เฉียวเยว่ตัดสินใจถ่ายทอดความคิดของตนเองออกมาเป็ภาพเขียน นางสั่งบ่าวชาย "ย้ายโต๊ะหนังสือของข้าไปไว้ห้องของพี่สาว ข้าจะไปวาดที่นั่น"
อิ้งเยว่รู้ เฉียวเยว่กลัวว่าตนเองอยู่คนเดียวจะเหงา ยิ่งคิดก็ยิ่งเกิดความซาบซึ้งใจ แต่กลับไม่แสดงออกหรือพูดอะไรมากนัก นางแสร้งแหนงหน่าย "จบเห่กัน ห้องข้าคงต้องกลายเป็เล้าไก่เสียแล้ว"
เฉียวเยว่ทำแก้มป่อง "พี่สาว ท่านเองก็ดีใจแต่กลับไม่พูดออกมาตรงๆ นิสัยเด็กม.สองแท้ๆ"
"อันใดคือเด็กม.สอง" อิ้งเยว่ถามด้วยความสงสัย
เฉียวเยว่หัวเราะแหะๆ "ก็อย่างท่านนี่ไง อายุสิบกว่าขวบ กำลังมีความคิดเป็ของตนเอง เป็่วัยที่หยิ่งผยอง คิดว่าตนเองประเสริฐที่สุด ส่วนคนอื่นๆ ล้วนเป็ลูกเจี๊ยบขัดหูขวางตา ชอบแข่งขันชิงดีกับผู้อื่น และไม่ยอมพูดความในใจที่แท้จริงของตนเองออกมา"
"คำพูดเหล่านี้ล้วนเป็สิ่งที่เ้าคิดขึ้นมาเพื่อเหน็บแนมข้าหรือ?" อิ้งเยว่ยอมศิโรราบให้นางจริงๆ
เฉียวเยว่สะบัดมือ "ที่ไหนกันเล่า จะเป็ไปได้อย่างไร"
อิ้งเยว่หัวเราะหึๆ ถ้อยคำเยี่ยงนี้ นางไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำ ดูท่าน้องสาวคงจงใจแต่งเื่ไร้สาระ ถึงสร้างคำเหลวไหลเหล่านี้ขึ้นมา
"หากสร้างคำใหม่มาค่อนแคะข้าอีก เ้าได้ถูกตีก้นแน่"
เฉียวเยว่รีบปิดก้นของตนเอง พลางตีหน้าเศร้า "เหตุใดพวกท่านถึงสนใจแต่ก้นของข้านัก อย่าเห็นว่าก้นของข้าเนื้อเยอะ เลยคิดแต่จะตีก้นข้าตลอดเวลา"
"เฉียวเฉียว เฉียวเฉียว ข้าเตรียมของมาแล้ว"
ฉีอันนึกถึงสิ่งที่ตนเองสามารถวาดได้ออกแล้ว ก็ตื่นเต้นดีอกดีใจเป็พิเศษ
เขาหอบพู่กัน กระดาษ หมึก และแท่นฝนหมึกมาพร้อม "พวกเราจะวางไว้ที่ไหน?"
เฉียวเยว่เท้าสะเอวมองไปรอบๆ "ไม่ได้ ไม่ได้ โต๊ะหนังสือของข้าเล็กเกินไป ที่ว่างตรงนี้ขนาดไม่พอวาง ข้าจะไปหาท่านพ่อ ฉีอัน เ้าเขียนจดหมายถึงท่านตา บอกให้เขาแวะมาชมผลงานภาพเขียนของพวกเราบ้าง อ้อจริงสิ หากพาท่านลุงมาด้วยกันได้ก็ยิ่งดี"
ฉีอันสะบัดพู่กันแล้วจิ้มศีรษะของตนเอง ถามว่า "เหตุใดต้องพาท่านลุงมาด้วยเล่า?"
