พั่วหุนมิอาจอดกลั้นอีกต่อไป พลันพุ่งเข้าไปคุกเข่าลงต่อหน้าชายชราดังตุ้บ เอาแต่โขกศีรษะลงกับพื้นหลายต่อหลายครั้ง
เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าหลังจากถูกขังไว้บนเขาเกือบสองปีจะยังมีคนมีชีวิตอยู่ แม้ทุกคนจะหิวจนเปลี่ยนรูปร่าง แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่มิใช่หรือ?
ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ เช่นนั้นก็ยังมีความหวังมิใช่หรือ?
ต้วนเหลยถิงเห็นภาพเช่นนี้จึงออกคำสั่งว่า “ทุกคนฟังคำสั่ง เอาอาหารแห้งทั้งหมดที่อยู่บนกายออกมา...”
ไม่รอให้ต้วนเหลยถิงเอ่ยจบ ทุกคนก็พากันลงมือทันที ทั้งปาดน้ำตาทั้งตั้งเตา
สตรีและเด็กทั้งหมดต่างพากันเหม่อลอย นี่พวกตนฝันไปกระมัง? หิวจนเกิดภาพหลอนแล้วใช่หรือไม่?
ชายชราพลันโยนทัพพีทิ้ง ประคองไหล่ทั้งสองข้างของพั่วหุนพลางเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“เ้าห้า เป็เ้าเองหรือ? เ้ากลับมาแล้วหรือ? พ่อมิได้ฝันไปกระมัง?”
พั่วหุนกอดเอวของชายชราเอาไว้ ก้มหน้าลงร้องไห้โฮอยู่ในอ้อมอกของอีกฝ่าย
“ท่านพ่อ ลูกกลับมาแล้ว ลูกอกตัญญูทำให้ท่านต้องลำบากแล้ว ฮือๆ...”
ชายชราลูบศีรษะของพั่วหุนด้วยความปลื้มใจ เอ่ยอย่างเชื่องช้าว่า “กลับมาก็ดี กลับมาก็ดีแล้ว...”
ขณะเอ่ย ร่างกายของชายชราพลันอ่อนแรงและล้มเอนลงไปด้านข้าง
“ท่านพ่อ...” พั่วหุนรีบรับชายชราเอาไว้ ขานเรียกอย่างร้อนรนใจ
ต้วนเหลยถิงก้าวเข้ามาข้างหน้า ปลดขวดน้ำเต้าข้างเอวแล้วหยิบถ้วยเล็กขึ้นมารินน้ำสระบัวส่งให้พั่วหุนก่อนเอ่ย
“นี่คือยาวิเศษที่ท่านหมอเทวะมอบให้ ลองดูว่าได้ผลหรือไม่”
“ขอบพระคุณนายท่าน” พั่วหุนรับมาและตักป้อนชายชราทีละอึก
ต้วนเหลยถิงพบว่าสภาพร่างกายของผู้คนที่นี่ไม่สู้ดีนัก ดังนั้นจึงเพิ่มน้ำสระบัวลงในทุกๆ หม้อ
ชายชราที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของพั่วหุนค่อยๆ ได้สติหลังจากดื่มน้ำ เขาเอ่ยกับพั่วหุนด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงว่า
“ลูกเอ๋ย พ่อได้รับคำไหว้วานจากเ้า คนหมื่นกว่าคนมีชีวิตรอดไม่ถึงหกพัน ทุกๆ วันมักมีคนจากไป เป็เพราะพ่อไร้หนทางพาทุกคนลงเขา...”
พั่วหุนสะอื้น “มิใช่ขอรับ ท่านพ่อ เป็ความผิดของลูกเอง ล้วนแต่เป็เพราะลูกตกหลุมพรางของผู้อื่นโดยไม่ทันระวัง ท่านพยายามสุดความสามารถแล้ว ทำได้ดีมากแล้วขอรับ...”
ขณะโอบกอดชายชรา พั่วหุนสะอื้นไห้จนเอ่ยสิ่งใดไม่ออก ชายชรากุมมือของพั่วหุนเอาไว้ ใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายเอ่ยว่า
“ลูกเอ๋ย ข้าวของที่เ้าปล้นมาเมื่อก่อน...ละ...ล้วนยังอยู่...”
มือของชายชราร่วงลงอย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะปิดเปลือกตาไร้ลมหายใจ
ชีวิตของเขาถึงคราวสิ้นสุดแล้ว แม้น้ำสระบัวจะช่วยเพิ่มพละกำลัง แต่กลับมิอาจหยุดกระแสน้ำแห่งชีวิตได้
“ท่านพ่อ...” พั่วหุนเงยหน้าร้องคร่ำครวญขึ้นฟ้า สั่นะเืฟ้าดิน ต้นไม้ใบหญ้าล้วนพากันเศร้าโศก
“ท่านผู้าุโ...ฮือๆๆ...”
“ท่านปู่...”
“ท่านพ่อ...”
