สำหรับเผ่ามนุษย์แล้ว ศพของผู้แข็งแกร่งที่ล่วงลับไปแล้วคือของศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาจะฝังมันไว้อย่างดีหรือไม่ก็เก็บรักษาเอาไว้อย่างดีด้วยวิธีการอย่างอื่น จำพวกเอาศพและโครงกระดูกมาสร้างเป็อย่างอื่นนั้น เป็ความชั่วช้าที่มนุษย์ไม่อาจยอมรับได้ คือความเ็ปและโฉดชั่วที่บาดลึกไปยันจิตใจ
แต่สำหรับเผ่าปีศาจแดนหิมะนั้น ทุกอย่างกลับตาลปัตร
ใช้โครงกระดูกของศพแม่ทัพที่ล่วงลับไปแล้วมาสร้างเป็ศาสตราวุธและเรือรบ นี่ต่างหากคือรูปแบบแสดงความนับถือและยกย่องคนรุ่นก่อน
กระทั่งมหาปีศาจยังวาดหวังไว้ว่าหากตนตายไปเมื่อใด กายเนื้อตัวเองจะสามารถเป็ประโยชน์กับเผ่าพันธุ์ เป็คุณงามความดีอุทิศให้เผ่าพันธุ์คงอยู่ต่อไป
นับั้แ่โบราณกาล เผ่าปีศาจคิดว่าตนนั้นเป็สิ่งมีชีวิตที่แบกรับปณิธานอันยิ่งใหญ่ของใต้หล้าเอาไว้ เมื่อตายไปแล้วจะกลับคืนสู่สรวง์ เฉิดฉายไปเก้าทิวา และโครงกระดูกกลับสู่ผืนแผ่นดิน กลายเป็แร่ธาตุใต้พิภพ แม่น้ำและภูผา สร้างเป็เรือรบและศาสตราวุธของเผ่าพันธุ์ ไม่ว่าจะมองจากมุมใดล้วนคือส่วนหนึ่งของการกลับคืนสู่ผืนแผ่นดินทั้งสิ้น ทำคุณแก่เผ่าพันธุ์แม้ยามจากไปแล้ว นี่ต่างหากคือเกียรติยศที่แท้จริง
เหมือนเรือรบอินทรีั์ลำนี้ คุณภาพสูงมาก แน่นอนว่าต้องเป็หน่วยรบขั้นสูงของกองพลสู่ทักษิณแห่งเผ่าปีศาจ
วินาทีที่เห็นเรือรบอินทรีั์สองลำนั้น หลิวจงหยวนก็หน้าเปลี่ยนสี
เรือรบกำลังหลักของเผ่าปีศาจ มาปรากฏอยู่ที่นี่จริงหรทอ?
หรือว่าเผ่าปีศาจจะวางกำลังป้องกันไว้เรียบร้อยแล้ว?
ไม่ใช่ว่าเผ่าปีศาจกำลังอลหม่านหรอกหรือ?
ทำไมถึงโต้ตอบได้เร็วขนาดนี้กันเล่า?