"เพราะท่านลุงรูปงาม เห็นเขาแล้วทำให้ข้านึกถึงท่านเทพเอ้อหลาง [1]" เฉียวเยว่ยิ้มตาหยี
ฉีอันพยักหน้า "ได้ ข้าเขียนเอง ข้าจะเขียนจดหมายถึงท่านตา"
นี่คือการเขียนจดหมายครั้งแรกของฉีอัน เขาตื่นเต้นมาก พอเห็นเฉียวเยว่วิ่งออกไปข้างนอกแล้ว ก็หันมาหาอิ้งเยว่ "พี่สาว ท่านสอนข้าเขียนได้หรือไม่?"
อิ้งเยว่พยักหน้า
แต่ไหนแต่ไรมาซูซานหลางก็สนับสนุนบุตรในด้านนี้ ไม่นานของที่พวกเขา้าก็เตรียมเสร็จเรียบร้อย แต่ไม่เอาไปตั้งในห้องของอิ้งเยว่ กลับไปวางที่ห้องหนังสือเล็กของเฉียวเยว่แทน
แต่ขณะเดียวกันเขาก็เลือกเก้าอี้เอนหลังตัวใหญ่ไปตั้งในห้องหนังสือของนางด้วย
พอเห็นกระต่ายอ้วนตัวน้อยของเขาทำแก้มป่องอีกแล้ว ซูซานหลางก็พูดเกลี้ยกล่อมพะเน้าพะนอ
"เ้าไปเอะอะเสียงดังที่นั่นทั้งวัน พี่สาวเ้าจะพักผ่อนเพียงพอได้อย่างไร ตอนนี้นางควรพักผ่อนเงียบๆ อีกอย่างเ้าก็รู้ ปรกติพี่สาวของเ้าชอบอ่านตำราคนเดียวเงียบๆ พ่อรู้ เฉียวเยว่เป็ห่วงอิ้งเยว่ และรักอิ้งเยว่มาก แต่ไม่อาจให้ความคิดของตนเองส่งผลกระทบต่อการพักผ่อนของนาง ใช่หรือไม่?"
เฉียวเยว่ไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจ จริงอยู่แม้จะดื้อรั้นอยู่บ้าง แต่ก็ยังฟังเหตุผล นางพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก
"ข้าเข้าใจแล้ว"
นางตอบเสียงใส
ซูซานหลางถอนหายใจอย่างโล่งอก "เ้าดู พ่อจัดเก้าอี้เอนหลังตัวใหญ่ไว้ที่นี่ด้วย พี่สาวเ้าสามารถมาอ่านหนังสือภาพของพวกเ้าที่นี่ได้ ใช่หรือไม่?"
"ใช่เ้าค่ะ" เฉียวเยว่ตอบทันควัน
"ข้าให้ฉีอันเขียนจดหมายถึงท่านตา ท่านพ่อให้คนไปส่งให้ได้หรือไม่?"
"ได้สิ" ซูซานหลางอมยิ้ม
ทางเรือนสามมีความเคลื่อนไหวไม่น้อย เรือนข้างเคียงย่อมรู้
เรือนใหญ่คิดอย่างไรล้วนสงวนท่าที แต่เรือนสองกลับแตกต่าง
ไท่ไท่รองโกรธจัด นางขว้างปาสิ่งของในห้องอย่างเกรี้ยวกราด "นางเด็กขี้โกหก คิดว่าตนเองยิ่งใหญ่มาจากไหน เกอเอ๋อร์ก็ไม่ใช่ เรียกร้องอะไรได้ทั้งวัน ด้วยอุปนิสัยของเหล่าซาน ต้องตามใจพวกนางอยู่แล้ว"
หมัวมัวข้างกายกำลังตัดเย็บเสื้อผ้าเด็ก เอ่ยว่า "ไท่ไท่อย่าบันดาลโทสะเลยเ้าค่ะ เช่นนี้ไม่ดีต่อสุขภาพนะเ้าคะ"
