บทที่ 52 กระบวนท่าเดียวกำหนดผล!
“อัจฉริยะที่ว่า ก็แค่นี้เอง!” การแสดงออกของฉู่อวิ๋นเปลี่ยนไป เผยให้เห็นท่าทีที่เฉียบคม
ั้แ่แรก การที่ฉู่อวิ๋นยืนนิ่งอยู่นาน เป็เพราะเขากำลังเพ่งหาจุดอ่อนในพลังยุทธ์ แม้ตอนนี้ิญญากระบี่บาป์ในทวารรับแสงศักดิ์สิทธิ์ของเขาได้ตื่นขึ้น และความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างก้าวะโ แต่เขาก็ไม่ลืมนิสัยนี้
ถ้าความแข็งแกร่งไม่พอ ก็ต้องเอาปัญญามารวมกัน
แต่เมื่อฉู่อวิ๋น้าโจมตีต่อไป ฉู่เฟยก็ขมวดคิ้ว สีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างมาก แม้แต่ริมฝีปากสีแดงก็ยังขบเม้มจนมีเืออก
“เ้าคนต่ำช้า...คนต่ำช้า!” ดวงตาคู่งามของฉู่เฟยเบิกกว้าง ใบหน้างดงามและเ็าของนางดูดุร้ายมากขึ้น
"ควั่บ!"
เห็นเพียงร่องรอยของเปลวไฟสีเขียวที่พันรอบมีดใบไม้แข็ง และควันไฟสีเขียวก็พลุ่งพล่านราวกับว่ามันจะเผาไหม้ทุกสิ่ง
เปลวไฟสีเขียวจางๆ ลอยอยู่ข้างหลังฉู่เฟย ก่อนจะค่อยๆ ควบแน่นและส่งเสียงกรีดร้องพุ่งทะยานขึ้นไปอย่างโกรธเคือง
"ฮ่าๆๆ!"
จู่ๆ ฉู่เฟยก็หัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้สีหน้าของฉู่อวิ๋นจริงจังขึ้น เขารู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันทรงพลังที่เพิ่มขึ้น
“เ้าคนต่ำช้า เ้า... ทำให้ข้าขายขี้หน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย! วันนี้...เ้าต้องตายแน่นอน!”
"ตูม!"
ขณะที่ฉู่เฟยพูด เปลวไฟสีเขียวบนตัวมีดใบไม้แข็งก็เผาไหม้มากขึ้นเรื่อยๆ สะเก็ดไฟลอยไปรอบๆ คลื่นความร้อนก็พุ่งสูงขึ้นจนฉู่อวิ๋นที่อยู่ไกลอีกฟากหนึ่งของเวทีประลองยังรู้สึกถึงแสงสว่างที่ลุกโชติ่อันร้อนแรงได้
เห็นได้ชัดว่าฉู่เฟยโกรธมาก เพราะฉู่อวิ๋นได้ทำลายพร์ิญญายุทธ์ที่นางสุดแสนจะภาคภูมิใจลงแล้ว
“ไม่ถึงวินาทีสุดท้าย ใครจะแพ้ใครจะพ่าย[1]ก็ไม่อาจรู้ได้หรอก!” แม้ว่าเขาจะััได้ถึงรัศมีอันน่าสะพรึงกลัวของฉู่เฟยได้ แต่ฉู่อวิ๋นก็ยังคงไม่เกรงกลัว ยืนตระหง่านกระชับกระบี่ในมือแน่นและจ้องมองคนที่อยู่ตรงหน้า
สำหรับฉู่อวิ๋น สิ่งที่เรียกว่าความอัปยศอดสูของฉู่เฟยในวันนี้ เทียบไม่ได้กับความเกลียดชังจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และความอยุติธรรมที่เขาเคยได้รับ
“ฮ่าๆ! เ้าบังคับข้าเองนะ ไอ้สารเลวตระกูลรอง! ตอนนี้ ข้าจะแสดงให้เ้าเห็นช่องว่างที่แท้จริงระหว่างข้ากับเ้า!” ฉู่เฟยหัวเราะด้วยความโกรธ สุ้มเสียงแหบแห้งทำให้ผู้ชมเริ่มตัวสั่น
“ควั่บ ควั่บ ควั่บ ควั่บ!”