“ท่านลุง...ฮือๆๆ...”
ทุกคนต่างพากันคุกเข่าลงอย่างพร้อมเพรียง เสียงร้องไห้ดังระงมโดยทั่ว...
พั่วหุนคุกเข่าลงกับพื้นพลางสาบานต่อฟ้า “แผ่นฟ้าเหลืองอยู่เบื้องบน ผืนดินหนาอยู่เบื้องล่าง วันนี้ข้าพั่วหุนขอสาบาน ณ ที่แห่งนี้ ชั่วชีวิตนี้ของข้า หากตามหาจนพบผู้ที่อยู่เื้ัการใช้เล่ห์กลกับพวกเรา จะต้องทำให้คนผู้นั้นชดใช้บัญชีเื หากผิดต่อคำสาบาน ขอเป็ดั่งท่อนไม้นี้”
กล่าวจบ พั่วหุนพลันหยิบท่อนไม้ขนาดเท่าท่อนแขนขึ้นมาหักเป็สองท่อนเสียงดังกร๊อบ
คนนับร้อยที่ตามขึ้นเขาต่างกระทำการเช่นเดียวกับพั่วหุน ลั่นคำสาบานต่อฟ้าว่า “แผ่นฟ้าเหลืองอยู่เบื้องบน ผืนดินหนาอยู่เบื้องล่าง วันนี้ข้าขอสาบาน ณ ที่แห่งนี้ ชั่วชีวิตนี้ของข้า หากตามหาจนพบผู้ที่อยู่เื้ัการใช้เล่ห์กลกับพวกเรา จะต้องทำให้คนผู้นั้นชดใช้บัญชีเื หากผิดต่อคำสาบาน ขอเป็ดั่งท่อนไม้นี้”
หลังสิ้นคำสาบาน แต่ละคนล้วนหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาหักเป็หลายท่อน จากนั้นคลานเข้ามาร่ำไห้อยู่ข้างกายชายชรา
สตรีอายุห้าสิบกว่าผู้นั้นร้องไห้จนแทบจะเป็ลม ทุบกำปั้นลงบนกายของพั่วหุนหลายครั้งพลางร่ำไห้เอ่ย
“เ้าห้า เหตุใดเ้าถึงเพิ่งมา เ้ารู้หรือไม่ว่าท่านพ่อพาพวกเราอดทนให้ผ่านพ้นมาได้อย่างไร ฮือๆๆ...
หากไม่มีท่านพ่อ พวกเราทุกคนที่อยู่ที่นี่คงตายไปตั้งไม่รู้กี่หนแล้ว ฮือๆๆ...”
ต้วนเหลยถิงตบบ่าของพั่วหุนพลางเอ่ยว่า “ข้าเสียใจด้วยจริงๆ! ทว่าพวกเรามิอาจอยู่ที่นี่นานเกินไป หากคนเ่าั้พบว่ากับดักถูกรื้อถอน ค่ายกลถูกทำลาย ครั้นส่งคนมาล้อมปราบพวกเราคงจะยุ่งยากเสียแล้ว
ที่นี่ล้วนมีแต่คนชรา เด็ก และสตรี อาศัยเพียงกำลังของพวกเราร้อยคนจะต้านทานได้นานเพียงใดกัน?
รีบให้ทุกคนกินเร็วเข้า หลังจากฝังศพบิดาของเ้าเสร็จแล้ว ต้องรีบลงเขาจึงจะเป็การดี”
พั่วหุนปาดน้ำตา หยัดกายขึ้นเอ่ยว่า “นายน้อยกล่าวได้ถูกต้องขอรับ พวกเรามีเวลาไม่มาก รีบจัดแจงทุกคนให้เรียบร้อยแล้วค่อยคิดแผนการเถิด”
......
