“ขอบคุณนายจริงๆ หลังจากนี้ฉันจะเป็น้องชายที่แสนซื่อสัตย์ของนาย” หลี่โม่ฟ๋าน มองฉันด้วยสายตาที่เลื่อมใสพลางพูด ซึ่งเื่ราวมันควรจะเป็เช่นนั้น หากไม่มีฉัน เขาคงจะตายนานแล้ว
“อืม” ฉันพยักหน้าพลางพูด เมื่อกี้ฉันตั้งใจช่วยหลี่โม่ฟ๋านใน่เวลาทางตันของเขา จริงๆ แล้วฉันจะสามารถใช้วิธีนี้ให้กว่านี้ก็ได้ แต่ฉันเข้าใจดีว่าจะทำเช่นนี้ไม่ได้
คุณย่าฉันเคยพูดว่า เมื่อคนคนหนึ่งถูกปล่อยให้หิวตาย หากคุณให้ข้าวเขา 1ลิตร เขาจะมองคุณเป็ผู้มีพระคุณ แต่หากคุณให้ข้าวเขา 1 โตว เขาอาจจะคิดว่า ในเมื่อคุณให้ข้าว 1 โตวได้ งั้นก็คงจะให้ฉันได้อีกมาก คิดไม่ถึงว่าคุณจะไม่ให้ฉัน คุณก็จะกลายเป็ศัตรูของเขา ดั่งคำโบราณว่า บุญคุณข้าว 1 ลิตร ความแค้นข้าว 1 โตว
ด้วยเหตุนี้ฉันจึงช่วยหลี่โม่ฟ๋านใน่ที่เขาสิ้นหวังที่สุด เขาจะต้องซาบซึ้งใจฉันไปตลอดชีวิต หากฉันช่วยเขาใน่ที่เขากำลังโหวตแล้วล่ะก็เขาจะซาบซึ้งใจฉัน แต่ทว่าไม่นานเขาก็จะลืมความซาบซึ้งใจนี้ ซึ่งนี่ก็คืุ์
“ลูกพี่ ตอนนี้ฉันก็คือว่าได้ล่วงเกินหวางอู่ไปแล้ว หากเขา้าแก้แค้นฉันจะทำยังไงดีน่ะ?” ในเวลานี้ หลี่โม่ฟ๋านปริปากพูดทันที
“วางใจได้ เขาไม่มีความคิดเช่นนั้น” ฉันส่ายหน้า แสยะยิ้มปริปากพูดว่า “ถึงแม้ว่าหวางอู่จะใช้ดรรชนีเดียวขวางฟ้าได้ แต่อย่าลืมว่า อำนาจในการโหวตอยู่ที่ในมือของทุกคน หากเขาทำเกินไป ทำให้ทุกคนเกิดอันตราย เมื่อถึงเวลานั้นหากแบบสอบถามมีเขา เขาจะต้องตายอย่างที่ไม่ต้องสงสัยเลย”
“เช่นนั้นก็ดีสิ” หลี่โม่ฟ๋านพูดอย่างขี้ขาดตาขาว
“เกมของวันนี้ก็ถือว่าได้สิ้นสุดลงแล้ว พวกเราออกไปกันเถอะ” ฉันมองหลี่โม่ฟ๋าน พลางพูด หลังจากนั้นหลี่โม่ฟ๋านเดินตามฉันออกจากห้องเรียน ทุกครั้งหลังจากที่เกมได้สิ้นสุดลงแล้ว ก็จะเป็เวลาพักของเพื่อนๆ ในห้องเรียน
ตอนนี้หลายคนไม่มีกะจิตกะใจที่จะเรียน แม้แต่นักเรียนที่เรียนเก่งสองสามคนในชั้นเรียน สำหรับการเรียนแล้วจะเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ใส่ใจแล้ว ยังไงก็ยังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่จะต้องตายเมื่อไหร่ก็ได้นี้ ดังนั้นจึงไม่มีใครมีกะจิตกะใจที่จะเรียน
ครูประจำชั้นก็กำลังยกเลิกการควบคุมชั้นเรียนนี้ เพราะเธอก็ค่อยๆ รู้สึกถึง สถานการณ์ตอนนี้ของทั้งชั้นเรียนแล้ว ทั้งชั้นม.5/5 นั้นค่อยๆ กลายเป็นรกไปแล้ว
มาถึงด้านนอกสนามกีฬา นั่งอยู่กับหลี่โม่ฟ๋าน ฉันมองหอหญิงที่อยู่ไกลออกไป ในใจครุ่นคิด ควรไปท้าทายอีกสักครั้งไหม ฉันได้รู้ทางที่แน่นอนของบันไดแล้ว หากอยากที่จะเข้าไปก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ ไม่แน่ว่าอาจจะได้รู้อะไรบางอย่างจากที่นั่น
แต่ทว่านึกถึงความน่ากลัวของหอหญิง ฉันยังล้มเลิกความคิดนี้ ยังไงผีที่อยู่ด้านในก็น่ากลัวจริงๆ ครั้งก่อนยังไม่ได้เจอตัวเป็ๆ ฉันก็เกือบถูกปิดตาย หากยังไม่ถึงกับไม่มีทางเลือก ฉันก็ไม่อยากไปตาย
