เพื่อเบี่ยงเบนเื่ที่ทำให้พวกเขาไม่พอใจ กู่ซิ่วจึงสั่งให้สวี่เยว่ไปเอาน้ำอัดลมที่แช่เย็นออกมาต้อนรับแขก
สวี่เยว่ยกน้ำอัดลมมาเสิร์ฟพร้อมกับพูดเสียงอ่อนเสียงหวาน “คุณย่าลู่ เชิญดื่มน้ำอัดลมค่ะ”
คุณย่าลู่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ย่าแก่แล้ว ไม่ชอบดื่มน้ำอัดลม”
จากนั้นก็ยิ้มหวานให้สวี่ฮุ่ย “แม่หนู รินน้ำเย็นให้ย่าหน่อย”
สวี่ฮุ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง “หนูก็ซื้อน้ำอัดลมมาเหมือนกันค่ะ คุณย่าดื่มน้ำอัดลมเถอะค่ะ ดื่มแล้วจะคลายร้อนกว่า”
“ได้ ฟังหนูก็ได้ ดื่มน้ำอัดลม” คุณย่าลู่คล้อยตามอย่างง่าย ๆ
สวี่เยว่ทำเป็ไม่รู้ไม่ชี้ ยื่นน้ำอัดลมให้สามพี่น้องสกุลลู่
สามพี่น้องสกุลลู่ปฏิเสธพร้อมกัน “พวกเราไม่ดื่มน้ำอัดลมยี่ห้อนี้”
สวี่ฮุ่ยเปิดน้ำอัดลมแล้วยื่นให้คุณย่าลู่ พอได้ยินแบบนั้น มือที่กำลังจะเปิดน้ำอัดลมให้พี่น้องสกุลลู่ก็หยุดชะงักกลางอากาศ
น้ำอัดลมที่เธอซื้อกับน้ำอัดลมในมือสวี่เยว่เป็ยี่ห้อเดียวกัน ก็คือน้ำอัดลมหย่งเล่อ
ลู่ฉี่โหย่วเร่งรัด “สหายสวี่ฮุ่ย รีบเปิดน้ำอัดลมให้พวกเราดื่มเร็วเข้า พวกเราร้อนจะแย่อยู่แล้ว”
สวี่ฮุ่ยกระพริบตา พูดตะกุกตะกัก “ฉันซื้อน้ำอัดลมหย่งเล่อมาเหมือนกัน”
ลู่ฉี่โหย่วพูด “พวกเราชอบดื่มน้ำอัดลมยี่ห้อนี้ที่สุดเลย”
น้องชายทั้งสองพยักหน้าหงึก ๆ
สวี่ต้าซานกับภรรยารู้สึกเสียหน้ามาก
น้ำอัดลมยี่ห้อเดียวกัน สวี่เยว่ยื่นให้ แต่ย่าหลานสกุลลู่ไม่ดื่มกันสักคนเหมือนเป็ยาพิษยังไงยังงั้น
แต่พอสวี่ฮุ่ยให้ พวกเขากลับแย่งกันดื่ม ราวกับเป็น้ำทิพย์จากสรวง์
เห็นได้ชัดว่าคุณนายลู่กับหลานชายของเธอเกลียดครอบครัวพวกเขาสุด ๆ ยกเว้นสวี่ฮุ่ย
หลังจากดื่มน้ำอัดลมเสร็จ หญิงชราก็สั่งให้หลานชายทั้งสามคนยกของขวัญที่ซื้อให้สวี่ฮุ่ยเข้ามาในบ้าน
แค่เสื้อผ้าฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงรวมกันก็ปาไปสิบ ๆ ชุดแล้ว แถมยังเป็ของแบรนด์เนมทั้งหมด
รองเท้าแบบต่าง ๆ ก็มีนับสิบคู่ ทำจากหนังทั้งหมดด้วย
ชุดชั้นในก็มีสิบชุด ถุงน่องสำหรับใส่กับกระโปรง ถุงเท้าสั้นสำหรับใส่กับกางเกงก็มีไม่น้อย
นอกจากนี้ยังมีนมผง ลำไยอบแห้ง พุทราจีน และของบำรุงอื่น ๆ อีกมากมาย…
มีค่ามากกว่าของขวัญตอบแทนคราวก่อนเสียอีก
เพื่อนบ้านที่มามุงดูต่างพากันซุบซิบนินทา
แม้แต่สินสอดทองหมั้นของเ้าสาวจากบ้านรวย ๆ ก็ยังไม่จัดเต็มขนาดนี้ คุณย่าลู่ใจกว้างจริง ๆ !
กู่ซิ่วมองเสื้อผ้ารองเท้าชั้นนำเ่าั้ ทั้งรู้สึกอยากได้และรู้สึกไม่พอใจ
ถ้าไม่ใช่เพราะยัยเด็กเวร สวี่ฮุ่ยนี่มาขัดขวาง ของดี ๆ พวกนี้ก็ต้องเป็ของเยว่เยว่ลูกสาวสุดที่รักของเธอ
สวี่ฮุ่ยพูดอยู่ตลอดว่าของเยอะเกินไป เธอไม่กล้ารับไว้
คุณย่าลู่ตบแขนเธอเบา ๆ แล้วถาม “หนูรักย่าไหม?”