ขณะเดียวกัน ณ หมู่บ้านเถาหยวน
ฟ้ายังไม่ทันสาง เคอก่วงเถียนก็ถูกแม่เฒ่าเคอลากขึ้นจากที่นอน จัดการอาบน้ำผลัดเสื้อผ้าและหวีผมแต่งหน้า ถูกเคี่ยวกรำอยู่หลายชั่วยามทีเดียว
แม้จะค่อนข้างเหนื่อยล้า ทว่าเมื่อเคอก่วงเถียนเห็นใบหน้างดงามอ่อนเยาว์ของตนเองในกระจก ครั้นคิดว่าผู้ที่จะมาสู่ขอคือคุณชายน้อยก็เอาแต่เขินอายเสียแล้ว
ตามธรรมเนียมของที่นี่ จะเสริมสินเดิมให้หญิงสาวในยามเฉินสามเค่อ บรรดาพี่สาวบิดาเจ็ดคน พี่สาวมารดาเจ็ดคน พี่สาว น้องสาว กับหลานสาวจะพากันเข้ามาเพิ่มผ้าไหมและผ้าเช็ดหน้าอีกหลายผืน
บางคนอาจมอบไข่ไก่แปดถึงเก้าฟองหรือข้าวสารหนึ่งจิน เหล่าแม่นางจะคุยเล่นเป็เพื่อนเ้าสาวจนถึงหลังเที่ยงวัน นับว่าเป็เวลาออกเรือนอันดี
อาหญิงเล็กของตนจะออกเรือน ไม่ว่าเคอโยวหรานจะไม่ยินดีเพียงใดก็ยังต้องเผยโฉมหน้า
อีกทั้งวันนี้ยังเป็วันเปิดโรงงาน จะต้องเซ่นไหว้ฟ้าดินยามเฉินสามเค่อ
หน้าที่เตรียมของเซ่นไหว้ฟ้าดินล้วนมีผู้ใหญ่บ้านเฉินดำเนินการ ไม่จำเป็ต้องให้เคอโยวหรานอยู่ด้วย นางจึงได้ผ่อนคลายสบายอารมณ์พอดี
ระหว่างทางไปเรือนผู้เฒ่าเคอ เคอโยวหรานค้นมิติวิเศษจนทั่วหนึ่งรอบ ท้ายที่สุดก็คว้าดอกกานพลูเงินขนาดเล็กสุดออกมาหนึ่งคู่ นี่คือสิ่งที่ไม่คุ้มเงินที่สุดเท่าที่นางมีแล้ว
ถงซื่อร่างกายไม่สู้ดี ไม่สะดวกจะมายังงานเช่นนี้ ส่วนเคอโยวเยวี่ยเล่นแง่ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมมาดูหน้าอาหญิงเล็กผู้น่ารังเกียจ
ส่วนเคอโยวหลานเก็บตัวยิ่งนัก มิอาจลากตัวออกจากประตูเรือนได้ ในงานที่มีผู้คนมากมายขนาดนี้ ตีให้ตายนางก็ไม่ยินดีเข้าร่วม
ไม่เพียงเท่านั้น ในบรรดาพวกนางสามคน แต่ละคนล้วนปักผ้าเช็ดหน้าและขอให้เคอโยวหรานนำมาด้วย
เคอโยวหรานมองผ้าเช็ดหน้าในมือ ยิ่งรู้สึกว่าฝีมือของมารดาตนกับน้องสาวทั้งสองพัฒนาอย่างก้าวะโภายใต้การชี้แนะของไป๋ซื่อ
หากต้องเอาของดีเช่นนี้ให้เคอก่วงเถียนนับว่าน่าเสียดายเกินไป เมื่อคิดเช่นนี้ กระทั่งดอกกานพลูเงินหนึ่งคู่ที่เอาออกมาจากมิติวิเศษ นางก็ยังไม่คิดจะมอบให้ด้วยเช่นกัน
เมื่อมีของดี ไม่ว่าจะเอาให้ผู้ใดย่อมดีกว่าให้อาหญิงเล็กผู้นี้ กระทั่งโยนก้อนหินลงน้ำยังได้ยินเสียงตอบกลับ
แต่หากมอบของดีเช่นนี้ให้อาหญิงเล็ก ไม่เพียงมิได้รับคำพูดดีๆ สักประโยค ไม่แน่ว่าอาจถูกพูดฉีกหน้าด้วยซ้ำ
ไม่ว่าจะให้สิ่งใดล้วนถูกเคอก่วงเถียนกับแม่เฒ่าเคอเกลียด เช่นนั้นมิสู้ส่งของที่ธรรมดาสักหน่อยเป็อย่างไร?
เมื่อคิดเช่นนี้ เคอโยวหรานก็เลี้ยวไปทางเรือนหลังหนึ่งของคนสกุลเฉิน จัดการซื้อไข่ไก่สามสิบหกฟอง ทั้งยังฉวยโอกาสซื้อตะกร้าใส่ไข่ในคราเดียว
จากนั้นถือตะกร้าไข่เข้าไปในเรือนผู้เฒ่าเคออย่างเอ้อระเหย กวาดสายตามองโต๊ะที่ตั้งไว้เลี้ยงแขกทั่วลานเรือนแล้วยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
วันนี้คือวันเปิดโรงงาน ตนถึงขั้นเชือดหมูตัวใหญ่หนักกว่าสี่ร้อยจินและเชิญชาวบ้านทั้งหมดไปกินเลี้ยง
ไม่รู้ว่าตอนเที่ยงวันที่อาหญิงเล็กออกเรือน ยังจะมีชาวบ้านมาซดน้ำแกงจืดที่นี่หรือไม่
ภายในหมู่บ้านมีธรรมเนียมว่ายามแม่นางออกเรือนยิ่งครึกครื้นยิ่งดี ความครึกครื้นก่อนออกเรือนสื่อถึงความเจริญรุ่งเรืองในภายหน้า
อยากเห็นเหลือเกินว่าหลังจากชาวบ้านทั้งหมดไปกินเลี้ยงที่โรงงาน ทางฝั่งเรือนผู้เฒ่าเคอจะมีท่าทีเช่นไร? ตั้งตารอแล้วจริงๆ!