โรงงานผลิตอาหารเป็โรงงานเล็ก ๆ มีพนักงานไม่ถึงร้อยคน หลังจากปฏิรูปเปิดประเทศแล้ว กำไรก็ลดลงทุกวัน ๆ
ดังนั้นโรงงานจึงไม่มีรถยนต์ประจำตำแหน่งสำหรับผู้จัดการ มีเพียงรถมินิแวนที่ผู้จัดการและรองผู้จัดการทั้งสามคนใช้ร่วมกันคันเดียว
ผู้จัดการโรงงานสวี่ยืมรถมินิแวนคันนั้นมา เมื่ออุ้มสวี่เยว่ขึ้นรถแล้วกู่ซิ่วกับสวี่ฮุ่ยก็ตามไปโรงพยาบาลอำเภอด้วย
ตลอดทาง สวี่เยว่ยังไม่ได้สติ หายใจหอบกระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าก็แสดงออกถึงความเ็ป
กู่ซิ่วกับสวี่ต้าซานต่างตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก โดยเฉพาะกู่ซิ่ว ร้องไห้จนน้ำตาท่วม พลางเรียกชื่อสวี่เยว่ไม่หยุด
ส่วนสวี่ฮุ่ยก็แสร้งเป็ห่วงสวี่เยว่เช่นกัน
ใคร ๆ ก็ทำตัวเป็ดอกบัวขาว[1]ได้ทั้งนั้นแหละ
จากความรู้ทางการแพทย์ของเธอ เธอรู้ว่าตอนนี้ควรทำ CPR ให้สวี่เยว่ ไม่อย่างนั้นสวี่เยว่อาจจะเสียชีวิตกะทันหันได้
แต่เธอไม่มีทางบอกเื่นี้กับพ่อแม่ และจะไม่ทำ CPR ให้สวี่เยว่เด็ดขาด
เธอไม่ทำร้ายสวี่เยว่ก็ดีแค่ไหนแล้ว จะให้ช่วยชีวิตอีกเหรอ?
ยังไม่ทันถึงโรงพยาบาลอำเภอ สวี่เยว่ก็คอพับ เหมือนหัวใจหยุดเต้น
สวี่ฮุ่ยรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย สวี่เยว่จะตายแบบนี้เหรอ ไม่เลวเลย!
ทว่าพอถึงโรงพยาบาล หลังจากกู้ชีพอย่างเร่งด่วน สวี่เยว่ก็ฟื้นขึ้นมาและถูกส่งตัวเข้าห้องพักผู้ป่วย
สวี่ฮุ่ยผิดหวังที่สุด
ทันทีที่สวี่เยว่ฟื้น กู่ซิ่วก็แจ้งข่าวไปยังบ้านเดิมเธอ
ไม่นาน บ้านกู่ก็ถือผลไม้และของบำรุงต่าง ๆ วิ่งตะลีตะลานมาพร้อมกับครอบครัวของกู่เจี้ยนกั๋ว
กู่เจี้ยนกั๋วมีลูกชายสองคนและลูกสาวหนึ่งคน จึงรักและตามใจกู่ซานซานลูกสาวคนเดียวมาก ทำให้กู่ซานซานเป็เด็กดื้อเอาแต่ใจตัวเอง
กู่ซานซานเติบโตมากับสวี่เยว่ ทั้งสองคนเลยสนิทกันมาก
เมื่อกู่ซานซานเห็นสวี่เยว่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ในสภาพร่อแร่ ก็หันไปต่อว่าสวี่ฮุ่ยทันที “เยว่เยว่ล้มป่วยหนักแบบนี้ เพราะเธอใช่ไหม?”
กู่ซิ่วรู้สึกสะใจในใจ
ในที่สุดก็มีคนช่วยเธอระบายความแค้นสักที
สวี่ฮุ่ยทำเหมือนไม่เห็นท่าทางเป็ปรปักษ์ของกู่ซานซาน ส่ายหัวอย่างใสซื่อ “เปล่านะ เป็…”
รูปร่างหน้าตาของกู่ซานซานถอดแบบมาจากกู่ซิ่ว ถือว่าสวย แต่โครงร่างใหญ่ไปหน่อย เหมือนเป็พี่น้องฝาแฝดกับสวี่เยว่มากกว่า
กู่ซานซานไม่รอให้สวี่ฮุ่ยพูดจบ ก็ถลึงตา ขัดจังหวะเธอด้วยท่าทางดุร้าย “ไม่ใช่เธอแล้วจะเป็ใคร? ทุกครั้งที่เยว่เยว่กลับมาจากบ้าน เธอก็จะร้องไห้ฟ้องพวกเราว่าโดนเธอรังแกตลอด เธอยังไม่ยอมรับอีก!”
