“ระวัง!”
สีหน้าของมู่เฟิงพลันเปลี่ยนไป เขาพุ่งตัวหามู่ขวงอย่างรวดเร็ว และในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้ขว้างดาบไปทางเสือดาวในทันที
บอลพลังสีดำขนาดเท่ากำปั้นพวยพุ่งออกจากปากของอสูรร้าย และมุ่งตรงมาทางเด็กหนุ่มทั้งสองอย่างฉับพลัน แต่เพราะการเคลื่อนไหวของมู่เฟิงทำให้บอลพลังพุ่งเฉียดผ่านหลังของเขาไป บอลพลังลูกนั้นจึงปะทะเข้ากับต้นไม้ใหญ่ขนาดเท่าต้นขาที่อยู่ด้านหลังของเด็กหนุ่มทั้งสองแทน
ปัง…!
เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว ต้นไม้ต้นนั้นแตกกระจายตามแรงะเิ ด้านหลังของมู่เฟิงปรากฏคราบเืจากรอยแผลที่ถูกบอลพลังนั้นเฉียดผ่าน
ฉัวะ!
แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ดาบที่มู่เฟิงขว้างออกมาก็กระแทกเข้าที่ศีรษะของเสือดาวตัวนั้นเข้าอย่างจัง อีกทั้งส่วนของใบมีดยังเฉือนเข้าที่ดวงตาข้างหนึ่งของมันจนบอดสนิท
“โฮก…!”
เสือดาวตัวนั้นร้องคำรามออกมาอย่างเ็ปและเจ็บแค้น ศีรษะของมันมีเืไหลหยดลงมา อสูรร้ายพลันเหวี่ยงตัวสะบัดไปมาอยู่ที่เดิมอย่างบ้าคลั่ง
มู่เฟิงและมู่ขวงที่ล้มลงบนพื้นรีบลุกขึ้นมาในทันที เวลานี้โอกาสได้มาอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว
“ตอนนี้แหละ!”
มู่เฟิงะโเสียงดัง เด็กหนุ่มดึงกริชสั้นที่ซ่อนอยู่ตรงขาออกมา พร้อมทะยานตัวเข้าหาอสูรร้าย เขาแทงกริชที่ดวงตาอีกข้างของมันเข้าเต็มแรง
ฉึก!
กริชสั้นเจาะเข้าไปในดวงตาพุ่งทะลุถึงกะโหลก อุ้งเท้าของเสือดาวตบสวนออกมาอย่างสะเปะสะปะทว่าก็ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงมหาศาล เป็ผลให้ร่างของมู่เฟิงถูกตบกระเด็นจนล้มคะมำกับพื้น
“จงตายเสีย!”
ในขณะเดียวกัน มู่ขวงได้ง้างดาบขึ้นก่อนจะกระโจนร่างเข้ามา เด็กหนุ่มแทงดาบลงไปบนแผ่นหลังของเสือดาวอย่างดุดัน
ฉึก!
เสือดาวตัวนั้นสูญเสียการมองเห็นทั้งสองข้างไปแล้ว มาคราวนี้มันยังถูกดาบเล่มยาวแทงเข้าที่กลางหลังอีก าแนี้รุนแรงมากเสียจนเกือบจะปลิดชีวิตของมันได้ในทันที กระดูกสันหลังของมันแตกหัก ส่งผลให้มันไม่อาจทรงตัวได้อีกต่อไป
“โฮก...!”
เสือดาวร้องคร่ำครวญออกมาอย่างเ็ป ขาทั้งสี่ข้างของมันกำลังกระตุก เืจำนวนมากไหลทะลักออกมาจากปาก จนท้ายที่สุดก็สิ้นชีวิตลง
“แค่ก แค่ก...”