ในเวลานี้ พลังปราณของฉู่เฟยยังคงเพิ่มสูงขึ้น เงานกนางแอ่นที่อยู่ด้านหลังนางกางปีก เกิดเปลวไฟสีเขียวลุกท่วม ราวกับนกอินทรีที่โจมตีท้องนภาด้วยพลังอันท่วมท้น
ผู้ชมทั้งหมดกลั้นหายใจ รู้สึกว่าเวทีประลองในตอนนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร ราวกับว่าทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในนั้น แม้แต่กระดูกก็อาจแตกเสี่ยงๆ
“นี่...เป็ไปไม่ได้! ฉู่เฟยมาถึงระดับนี้แล้วหรือ? ดูจากพลังปราณของนาง เกรงว่านางจะเทียบเท่ากับนักรบในระดับแปดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณแล้ว!” นักรบรุ่นเยาว์คนหนึ่งอุทานขึ้นมา
“ข้าไปดูการต่อสู้ของฉู่เฟยทุกครั้ง แต่คราวนี้พลังปราณของนางเพิ่มสูงขึ้นจนเห็นได้ชัดว่านางโกรธเข้าแล้วจริงๆ! นี่คือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของนางหรือ? น่ากลัวเกินไปแล้ว!” นักรบอีกคนกล่าว
“ผู้าุโสาม นังหนูคนนี้ของเ้าแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ! ก่อนหน้านี้เ้าซ่อนไว้จากพวกเราโดยบอกว่านางอยู่ในระดับเจ็ดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณเท่านั้น!” หัวหน้าตระกูลซือหม่ามองไปที่ค่ายตระกูลฉู่และพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา
และไม่คาดคิด ผู้าุโสามยังแสดงท่าทีประหลาดใจและกล่าวว่า "เฟยเอ๋อร์มักจะฝึกฝนตามลำพัง เราสังเกตถึงระดับพลังยุทธ์ของนางได้จากรังสีของนางเท่านั้น แต่ไม่คิดว่า...นางจะระงับการฝึกฝนของตัวเองเอาไว้! "
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็ตกตะลึงอีกครั้ง ฉู่เฟยผู้ปลุกิญญายุทธ์ระดับหกขึ้นมา ไม่เพียงแต่มีพร์ที่แสนพิเศษเท่านั้น ความแข็งแกร่งของนางยังถูกซ่อนไว้อย่างดีอีกด้วย
อัจฉริยะไม่น่ากลัว แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือพลังยุทธ์ของอัจฉริยะในตอนที่เอาชนะผู้แข็งแกร่งได้นั้น ไม่ได้ใช้พลังแท้จริงของตนเลย!
“กลัวว่าวันนี้เ้าดาวหายนะจะจบลงแล้วจริงๆ”
“ห่างชั้นเกินไปแล้ว! น่าผิดหวังจริงๆ”
ผู้คนกลุ่มเล็กๆ แอบไว้ทุกข์ให้ฉู่อวิ๋นอย่างเงียบๆ ตอนนี้ระดับพลังยุทธ์ของฉู่เฟยได้เพิ่มสูงขึ้นถึงระดับแปดของขอบเขตการควบแน่นพลังปราณ สามระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่อยากข้ามก็ข้ามได้ ช่องว่างนี้กว้างเกินไปจริงๆ!
“เ้าก้อนเมฆอันธพาล! สละสิทธิ์ซะ!” ในเวลานี้ มู่หรงซินะโไปทางเวทีประลองด้วยเสียงอันดัง นางรู้ว่าการเคลื่อนไหวครั้งต่อไปของฉู่เฟยต้องเป็ท่าสังหารซึ่งยากจะต้านทานแน่
แต่ฉู่อวิ๋นกลับทำเมินเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนอกเวทีประลอง เขาจ้องมองไปที่ฉู่เฟยเพียงคนเดียวเท่านั้น มือทั้งสองข้างจับกระบี่ชื่อยวนไว้แน่น และแอบระดมพลังปราณในร่างกาย
“ข้าก็อยากรู้เหมือนกันว่าเ้าจะใช้ท่าไหน!?”
"มาสู้!"
เขากดมือทันทีและชี้กระบี่ไปข้างหน้า ฉู่อวิ๋นไม่มีท่าทีหวาดกลัวและยืนตรงตระหง่านสู้ท้องฟ้า!
“กล้าดีนัก! แต่ก็แค่คนสาวเลวที่บ้าบิ่น เ้าตายแน่!”