สวี่ฮุ่ยพยักหน้าอย่างว่าง่าย “รักค่ะ”
คุณย่าลู่พูดอย่างจริงจัง “ในเมื่อรัก ก็รับไปซะ ไม่อย่างนั้นจะแปลว่าไม่ได้รักย่าจริง ๆ”
สามพี่น้องสกุลลู่ก็ช่วยกันพูด
ลู่ฉี่โหย่วพูด “แค่นี้ยังถือว่าเล็กน้อย ย่าบอกว่ายังไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิกับฤดูหนาวให้เธอเลย เพราะกลัวว่าห้องเธอจะเล็กเกินไป เก็บของไม่พอ ไม่อย่างนั้นคงจะเยอะกว่านี้อีก”
ลู่ฉี่เหวินพูด “พอถึงฤดูใบไม้ผลิกับฤดูหนาว คุณย่าจะซื้อเสื้อผ้าตามฤดูกาลมาให้เธอเพิ่มอีก”
สวี่ฮุ่ยรีบโบกมือปฏิเสธ ของขวัญพวกนี้เธอก็รู้สึกเกรงใจจะแย่อยู่แล้ว
คุณย่าให้หลานชายทั้งสามคนตรวจสอบของขวัญที่กู่ซิ่วชดใช้ ถ้าไม่มีอะไรขาดก็ยกไปไว้ในรถ เดี๋ยวจะเอาไปให้ครอบครัวยากไร้
กู่ซิ่วโมโหจนกัดฟันกรอด
สกุลลู่ไม่ได้เสียดายของพวกนี้ แต่ที่จะเอากลับคืนไป เพียงเพื่อ้าตบหน้าเธอกับสวี่เยว่!
สามพี่น้องสกุลลู่ตรวจสอบทีละชิ้น
สวี่ฮุ่ยนั่งมองนาฬิกาข้อมือเซี่ยงไฮ้ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าอยู่ข้าง ๆ ตาไม่กะพริบ
ตอนนี้เธอมีเงินแล้ว นาฬิกาข้อมือสวย ๆ แบบนี้เธอไม่กล้าซื้อ แต่เธอยังซื้อนาฬิกาข้อมือยี่ห้อจีนราคาสามสิบกว่าหยวนได้อยู่
พอไปตั้งรกรากที่เมืองเจียงเฉิงแล้ว เธอต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ไม่มีนาฬิกาจะดูเวลาไม่สะดวก
นาฬิกาปลุกเก่า ๆ เรือนเล็กที่สีลอกในห้อง เธอจะไม่เอาไปด้วยเด็ดขาด มันเป็ของที่สวี่เยว่เคยใช้แล้ว
เธอจะไม่เอาอะไรของบ้านสกุลสวี่ไปทั้งนั้น ยิ่งเป็ของใช้ต่อจากสวี่เยว่ยิ่งไม่้า
สวี่ฮุ่ยวางแผนว่าครั้งหน้าที่ไปเมืองเอกมณฑล เธอจะซื้อนาฬิกาข้อมือให้ตัวเองสักเรือน
คุณย่าลู่เห็นเข้า ก็นึกว่าสวี่ฮุ่ยอยากได้นาฬิกาเรือนนั้น
เธอทำหน้ารังเกียจแล้วให้หลานชายคนเล็กเอานาฬิกาเรือนนั้นออกไป “นาฬิกาเรือนนั้นไม่คู่ควรกับหนู พี่ลู่ของหนูซื้อเรือนที่ดีกว่านี้มาให้หนูแล้ว”
คุณย่าเงยหน้าขึ้นถามลู่ฉี่โหย่ว “นาฬิกาที่พี่ชายซื้อให้ฮุ่ยฮุ่ยล่ะ?”
ลู่ฉี่โหย่วรีบหยิบกล่องสวยงามใบหนึ่งออกมาจากตัวแล้วเปิดออก ข้างในเป็นาฬิกาข้อมือสีทอง หน้าปัดรูปวงรีประดับเพชรเต็มหน้าปัด
คุณย่าลู่สวมนาฬิกาให้สวี่ฮุ่ยด้วยตัวเอง “นี่คือนาฬิกาข้อมือยี่ห้อทิโทนิ ชุบทอง ประดับเพชร ราคาตั้งห้าร้อยกว่าหยวนแน่ะ”
“เราอย่าเอาของที่คนอื่นคืนมาเลย ใครจะไปรู้ว่าเขาเคยใส่แล้วหรือเปล่า? มันจะทำให้หนูแปดเปื้อนนะ”
สวี่เยว่แสร้งทำเป็ใสซื่อบริสุทธิ์มาตลอด
ไม่ว่าย่าหลานสกุลลู่จะทำให้เธอขายหน้ายังไง เธอก็แกล้งไม่รู้ไม่ชี้ ยิ้มหวานอย่างเดียว
แต่พอได้ยินแบบนี้ เธอก็ยิ้มไม่ออก