เหล่าทหารบนแผงเกราะมีสีหน้าไม่ต่างกัน
เรือเหาะอักขระที่พวกเขาตั้งมั่นอยู่นั้นผ่านการเปลี่ยนแบบมาแล้ว ความเร็วและพลังป้องกันแข็งแกร่งนัก ทว่าพลังโจมตีไม่สู้ดีนัก เพื่ออำนวยความสะดวกให้การตรวจตราและหลบซ่อน เรือลำที่เลือกจึงเป็เรือขนาดกลางไว้สอดแนมโดยเฉพาะเท่านั้น มิใช่เรือรบกำลังหลักของกองทัพโยวเยี่ยนแต่อย่างใด อีกทั้งเมื่ออยู่ต่อหน้าเรือรบอินทรีั์นี้แล้ว มันเป็เรือรบกำลังหลักของเผ่าปีศาจ แค่ลำเดียวก็ว่ายากแล้ว หากเพิ่มเป็สองลำ นั่นเท่ากับว่าไม่เหลือโอกาสเอาชนะ กระทั่งจะหนียังหนีไม่พ้นเลย
บัดนี้เองที่ความกล้าหาญและคุณสมบัติแห่งทหารผู้ขึ้นชื่อว่าเป็เอกที่สุดของอาณาจักรอย่างกองทัพโยวเยี่ยนได้เปิดเผยออกมา
แม้ในยามสิ้นหวัง เหล่าทหารกล้าก็ไม่ล้มครืน
พวกเขาหยิบผืนผ้าสีแดงออกมาจากอก พันไว้รอบศีรษะ
ผ้าโพกหัวสีแดงเป็เส้นริ้ว ปลิดปลิวรับลมแรงหนาวะเืกลางเวหาของเผ่าปีศาจ ราวกับเปลวเพลิงอันเร่าร้อน
ทหารทุกนายแห่งกองทัพโยวเยี่ยนล้วนเชื่อมั่น หากสู้จนตัวตายในอาณาเขตเผ่าปีศาจ ตายในบ้านของเผ่าแปลกหน้า ขอแค่ความทระนงยังคงอยู่ เกียรติยศไม่ลาหาย ต่อให้ร่างกายจะเน่าเปี่อย ต่อให้เืเนื้อกลายเป็อาหารของพวกปีศาจ ผืนผ้าแดงฉานนี้จะยังคงนำพาพวกเขากลับบ้านในปรโลก ยังคงพาิญญาพวกเขาที่ตายในศึกกลับบ้านเกิด กลายเป็ดวงดาววับวาวบนท้องฟ้า ปกป้องคนที่พวกเขารักเช่นดังเดิม
เมื่อเข้าสู่สถานการณ์จวนตัว เหล่าทหารจะพันผ้านี้ไว้
ด้านหนึ่งก็เพื่อให้ิญญาได้หวนคืนบ้าน อีกด้านหนึ่งก็เพื่อลงเรือลำเดียวกัน ให้กำลังใจเพื่อนพ้องร่วมศึก ว่าจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่จนตาย
ผ้าแดงโบกพลิ้ว
นี่คือกุญแจชีวิตของทหารทุกนาย
กระทั่งหลิวจงหยวนยังพันผ้าแดงนี้ไว้รอบศีรษะ
เมื่อมาถึงยามนี้ ถ้อยคำปลุกเร้าความกล้าใดๆ ก็ตามล้วนไร้ค่าและจืดจาง
หากความมอดม้วยจะมาถึงจริง หากต้องกลับบ้านเก่าจริงในวันนี้ เช่นนั้นก็ให้พวกเขากับพี่น้องทุกคน ดำเนินการขั้นสุดท้ายนี้ให้งดงามทีเถิด
เ่ิูเงียบงัน
เขารู้แน่อยู่แล้ว ว่าผ้าแดงโพกหัวนั้นหมายความว่าอะไร
กลัวไหม?
ก็เล็กน้อย
เขายังมีเื่ราวมากมายที่ยังไม่ได้สะสาง ความลับในราชวังอันศักดิ์สิทธิ์ของราชสำนักเสวี่ย เขายังไม่ได้สืบเสาะจนกระจ่าง เด็กน้อย่เี่ิที่ไปพร้อมกับหวังเจี้ยนหรู เขายังไม่ได้พบหน้านางอีกครั้งเลย น้าฉิน เสียวฉ่าวกับถังซานในเมืองลู่ิ แล้วไหนจะเวินหว่านแม่ทัพแนวหน้า หรือหลี่ฉือเจินอีก...
แต่ว่า แล้วอย่างไรกันล่ะ
เหตุผลใดๆ ก็ตามแต่ ไม่อาจนำมาเป็ข้ออ้างเพื่อหนีในตอนนี้ได้
เ่ิูในยามนี้ไม่เพียงเป็พลทหารคนหนึ่งเท่านั้น แต่เป็จอมยุทธ์คนหนึ่งของเผ่ามนุษย์ด้วย
เกิดเป็จอมยุทธ์คนหนึ่ง หรือเรียกได้ว่าเป็มนุษย์คนหนึ่ง ั้แ่เกิดมาก็แบกรับหน้าที่พิทักษ์การมีอยู่ของเผ่าพันธุ์ไว้บนบ่าแล้ว
และตอนนี้ ก็ได้เวลาทำหน้าที่ของตัวเองแล้ว
เ่ิูกระตุ้นเกราะศึกอาชาขาว แสงสีขาวเปล่งไอน่าขนพองพันล้อมกาย กระบี่ฉ่าวชางในมือส่องแสงระยิบระยับ
คนทุกคน ล้วนร่ำรอการปะทุของา
ราวกับว่าวินาทีต่อจากนี้ หยาดเื กระดูกขาว ปืนไฟและควันโขมง จะสาดกระเซ็นและหักสลายต่อหน้าต่อตา
ทว่า...