ทันใดนั้นฉู่เฟยรีบพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว นกนางแอ่นไฟสีเขียวกระพือปีกไปด้านหลัง ทำให้ร่างของนางกลายเป็ภาพติดตาสีเขียวมรกต ชั่วครู่หนึ่ง ทั่วทั้งลานประลองเต็มไปด้วยเปลวไฟสีเขียวที่สว่างไสว
ทุกครั้งที่นางก้าวเดิน พื้นดินก็จะแตกกระจาย ทั้งยังมีฝุ่นควันลอยเต็มท้องฟ้า
ยามนี้ แม้ฉู่เฟยจะไม่ได้ใช้เพลิงมรกตพรางตา แต่ก็ยังสามารถทำให้ผู้คนตื่นตาตื่นใจด้วยความเร็วของนางได
“ตกตายภายใต้กระบวนท่านี้ของข้า พอเ้าตกนรกไป ก็มีเื่ให้โอ้อวดแล้ว!”
ทันใดนั้น เสียงของฉู่เฟยก็ดังมาจากด้านหน้า ทำให้ใบหน้าของฉู่อวิ๋นเริ่มจริงจังมากขึ้น ดวงตาของเขาจ้องมองไปรอบๆ แต่กลับมองเห็นเพียงภาพติดตาที่วิ่งผ่านไปอย่างเร็วรวด ไม่อาจมองเห็นตำแหน่งที่ชัดเจนของฉู่เฟยได้
"วิ้ว!"
เสียงลมพัดดังก้องสนั่น
หัวใจของฉู่อวิ๋นเต้นรัว หนังศีรษะชาหนึบ เขารู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่าที่รุนแรง!
“ตายซะ! เ้าขยะ!”
“สังหารจตุรทิศ นางแอ่นหวนกลับ!”
"ควั่บ!"
ทันใดนั้น ตัวมีดก็ปะทุเปลวไฟสีเขียวที่ดุร้าย รุนแรงและไม่มีใครเทียบได้ออกมา
ดวงตาของฉู่อวิ๋นหดตัวลง ขนหัวเขาลุก เขาเคลื่อนไหวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็ไปได้ และยกกระบี่ฟันด้วยความเร็ว ก่อนจะใช้ดวงดาราแปรผันเพื่อต้านไว้
"ตึง!"
แสงดาวสามสิบหกดวงไหลเวียนปิดกั้นกระบวนท่าที่รวดเร็วและรุนแรงนี้อย่างหวุดหวิด แต่พลังอันแข็งแกร่งบนมีดยังทำให้ฉู่อวิ๋นมึนงงได้จนเขาแทบจะจับกระบี่ชื่อยวนให้มั่นไม่ได้ด้วยซ้ำ
ตอนที่ฉู่อวิ๋นกำลังจะโจมตีกลับ มีดใบไม้แข็งก็หายไป และฉู่เฟยก็กลายเป็ภาพติดตาอีกครั้ง เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ผลุ่บๆ โผล่ๆ เหมือนผีสางิญญาร้าย ปรากฏให้เห็นแล้วหายไป
“ให้ตายเถอะ! การโจมตีของฉู่เฟยรวดเร็วและทรงพลังเกินไป แม้ว่าข้าจะใช้ดวงดาราแปรผันกั้นไว้ แต่จากพลังที่เหลืออยู่ของมีดใบไม้เย็นก็เพียงพอที่จะทำลายแขนของข้าได้ ถ้าโดนนางฟันเข้า ข้าคงตายแน่นอน!”
ท่ามกลาง่เวลาเร็วรี่ ฉู่อวิ๋นกัดฟัน จิตใจคิดเห็นแตกต่าง
ทว่าในขณะนี้ มีมีดแสงอีกเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาจากด้านหลัง ทรงพลังราวกับฟ้าร้อง สั่นะเืไปทั่วท้องฟ้า!
"ควั่บ!"
ฉู่อวิ๋นใช้ดวงดาราแปรผันอีกครั้ง และปิดกั้นพลังมีดอันน่าสะพรึงกลัวได้อีกครา แต่วินาทีถัดมา ฝ่ามือข้างซ้ายของเขาก็เริ่มเ็ป เห็นได้ชัดว่ากระดูกฝ่ามือแตกเล็กน้อย
“ไม่ได้! ถ้าเป็แบบนี้ต่อไป แม้แต่กระบี่ก็ยกไม่ได้!”
