นักยุทธ์ทั้งหกคนของตระกูลหลิ่ว เหลือเพียงห้าคนที่ยังต่อสู้อย่างเอาเป็เอาตาย ในขณะที่อีกคนหนึ่งล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมกับเบิกตาค้าง แสดงให้เห็นว่าได้สิ้นใจไปแล้ว! คนแรกที่เซียวหลิงอวิ๋นสังหารไปก็ไม่ใช่หลิ่วถังที่มือขาดเสียด้วย แต่เป็นักยุทธ์ระดับเก้าที่แข็งแกร่งมากอีกคนหนึ่ง!
นักยุทธ์คนนี้ถือดาบยาวฟันม้า ทั้งทรงพลังและหนักหน่วง เป็ภัยคุกคามต่อเซียวหลิงอวิ๋นมากกว่านักยุทธ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดเสียอีก าแที่ไหล่ที่เกิดจากการฟันผ่านเกราะป้องกันของกายค้อนสำริดขั้นสมบูรณ์ รอยแผลยาวเป็ชุ่นนี้ก็เกิดจากนักยุทธ์คนนี้ แต่แน่นอนว่าเซียวหลิงอวิ๋นซึ่งยอมแลกด้วยการรับดาบของอีกฝ่ายตรงๆ จึงสามารถสังหารนักยุทธ์คนนี้ได้
ดาบภูติน้ำแทงทะลุหน้าอกของอีกฝ่าย ในขณะที่เซียวหลิงอวิ๋นใช้แขนซ้ายต้านรับการฟันลงมาด้วยดาบถึงสองครั้ง!
ส่วนเสื้อผ้าที่ฉีกขาดบนหลังนั้น เกิดจากการโจมตีอย่างกะทันหันของนักยุทธ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดที่ใช้หอกแทงเข้ามา!
เซียวหลิงอวิ๋นจึงรีบพลิกตัว กวัดแกว่งดาบคมกริบในมือออกไป พร้อมกับเสียง ‘แกร๊ก’ ที่ดังขึ้น ดาบของเขาตัดหอกนั้นขาดครึ่งทันที ก่อนที่ตัวของเขาจะพุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับดาบภูติน้ำ พุ่งเข้าหาศัตรูที่ถือหอกหักนั้นอยู่ราวกับยมทูตที่ไล่ตามิญญา!
นักยุทธ์เบิกตากว้าง รีบถอยหนีออกไปอย่างรวดเร็ว!
เสียง “แกร๊งๆ” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับดาบฟันม้าที่โผล่ออกมาจากทางด้านข้าง ฟาดฟันเข้าใส่ดาบภูติน้ำในมือเซียวหลิงอวิ๋นอย่างดุดัน นั่นคือหลิ่วถังที่เก็บอาวุธของสหายที่ล้มตายไปขึ้นมานั่นเอง!
แม้หลิ่วถังที่ถือดาบด้วยมือซ้ายจะไม่ได้ห้าวหาญเหมือนตอนแรกแล้ว แต่ด้วยพลังอันทรงพลังของดาบนี้ ก็ยังทำให้เซียวหลิงอวิ๋นต้องเซถอยหลังออกไป สองดาบนี้ช่วยชีวิตสหายที่ใช้หอกของเขาได้
เซียวหลิงอวิ๋นที่ไม่สามารถไล่ตามเผด็จศึกได้นั้น พลันเคลื่อนตัวเองไปอีกด้าน ดาบภูติน้ำก็ได้ปลดปล่อยเงาดาบคดเคี้ยวราวกับงูออกไป เลื้อยอ้อมไปด้านหลัง ส่งเสียง ‘โช้งเช้งๆ’ เข้าขัดขวางการโจมตีประสานของดาบกับหอก!
เซียวหลิงอวิ๋นต่อสู้พลางใช้ความคิดไปด้วย ไม่ได้การแล้ว ตัวเขาเองโดนโจมตีไปสี่ครั้งแล้ว าแที่ไหล่ซ้ายและแขนซ้ายส่งผลกระทบต่อเขาไม่น้อย แม้ว่าจะสังหารยอดฝีมือของอีกฝ่ายไปได้หนึ่งคน และยังทำให้าเ็ได้อีกสองคนก็ตาม แต่อีกฝ่ายก็มีกันถึงแปดคน ในขณะที่ยังมีอีกสองคนที่ยังไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ หากยังไม่สามารถทำผลลัพธ์เพิ่ม สังหารได้อีกสักหนึ่งถึงสองคนก่อนที่ทั้งสองคนนั้นจะเข้าผสมโรงด้วยแล้ว ศึกหลังจากนี้ก็จะยิ่งยากลำบาก!