หนึ่งอึดใจผ่านพ้นไป
สองอึดใจผ่านไป
ยี่สิบอึดใจผ่านไปอีก
ใต้หล้ายังเงียบงัน
เรือรบอินทรีั์ปีศาจตรงหน้ายังคงลอยบนท้องฟ้าอย่างเงียบเชียบ
ใบเรือบนเรือรบส่งเสียงพึ่บพั่บ ผืนธงสามสีพัดพาโบกสะบัด พลทหารปีศาจยืนตระหง่านนิ่งอยู่บนแผงเกราะและดาดฟ้าเรือ ใบหน้าและแววตาโเี้เคร่งขรึม ไม่แตกต่าง แต่มีบรรยากาศน่าพิศวงอบอวลออกมาจากเรือรบอินทรีั์ทั้งสองลำนี้
เ่ิูค่อยๆ เข้าใจบางอย่าง
“เหมือนว่า...จะไม่ค่อยชอบมาพากลนะ เงียบสงบเกินไปหรือเปล่า”
เ่ิูขมวดคิ้ว เขามองเรือรบฝั่งตรงข้ามอย่างละเอียด
ว่ากันโดยทั่วไปแล้ว เมื่อเรือรบสองฝ่ายปะทะกัน แรกเดิมทีจะโจมตีตอบโต้อีกฟากก่อน เพื่อแย่งชิงความได้เปรียบมาเป็ของตัวเอง เวลาวารีไม่คอยท่า เรือรบชั้นอินทรีั์ย่อมต้องีแม่ทัพปีศาจหรือผู้บัญชาการปีศาจมานั่งกุมบังเหียนอยู่แล้ว พวกเขาเป็แม่ทัพและผู้นำที่เปี่ยมประสบการณ์ ดังนั้นย่อมไม่มีทางไม่บุกตอนเจอเรือเหาะเผ่ามนุษย์เด็ดขาด
ทว่าเรือรบอินทรีั์สองลำนี้กลับรักษาทีท่านิ่งเงียบไว้เสียอย่างนั้น
ราวกับว่าไม่อาจมองเห็นเรือเหาะที่พวกเ่ิูอยู่
ประหลาด
น่าพิศวงเหมือนหลง
เ่ิูขมวดคิ้ว เขาเห็นเ้าหัวโตที่นอนบิดี้เีเงียบๆ อยู่บนตัวเขาแล้วผุดความคิดบางอย่างขึ้น
ฟิ่ว!
เขากระตุ้นเกราะศึกอาชาขาว สยายปีกบินออกไป ตรงสู่เรือรบอินทรีั์สองลำไกลๆ นั้น
คนอื่นใแทบะโ
“พี่น้องเย่ กลับมาเร็ว...” หลิวจงหยวนะโลั่น
เ่ิูปัดมือจากที่ไกลๆ บ่งบอกว่าทุกคนไม่ต้องตามมา เขาตรงไปยังเรือรบอินทรีั์อย่างระมัดระวัง
บนเรือเหาะอักขระนั้น ดวงตาของเหล่าทหารเหมือนเต็มเปี่ยมด้วยน้ำอุ่นๆ
กล้าหาญอะไรอย่างนี้ ไม่เห็นแก่ตัวเองอะไรอย่างนี้
นับแต่ครั้งแรกที่พบกัน พลทหารล้วนขับไสและไม่คิดยอมรับเ่ิู เหล่าทหารคิดว่าเด็กหนุ่มอายุน้อยที่สำนักจัดมา ไม่เคยผ่านศึกาแต่กลับได้ตำแหน่งสูงล้ำ ทำให้เหล่าทหารที่ทระนงนักยากจะทำใจยอมรับได้ แต่ตอนนี้ พวกเขารู้สึกผิดกับความตื้นเขินของตัวเองจนละอายใจนัก
หลิวจงหยวนรู้สึกเืในกายเดือดพล่าน
ผู้กล้าที่แท้จริง
แม่ทัพที่ควรค่าแก่การจดจำยิ่งชีพ
คนเดียว...
