หลังเกิดเืู่เี่อันดูปกติดีทุกอย่างก็จริง แต่นั่นเป็เพราะเธอไม่ได้แสดงความรู้สึกออกมา
ทั้งที่จริงๆ แล้วเธอยังคงมีอาการหวาดกลัวจากเหตุการณ์ดังกล่าว
แต่ในตอนนี้เมื่อลู่เป๋าเหยียนบอกกับเธอว่า ‘เจี่ยนอัน เธอไม่ต้องกลัวอีกต่อไป’
คำพูดของเขาเหมือนยาวิเศษที่ช่วยขจัดความกลัวของเธอไปจนหมด
นี่คงจะเป็ครั้งแรกที่เขาพูดกับเธอยาวขนาดนี้เธอคิดมาโดยตลอดว่าคนที่ไม่ค่อยพูดแบบเขา คงไม่มีทางพูดยาวๆ ในรวดเดียวได้
เห็นูเี่อันจ้องมาไม่วางตาลู่เป๋าเหยียนจึงขมวดคิ้วถาม
“เป็อะไรไป”
“วันนั้นคนที่ช่วยแก้มัดเชือกให้ฉันคือนายใช่หรือเปล่า พี่ชายฉันบอกว่าเห็นนายเดินขึ้นบันไดไป”
นี่ก็ผ่านมาแล้วหลายวันหลังเกิดเื่ในที่สุดูเี่อันก็ยอมพูดถึงและเผชิญหน้ากับมันเสียที
แถมดูเหมือนว่าในวันนั้นที่เธอรีบเข้าไปหาเจียงเส้าข่ายในทันทีโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างภาพของเธอที่กดปากแผลเจียงเส้าข่ายพลางร้องไห้อาจจะเป็สาเหตุที่ทำให้ลู่เป๋าเหยียนเริ่มกลับมาสูบบุหรี่อีกครั้ง
ลู่เป๋าเหยียนเกือบลืมเื่นี้ไปแล้วแต่เมื่อเธอพูดถึงมัน เขาก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
“ฉันไม่รู้ว่านายอยู่ที่นั่น”ูเี่อันอธิบาย “คืนก่อนหน้านั้นเฮ่อเทียนิตีฉันจนสลบและมัดฉันไว้กับเก้าอี้หลังตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ฉันเจ็บมากจนพูดไม่ออกปฏิกิริยาทุกอย่างก็เชื่องช้าลง เขาบอกว่าจะถ่ายทอดสดผ่าแยกชิ้นส่วนฉันฉันก็เริ่มกลัว ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากให้ตัวเองตายสยองขนาดนั้นหรอกจริงไหมฉันก็คิดไม่ถึงว่าเจียงเส้าข่ายจะยอมเสี่ยงเพื่อช่วยชีวิตฉัน เขาเสียเืมากฉันกลัวว่าเขาจะต้องมาตายเพราะฉัน เลยไม่ทันสังเกตเห็นนาย เพราะฉะนั้น...ฉันเลยไม่รู้ว่านายเป็คนช่วยแก้มัดให้”
เธอก้มหน้าลงเล็กน้อยขณะพูดอย่างช้าๆมือของเธอกำแน่นขึ้นทุกที จนเห็นแนวกระดูกมือผ่ายผอมได้อย่างชัดเจน
ลู่เป๋าเหยียนจึงเข้าใจเสียทีว่าหลายวันมานี้ที่เธอไม่ยอมพูดถึงเื่นี้อีกเลย เป็เพราะเธอยังกลัว
ยามที่เธอกลัวที่สุดเจียงเส้าข่ายเป็คนช่วยเธอ
ความหงุดหงิดที่ปกคลุมจิตใจของเขาเริ่มจางหาย
“ถ้าเธอเห็นฉันในวันนั้นเธอจะทำยังไง”
“ก็คง...ไม่กลัวขนาดนั้นมั้ง”
นี่เป็คำตอบที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของลู่เป๋าเหยียน
ั์ตาของเขาฉายแววอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนกลับมาเป็ปกติ เขากุมมือูเี่อันพลางพูดว่า
“ไม่เป็ไรแล้วนะ”
“อืม”ูเี่อันยิ้มตอบ จากนั้นจึงลงมือกินอาหารเช้าต่อ
ก่อนที่ลู่เป๋าเหยียนจะไปบริษัทเขาส่งของอย่างหนึ่งมาให้เธอ
ูเี่อันจำได้ไม่ลืมเลือนนี่มันห่อยาแก้ปวดที่เธอกินวันนั้นตอนอยู่โรงพยาบาลนี่นา
เธอเบิกตากว้างอย่างตระหนกพลางมองลู่เป๋าเหยียน
“ฉันฉันไม่...ไม่ปวดแล้ว...”