คงถึงเวลาที่จะต้องงัดเอาไพ่ตายออกมาแล้ว!
เืในกายพลันพลุ่งพล่าน เขาสูดลมหายใจเข้าอย่างรวดเร็ว หน้าอกของเซียวหลิงอวิ๋นบุ๋มเข้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็อ้าปากออก “ฮ่า!” เสียงคำรามที่เกิดจากเืและลมปราณดังก้องกังวาน วิชาลับของเขาะเิออกมาในชั่วขณะนั้น!
เสียงคำรามนี้แม้ดูเหมือนไม่ดังมาก แต่ในหูของหลิ่วถังและอีกสี่คนที่เหลือ กลับเหมือนได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังกึกก้องอยู่ข้างหู จนทำให้หูอื้อ ไม่ได้ยินเสียงอื่นๆ ไปชั่วขณะ นอกจากเสียงวิ้งในหูแล้วก็ไม่ได้ยินเสียงอื่นใดอีกเลย ในหัวสับสนมึนงงไปหมด!
นักยุทธ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดที่อยู่ใกล้โดนยิ่งกว่านั้น ดวงตาของเขาเบิกกว้าง ทั้งหัวใจและร่างกายสั่นเครือไปหมด
ด้วยเสียงคำรามดังก้อง ทั้งห้าคนหยุดชะงักพร้อมกัน หลังจากเปล่งเสียงคำรามนี้ออกไป เซียวหลิงอวิ๋นก็อ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด เห็นได้ชัดว่าการคำรามนี้ทำให้ทั้งเืและลมปราณในกายสูญเสียไปไม่น้อย!
เซียวหลิงอวิ๋นที่มีประสบการณ์การต่อสู้มามากมายย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสอันดีที่ได้มาจากการสละเืและลมปราณหมดไปอย่างเปล่าประโยชน์ เท้าของเขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ร่างกายราวกับสายฟ้า พุ่งตัวไปยังด้านหน้าของนักยุทธ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดทันที พร้อมด้วยแสงดาบที่สว่างวาบขึ้น “ฉัวะ!” เืพุ่งกระฉูดเป็สาย หัวของนักยุทธ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดหลุดออกจากบ่าทันที!
“ฉัวะ!”
“ฉึก!” เสียงอาวุธมีคมทั้งแทงและตัดผ่านเข้าไปในร่างกายคน ดังขึ้นอีกสองครั้งรวด!
หัวสองหัวก็ร่วงหล่นลงบนพื้น!
แสงจากดาบยาวสว่างวาบอีกครั้ง เซียวหลิงอวิ๋นราวกับย่นระยะก้าวจนเหลือเพียงหนึ่งชุ่น แวบมาอยู่ตรงหน้าหลิ่วถัง แสงของดาบภูติน้ำที่ส่องประกาย แสงสีน้ำทะเลเปล่งออกมาจากตัวดาบ สีเขียวน้ำทะเลนั้นพุ่งเข้าหาลำคอของหลิ่วถัง!
ร่างกายของหลิ่วถังก็เกิดการสะดุ้งอย่างรุนแรง! จนได้สติคืนกลับมา!
ประจวบเหมาะกับแสงดาบรวดเร็วราวสายฟ้าที่มาถึงตรงหน้าแล้ว!
ดวงตาของหลิ่วถังฉายแววดุดัน แม้เขาจะไม่มีเวลาให้หนี แต่ตัวเขาก็ถอยหลังออกมาอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันดาบฟันม้าในมือซ้ายก็ฟันเสยขึ้นจากด้านล่างอย่างรวดเร็ว ฟันไปที่ขาของเซียวหลิงอวิ๋น คิดจะฆ่าข้างั้นหรือ เช่นนั้นข้าก็จะฟันเ้าสักดาบก่อนแล้วค่อยตาย!
ราวกับรู้ล่วงหน้าว่าอีกฝ่ายจะมาไม้นี้ เมื่อดาบฟันม้าของหลิ่วถังฟาดฟันไป ในเวลาเดียวกัน ร่างของเซียวหลิงอวิ๋นก็ลอยขึ้นไปในอากาศราวกับขนนก!
ดาบภูติน้ำตัดผ่านลำคอหลิ่วถังไปภายในชั่วพริบตา ก่อนที่ดาบฟันม้าจะมาถึงตัวของเซียวหลิงอวิ๋นเสียอีก!