มู่เฟิงหยัดกายลุกขึ้นจากพื้น ก่อนจะถุยเอาเสมหะที่ปนกับเืออกมาสองครั้ง มู่ขวงยังคงนั่งอยู่บนพื้นพร้อมอาการหอบหายใจอย่างหนัก
อาการปวดแสบปวดร้อนบริเวณแผ่นหลังจากการโดนบอลพลังเฉียดผ่านในตอนนั้นไม่เป็อะไรมากแล้ว แต่าแบริเวณทรวงอกของมู่ขวงยังคงมีอาการเจ็บเสียดอยู่ คาดว่ากรงเล็บก่อนหน้านี้ของเ้าอสูรร้ายอาจจะทำให้กระดูกของเขาแตกหักแล้ว
“พี่เฟิง ท่านไม่เป็อะไรใช่หรือไม่”
มู่ขวงเอ่ยถามขึ้นด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ
“ข้าไม่เป็อะไร แล้วเ้าล่ะ าเ็หรือไม่”
“ข้าไม่เป็อะไรแล้ว ให้ตายเถอะ อสูรร้ายตัวนี้ช่างทรงพลังเสียจริง หากไม่ได้ท่าน ข้าเพียงคนเดียวคงยากที่จะสามารถจัดการกับมันได้”
มู่ขวงมองไปยังร่างไร้ิญญาของเสือดาวตัวนั้นด้วยแววตาขลาดกลัว
บนผิวกายของเสือดาวมีออร่าพลังปราณสีดำกำลังแผ่ออกมา นั่นคือพลังงานภายในร่างกายที่จะถูกปลดปล่อยหลังจากที่มันวายชีพ
“เฮ้อ เหตุการณ์เมื่อครู่นี้อันตรายมาก แต่ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากเช่นกัน เ้าอสูรร้ายตัวนี้คงสามารถขายได้ในราคาหลายร้อยเหรียญตำลึงทองเลยทีเดียว”
มู่เฟิงหัวเราะร่า จากนั้นเขาได้เดินไปหยิบกริชที่ยังคงฝังอยู่ในดวงตาของอสูรร้ายออกมา ก่อนจะจัดการผ่าเปิดกะโหลกของมัน
จากการผ่าหัวกะโหลกของเสือดาว ทำให้เขาได้พบหินผลึกสีดำก้อนกลมขนาดเท่าหัวแม่มือ
“ผลึกอสูร ฮ่าๆ ช่างโชคดีนัก นึกไม่ถึงว่าภายในร่างของอสูรร้ายระดับจื่อฝู่จะมีผลึกอสูรอยู่ด้วย”
มู่เฟิงหัวเราะร่าอีกครั้ง
ผลึกอสูรนั้นเกิดจากการสะสมของพลังงานภายในร่างของสัตว์ โดยในนั้นยังแฝงไว้ด้วยพลังปราณ ผู้ฝึกยุทธ์สามารถใช้มันเพื่อดูดซับพลังได้ เพียงแต่ภายในผลึกอสูรนั้นจะมีพลังอื่นเจือปนอยู่มาก ดังนั้นพลังปราณที่ได้รับจากผลึกอสูรจึงไม่ใช่พลังปราณบริสุทธิ์ และไม่อาจใช้ผลึกอสูรนี้ฝึกฝนได้นานนัก นอกจากนี้ยังสามารถมอบของสิ่งนี้ให้กับนักปรุงยาเพื่อทำการหลอมยา หรือมอบให้ช่างหลอมอาวุธเพื่อทำการสร้างอาวุธออกมาได้อีกด้วย เห็นได้ชัดว่าผลึกอสูรนี้มีประโยชน์มากมายนัก
สำหรับผลึกอสูรระดับจื่อฝู่ขนาดเล็กชิ้นนี้คาดว่าน่าจะมีมูลค่ามากถึงหนึ่งพันเหรียญตำลึงทอง
แน่นอนว่าเหรียญตำลึงทองหนึ่งพันตำลึงถือเป็ความมั่งคั่งสำหรับพวกเขาสองคนในตอนนี้
