“มีโจรเข้ามาที่ลานหลังเรือน!”
“จับโจร”
พ่อลูกสกุลอู่ไม่ได้ดื่มไปมากครั้งกินอาหารมื้อส่งท้ายปี แค่ดื่มสุราไปคนละจอกเท่านั้น เวลานี้จึงยังมีสติแจ่มชัดอย่างยิ่ง พวกเขาลุกขึ้นมาเอาเสื้อคลุมตัวแล้วรีบวิ่งออกไปข้างนอกทันที
ก่อนนี้พ่อลูกสกุลอู่หมั่นซักซ้อมกันที่ลานหลังเรือนมาก่อนว่าหากมีโจรบุกเข้ามายามค่ำคืนจะล้อมจับอย่างไร ที่สุดวันนี้ก็ได้ใช้แล้ว
พ่อลูกสามคนวิ่งออกไปสามทิศทาง ไม่ว่าโจรจะหนีออกไปทางใดก็จะดักไว้ได้ทั้งหมด
โฮ่งๆๆ... เสียงเจาไฉกับจิ้นเป่าเห่าดังมาจากแปลงผัก
ตอนนี้แปลงผักไม่มีผักมีแต่แปลงเปล่าๆ ในวันที่หิมะตกเช่นนี้พื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยหิมะหนาถึงหนึ่งฉื่อกว่าๆ
จะอย่างไรเจาไฉกับจิ้นเป่าก็เป็สุนัข ยามที่วิ่งอยู่บนหิมะจึงทุลักทุเล
สุนัขวิ่งไม่ได้ไว คนก็เช่นกัน
กลางราตรีอันมืดมิด เ้าโจรจึงหกล้มอยู่ในแปลงผักนั้น ถูกเจาไฉกับจิ้นเป่าไล่ทันและกัดไปหนหนึ่งจนร้องอย่างเ็ป “โอ๊ย!”
เสียงอึกทึกครึกโครมขนาดนั้น ต่อให้พ่อลูกสกุลอู่ตาบอดก็ยังได้ยินเสียงและหาตัวจนพบ ทำให้จับโจรไว้ได้อย่างรวดเร็ว
โจรผู้นี้เป็ชาย สวมเสื้อผ้าขาดวิ่น เขาตัวสูงยิ่งกว่าอู่อวี๋เหนียนเสียอีก แต่กลับผอมจนน่าใ จับไปที่ตัวกลับมีแต่กระดูก
อู่ต้าชกท้องโจรไปหมัดหนึ่ง เอ่ยเสียงดุดันว่า “รีบบอกมา เ้ามีพวกหรือไม่”
โจรได้ยินเสียงคนสามคนและยังมีสุนัขอีกสองตัวก็ใจนไม่กล้าตอบโต้ เขาเ็ปจนต้องทรุดตัวลงคุกเข่าเอาสองมือกุมท้อง พูดออกมามีแต่ลมไร้เรี่ยวแรงว่า “ไม่มี”
อู่อวี๋เหนียนโกรธเกรี้ยวที่โจรทำให้ทุกคนในครอบครัวตนต้องใตื่นจากฝันแสนงาม และยังทำให้บ้านเ้านายต้องใ จึงถีบบั้นท้ายโจรไปครั้งหนึ่ง จนเ้าโจรหัวทิ่มหน้าคะมำจมดิน และเอ่ยเสียงดังว่า “เอาตัวมันเข้าไปในห้อง ดูซิว่าเป็ผู้ใด?”
