานด้วย
“ท่านพ่อ ตามความเห็นข้า เอาเงินไปคืนเช่นนี้ไม่ดีนะขอรับ มิสู้ลูกไปซื้อสุราที่ร้านอาหารแล้วนำไปมอบให้ท่านอาหลี่ดื่มดีกว่า”
“ตกลง”
จางจินไห่ถือเนื้อหมูและสุราออกไปจากตำบลจินจี พอมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านหลี่ก็เห็นเกวียนล่อหลายเล่มออกไปจากหมู่บ้าน ได้ยินชาวบ้านที่ยืนอยู่ตรงปากทางเข้าหมู่บ้านกำลังคุยกันอยู่ ที่แท้เป็ขบวนเกวียนลาของพ่อค้าจากเมืองเยี่ยน ที่มาซื้อเต้าหู้ของตระกูลหลี่ พลันคิดในใจว่า มิน่าเล่า สกุลหลี่จึงส่งเสีย เจี้ยนอันสี่พี่น้องร่ำเรียนที่สำนักศึกษาได้ไหว
ตอนที่จางจินไห่ไปถึงบ้านสกุลหลี่ หลี่ซานค่อนข้างประหลาดใจ แต่เมื่อเห็นว่าเขานำสุรามามอบให้ จึงเพิ่งเข้าใจ “ท่านพ่อเ้าเกรงใจเกินไปแล้ว” พอรู้ว่าเขาจะไปที่เรือนฝ่ายมารดาของหลิวซื่อ จึงมอบเต้าหู้ให้ห้าชั่ง เต้าหู้แห้งสองชั่ง และเต้าหู้เส้นสองชั่ง
วันพรุ่งเป็วันเกิดยายของจางจินไห่ บ้านจางมอบเนื้อหมูให้ห้าชั่ง มาครานี้จึงเท่ากับว่ามอบของที่ทำจากถั่วเหลืองให้อีกเก้าชั่ง นับว่ามือเติบไม่เบาเลย
พอจ้าวซื่อรู้ว่าจางจินไห่มาก็ออกมาพบเขา และยังถามไถ่ถึงหลิวซื่อแม่ลูกด้วย
เด็กหนุ่มสกุลหลี่ทั้งสี่คนไปจวนเจียงแต่เช้าแล้ว จางจินไห่ไม่ได้พบพวกเขาจึงค่อนข้างเสียดาย
เด็กหนุ่มสกุลหลี่ทั้งสี่กลับมาถึงเรือนก่อนอาหารเย็น เห็นว่าบนโต๊ะมีสุราชั้นเลิศ ได้ยินหลี่หรูอี้บอกว่า เป็คนขายเนื้อแซ่จางมอบให้ เขายังให้เครื่องในหมูกับหัวหมูมา และจางจินไห่ก็มาที่บ้านสกุลหลี่ด้วย ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกดีใจ
หลี่เจี้ยนอันมองหลี่ฝูคังสองครั้ง ก่อนเอ่ยว่า “คนครอบครัวท่านลุงจางล้วนไม่เลวทั้งนั้น”
หลี่ฝูคังหลุบตาลงต่ำ ไม่ส่งเสียงใด
กลางดึกในยามราตรี มีคนสองคนกำลังคุยกันเบาๆ อยู่บนเตียงเตาที่กว้างใหญ่ภายในห้องนอน
.............................
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] น้ำมันเมล็ดลินิน หรือน้ำมันแฟลกซ์ น้ำมันลินซีด (Flax Oil, Linseed Oil) เป็น้ำมันใสจนถึงออกเหลืองที่ได้จากเมล็ดแฟลกซ์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้