เธอไม่กิน!และจะไม่ยอมให้เขาหลอกอีกครั้งเด็ดขาด!
เขาวางมันไว้ที่โต๊ะจากนั้นจึงลูบผมเธอแ่เบา
“ไม่ได้จะให้กินตอนนี้เก็บไว้ให้ดี ถ้าปวดขึ้นมาอีกจะได้เอาออกมากินเองได้”
ว่าแล้วเขาก็หยิบเอกสารและเดินออกจากห้องไปนานทีเดียวกว่าทีู่เี่อันจะเรียกสติตัวเองกลับมาได้ เธอยกมือลูบผมของตนอุณหภูมิอุ่นเมื่อครู่ได้หายไปแล้วแต่ทำไมเธอรู้สึกเหมือนััจากมืออุ่นของเขายังคงอยู่กันนะ
เมื่อกี้นี้ถ้าเธอเข้าใจไม่ผิด การกระทำของลู่เป๋าเหยียนเหมือนกำลัง...โอ๋เธอ
เช้าวันนี้เขาเป็อะไรไป?
เวลาสิบโมงกว่า อยู่ๆ ท้องฟ้าก็มืดครึ้มสภาพอากาศเริ่มแปรปรวน ลมเย็นๆ พัดเข้ามาทางหน้าต่างไม่หยุดจนผ้าม่านปลิวม้วนตลบไปอีกข้าง
สงสัยฝนคงจะตกอุณหูมิต้องลดต่ำลงอีกแน่ ูเี่อันเดา
หลังมื้อเที่ยงฝนก็เริ่มตกลงมาจริงๆ เม็ดฝนห่าใหญ่กระทบหน้าต่างดังเปาะแปะูเี่อันปิดหน้าต่าง และเดินไปเปิดฮีตเตอร์จากนั้นจึงนั่งมองวิวของเมืองที่เริ่มพร่ามัวเพราะพายุฝนตรงหน้าคิดแล้วูเี่อันจึงลุกไปหยิบมือถือเพื่อมาถ่ายรูป
มือถือสีดำถูกวางอยู่บนหัวเตียงและถูกปิดเครื่องเอาไว้
เมื่อคืนเธอไม่ได้ปิดเครื่องนี่นา
เมื่อเปิดเครื่องขึ้นมาข้อความสามฉบับก็เด้งขึ้นในทันที โดยทั้งหมดถูกส่งมาจากเสิ่นเยว่ชวน
“เลิกประชุม? นายพูดจริงใช่ไหม? กำลังประชุมอยู่ดีๆ นายก็หนีไปแล้วบอกว่าเลิกประชุม นี่มันอะไรกันเนี่ย!”
“คงเพราะูเี่อันเป็อะไรอีกล่ะสิ? วางใจเถอะ พวกเราชินแล้วคราวก่อนนายยังหนีการเซ็นสัญญาที่นิวยอร์กจนบริษัทเสียตลาดอเมริกาเหนือไปรอบหนึ่งแล้ว คราวนี้เื่อะไรอีกล่ะ”
“ใช่สิเจี่ยนอันรู้หรือเปล่าว่านายยอมทิ้งตลาดอเมริกาเหนือมาเพื่อช่วยเธอ? นายคงไม่กล้าบอกเธออีกแล้วใช่ไหม?”