แสงจันทร์สลัว พ่อลูกสกุลอู่ทั้งสามคุมตัวโจรไปที่ห้องเก็บของในเรือนด้านหลัง
ตอนนี้หลี่ซานและเด็กหนุ่มสกุลหลี่ทั้งสี่ล้วนได้ยินเสียงและตื่นขึ้นมาดูด้วย
อู่อวี๋เหนียนชี้ไปที่สุนัขสองตัว พูดด้วยท่าทางตื่นเต้นว่า “นายท่าน นายน้อยขอรับ เจาไฉกับจิ้นเป่าเห็นว่ามีโจรจึงวิ่งไล่และกัดโจรไปหนึ่งครั้งด้วย สร้างความชอบใหญ่หลวงขอรับ”
หลี่อิงฮว๋าเข้าไปอุ้มเจาไฉ หลี่ิ่หานอุ้มจิ้นเป่าแล้วเอ่ยชมพวกมันยกใหญ่
สุนัขสองตัวเห่าโฮ่งๆ ตอบรับไปสองครั้งคล้ายฟังภาษาคนรู้เื่
โจรใส่รองเท้าฟาง จึงเห็นนิ้วเท้าที่ถูกหิมะกัดทั้งสิบนิ้ว บนนิ้วเท้าหลายนิ้วยังมีเืไหลอยู่เลย เขาเอามือกุมหัวและคุกเข่าอยู่กับพื้น ปิดหน้าปิดตาทำให้มองเห็นหน้าไม่ชัด
อู่เอ้อร์ไปเอาตะเกียงน้ำมันมา อู่ต้าจับหัวของโจรให้เงยหน้าขึ้น เพื่อให้ทุกคนเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
หากหลี่สือ หลี่หรูอี้ และจ้าวซื่ออยู่ที่นี่ด้วย ก็จะต้องรู้ว่าโจรนี้เป็ผู้ใด
หลี่ซานถามว่า “เ้าเป็ใคร”
“เ้ารีบตอบคำถามนายท่านของพวกเรามาไวๆ หาไม่แล้วเ้าต้องโดนดีแน่!” อู่อวี๋เหนียนง้างหมัดขึ้นตรงหน้าโจร
โจรกลับยอมถูกตี แต่ไม่ยอมบอกว่าตนเป็ใคร
หลี่สือที่เพิ่งรู้เื่ก็เดินเข้ามาพอดี พอขยับเข้าไปจ้องมองโจรพักหนึ่งก็ร้องลั่นขึ้นว่า “คนเลวบ้านชวี!”
หลี่ซานถามว่า “หลี่สือ เ้าว่าเขาเป็คนบ้านชวีหรือ”
“เขากับข้าเคยมีเื่ชกต่อยกัน เขายังเคยถูกคนในหมู่บ้านจับถอดกางเกงด้วย ฮิๆ...” หลี่สืออดหัวเราะออกมาไม่ได้ ชี้ไปที่โจรและกล่าวว่า “ต่อให้เ้ากลายเป็ขี้เถ้า ข้าก็ยังจำได้ว่าเ้าคือคนเลวบ้านชวี”
หลี่ซานร้องเสียงหลงว่า “ชวีผิง!”
เด็กหนุ่มทั้งสี่หันมามองหน้ากัน พูดเป็เสียงเดียวกันว่า “ผู้ร้ายฆ่าคนชวีผิง!”
ชวีผิงเห็นว่าตนถูกจับได้แล้ว และคงต้องถูกตัดสินโทษตายเป็แน่ ตายดีมิสู้อยู่อย่างอับจน รู้แต่แรกก็ไม่น่ามาขโมยเต้าหู้ของบ้านหลี่เลย จึงร่ำไห้ว่า “ข้าไม่ได้เป็ผู้ร้ายฆ่าคน ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่ได้คิดจะฆ่านาง”
ตลอดเวลาที่ผ่านมาชวีผิงต้องเร่ร่อนอยู่ข้างนอก อดมื้อกินมื้อ หิวแทบตาย จึงผ่ายผอมลงกว่าแต่ก่อนถึงสามสิบกว่าจิน
หลายวันมานี้อากาศหนาวมาก ต่อให้ชวีผิงไม่หิวตายก็ต้องหนาวตายเป็แน่ เพื่อให้มีชีวิตรอด เขาอยากเข้าไปขโมยของที่บ้านชวี แต่ก็กลัวว่าจะถูกคนพบเห็นและส่งเขาไปรับโทษปะาที่ที่ว่าการอำเภอ จึงขโมยของอยู่ในแถบตำบลจินจีแทน เพราะต่อให้ถูกจับได้ก็จะไม่มีคนรู้จักเขา อย่างมากเขาก็แค่ถูกตีสักยกหนึ่ง