พี่น้องเย่ เ้าจะรีบร้อนเกินไปแล้ว!
แต่ว่า...
หยุดเถอะ!
เ้าไปอย่างเบาใจเถอะ เ้าไปก่อนก้าวหนึ่ง ข้าหลิวจงหยวนจักเดินไปทางเดียวกับเ้าในเร็วไว ที่ดินแดนยมโลก พวกเขาจะยังคงปะาศัตรูเคียงบ่าเคียงไหล่
หลิวจงหยวนใกล้จะน้ำตาคลอเบ้าเต็มที
เขารู้สึกเหมือนได้เห็นภาพเ่ิูสละชีวิตตายในวงล้อมของปืนใหญ่นักรบเผ่าปีศาจไปเรียบร้อยแล้ว...
แต่ว่า ภาพต่อมาที่เขาเห็น กลับมิได้เป็ไปตามที่คิดเลยเถิดเอาไว้
“เอ๊ะ? อะไรกันน่ะ?”
หลิวจงหยวนอึ้ง
เพราะเขาเห็นอย่างน่าอัศจรรย์ว่า เ่ิูกระตุ้นเกราะศึกอาชาขาว ร่วงลงบนเรือรบอินทรีั์อย่างไร้อุปสรรค เผ่าปีศาจบนแผงเกราะไม่ตอบสนอง และเ่ิูก็สำรวจพักหนึ่งจึงโบกไม้โบกมือให้ทางนี้อย่างกับชัก...
อะไรกัน?
หลิวจงหยวนตะลึงงัน
ทำไมเผ่าปีศาจไม่โต้ตอบ ปล่อยให้เ่ิูขึ้นเรือรบได้เล่า?
ทำไมการศึกไม่ปะทุขึ้น?
หลิวจงหยวนชะงักพักหนึ่งก็เข้าใจขึ้นมาฉับพลัน ใจเต้นบ้าคลั่งอย่างไม่อาจห้ามไม่หันหลังมาโพล่งว่า “ทุกคนปกป้องเรือเหาะ” เขากระตุ้นปีกเกราะศึกกลายเป็เหมือนเส้นแสงหายไปชั่ววินาที ตรงเข้าใกล้เรือรบอินทรีั์ ร่อนลงตรงข้างๆ เ่ิู
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” หลิวจงหยวนถามเสียงสั่น
เ่ิูยักไหล่ เขายากจะเก็บความตะลึงและตื่นเต้นไว้ได้ “เ้าหลิว เ้าดูเองเถอะ แปลกมาก...กระต่ายตื่นตูมนัก ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น เผ่าปีศาจบนเรือรบอินทรีคู่นี่ถึงได้ตายจนหมดแล้ว ไม่มีตัวไหนยังมีลมหายใจอยู่เลย เ้าดูนี่สิ...” ว่าพลางเงื้อมือผลักแม่ทัพปีศาจหมีหิมะร่างกายทรงอานุภาพด้านข้าง
ตุบ!