ไท่ไท่รองขุ่นเคือง คว้ากรรไกรมาตัดผ้าในตะกร้าระบายอารมณ์ "ข้าไหนเลยจะไม่รู้เื่นี้ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งหมั่นไส้ ไม่เห็นบ้านไหนจะใส่ใจสตรีถึงเพียงนี้ หากเป็ผู้ชายก็ว่าไปอย่าง อย่างน้อยก็เป็บุตรชาย แต่นี่อะไร บ้านนี้ทั้งบ้านล้วนสมองฟั่นเฟือนกันหมดแล้ว แค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะเชิดชูไปถึงไหนกัน"
"ไท่ไท่กล่าวได้ถูกต้อง ไม่เคยเห็นว่าที่ไหนจะเป็เช่นนี้ คนในตระกูลนี้คือหน้าตาและศักดิ์ศรีของจวนโหว ทุกสิ่งล้วนแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป แต่จะว่าไปคนเรียนหนังสือเหล่านี้ไม่รู้ว่าอ่านตำรามากเกินไปหรือไม่ ถึงโง่งมนัก ไท่ไท่ท่านไม่รู้อันใด ข้าได้ยินว่าวันนั้นที่ผู้าุโฉีกับเสนาบดีฉีมาเยือนถึงจวน ให้คนหามของมาตั้งหลายหีบ หีบเล็กๆ ที่รวมอยู่ในนั้นล้วนเป็ของที่นำมาให้กับเด็กๆ ทุกคนต่างมีคนละส่วน ตอนนั้นคุณหนูเจ็ดร่ำร้องจะเก็บรักษาสมบัติเอง เดือดร้อนไปถึงฮูหยินผู้เฒ่าเลยเ้าค่ะ"
บ้านไหนปิดประตูเงียบย่อมไม่มีเื่ซุบซิบ เรือนสองก็เป็เช่นนี้
หรูหมัวมัวหญิงรับใช้าุโคนสนิทที่ติดตามไท่ไท่รองเข้ามาตอนแต่งงานก็เป็คนชอบพูดเรื่อยเปื่อย
"ว่ากันว่าเจียงหนานมีประชากรมาก อุดมไปด้วยทรัพยากร เสนาบดีฉีเป็ผู้ว่าการมณฑลมาห้าหกปี ไม่รู้ว่าเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไปเท่าไร ดูอย่างปิ่นไข่มุกบนศีรษะของคุณหนูเจ็ดชิ้นนั้นสิเ้าคะ ท่านเคยเห็นไข่มุกสีชมพูเปล่งประกายแวววาวเช่นนี้หรือ ผู้าุโฉีฝังหัวอยู่กับตำรับตำราทั้งวัน ไม่สนใจเื่อื่น เสนาบดีฉีเป็พ่อม่าย ไม่มีบุตรเป็ของตนเอง มีไท่ไท่สามเป็น้องสาวเพียงคนเดียว ใครจะรู้ว่าเขาขนสมบัติมาให้นางเท่าไรแล้ว"
ไท่ไท่รองยิ่งคิดก็ยิ่งอิจฉาริษยา ถ่มน้ำลายออกมา "คนมั่งมีคือเสนาบดีฉี ใช่นางฉีอิ่งซินเสียที่ไหน อย่านึกว่าตนเองจะสบายไปตลอดชาติ รอเสนาบดีฉีแต่งภรรยาเข้าจวนเมื่อไร คอยดูว่านางจะดิ้นพราดไปกี่วัน"
"นั่นสิเ้าคะ แต่ไม่รู้ว่าเสนาบดีฉีชอบสตรีแบบไหน ตอนแรกคุณหนูสี่ของจวนเราอยากแต่งให้เขาจะเป็จะตาย แต่ก็ยังไม่สำเร็จมิใช่หรือ?"
เมื่อเอ่ยถึงน้องสาวสามีคนนี้ ไท่ไท่รองก็ไม่สบอารมณ์ สีหน้าบูดบึ้งยิ่งกว่าเดิม "หญิงสาวนุ่มนิ่มเหยาะแหยะราวกับแกะน้อยอย่างนาง ข้าเป็บุรุษก็ไม่พึงปรารถนา วันทั้งวันรู้แต่อ่านท่องตำรา อ่านจนโง่งมหมดแล้ว มีประโยชน์อันใด"
ไท่ไท่รองขยับตัวเล็กน้อยบนเตียงเตา
"เขาหรือ... อ๊ะ!" นางพลันนึกบางอย่างขึ้นได้ "หมัวมัว ปีนี้หรูเมิ่งอายุสิบห้าแล้วใช่หรือไม่?"