กู่ซานซานเห็นสวี่เยว่บนเตียงคนไข้ส่งสายตาให้เธอไม่หยุด จึงปลอบว่า “ไม่ต้องกลัว พวกเราอยู่ข้างเธอตั้งเยอะ”
สวี่เยว่หลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง มีเพื่อนร่วมทีมแบบนี้ไม่มียังดีเสียกว่า
สวี่ฮุ่ยถามกู่ซิ่วด้วยน้ำเสียงเ็า “แม่ หนูเคยแกล้งเยว่เยว่เหรอคะ?”
กู่ซิ่วอยากตอบว่าใช่ แต่สวี่ต้าซานอยู่ข้าง ๆ เธอไม่กล้าบิดเบือนความจริง
กู่ซิ่วดูนาฬิกาแล้วพูดอย่างหงุดหงิด “เอาล่ะ ดึกแล้ว แกกลับไปเฝ้าบ้านซะ พรุ่งนี้เอาเสื้อผ้ากับของใช้ในห้องน้ำของเราสามคนมาส่งด้วย”
สวี่ฮุ่ยหันไปถามสวี่ต้าซานซ้ำ “พ่อ หนูแกล้งเยว่เยว่หรือเปล่าคะ?”
กู่ซิ่วพูดอย่างโมโห “น้องแกป่วยหนักแบบนี้ แกยังไม่ยอมเลิกราเื่เล็ก ๆ น้อย ๆ อีก! รีบกลับบ้านไป!”
สวี่ฮุ่ยทำหน้าเครียด “ถ้าพ่อกับแม่ไม่ยอมตอบ หนูก็จะไม่ไป! แม่คิดว่ามันเป็เื่เล็กน้อย เพราะแม่ไม่ได้โดนเล็งเป้าใส่นี่!”
ลูกสาวคนเล็กเพิ่งฟื้นขึ้นมา สวี่ต้าซานไม่อยากให้ส่งผลกระทบต่ออาการป่วยของเธอ จึงพูดเสียงต่ำว่า “เอาล่ะ พ่อจะให้ความเป็ธรรมกับลูกทีหลัง”
คำพูดนี้เท่ากับยอมรับโดยปริยายว่าสวี่ฮุ่ยไม่ได้รังแกสวี่เยว่
“พ่อต้องรักษาคำพูดนะคะ”
หลังจากสวี่ฮุ่ยจากไป พ่อแม่ของกู่ซิ่วค่อยถามกู่ซิ่วถึงสาเหตุที่สวี่เยว่ป่วย
กู่ซิ่วไม่กล้าพูดความจริง และไม่กล้าโกหก จึงบ่ายเบี่ยงไปเรื่อย
ตกกลางคืน สวี่ฮุ่ยก็ยังคงไปตกปลาไหล นำไปขายให้คุณลุงจางวันรุ่งขึ้นตามเดิม
เห็นลูกค้าคนหนึ่งในร้านของคุณลุงจางกำลังอ่านหนังสือพิมพ์ไปพลางกินก๋วยเตี๋ยวไปพลาง
สวี่ฮุ่ยเหลือบมองตอนเดินผ่าน เห็นพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งว่า ‘ผู้ต้องสงสัยหลักสองรายในคดีฆ่าชิงทรัพย์ที่เมืองผิงติ่งซานถูกจับกุมแล้ว’
นี่ไม่ได้หมายถึงร้ายหลบหนีสองคนนั้นเหรอ?