“ควั่บ ควั่บ ควั่บ!”
แสงมีดอันน่าสะพรึงกลัวกระหน่ำโจมตีจากทุกทิศทางอีกครั้ง บังคับให้ฉู่อวิ๋นใช้ดวงดาราแปรผันเพื่อปกป้องตัวเอง แต่การโจมตีของฉู่เฟยดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุดและคล้ายจะหาจุดอ่อนไม่เจอ
"ฮ่าๆ! เ้าคนขยะ แม้ว่ากระบวนท่ากระบี่ของเ้าจะแปลกมาก แต่พลังปราณในร่างกายเ้าน้อยเกินไปและไม่ดีเท่าข้า! ตราบใดที่เ้าหมดพลังปราณ การที่ข้าจะฆ่าเ้าก็ง่ายเพียงนิด!” ฉู่เฟยสะบัดมือให้แสงมีดวาบวับออกมาและยิ้มอย่างน่าหวาดกลัว
“ควั่บ ควั่บ ควั่บ!”
แสงมีดสีเขียวอีกหลายลูกสาดส่องไปทั่วความว่างเปล่า
บนเวทีประลอง ฉู่อวิ๋นยืนนิ่ง โดยมีกระบี่ชื่อยวนที่ยกขึ้นกั้นในแนวนอน พยายามต้านทานอย่างสุดกำลัง
แต่ฉู่เฟยเป็เหมือนนกนางแอ่นที่โกรธแค้น สยายปีกใหญ่บินพุ่งเข้าโจมตีและฟาดฟันจากทุกทิศทาง หลังจากโจมตีสำเร็จครั้งหนึ่ง นางก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ปล่อยให้ฉู่อวิ๋นไร้หนทางสู้กลับ
เมื่อเห็นการต่อสู้ฝ่ายเดียวนี้ ทุกคนก็เหงื่อตก แม้แต่นักรบบางคนในระดับเก้าของขอบเขตควบแน่นพลังปราณก็ขมวดคิ้วและไม่กล้ามองตรงๆ
ครู่ต่อมา กระดูกมือซ้ายของฉู่อวิ๋นเกือบจะหักแล้ว และเนื่องจากบางครั้งเขาไม่สามารถต้านทานได้ แสงมีดจึงแวบไปทั่วร่างกายของเขาอย่างน่าหวาดเสียว ทำให้เกิดรอยมีดหลายรอยราวกับคนเปื้อนเื
ยิ่งกว่านั้น พลังปราณในร่างกายของเขายังน้อยกว่านางอยู่ครึ่งหนึ่ง สถานการณ์กำลังเพลี่ยงพล้ำ
"ไม่นะ! ฮือฮือ..." มู่หรงซินมองภาพอันน่าเวทนานี้ แล้วใช้มือทั้งสองปิดปากหลั่งน้ำตา
"ตึง!"
บนเวทีประลอง มีเสียงมีดกระทบกับม่านกระบี่ดังขึ้นมาอีกเสียง ทำให้ฉู่อวิ๋นโอดครวญและกระอักเืไหลออกมาจากมุมปาก
“ฮ่าๆๆ ดูเหมือนว่าไม่จำเป็ต้องรอจนกว่าพลังปราณของเ้าจะหมดแล้ว เ้าทนรับการโจมตีนี้ไม่ไหวแล้ว!” ร่างของฉู่เฟยเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ราวกับนกนางแอ่นบินโจมตีท้องฟ้า แสงมีดกระพริบระยิบระยับ
ทุกครั้งที่ฉู่อวิ๋นถูกโจมตี นางก็กลายเป็ภาพติดตาและหายไป ดูคล้ายไม่อาจล้มล้างได้
ยามนี้ ฉู่อวิ๋นไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง เขาเงยหน้าที่แดงก่ำขึ้นและจ้องมองอย่างไม่ยอมแพ้
“การใช้ดวงดาราแปรผันถ่วงเวลาแล้วรอการโต้กลับใช้ไม่ได้ผล! เช่นนั้นก็ใช้ได้แค่ดาราร่วงไร้รอยแล้ว”
“แต่ด้วยระดับพลังยุทธ์ของข้าในตอนนี้ ท่านี้จะใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น”
ด้วยระดับการฝึกฝนของฉู่อวิ๋นในตอนนี้ แม้จะอยู่ที่จุดสูงสุด กระบวนท่าดาราร่วงไร้รอยสามารถใช้ได้มากที่สุดเพียงสองครั้ง
ท้ายที่สุดแล้ว วิชากระบี่ดาวตกก็เป็ทักษะการต่อสู้ขั้นสูงระดับิญญา ย่อมใช้พลังปราณจำนวนมหาศาล
“หากข้าตัดสินทิศทางการโจมตีของฉู่เฟยผิด ข้าคงต้องตายอย่างแน่นอน! แต่นี่เป็วิธีเดียวในตอนนี้ ต้องลองสักตั้ง!”