ตอนนี้ความสัมพันธ์ของฉันกับเย่รั่วเซวี่ยก็กำลังก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ให้ไปตายเวลานี้ฉันไม่ไปเด็ดขาด
ได้พูดคุยกับหลี่โม่ฟ๋านอยู่สักครู่หนึ่ง พวกเราก็เริ่มสืบหากันต่อ ทั้งโรงเรียนต้องมีความลับที่ยิ่งใหญ่แน่นอน ซึ่งนี่ได้ผ่านการครุ่นคิดแล้วหลายครั้ง ฉันจึงได้ข้อสรุปออกมา
แต่ทว่าการเผชิญหน้ากับการถามของพวกเรา พนักงานของโรงเรียน จะมีสีหน้าท่าทางที่ทนไม่ได้ปรากฏออกมา หรือสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ไม่ตอบคำถามพวกเรา และหันหลังเดินจากไป
ก็เป็เช่นนี้ ตลอดทั้ง 3 ชั่วโมงเต็ม พวกเราถามอะไรไม่ได้ทั้งนั้น ในที่สุดก็ทำได้แค่จากไป
“หากยังเป็เช่นนี้อยู่ก็คงไม่ได้การแล้ว เกมของวันนี้ก็เกือบจะทำให้ฉันตาย หากไม่หาทางสิ้นสุดเกมนี้ พวกเราทุกคนก็จะต้องตาย” หลี่โม่ฟ๋านพูดด้วยสีหน้าที่ขาวซีด
“ใช่ พวกเรามีเวลาไม่เท่าไหร่แล้ว จะต้องรีบทำเวลาแล้ว” ฉันบ่นพึมพำพลางพูด ซึ่งตอนนี้ห่างจากการออกของรายการที่ต้องเลือกในครั้งต่อไปมากสุดก็ 1 วัน
“นายสืบอะไรได้บ้างแล้ว?” เย่รั่วเซวี่ยเอามือไขว้หลังเดินมาหาพวกเราพลางถาม
“ไม่ได้อะไรทั้งนั้น” ฉันส่ายหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ ใบหน้าที่งดงามของเย่รั่วเซวี่ยก็ไม่ได้มีอาการผิดหวัง แต่กลับยิ้มพลางพูดว่า “งั้นก็พอเถอะ ไม่มีอะไรหรอก”
“เป็เช่นนั้นเหรอ? อย่าลืมนะว่าเกมนี้อาจจะมีคนตายได้” ฉันพูดอย่างเลี่ยงไม่ได้
“แต่ก็ไม่มีวิธี หากต้องตายแล้ว ก็ให้มันตายเถอะ” เย่รั่วเซวี่ยยิ้มพลางพูด สีหน้าไม่มีอาการกลัว เธอยังคงพูดอย่างร่าเริงว่า “แต่ว่าคนที่มีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะอย่างไร ควรจะทำทุกวันให้มีความสุข”
ฉันถูกรอยยิ้มของเธอโน้มน้าวแล้ว และพยักหน้าอย่างไร้เหตุผล “ใช่ ไม่ว่าจะยังไง พวกเรายังมีชีวิตอยู่”
การสืบตลอดทั้ง่สายยังคงไม่มีความก้าวหน้า จนกระทั่งถึง่บ่าย หวางอู่เดินกลับมาด้วยสีหน้าหม่นหมอง เศรษฐีรุ่นที่ 2 คนนี้น่าจะไปทุบรถของพ่อเขามาแล้ว ใบหน้าเขายังมีรอยฟกช้ำอยู่บ้าง ดูท่าน่าจะถูกพ่อตีมาไม่น้อย
ซึ่งก็ไม่แปลก นี่มันรถเบนท์ลี่ย์ที่ราคาเป็ 10 ล้าน สำหรับคนธรรมดาแล้ว ตลอดทั้งชีวิตยังไม่มีปัญญาซื้อเลย คนที่กลับมาพร้อมกับหวางอู่ ยังมีนักพรต 1ท่าน
นี่คือนักพรตที่สวมชุมคลุมนักพรตทั้งตัว และมีสีหน้าสงบนิ่ง หวางอู่มองเพื่อนๆ ที่อยู่โดยรอบ หลังจากนั้นรีบพูดว่า “ทุกคนไม่ต้องกังวลแล้ว ฉันได้เชิญคนปราบผีมาแล้ว อีกไม่นานพวกเราก็อยู่เย็นเป็สุขกันแล้ว”
พูดจบเขาก็หันหลัง และพูดด้วยสีหน้าท่าทางเคารพนบนอบว่า “ท่านนักพรต ทุกอย่างขึ้นอยู่กับท่านแล้ว”
“อืม” นักพรตท่านนี้พยักหน้าด้วยสีหน้าที่สงบนิ่ง เป็สำนักที่เก่งกล้าสำนึกหนึ่งจริงๆ ในมือท่านถือเข็มทิศหนึ่งอัน เดินอยู่ในห้องเรียนอย่างระมัดระวัง