ูเี่อันอ่านสองข้อความสุดท้ายซ้ำอีกครั้งทุกตัวอักษรให้มั่นใจว่าเธอไม่ได้อ่านผิดไป ความคิดมากมายตีกันอยู่ในสมองเธอ
ก่อนที่เขาจะไปนิวยอร์กเขาบอกกับเธอว่าจะไปเจ็ดวัน
วันที่เกิดเื่เขากลับมาหาเธอเธอก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร แต่เมื่อถามเขา เขาก็ตอบเธอว่าเสร็จธุระแล้วจึงกลับมา โดยไม่ได้พูดถึงเื่ธุรกิจหรือเื่ที่เขากลับมาก่อนกำหนดเลยสักนิด
ทำไมเขาต้องโกหกเธอ?
ูเี่อันกดโทรศัพท์หาเสิ่นเยว่ชวน
“เจี่ยนอัน?” เสียงของเสิ่นเยว่ชวนดังขึ้น“เธอจะคุยกับลู่เป๋าเหยียนใช่หรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ”ูเี่อันตอบ “ฉันอยากคุยกับคุณ ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน”
“อ้อผมออกมาทำธุระข้างนอกน่ะ ส่วนคุณชายของคุณทำงานอยู่ที่บริษัท”เสิ่นเยว่ชวนรู้สึกสนใจปนระแวงนิดๆ “โทรหาผมเพราะมีเื่อะไรงั้นเหรอ”
“วันที่ฉันถูกเฮ่อเทียนิจับตัวไว้ลู่เป๋าเหยียนตั้งใจกลับจากนิวยอร์กก่อนกำหนดหรือเปล่าคะ” ูเี่อันพูด“ฉันเห็นข้อความที่คุณส่งมาหาเขาแล้ว”
เสิ่นเยว่ชวนนิ่งไปนานก่อนจะยิ้มและตอบไปว่า
“ผมกะแล้วว่าคุณคงยังไม่รู้เื่เขาบอกคุณว่ายังไงครับ”
“เขาบอกว่างานเสร็จแล้วเลยกลับมาค่ะ”
“ว่าแล้วว่าต้องบอกแบบนี้”เสิ่นเยว่ชวนไม่แปลกใจสักนิด “ถ้าคุณเห็นข้อความแล้วก็คงเดาเื่ได้ไม่ยากงานเสร็จแล้วอะไรนั่นเื่โกหกทั้งเพ! พวกเราเกือบจะได้เซ็นสัญญาอยู่แล้วแต่เขากลับบอกว่าจะกลับประเทศ ทำให้บริษัทต้องเสียโอกาสงามไปที่พวกเราเตรียมการกันมาครึ่งปีจึงไร้ค่าไปเลย แต่ว่าคุณไม่ต้องกดดันนะตอนนี้เขากำลังคิดหาวิธีแก้ไขเื่นี้อยู่หายากนะที่จะเห็นเขาขมวดคิ้วเคร่งเครียดกับเื่งานแบบนี้ จริงสิคุณอยากเห็นสีหน้าเขาอย่างที่ผมบอกหรือเปล่า เดี๋ยวไว้ผมถ่ายรูปส่งไปให้เอาไหม”
“…”
ูเี่อันนิ่งเงียบไปนานจนเสิ่นเยว่ชวนเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี
“ฮัลโหล? เจี่ยนอันเป็อะไรหรือเปล่า?”
เขายอมรับว่าตัวเองจงใจพูดแบบนั้นออกไปแต่ถ้ามันทำใหู้เี่อันใจนเป็อะไรขึ้นมาล่ะก็เขาคงไม่แค่ถูกส่งไปดูงานที่เนปาล แต่คงโดนลู่เป๋าเหยียนฆ่าตายแน่ๆ!