“เสี่ยวขวง ผลึกอสูรนี้ข้ามอบให้เ้า เ้าไม่สามารถดูดซับพลังเืเพื่อเปลี่ยนเป็พลังปราณได้ เช่นนั้นเ้าก็ใช่ผลึกอสูรนี้เถอะ บางทีมันอาจจะสามารถช่วยให้วรยุทธ์ของเ้าทะลวงสู่ระดับจื่อฝู่ได้”
มู่เฟิงมอบผลึกอสูรให้กับมู่ขวง
“พี่เฟิง แล้วท่านล่ะ อสูรร้ายตัวนี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็ท่านที่ออกแรงสังหาร ข้าไม่้ามันหรอก”
มู่ขวงส่ายหน้า
“เฮ้ เราสองคนอย่างไรก็ถือเป็พี่น้อง สิ่งของเหล่านี้ย่อมสามารถแบ่งปันกันได้ นอกจากนี้ข้าใช้เพียงร่างของเสือดาวก็พอแล้ว ในระหว่างนี้เ้าก็ช่วยคุ้มกันข้าไปก่อนแล้วกัน ข้าจะทำการดูดซับพลังเืจากร่างของมัน”
มู่เฟิงยัดผลึกอสูรใส่ในมือของมู่ขวง จากนั้นเด็กหนุ่มก็เดินกลับไปนั่งขัดสมาธิลงที่ด้านข้างร่างของเสือดาว เขาเหยียดมือออกมาวางลงบนร่างไร้ิญญา ก่อนจะส่งพลังปราณเข้าสู่ร่างของมัน ส่งผลให้เืภายในร่างกายของอสูรร้ายพลันเดือดพล่านขึ้นมาทันที จากนั้นพลังเืก็หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว
มู่ขวงนั้นไม่ได้อิดออดอะไรอีก เขารับเอาผลึกอสูรมาด้วยความตื้นตันใจ จากนั้นเด็กหนุ่มได้ถือดาบและคอยปกป้องมู่เฟิงอยู่ข้างกาย
ในขณะเดียวกัน เด็กหนุ่มก็กำลังรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อครู่ในระหว่างที่เขากำลังต่อสู้ปลุกปล้ำกับเสือดาว เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากนัก
มู่ขวงเดินมายังต้นไม้โบราณต้นหนาทึบที่อยู่ด้านข้าง เขาสูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะรวบรวมพลังปราณไว้ที่ฝ่ามือ จากนั้นเขาก็กำหมัดและชกไปยังต้นไม้โบราณด้วยแรงทั้งหมดที่มี
เปรี้ยง...!
ครืน ครืน ครืน...!
เสียงกระแทกดังสนั่น ต้นไม้โบราณขนาดใหญ่ส่งเสียงสั่นะเืดังออกมาไม่หยุด ส่วนบริเวณที่โดนหมัดเข้าไปโดยตรงได้กลายเป็หลุมลึก โดยมีความกว้างเท่าปากชามขนาดใหญ่ และลึกลงไปหนึ่งฟุต
“เยี่ยมเลย หมัดที่ใส่พลังเข้าไปอย่างเต็มกำลังนี้มีน้ำหนักถึงสองพันจิน*! มากกว่าก่อนหน้านี้ถึงสองร้อยจิน**!”
(*หนึ่งพันกิโลกรัม **หนึ่งร้อยกิโลกรัม)
มู่ขวงพึมพำกับตัวเองอย่างประหลาดใจ ก่อนหน้านี้วรยุทธ์ระดับทงม่ายขั้นเก้าของเขานั้นสามารถะเิพลังหมัดออกมาได้เพียงหนึ่งพันแปดร้อยจิน*เท่านั้น แต่เวลานี้คาดว่าจะอยู่ที่สองพันจินเลยทีเดียว
(*เก้าร้อยกิโลกรัม)
“หรือนี้คือผลลัพธ์ของเคล็ดวิชาการฝึกกายาตามที่พี่เฟิงพูดถึงก่อนหน้านี้?”