"ใช่เ้าค่ะ ปีนี้คุณหนูรองอายุครบสิบห้าพอดี" หรูหมัวมัวตอบ
ไท่ไท่รองยิ้มออกทันควัน นางดึงมือหรูหมัวมัวมาจับแล้วพูดว่า "หมัวมัว เ้าว่าถ้าจับคู่หรูเมิ่งกับฉีจือโจวจะเป็อย่างไร?"
หรูหมัวมัวฟังแล้วก็พยักหน้า "ไท่ไท่ปราดเปรื่องยิ่งนัก คุณหนูรองเหมาะสมเป็ที่สุด หากนางสามารถแต่งเข้าสกุลฉีได้ ต่อไปก็จะไม่มีใครกล้าพูดว่าตระกูลเรามีดีแค่เงินทอง แต่หามีวิชาความรู้อันใด อีกอย่าง เสนาบดีฉีก็เป็เสนาบดีที่อายุน้อยที่สุด แม้อุปนิสัยจะเ็าไปบ้าง แต่รูปโฉมก็หล่อเหลาไม่เลวเลย"
ไท่ไท่รองยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าความคิดของตนเองยอดเยี่ยมที่สุด หากน้องสาวแต่งเข้าสกุลฉี ถึงเวลาฉีอิ่งซินจะเป็อะไรได้ น้องสาวของนางต้องเข้าข้างพี่สาวเช่นนางอยู่แล้ว ถึงเวลาหีบสมบัติเ่าั้...
นางเพียงจินตนาการถึงภาพเ่าั้ก็ลำพองใจเป็หมื่นส่วนแล้ว รอยยิ้มผุดขึ้นบนมุมปากของนาง
"ถึงแม้ฉีจือโจวจะอายุมากไปหน่อย แต่อายุมากแล้วอย่างไร ทั้งสถานะและหน้าที่การงานล้วนสูงยิ่ง หรูเมิ่งของพวกเราอาจเสียเปรียบอยู่บ้าง แต่คนเราไม่อาจสุขสมหวังได้ทุกอย่าง แต่งกับคนหนุ่มเ่าั้ก็ไม่แน่ว่าจะมีอำนาจบารมีได้เยี่ยงนี้"
"ไท่ไท่กล่าวถูกต้อง" หรูหมัวมัวคล้อยตาม
"รีบส่งจดหมายกลับไป เชื้อเชิญน้องสาวของข้าให้มาพักที่นี่สักสองสามวัน" ไท่ไท่รองหยุดคิดครู่หนึ่ง ก่อนพูดต่อ "ไป พวกเราไปเรือนสาม ฉีอิ่งซินไม่มีทางไม่ช่วยพวกเราจับคู่ นางเองคงไม่ปรารถนาให้พี่ชายครองตัวเป็โสดชั่วชีวิตกระมัง?"
"ฮูหยินผู้เฒ่าบอกให้ท่านอย่าออกจากเรือนบ่อยนัก ไม่สู้บ่าวไปเชิญนางมาเยี่ยมท่านดีกว่า..."