“ฉันไม่เป็ไรค่ะ”ในที่สุดูเี่อันก็พูดออกมา “ขอบคุณที่บอกเื่พวกนี้กับฉันนะคะ แต่ว่าคุณอย่าบอกเขาได้ไหมคะว่าฉันรู้แล้ว”
“เอ่อ...”เสิ่นเยว่ชวนไม่กล้ามีความลับกับลู่เป๋าเหยียนเขาคิดไว้แล้วว่ากลับไปคงบอกลู่เป๋าเหยียนทันที แตู่เี่อันมาขอร้องแบบนี้เขาคงต้องทำตาม
“ทำไมถึงไม่อยากให้เขารู้ล่ะ”
“เพราะว่าทีเขายังไม่ยอมบอกอะไรให้ฉันรู้สักอย่างเลยน่ะสิคะ”
“โอเคครับ”เสิ่นเยว่ชวนกัดฟันตอบ “ผมจะช่วยคุณสักครั้ง แต่ถ้าวันไหนเขารู้เื่ขึ้นมาคุณต้องช่วยผมด้วยนะ”
“ได้เลยค่ะ”ูเี่อันยิ้ม จากนั้นจึงวางสายไป
ฝนด้านนอกเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆจนได้ยินเสียงของเม็ดฝนที่กระทบหน้าต่างได้อย่างชัดเจน นี่ถ้าไม่มีฮีตเตอร์แค่ได้ยินเสียงนี้ใน่ปลายฤดูใบไม้ผลิก็เพียงพอแล้วที่ทำให้คนฟังรู้สึกหนาวจับใจ
เธอมองเห็นเงาของตัวเองที่สะท้อนจากกระจกหน้าต่างดวงตาของเธอติดจะแดงนิดๆ
ในความเงียบูเี่อันรู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมา
วันที่เธอถูกฆาตกรจับตัวไว้ไม่ใช่ว่าเธอไม่คิดถึงลู่เป๋าเหยียนแต่สมองของเธอมักมีภาพข่าวฉาวระหว่างเขากับหานรั่วซีผุดขึ้นมาในตอนนั้นเธอคิดอย่างสิ้นหวังว่าลู่เป๋าเหยียนคงไม่สนอยู่แล้วว่าเธอจะเป็ตายร้ายดีอย่างไรเพราะในอีกสองปีข้างหน้า พวกเราก็ต้องหย่ากัน
แต่ในความจริงเมื่อข่าวเธอแพร่สะพัด เขาก็ทิ้งงานสำคัญเพื่อกลับมาหาเธอ
ยามที่เธอกำลังหวาดกลัวที่สุดที่จริงแล้วลู่เป๋าเหยียนคอยอยู่เคียงข้างเธอมาโดยตลอด
กลิ่นอายที่คุ้นเคยและเสียงแ่เบาของเขาหากในวันนั้น เธอเพียงแค่หันกลับไป ก็คงได้พบเขาคนที่คอยอยู่เคียงข้างเสมอ
แต่สุดท้ายเธอกลับทำให้เขาต้องมาเห็นภาพเธอตอนที่รีบเข้าไปหาเจียงเส้าข่าย
ตอนนั้น เขาจะรู้สึกอย่างไรเธอเองก็ไม่แน่ใจ
เธอรู้เพียงแต่ว่าหัวใจของเธอในตอนนี้เหมือนตอนอายุสิบขวบที่เจอลู่เป๋าเหยียนไม่มีผิดเธอแอบดีใจอยู่ลึกๆต่อให้มีคนเอาของที่ดีสุดมาแลกกับ่เวลาของเธอในตอนนั้นเธอก็ไม่มีทางยอมเธออยากจะวิ่งเข้าสู่อ้อมกอดของเขาเหลือเกิน
ลู่เป๋าเหยียนไม่ใช่ว่าไม่สนใจเธอเมื่อคิดได้ดังนั้น ูเี่อันก็รู้สึกเหมือนตนมีปีกเธอดีใจเสียจนอยากจะบินรอบห้องสักสามรอบ