พวกเขาหนีมาจากเมืองผิงติ่งซานนี่
สวี่ฮุ่ยเลยไปซื้อหนังสือพิมพ์ที่แผงหนังสือแล้วอ่านข่าวนี้ทั้งหมด
ข่าวเล่ารายละเอียดกระบวนการจับกุมชายมีปานเมื่อวานนี้
แน่นอนว่าได้กล่าวถึงเหตุการณ์สำคัญที่สวี่เยว่ยืมมือฆ่าคน ล่อให้ชายมีปานจับตัวสวี่ฮุ่ยด้วย
สวี่ฮุ่ยยิ้มบาง
สวี่เยว่ได้ลงหนังสือพิมพ์ ดังใหญ่แล้ว ดีจัง ดังในทางไม่ดีก็ยังถือว่าดังนะ
ต้องให้สวี่เยว่รู้เื่นี้ เธอจะต้องตื่นเต้นจนอาการป่วยที่เพิ่งทรงตัวกำเริบขึ้นมาอีกครั้งแน่
ผู้ป่วยโรคหัวใจ ทุกครั้งที่อาการกำเริบ โรคก็จะรุนแรงขึ้น ใกล้ความตายมากขึ้น เว้นแต่จะได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจทันเวลา
แม้ว่าในยุคนี้ โรงพยาบาลกั๋วเสียที่ปักกิ่งจะสามารถผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจได้แล้ว แต่ค่าใช้จ่ายสูงเกินเอื้อม ไม่ต่ำกว่าห้าหมื่นถึงหกหมื่นหยวน
ที่บ้านไม่มีเงินมากขนาดนั้น สวี่เยว่ก็ได้แต่รอความตาย
มุมปากของสวี่ฮุ่ยแฝงรอยยิ้มร้ายกาจ
ผู้ร้ายหลบหนีสองคนถูกจับแล้ว เธอสามารถไปรับรางวัลนำจับ และถามด้วยว่าทำไมสวี่เยว่ถึงถูกปล่อยตัว
สวี่ฮุ่ยเพิ่งเดินมาถึงหน้าประตูห้องพักผู้ป่วย ก็ได้ยินเสียงของกู่ซานซานดังมาจากข้างใน “เยว่เยว่ ‘สวี่เยว่’ ที่ยืมมือฆ่าคนในหนังสือพิมพ์นี่คือเธอใช่ไหม?”
สวี่ฮุ่ยนึกในใจ เธอลืมไปได้ยังไงว่าคุณตากู่ติดนิสัยอ่านหนังสือพิมพ์ทุกเช้า
กู่ซานซานจะไปอยู่บ้านคุณตากู่ทุกครั้งที่ปิดเทอม เพื่อเพิ่มพูนความรู้ทางวรรณกรรมของเธอ คุณตากู่จึงให้เธออ่านหนังสือพิมพ์ทุกเช้า ข่าวใหญ่ขนาดนี้กู่ซานซานไม่มีทางไม่เห็นแน่
กู่ซานซานไม่มีสมอง แถมยังปากสว่าง มีเธออยู่ จะมีข่าวอะไรไม่ถึงหูสวี่เยว่บ้างล่ะ?
งั้นก็ยกโอกาสกระตุ้นอาการสวี่เยว่ให้กู่ซานซานเลยแล้วกัน เธอจะไม่ทำตัวเป็คนเลวแล้ว
สวี่ฮุ่ยเก็บหนังสือพิมพ์ที่ซื้อมาเพื่อกระตุ้นสวี่เยว่ไว้ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย
บทสนทนาของสวี่เยว่กับกู่ซานซานหยุดชะงักและหันมาจ้องมองสวี่ฮุ่ยด้วยความไม่เป็มิตรปนระแวง
สวี่ฮุ่ยมองไปรอบ ๆ ห้องพักผู้ป่วย เห็นเพียงกู่ซานซานที่นั่งอยู่ข้างเตียงของสวี่เยว่ เธอจึงเข้าใจว่าข่าวนี้ทำให้คุณตากู่อับอายขายหน้า
คุณตากู่สอนหนังสือและอบรมสั่งสอนเด็กตลอดทั้งชีวิต แต่กลับเลี้ยงดูหลานสาวที่ใจคอโเี้แบบนี้ คงโกรธแทบทนไม่ไหว แล้วจะกล้ามาเยี่ยมสวี่เยว่ได้ยังไง!
สวี่ฮุ่ยวางของที่กู่ซิ่วให้เธอนำมาไว้เมื่อวานนี้ ภายใต้สายตาโกรธแค้นชิงชังของสวี่เยว่กับกู่ซานซาน แล้วเดินออกไป
พอออกจากห้องพักผู้ป่วย ก็เจอกับสวี่ต้าซานที่ซื้ออาหารเช้ากลับมาพอดี สวี่ฮุ่ยร้องทัก “พ่อคะ”
สวี่ต้าซานเห็นเธอ ก็แบ่งปาท่องโก๋ให้เธอกินสองชิ้นอย่างเอ็นดู
ครั้งสุดท้ายที่สวี่ฮุ่ยกินปาท่องโก๋คือเมื่อสองปีก่อน จ้าวชิงชิงเพื่อนสนิทของเธอใช้เงินเก็บซื้อปาท่องโก๋มาหนึ่งชิ้น แบ่งกันกินสองคน
ตอนนั้นทั้งสองคนกินอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุขมาก
สวี่ฮุ่ยกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบปาท่องโก๋ กู่ซิ่วก็ที่ไปแปรงฟันล้างหน้าที่ห้องน้ำสาธารณะก็กำลังเดินกลับมาที่ห้องพักผู้ป่วยพอดี
เห็นภาพนี้เข้า กู่ซิ่วก็พูดอย่างไม่พอใจ “ฮุ่ยฮุ่ยขายปลาไหล ไม่ได้ไม่มีเงินติดตัว คุณยังกลัวเธอไม่มีของดี ๆ กินอีกเหรอ?”