ไท่ไท่รองหัวเราะเยาะ "เ้าเชิญนางมาไม่ได้หรอก นึกว่านางเป็คนดีนักหรือ ผู้อื่นสูงศักดิ์เสียขนาดนั้น บุตรแต่ละคนยิ่งมีวาทศิลป์เป็เลิศ ไม่แยแสหรอกว่าเ้าจะเป็หมัวมัวาุโจากไหน"
นางจัดเสื้อผ้าให้เป็ระเบียบ "ไป พวกเราไปด้วยกัน ท่านแม่เพียงบอกให้ข้าอยู่แต่ในเรือนอย่างสงบเสงี่ยม นี่ไม่ใช่การกักบริเวณ"
หรูหมัวมัวรีบประคองผู้เป็นาย
"หากพวกเขากล้าพูดมาก ข้าก็จะแกล้งปวดท้อง ข้าไม่เชื่อ พวกเขาจะกล้าทำอันใด แม้ไม่เห็นความสำคัญของข้า ก็ต้องเห็นความสำคัญของบุตรในท้อง เพราะครรภ์นี้ของข้าเป็บุตรชาย" ไท่ไท่รองยิ้มเยาะ
แม้ว่าครรภ์จะยังเห็นไม่ชัด แต่ไท่ไท่รองก็เปลี่ยนมาสวมอาภรณ์หลวมกว้าง บ่งบอกถึงสถานะของสตรีมีครรภ์ ยังยกมือประคองบั้นเอวอีกด้วย "ครรภ์นี้ของข้าจะต้องได้เป็หลานชายคนโปรด"
ทั้งสองมาถึงเรือนสาม คนของเรือนสามเห็นไท่ไท่รองมาเช่นนี้ก็รีบเข้าไปรายงาน แต่บัดนี้เรือนสามทั้งครอบครัวล้วนอยู่ที่ห้องหนังสือเล็กของเฉียวเยว่
พอได้ยินว่าไท่ไท่รองมาหา ซูซานหลางก็กล่าวเรียบๆ "พี่สะใภ้รองกำลังท้องกำลังไส้ ไปไหนมาไหนส่งเดชเช่นนี้ หากเกิดอะไรไม่ดีขึ้น กลัวว่าจะโยนความผิดมาให้เรือนสามของพวกเรา เด็กน้อยอย่างพวกเ้าอย่าออกไปไหน จะได้ไม่ถูกนางดึงเข้าไปติดร่างแห"
ไท่ไท่สามคิ้วขมวด "ท่านอย่าพูดไร้แก่นสารต่อหน้าเด็ก"
ซูซานหลางกลับไม่นำพา "ข้าไม่พูด บุตรสาวของเ้าก็จะชอบนางหรือไร?"
เขาลุกขึ้น "ไปเถอะ ข้าจะไปเป็เพื่อน ดูว่านางจะมาไม้ไหนอีก"
"สตรีพูดคุยกัน ท่านไปด้วยเกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะสม ต่อให้นางคิดหาเื่ ก็คงต้องใคร่ครวญถึงร่างกายของตนเองอยู่บ้างกระมัง? อย่างไรเสียก็มีอีกชีวิตอยู่ในท้อง นางไม่น่าจะทำอะไรสิ้นคิด”
"ก็เพราะมีอีกชีวิตอยู่ในท้องน่ะสิ ข้าถึงกลัวว่านางจะใช้เื่นี้มาร้องขอบางสิ่งบางอย่างจากเ้า ความหน้าหนาของใครบางคนเ้าเองก็น่าจะรู้ดี"
ซูซานหลางทำสีหน้าจริงจัง วิเคราะห์อุปนิสัยของไท่ไท่รองอย่างทะลุปรุโปร่ง
"นางร้องขอ ข้าต้องตอบตกลงด้วยหรือ ไหนเลยจะมีเื่ดีเช่นนั้น ข้าเองก็ไม่ใช่คนน่าสงสารที่จะปล่อยให้ใครรังแกเสียหน่อย วางใจเถอะ" ไท่ไท่สามอมยิ้ม
แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่ซูซานหลางกลับไม่คล้อยตาม ยืนกรานจะไปด้วยกันให้ได้
เฉียวเยว่ยกมือปิดตา หลังจากนั้นก็ทำท่าแอบมองระหว่างช่องเล็กๆ "เหม็นความรัก"
ไท่ไท่สามหน้าแดงเถือกขึ้นมาทันที "ยายหนูตัวแสบ พูดเหลวไหลอันใดอีกแล้ว"
เฉียวเยว่หัวเราะคิกคัก ทำท่าดุจผู้หยั่งรู้ "ก็คือการแสดงความรักอย่างเปิดด้วยการโต้ตอบกันไปมาเช่นที่พวกท่านทำอยู่นี่ไงเล่า"
...
[1] เทพเอ้อหลาง คือเทพเ้าสามตา มีตำแหน่งเป็แม่ทัพใหญ่ของ์ มีบริวารเป็สุนัขชื่อเห่าฟ้า เป็ตัวละครหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในนิยายเื่บันทึกการเดินทางสู่ชมพูทวีป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้