นานทีเดียวกว่าทีู่เี่อันจะสงบจิตใจของตนเองได้ภายใต้ความอบอุ่นของฮีตเตอร์ เธอเริ่มรู้สึกง่วงงุน ผู้จัดการโรงแรมถามเธอว่าเธอ้าไปจิบน้ำชายามบ่าย หรือไปสปาหรือเปล่าแต่เธอี้เีขยับตัวไปไหนทั้งนั้น จึงบอกกับเขาไปว่าเธอจะรอกินข้าวเย็นพร้อมลู่เป๋าเหยียน ระหว่างนั้นอย่าให้ใครมารบกวนจากนั้นก็นอนหลับไป
หนึ่งทุ่มกว่าลู่เป๋าเหยียนจึงกลับมาถึงโรงแรม ผู้จัดการบอกกับเขาว่าูเี่อันนอนหลับตลอดบ่าย ไม่ยอมออกไปไหน ลู่เป๋าเหยียนนึกว่าเธอไม่สบายอีกแล้วจึงรีบเดินกลับห้องทันที แต่ก็พบว่า เธอกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงนุ่ม
ก็แค่เด็กน้อยขี้เซาเท่านั้นไม่ได้เหมือนคนไม่สบายตรงไหน
เธอไม่ได้เปิดไฟทิ้งไว้มีเพียงแสงไฟจากภายนอกที่สาดส่องเข้ามาใบหน้างดงามของเธอเหมือนสัตว์ตัวน้อยที่กำลังขดตัวนอนอยู่ในบ้านของตัวเองอย่างสบายใจทำให้คนมองหัวใจอ่อนยวบ
เมื่อลู่เป๋าเหยียนเดินเข้าไปใกล้คนที่นอนอิ่มกำลังดีแล้วก็เริ่มรู้สึกตัว เธอลืมตาขึ้นเมื่อเห็นลู่เป๋าเหยียนยืนอยู่ตรงหน้าจึงยิ้มออกมา
“กลับมาแล้วเหรอ”
“อืม”
ลู่เป๋าเหยียนเริ่มรู้สึกว่าตนเองคาดหวังต่ำไปหรือไมู่เี่อันก็แค่ยิ้มให้เขาเท่านั้นแต่ทำไมมันกลับทำให้เขาลืมความเหน็ดเหนื่อยที่สั่งสมมาทั้งวันไปจนหมด
ตอนนี้ในสายตาเขามีเพียงแต่เธอเท่านั้น
“ทำไมไม่ตื่นขึ้นมากินข้าว?” ลู่เป๋าเหยียนถาม
ูเี่อันค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นมา
“ฉันอยากรอนายนี่”
ดวงตายามเพิ่งตื่นนอนของเธอดูเปล่งประกายกว่าทุกทีผมยาวที่ยุ่งนิดๆ รอยยิ้มที่เหมือนเด็กน้อย กับคำพูดแสดงความใกล้ชิดที่เอ่ยออกมา
ทั้งหมดนี้เข้าจู่โจมหัวใจของลู่เป๋าเหยียนอย่างรุนแรงทำเอาปราการน้ำแข็งในใจของลู่เป๋าเหยียนพังทลายไม่เป็ท่า
ต่อจากนี้ไม่ว่ากลางวันเขาจะทำงานเหนื่อยแค่ไหน ขอแค่มีเธอรอเขาอยู่ที่บ้านตอนกลับมาเขาก็คงไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอีกต่อไป
เห็นลู่เป๋าเหยียนนิ่งไปูเี่อันจึงโบกมือไปมาหน้าเขาพลางถามว่า
“นายคงไม่ได้แอบไปกินข้าวมาก่อนแล้วใช่ไหม”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มพลางช่วยเธอหารองเท้าให้ครบคู่
“ฉันไม่กล้าหรอกใส่รองเท้าซะ เดี๋ยวฉันพาเธอไปกินข้าว”