สวี่ฮุ่ยหดมือกลับ แล้วเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร
สวี่ต้าซานโกรธจนจ้องกู่ซิ่วตาเขม็ง
ถ้าไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาล เขาคงด่ากู่ซิ่วไปแล้ว
ก่อนหน้านี้กู่ซิ่วก็หลอกเขาว่าที่สวี่เยว่ถูกตำรวจพาตัวไปเป็เพราะสวี่ฮุ่ยเจตนาร้าย
ระหว่างลูกสาวสองคน ใครกันแน่ที่มีเจตนาร้าย!
ตอนนี้เขาแค่แบ่งปาท่องโก๋ให้สวี่ฮุ่ยกินสองชิ้น กู่ซิ่วก็ขัดขวาง เหมือนแม่เลี้ยงไม่มีผิด!
สวี่ฮุ่ยยังเดินไปได้ไม่ไกล ชายคนหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วยที่อยู่ข้าง ๆ จากนั้นก็ส่งเกี๊ยวจีกวน[2] ที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ สองชิ้นให้เธอ “กินสิ”
สวี่ฮุ่ยเงยหน้าขึ้นมอง เห็นว่าเป็ลู่ฉี่เสียน เธอทั้งใและดีใจ รับเกี๊ยวจีกวนสองชิ้นนั้นมาด้วยความเขินอาย พลางกล่าวขอบคุณ จากนั้นจึงถามว่า “คุณมาทำอะไรที่นี่คะ?”
“ก็มาเยี่ยมคนไข้ไง” ชายหนุ่มพยักหน้าให้เธอ แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ในห้องพักผู้ป่วยที่เขาเพิ่งเดินออกมา มีเด็กหนุ่มอายุยี่สิบกว่าคนหนึ่งยื่นหน้าออกมาสังเกตสวี่ฮุ่ย
สวี่ฮุ่ยก็หันไปมองเขาเช่นกัน เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาทีเดียว แต่เกี่ยวอะไรกับเธอ
เธอเบนสายตาไปที่แผ่นหลังของลู่ฉี่เสียน
ผู้ชายในโลกนี้มีตั้งมากมาย แต่ไม่มีใครหล่อเทียบเท่าผู้มีพระคุณของเธอสักคน
กู่ซิ่วได้ยินบทสนทนาของสวี่ฮุ่ยกับชายหนุ่มข้างหลัง หันไปเห็นแผ่นหลังของลู่ฉี่เสียนที่เดินจากไป รูปร่างสูงสง่า
ใบหน้าที่ได้รับการดูแลอย่างดีของเธอก็เปลี่ยนสีทันที พลางพึมพำเบา ๆ ว่า “เด็กหน้าไม่อาย ชอบอ่อยผู้ชายไปทั่ว”
แม่แบบไหนพูดกับลูกสาวตัวเองแบบนี้กัน!
สวี่ต้าซานได้ยินเช่นนั้น ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป กำลังจะโกรธ
ก็เห็นกู่ซานซานวิ่งลนลานออกมาจากห้องพักผู้ป่วย และะโเสียงดังใส่สองสามีภรรยาสวี่ด้วยความใกลัวว่า “คุณอาคะ เยว่เยว่เป็ลมค่ะ!”
กู่ซิ่วรีบถาม “ทำไมเยว่เยว่เป็ลมอีกแล้วล่ะ?”
ตอนนั้นสวี่ฮุ่ยกำลังลังเลว่าจะตามลู่ฉี่เสียนไปด้วยดีไหม
พอได้ยินเสียงพูดคุยด้านหลัง เธอหยุดเดินชั่วครู่ ได้ยินกู่ซานซานพูดตะกุกตะกักว่า “เยว่เยว่…อ่านหนังสือพิมพ์ แล้ว…แล้วก็เป็ลมไปค่ะ”
แค่ชั่วแวบเดียว ลู่ฉี่เสียนก็เดินหายไปแล้ว
[1] ดอกบัวขาว เป็คำแสลง หมายถึงคนที่ดูบริสุทธิ์ ใสซื่อ แต่จริงๆ แล้วอาจมีความคิดหรือการกระทำที่ไม่ดีแอบแฝง
[2] เกี๊ยวจีกวน หมายถึง อาหารว่างขึ้นชื่อของเมืองอู๋ฮั่น มณฑลหูเป่ย ทำจากวัตถุดิบหลักคือแป้ง มีหน้าตาคล้ายหงอนไก่ (จีกวน) ตามชื่อ รสชาติอร่อย กรอกนอกนุ่มใน