มู่ขวงครุ่นคิดกับตัวเอง จากนั้นดวงตาของเขาก็พลันเปล่งประกายขึ้นมาทันทีราวกับว่าค้นพบคำตอบแล้ว และด้วยผลลัพธ์นี้ทำให้เขายิ่งรู้สึกมีความมั่นใจที่จะฝึกฝนร่างกายตามวิชาผลาญโลหิตหลอมกายา
พลังเืภายในร่างของอสูรร้ายระดับจื่อฝู่นั้นมีมากกว่าสัตว์อสูร นอกจากนี้ภายในร่างกายของมันยังมีแก่นโลหิตถึงห้าหยด และแก่นโลหิตเหล่านี้ยังเปี่ยมล้นไปด้วยพลัง
ไม่ว่าจะเป็สิ่งมีชีวิตประเภทใด ภายในร่างกายล้วนมีแก่นโลหิตอย่างน้อยหนึ่งหยด และโดยปกติแล้วจะมีมากสุดถึงเก้าหยด โดยแต่ละหยดนั้นจะมีปริมาณพลังที่เท่ากัน แต่หากสิ่งมีชีวิตนั้นมีระดับวรยุทธ์ที่ต่างกัน ปริมาณพลังที่บรรจุอยู่ภายในก็ย่อมแตกต่างด้วยเช่นกัน
ยกตัวอย่างเช่นผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกัง แก่นโลหิตเพียงหนึ่งหยดของเขาย่อมมีพลังมากกว่าแก่นโลหิตทั้งหมดของผู้ฝึกยุทธ์ระดับทงม่ายขั้นเก้า
แก่นโลหิตนั้นมีพลังบริสุทธิ์ที่เข้มข้น นับเป็แก่นของชีวิตที่มีความสำคัญอย่างมาก หากผู้ฝึกยุทธ์สูญเสียแก่นโลหิตไปและไม่สามารถเพิ่มกลับคืนมาได้ วรยุทธ์ของคนผู้นั้นย่อมจะถดถอย รวมถึงพลังชีวิตด้วย เป็ผลให้คนผู้นั้นเสียชีวิตได้เร็วขึ้น
ด้วยวรยุทธ์ของมู่เฟิงในตอนนี้ ภายในร่างกายของเขามีแก่นโลหิตทั้งหมดสามหยด นั่นเป็เพราะเขาฝึกเคล็ดวิชาชูร่า โดยปกติแล้วภายในร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์ระดับทงม่ายขั้นเก้าเท่านั้นถึงจะสามารถบ่มเพาะแก่นโลหิตออกมาได้สามหยด
โดยทั่วไปแล้ว มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนิงกังเท่านั้นที่จะสามารถบ่มเพาะแก่นโลหิตออกมาได้เก้าหยด
มู่เฟิงได้ทำการเปลี่ยนแก่นโลหิตทั้งห้าหยดให้กลายเป็พลังเื และดูดซับพลังของมันเข้าสู่ร่างกาย ส่งผลให้เส้นลมปราณในจุดที่เจ็ดได้รับการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจนน่าใ
หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม จนเวลาล่วงเลยมาถึงกลางดึก ในที่สุดร่างของเสือดาวก็พลันแห้งเหี่ยวจนหนังหุ้มติดกระดูก
มู่เฟิงลืมตาขึ้น ั์ตาของเขาทอประกายสีแดงคล้ายสีของโลหิตก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มยกยิ้มออกมาด้วยความพอใจ
“พี่เฟิง ท่านฝึกเสร็จแล้วรึ”
มู่ขวงเดินเข้ามาด้วยยิ้ม
“อืม!”
มู่เฟิงพยักหน้า เวลานี้เส้นลมปราณในจุดที่เจ็ดของเขาได้ฟื้นคืนกลับมาอย่างสมบูรณ์แล้ว นอกจากนี้เส้นลมปราณในจุดที่แปดยังได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาถึงครึ่งหนึ่งแล้วอีกด้วย
เด็กหนุ่มคิดว่าหากเขาสามารถล่าอสูรร้ายระดับจื่อฝู่ได้อีกสองตัว เส้นลมปราณในจุดที่เก้าของเขาย่อมฟื้นคืนกลับมาได้อย่างสมบูรณ์แน่นอน
การที่เด็กหนุ่มสามารถฟื้นตัวจากการสูญเสียวรยุทธ์จนกลับมามีวรยุทธ์ระดับทงม่ายขั้นเจ็ดได้ในระยะเวลาอันสั้น เกรงว่าความเร็วในการฝึกของเขาคงไม่เป็สองรองใคร
เคล็ดวิชาชูร่าที่ยอดเยี่ยมจนเหนือกฎ์จะทำให้เขาสามารถกลับขึ้นมายืนหยัดและไปถึงจุดสูงสุดได้แน่!