หลิ่วถังเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ ตาเบิกโพลงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ เืกระฉูดออกมาจากลำคอ ลงไปกองกับพื้นในทันที ขณะเดียวกันตัวของเซียวหลิงอวิ๋นก็ร่อนลงมาที่พื้นอย่างสง่างาม
ห่างออกไปไม่กี่หมี่ นักยุทธ์ระดับแปดคนสุดท้ายสั่นสะท้านไปทั้งตัว หูทั้งสองข้างยังคงอื้ออึง และมองไปที่เซียวหลิงอวิ๋นราวกับเห็นปีศาจ เต็มไปด้วยความใและหวาดกลัว!
ภายในเวลาไม่กี่อึดใจสั้นๆ สหายสี่คนถูก ‘ปีศาจ’ ตัวนี้ฆ่าตายราวกับเป็ผักปลา ตัดหัวราวกับหั่นผักผ่าแตงโม เชือดอย่างง่ายราวกับหมาป่าขย้ำไก่!
นักยุทธ์ตระกูลหลิ่วที่ห้าวหาญมาโดยตลอดนั้น ในเวลานี้ไม่เหลือความห้าวหาญอีกต่อไปแล้ว ภายในใจเหลือเพียงความกลัวอย่างไร้ขอบเขต มีความคิดเพียงอย่างเดียว นั่นคือหนีไปจาก ‘ปีศาจ’ ตัวนี้ให้เร็วและไกลที่สุด ตลอดชั่วชีวิตนี้ ไม่สิ ทุกชาติก็ไม่ขอเจอเ้า ‘ปีศาจ’ ตัวนี้อีก!
ความกลัวอันไร้ขอบเขตนี้ก่อให้เกิดพลังอันน่าทึ่ง นักยุทธ์ระดับแปดส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่ากลัว ชักดาบออกแล้วรีบเตลิดหนีไป!
“ฮึ่ม!” เซียวหลิงอวิ๋นหายใจแรง ตัวเขาเซไปด้านหนึ่ง ใช้ดาบยาวปักพื้นยันร่างเอาไว้! วิชาเซียนเต่ากระเรียนทำงานด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง!
ด้วยเสียงคำรามเพียงครั้งเดียว ผนวกกับการใช้ก้าวลวงิญญาด้วยความเร็วสูงสุดเข้าสังหารศัตรูที่แข็งแกร่งถึงสามคนติดต่อกัน ดูเหมือนว่ากระบวนการทั้งหมดนี้จะใช้เวลาเพียงสามชั่วอึดใจเท่านั้น แต่ทั้งเื ลมปราณ หัวใจ และพลังจิตที่สูญไปนั้นมากมายมหาศาล หากนักยุทธ์ตระกูลหลิ่วคนนั้นไม่วิ่งหนีไป ถึงแม้ตัวเขาจะยังสามารถครองสติอยู่ได้ เซียวหลิงอวิ๋นก็ไม่สามารถสังหารอีกฝ่ายได้เหมือนเมื่อครู่นี้แล้ว!
แต่ความจริงช่างน่าแปลกนัก ในขณะที่ทั้งพลังกายและพลังปราณของเซียวหลิงอวิ๋นอยู่ในจุดวิกฤติและไม่เหลือหลอ อีกฝ่ายกลับเลือกที่จะหนีไปเสียดื้อๆ!
เหตุนี้ทำให้เซียวหลิงอวิ๋นได้่เวลาฟื้นฟูพลังอันมีค่าและหายากกลับคืน!
ในขณะที่นักยุทธ์ตระกูลหลิ่วอีกสองคนยังไม่ทันจะได้เข้ามาในสนามรบ พวกเขาก็เห็นร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากฝุ่นควันที่กำลังค่อยๆ จางหายไป ตรงมาทางพวกเขาด้วยใบหน้าที่หวาดหวั่นยิ่งนัก!
นี่มันอะไรกัน?
พลังคุกคามของทั้งสองคนที่กำลังวิ่งไปข้างหน้าถึงกับเหือดหายไปในทันที นักยุทธ์ระดับเก้าทางซ้ายะโถามขึ้น “ว่านจื่อิ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
แต่ผู้ที่หนีเปิดเปิงออกมากลับไม่ได้ยินอะไรเลย ดวงตาว่างเปล่า แม้แต่จะหยุดฝีเท้าสักชั่วขณะก็ไม่มี มีเพียงสีหน้าที่หวาดกลัวและดวงตาที่ว่างเปล่า วิ่งผ่านทั้งสองคนไปอย่างบ้าคลั่ง!