วานนี้เขาได้ยินคนอื่นๆ ว่ากันว่า บ้านหลี่ขายเต้าหู้จนมีเงินมีทองมากมาย ใน่ปีใหม่เต้าหู้หนึ่งชั่งขายถึงเจ็ดอีแปะทำนองนั้น จึงคิดจะแอบเข้าไปในคืนวันสิ้นปี อาศัย่ที่คนสกุลหลี่กินดื่มจนเมามายและอาจจะเผลอไผล จากนั้นก็จะขโมยเต้าหู้ไปขายข้างนอก
ผู้ใดจะรู้ว่าเขาเรียนจบยังมิทันคว้าชัย[1] เพิ่งเข้ามาถึงลานหลังเรือน ยังไม่ทันหาพบว่าห้องใดเป็ห้องเก็บเต้าหู้เลย ก็ถูกสุนัขสองตัวเข้ามาเห่าไล่เสียก่อน
เขาขโมยของมาระยะหนึ่งจนมีความช่ำชองแล้ว สุนัขฉาย[2]ทั่วไปจะไม่พบตัวเขาง่ายๆ แต่สุนัขสองตัวของบ้านหลี่เป็สุนัขพันธุ์ดี จึงเห็นเขาได้อย่างรวดเร็ว
พ่อลูกสกุลอู่ก็ลงมือรวดเร็ว วิ่งตามจนทันและจับเขาไว้ได้ในทันที ทำให้เขาหนีไปไหนไม่ได้
หากเขารู้ว่าสุนัขบ้านหลี่ร้ายกาจขนาดนี้ หนำซ้ำยังมีบ่าวชายอีกสามคนที่รักษาหน้าที่อย่างแข็งขัน แม้จะกินมื้อส่งท้ายปีมาก็ตาม แต่กลับไม่ละโมบในจอกสุรา เขาก็จะไม่มาขโมยเต้าหู้ที่บ้านหลี่แล้ว
หลี่ซานกลัวว่าชวีผิงจะตื่นใเป็สุนัขตื่นะโกำแพงและจะมาทำร้ายบุตรชายทั้งสี่ จึงก้าวไปขวางข้างหน้าบุตรชายเอาไว้ กล่าวเสียงเรียบๆ ว่า “แต่เื่ที่ชวีหงตายแล้วเป็เื่จริง เ้าเป็ผู้ร้ายฆ่าคน”
หลี่เจี้ยนอันพูดอย่างหนักแน่นว่า “เอาเชือกมามัดเขาไว้”
พ่อลูกสกุลอู่พุ่งตัวเข้าไปมัดชวีผิง หลี่ซานเอาตั่งที่นั่งฟาดชวีผิงจนสลบ ดังนี้แล้วทุกคนจะได้ไม่ต้องยุ่งยาก ไม่ต้องมีคนมาคอยนั่งเฝ้าชวีผิง
หลี่ซานบอกกับพ่อลูกสกุลอู่ว่า “ไว้ฟ้าสางแล้วพวกเ้าก็ส่งเขาไปที่ที่ว่าการอำเภอ”
พ่อลูกสกุลอู่ตอบเป็เสียงเดียวว่า “ขอรับ”
หลี่อิงฮว๋าบอกว่า “ตาข่าย์แผ่กว้าง คล้ายตาห่างหากไม่เคยละเว้น[3] ทุกคนต่างพากันนึกว่า ชวีผิงจะหนีไปได้อย่างลอยนวล ก็มิใช่ว่าถูกบ้านเราจับได้แล้วหรอกหรือ”
หลี่เจี้ยนอันผู้เป็บุตรชายคนโตกล่าวว่า “ต้องแจ้งเื่นี้กับคนในหมู่บ้านสักหน่อย ต้องให้ชาวบ้านคอยระวังกันไว้ให้ดี”
คนบ้านหลี่จึงกลับไปพักผ่อน
หลี่ซานกลับไปถึงห้องนอน เห็นจ้าวซื่อสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยนั่งอยู่ข้างเตียง จึงรีบบอกว่า “ไม่ต้องกลัว เ้าโจรนี่มีแค่คนเดียวและถูกพวกเราจับมัดไว้แล้ว รอไว้วันพรุ่งก็จะส่งไปที่ที่ว่าการอำเภอแต่เช้า”