จู่ๆ สายตาของฉู่อวิ๋นก็เปลี่ยนไป เขาอดทนต่อความเ็ปแสนสาหัสที่มือและชี้กระบี่ชื่อยวนขึ้นฟ้า แสงกระบี่แสงดาวสามสิบหกมรรคาพุ่งออกมา จากนั้นก็พันกันและถ่ายเทออกมาจากกระบี่ จากนั้นพวกมันก็ควบแน่นเป็สายรุ้งศักดิ์สิทธิ์สีม่วงทะยานฟ้าในทันที
"ควั่บ!"
สายรุ้งศักดิ์สิทธิ์นี้สว่างราวกับัสีม่วง ลอยอยู่เหนือตัวกระบี่ชื่อยวนคล้ายกับว่ามันมีพลังกลืนูเากินสมุทร
“หือ? นี่มันท่าอะไรกัน? ฮ่าๆ ดิ้นรนจนตายจริงๆ ให้ข้าฆ่าเ้าด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเถอะ!”
ฉู่เฟยยกมีดยาวใบไม้แข็งขึ้น แล้วพุ่งไปหาฉู่อวิ๋นจากด้านหลังด้วยพลังราวเ้าอินทรีที่พุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า
"ควั่บ!"
แสงกระบี่เพลิงมรกตส่องประกายไปทั่ว กลิ่นอายสังหารอันแข็งแกร่งก็ปะทุออกมา
ยามนี้ ฉู่อวิ๋นกัดฟันแน่น หันกลับมาและฟันไปข้างหลัง เหวี่ยงกระบี่ชื่อยวนออกไป ปรากฏสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์สดใสราวเกล็ดัหมอบ สั่นะเืพื้นที่โดยรอบ และกลายเป็ดาวตกที่ลอยออกไปไม่เห็นแม้แต่เงา!
“ดาราร่วงไร้รอย!”
"ควั่บ--"
"ตูม!"
ทันใดนั้น สายรุ้งดาวตกก็ชนกับแสงมีดเพลิงมรกต เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วบริเวณ ระลอกพลังปราณพลุ่งพล่านอย่างดุเดือดไปทุกทิศทาง ทำให้เสื้อผ้าและแขนเสื้อของผู้คนที่อยู่ใกล้เวทีประลองกระพือสะบัด เส้นผมของพวกเขาปลิวไสวไปตามลม
ชั่วครู่ต่อมาก็มองเห็นสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์รัดแสงมีดจนแน่น ส่งเสียงเหมือนัจากดวงดาว คำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นพันรอบมีดเย็นในมือของฉู่เฟย และโจมตีจนกลายเป็ผง
"พลังนี่...ไม่!!!"
ในความว่างเปล่า เสียงร้องอันเศร้าโศกและขุ่นเคืองของฉู่เฟยก็ดังขึ้น
สายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ทะลุอากาศและวิ่งวนเหมือนั พุ่งเข้าโจมตีร่างกายอันบอบบางของฉู่เฟยอย่างรวดเร็ว แรงะเินั้นทำให้อวัยวะภายในของนางราวกับว่าแตกสลาย ก่อนจะกระอักเืออกมาเต็มปาก
"ตึง!"
ด้วยเสียงอันดังนั้น ฉู่เฟยก็เหมือนกับนกนางแอ่นที่กำลังโผบินแล้วจู่ๆ ก็ตกลงมา นางถอยกลับอย่างรวดเร็วและถูกกระแทกจนกระเด็นไปข้างหลัง เืพุ่งออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ทำให้เสื้อสีเขียวแกมน้ำเงินของนางเปื้อนสีแดง ก่อนที่ร่างระหงจะล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง
นี่เป็ผลจากการถูกดาราร่วงไร้รอยโจมตี!
----------
[1] ใครจะแพ้ใครจะพ่าย แปลว่า ชนะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้