“ว่านจื่อิ ว่านจื่อิ!” นักยุทธ์ระดับเก้าหันกลับมาะโเรียกซ้ำๆ หลายครั้ง นักยุทธ์แซ่ว่านไม่มีการตอบสนองใดๆ กลับมาทั้งสิ้น ยิ่งวิ่งออกไปไกลเท่าไหร่ ภาพที่น่าประหลาดนี้ก็ยิ่งทำให้ทั้งสองคนนึกถึงสีหน้าที่หวาดกลัวและดวงตาที่ว่างเปล่าของสหายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ความเย็นะเืพุ่งขึ้นมาในหัวใจของทั้งสอง!
ทั้งสองจึงหยุดเดินหน้าต่อทันที หันมามองหน้ากันเอง ต่างก็มองเห็นความหวาดกลัวในดวงตาของอีกฝ่าย!
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือดจนปกคลุมไปด้วยฝุ่นควันนั้น เกิดเื่น่ากลัวอะไรขึ้นกัน ถึงทำให้ว่านจื่อิหวาดกลัวจนสติแตกเช่นนั้น!
และแล้วทั้งสองก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว มองไปข้างหน้าพร้อมฝุ่นควันที่ค่อยๆ จางลง!
เมื่อฝุ่นควันที่ลอยคละคลุ้งอยู่เต็มไปหมดค่อยๆ จางหาย!
นักยุทธ์ตระกูลหลิ่วทั้งสองที่กำลังหวาดกลัว รวมถึงผู้ชมโดยรอบที่ต่างก็ใจจดใจจ่ออยู่กับเหตุการณ์บริเวณนั้น ก็ค่อยๆ เห็นภาพชัดเจนขึ้น เมื่อละอองฝุ่นควันจางไป สนามรบอันดุเดือดก็ค่อยๆ เผยให้เห็นถึงเค้าความน่ากลัวที่แท้จริง ม้าเกล็ดดำสง่างามหกตัว มีสี่ตัวที่นอนจมกองเืและร้องครวญคราง อีกสองตัววิ่งหนีเตลิดหายไปอย่างไร้ร่องรอย คนคนหนึ่งยืนอย่างสง่างามราวกับเทพเซียน รอบตัวมีศพไร้หัวถึงสามศพ ไม่สิ สามหัวที่หลุดออกจากร่างก็กองอยู่ไม่ไกล และยังมีอีกสองศพที่นอนจมกองเื!
ภาพของชายที่ยืนอยู่คนเดียว สง่างามราวกับเทพเซียน ถือดาบยาวอยู่ท่ามกลางทะเลเืนี้ ให้ความรู้สึกมั่นคงราวกับูเาที่ไม่อาจสั่นคลอน และยังให้กลิ่นอายความเกรี้ยวกราดที่แผ่ซ่านไปทั่วแอ่งเืและูเาซากศพ!
เพียงเหลือบมอง ก็ทำให้หัวใจสั่นสะท้านและจนหัวลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก!
นอกจากจ้าวเหวินจัวกับคนอีกไม่กี่คน ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้ต่างก็ใจนพูดไม่ออก ไม่มีใครที่คาดคิดว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็เช่นนี้!
นักยุทธ์ระดับสูงของตระกูลหลิ่ว ที่เทียบได้กับนักรบอาชาเงาของราชสำนัก ทั้งแข็งแกร่งและดุดัน เข้ารุมล้อมโจมตีเซียวหลิงอวิ๋นซึ่งเป็เพียงนักยุทธ์ระดับหก แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็เด็กหนุ่มตระกูลเซียวได้รับชัยชนะและสังหารไปห้าคน!
ไม่สิ สังหารไปห้าคน ส่วนอีกคนหนึ่งสติแตกเพราะผลลัพธ์ที่น่ากลัวนี้!
หากผลลัพธ์อันน่ากลัวนี้ไม่ได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขา ก็คงไม่มีใครเชื่อว่ามันเป็เื่จริงแน่!
เจิ้งอวิ๋นเผิงรู้สึกขมขื่นในใจ อัจฉริยะ นี่มันอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยาก!
ตระกูลเซียวมีอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยากเช่นนี้ เมื่อไรที่เด็กคนนี้เติบโตขึ้น และเข้าหนุนหลังตระกูลเซียวแม้เพียงเล็กน้อย ไม่นานเกินรอ อาจมีอีกหนึ่งตระกูลอ๋องปรากฏตัวขึ้นในแคว้นมู่อวิ๋นเป็แน่! และหากเด็กคนนี้ตั้งใจจะสนับสนุนให้ตระกูลเซียวให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีกขั้น การเปลี่ยนผ่านราชวงศ์ของแคว้นนี้ก็ถือเป็เื่ง่ายดายยิ่ง!