จ้าวซื่อกลัวว่าจะเป็พวกโจรูเามาดูลาดเลา จึงถามไปเบาๆ “เป็โจรมาจากที่ใดหรือ”
“เ้าโจรคนนี้เ้าอาจเคยพบเห็นมาก่อน มันก็คือ ชวีผิง นั่นเอง”
จ้าวซื่อขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดว่า “เป็มันนั่นเอง มันทำให้ข้าต้องคลอดก่อนกำหนด”
หลี่ซานตบหัวตนเอง “จริงด้วย ถ้าเ้าไม่เอ่ยขึ้นมาข้าก็ลืมเื่นี้ไปแล้ว เช้าวันพรุ่งข้าต้องชกมันสักสองหมัด”
จ้าวซื่อส่ายหน้า “เ้าไม่ต้องชกมันหรอก ท่านนายอำเภอกำลังประกาศตามจับมันอยู่ เ้าเอาไปส่งที่ที่ว่าการอำเภอ มันก็ไม่มีทางมีจุดจบที่ดีแล้ว”
“รีบนอนเถิด อีกนานกว่าฟ้าจะสาง”
“ข้าก็นึกว่าเป็โจรูเา ใจข้าเต้นเร็วนัก”
“เหตุใดเ้าจึงได้คิดไปถึงโจรูเาโน่นเล่า”
“ไม้ใหญ่ท้าลม การค้าบ้านเรารุ่งเรืองเพียงนี้ ย่อมดึงดูดโจรูเาได้ง่าย”
“ในรัศมีหลายร้อยลี้นี้ไม่มีโจรูเา หรือต่อให้มีก็จะไม่มาขโมยของบ้านเรา” ครั้งหลี่ซานไปสร้างกำแพงเมืองก็เคยสอบถามเื่โจรูเามาด้วย เขาเอ่ยอย่างเนิบช้าว่า “โจรูเาจะไม่ไปไกลูเาเกินไป ยิ่งไม่กล้ามาขโมยของอย่างโจ่งแจ้งถึงแถบใกล้ๆ ตัวอำเภอ บ้านเราอยู่ใกล้ตัวอำเภอฉางผิงแค่นี้เท่านั้น และในตัวอำเภอมีทหารประจำการ พวกโจรูเาก็ไม่ได้โง่”
จ้าวซื่อเอ่ยเบาๆ ว่า “เป็ดังนั้นหรอกหรือ”
หลี่ซานกุมมือจ้าวซื่อเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “อีกประการ เรือนเราก็นับว่ามีฐานะเล็กน้อยเท่านั้น พอจะมีเงินมากกว่าชาวนาทั่วไปสักหน่อย ยังไม่ไปเข้าตาพวกโจรูเาหรอก”
“เรือนเราอยู่ติดกับูเา โจรูเาจะไม่ข้ามเขามาหรอกหรือ”
“ไม่หรอก เ้าคิดมากเกินไปแล้ว” หลี่ซานเป่าตะเกียงน้ำมันให้ดับ
หลี่หรูอี้นอนหลับค่อนข้างลึก มีโจรขึ้นบ้านก็ยังไม่รู้ เช้าวันรุ่งขึ้นจึงเพิ่งถูกเสียงประทัดดังติดต่อกันเป็ชุดจนหนวกหูทำให้ใตื่น
หลี่ซานเคาะประตูเอ่ยเสียงดังว่า “หรูอี้ รีบตื่นเร็ว ไปไหว้ปีใหม่คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านกับพ่อ”
.............................
คำอธิบายเพิ่มเติม
[1] เรียนจบยังมิทันคว้าชัย หมายถึง เริ่มต้นดีแต่ทำไม่สำเร็จ
[2] สุนัขฉาย คือ สุนัขชิบะ
[3] ตาข่าย์แผ่กว้าง คล้ายตาห่างหากไม่เคยละเว้น เป็สำนวน หมายถึง กฎ์ยุติธรรมเสมอ ทำสิ่งใดไว้ไม่ว่าอย่างไรก็หนีไม่พ้น (เหมือนเป็ตาข่ายที่ตาไม่ถี่ แต่ไม่เคยละเว้นใคร)
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้