แม่ทัพปีศาจหมีหิมะที่สามารถพอจะเคลื่อนเขาทั้งลูกได้ ล้มตึงลงไปอย่างง่ายดาย
หลิวจงหยวนเบิกตากว้าง
หลายสิบอึดใจต่อมา
เ่ิูและหลิวจงหยวนแทบจะพลิกเรือรบทั้งสองลำดู
บนเรือรบอินทรีั์ทั้งสองลำไม่มีปีศาจตัวไหนยังมีชีวิตอยู่เลยจริงๆ
ทุกตัวตายหมดแล้ว
บนเรือเหาะลำั์นี้ มีปีศาจกว่าสองพันชีวิต ในนั้นมีปีศาจผืนหิมะระดับสูง พลังล้นหลามอยู่ด้วย ตามประสบการณ์ของหลิวจงหยวน เขาตัดสินได้ว่ามีประมาณสิบผู้บัญชาการปีศาจ แม่ทัพปีศาจอีกสี่ร้อยบนเรือสองลำนี้ รวมกันเป็พลังที่แกร่งกล้ามาก เหนือกว่าที่มนุษย์เคยคะเนไว้หลายขุม การรวมตัวกันคราวนี้เหนือกว่ามาตรฐานธรรมดาของเผ่าปีศาจนัก ต้องเป็หน่วยรบใหญ่แน่นอน แต่ไม่รู้เพราะอะไรถึงได้ตายกันหมด
สิ่งที่น่าพิศวงยิ่งกว่าก็คือบนเรือรบอินทรีั์สองลำนี้ ไร้วี่แววของการต่อสู้
ศพทหารปีศาจ แม่ทัพปีศาจและผู้บัญชาการปีศาจทั้งหมด ล้วนอยู่ในสภาพนั่งหรือยืนอย่างสงบ อยู่ตรงตำแหน่งประจำการของตัวเอง สีหน้าแต่ละตัวแตกต่างหัน มียิ้มมีสงบ ปีศาจบางตนยังทำหน้าหัวเราะค้างอยู่เลย ราวกับว่าไม่มีเื่อะไรเกิดขึ้นบนเรือสองลำนี้เลย ทว่าวินาทีแห่งภัยพิบัติก็มาถึงในแวบเดียว เผ่าปีศาจทั้งหมดไม่ว่าจะพลังสูงต่ำเพียงไหนถูกพรากเอาชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง
หายนะมาไวถึงเพียงนี้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งเผ่าปีศาจระดับผู้บัญชาการยังตอบโต้ไม่ทัน
สิบยอดผู้บัญชาการปีศาจ ล้วนแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้แข็งแกร่งสุดยอดอาณาทะเลระทมของมนุษย์
แต่กลับตายไม่เหลือ
ประหลาด
น่ากลัว
มืดมน
ใต้นภา บนหมู่เมฆ อาทิตย์ส่องแสงกลางวันแสกๆ แต่เ่ิูกับหลิวจงหยวนกลับเหงื่อเย็นไหลเต็มแผ่นหลัง
เื่พรรค์นี้จะมหัศจรรย์เกินไปแล้ว
กองรบปีศาจแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ปานนี้กลับมอดม้วยเพราะรูปการที่น่าสะพรึง เป็เื่ประหลาดที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต
เ่ิูและหลิวจงหยวนยากจะระงับความครั่นคร้ามและะเืใจไว้ได้ แม้ว่าแสงตะวันจะร้อนนัก แต่กลับไม่อาจละลายความมืดมนรอบด้านนี้ได้ ราวกับว่าเทพแห่งความตายแอบซ่อนอยู่ที่ใดที่หนึ่ง จับจ้องมองเขาด้วยรอยยิ้มโฉดชั่ว ความตายจะมาเยือนเมื่อไหร่ก็ได้ยังไงยังงั้น
“ไม่มีรอยแผล ไม่มีการต่อสู้ ชีวิตของปีศาจพวกนี้เหมือนถูกพรากเอาไปด้วยวิธีการที่น่ากลัวที่สุด”
หลิวจงหยวนตรวจตราโดยละเอียด
ที่แท้แล้วเป็พลังแบบไหนกัน ถึงได้ทำเื่เช่นนี้ได้?
ผู้แข็งแกร่งอาณา์หรือ?
หรือว่าาาปีศาจ?
ยากจะเดาทางได้
“ไม่ว่าอย่างไร เรือสองลำนี้ไม่คุกคามพวกเราแล้ว จะรอช้าอยู่ไม่ได้ ต้องรีบออกไปจากที่นี่” หลิวจงหยวนตื่นจากความะเืใจ เขาไม่เข้าไปพัวพันกับเื่ประหลาดนี้อีก ต้องรีบกลับเขตแดนมนุษย์ตามหน้าที่ก่อน สู่ความปลอดภัย
เ่ิูพยักหน้า
เขายังรู้สึกเบาบางว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ทว่าก็ไม่มีเหตุผลอันใดไปขัดขวางการตัดสินใจของหลิวจงหยวน