จ้าวเหวินจัวและชิวเทียนฉี่ยิ้มกว้างเสียจนปากแทบจะฉีกถึงท้ายทอย เ้าเด็กหนุ่มคนนี้แสดงผลงานได้สุดยอดมาก หากพลิกดูประวัติศาสตร์หมื่นปีของอาณาจักรซินโยวแล้ว ไม่ว่าจะในอดีตหรือปัจจุบัน ก็อาจจะไม่มีใครอื่นเทียบเคียงได้อีก!
เ้าเหยี่ยวหัวโล้น ยังอยากจะคิดล้อมสังหารเ้าหนุ่มหลิงอวิ๋นอีกหรือไม่? พวกเราสำนักิญญาเมฆาก่อตั้งมาเป็หมื่นปีแล้ว ถึงจะมีอัจฉริยะที่หาตัวจับยากเช่นนี้สักคน ลำพังนักยุทธ์ตระกูลหลิ่วเพียงไม่กี่คนจะล้อมสังหารเขาได้อย่างไร ในเวลานี้คงจะตะลึงลานอยู่ล่ะสิ!
ตัวหลิ่วอิงที่นั่งอยู่บนหลังม้าสะดุ้งเล็กน้อย ไม่คิดฝันมาก่อนว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็เช่นนี้ ดวงตาคมราวเหยี่ยวของเขาก็จ้องมองไปที่ร่าง ‘สูงใหญ่’ ที่กำลังยืนตระหง่านราวกับูเาอย่างสง่างาม ความรู้สึกทางจิตอันรุนแรงเช่นนี้แผ่กระจายออกไป!
ชั่วขณะต่อมา มุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มอันโเี้ ะโออกมาว่า “หลิ่วเฉิง หวังจัว ตอนนี้เ้าเด็กนั่น...” ในขณะที่กำลังจะสั่งให้นักยุทธ์สองคนที่เหลือไปสังหารเซียวหลิงอวิ๋น!
จู่ๆ เสียงอ่อนแรงข้างกายเขาพลันดังขึ้นมา “ท่านพี่ อย่าเลย เ้าหมอนั่นเป็อัจฉริยะ แม้แต่ข้าก็ยังพ่านแพ้ให้กับเขา! อย่าให้พวกหลิ่วเฉิงไปตายเปล่าเลย!”
ตัวของหลิ่วอิงสั่นสะท้านอีกครั้ง มองไปที่น้องชายแท้ๆ ของตัวเอง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความใและไม่อยากเชื่อ “เสี่ยวิ จะ... เ้าหมายความว่า เ้าเองก็แพ้ให้เด็กคนนั้น ไม่ใช่เ้าเสือตระกูลชิว หรือทั้งสองคนจากตระกูลเจิ้งที่เป็คนจับเ้าได้หรอกหรือ?”
สีหน้าของหลิ่วิแสดงออกถึงความละอายใจ เงยหน้าขึ้นพร้อมดวงตาที่กระจ่างชัด “ไม่ใช่พวกเขาหรอก ข้าสู้กับเ้าเด็กนั่นเพียงคนเดียว ผลลัพธ์คือพ่ายแพ้!”
“เ้าเด็กตระกูลเซียวคนนั้นเก่งกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ? นักยุทธ์ระดับหกคนเดียว กลับจับเป็ผู้ใช้พลังิญญาระดับกลางอย่างเ้าได้?” ดวงตาของหลิ่วอิงเย็นะเืเป็ที่สุด
“ท่านสาม เ้าเด็กคนนั้นแปลกประหลาดเกินไป พลังยุทธ์ของเขาแข็งแกร่งมากจริงๆ ท่ามกลางหมอกหนานั้น แม้ข้าจะระมัดระวังตัวอย่างเต็มที่แล้ว แต่ข้าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา พ่ายแพ้ภายในสามกระบวนดาบเท่านั้น!” หลิ่วอวิ๋นเทาที่อยู่ข้างๆ กล่าวเสริมด้วยความละอายใจเช่นกัน!
“กุบกับๆๆๆ!” เสียงจากเบาๆ ค่อยๆ ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว! “กุบกับ! กุบกับ!” เสียงฝีเท้าของฝูงม้าที่ควบตะบึงเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าชัดเจนขึ้น จากระยะไกลออกไป พร้อมกับฝุ่นควันที่ฟุ้งกระจาย ม้าอีกหลายสิบตัวกำลังควบตรงมายังที่แห่งนี้!