เพื่อนๆ ที่อยู่โดยรอบมองนักพรตท่านนี้ด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น ทุกคนล้วนถูกคำสาปในชั้นเรียนนี้ทำให้เกือบจะบ้าคลั่งแล้ว การมาของนักพรต สำหรับพวกเขาแล้วเปรียบดั่งพระเ้าที่ช่วยชีวิตอย่างไม่การยกเว้นใดๆ
นักพรตท่านนี้เดินวนอยู่ในห้องเรียนหนึ่งรอบอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นพูดด้วยสีหน้าหม่นหมองว่า “โรงเรียนแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นบนพื้นที่ที่เฮี้ยนมาก และห้องเรียนห้องนี้ตั้งอยู่ตรงกลางสุดพอดี นี่คือดวงตาของิญญา เกิดคำสาปเช่นนี้ก็ไม่แปลก หากข้าทายไม่ผิด พวกเธอโดนิญญาอาฆาตเกาะกุมแล้ว”
“ิญญาอาฆาตเกาะกุมเหรอ?” ฉันทนไม่ไหวจนในที่ก็พูด และนักเรียนคนอื่นๆ ในชั้นเรียนก็ทยอยกันถามว่า “ท่านนักพรต ิญญาอาฆาตคืออะไร”
ิญญาอาฆาตก็คือตายด้วยความอาฆาตแค้น ิญญาที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาต พวกเขาไม่เหมือนกับิญญาธรรมดาทั่วไป เกิดมาเพื่อฆ่าคน ิญญาอาฆาตทุกตนล้วนน่ากลัวเป็ที่สุด นิสัยเดิมโเี้ดุร้าย หากไม่รีบปราบให้สิ้นซาก นักเรียนในห้องเรียนนี้อย่างพวกเธอ คงต้องตายกันหมด” นักพรตพูดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
คำพูดของท่านทำให้ทั้งชั้นเรียนใเป็เสียงเดียวกัน หวางอู่พูดอย่างรีบร้อนว่า “เช่นนั้นท่านก็รีบใช้อาคมปราบิญญาอาฆาตนี้สิ มิฉะนั้นแล้วพวกเราทั้งหมดก็ต้องจบเห่แน่”
“นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว แต่ราคานี้ ข้า้าเพิ่มเป็ 4 เท่า” นักพรตพูดขึ้นทันที สีหน้าหวางอู่เปลี่ยนกะทันหัน ไม่นานเขาก็กัดฟันพูดว่า “ไม่มีปัญหา 4 เท่าก็ 4 เท่า แต่ท่านต้องรับประกันว่าจะต้องปราบิญญาอาฆาตนี้ให้สิ้นซาก”
“ไม่มีปัญหา ข้าอยู่ในวงการนี้มาหลายสิบปีแล้ว แค่ิญญาอาฆาต 1 ตนไม่คณามือข้าหรอก” นักพรตท่านนี้แสยะยิ้มพูด หลังจากนั้นหยิบของอาคมออกมาจากย่ามที่พกติดตัวอยู่ตลอดเวลา
เช่นแร่ชินนาบาร์ ดาบไม้ท้อ ยันต์ลงอาคมและอื่นๆ อีกมากมายเป็ก่ายเป็กอง และนำสิ่งของเหล่านี้วางไว้ด้านหน้าแท่นพูดหน้าชั้นเรียน ท่านเริ่มทำพิธี ท่านหยิบดาบไม้ท้อขึ้นมา แล้วท่องคาถา
หลังจากนั้นเผายันต์ลงอาคม 1 แผ่น แล้วเสียบไว้บนดาบพร้อมทั้งร่ายรำไปมาอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ที่โอ่อ่านี้ทำให้ทุกคนล้วนตื่นตระหนกใ ทุกคนมองท่านอย่างรอคอย
นักพรตก็ไม่ได้ทำให้พวกเราผิดหวัง ท่านตวาดเสียงต่ำติดต่อกันสองถึงสามครั้ง ฟาดฟันไปด้านหน้า หลังจากนั้นสีหน้าของท่านก็ขาวซีดอยู่ครู่หนึ่ง มุมปากมีเืไหลออกมา
ท่านทอดถอนหายใจอย่างช้าแล้วพูดว่า “ข้าไม่เคยทำให้ผิดหวัง ิญญาร้ายถูกข้ากำจัดแล้ว หลังจากนี้พวกเธอก็จะไม่มีอันตรายใดๆ แล้ว”
“อย่างนั้นก็เยี่ยมไปเลย ราคาที่ตกลงไว้ฉันไม่มีทางกลับคำหรอก” หวางอู่มาหานักพรตด้วยความตื่นเต้น ตบไหล่ท่านพลางพูด หลังจากนั้นในเวลานี้ สีหน้าของนักพรตกลับแข็งทื่อ ผิวซีดขาวเป็ที่สุด หลังจากนั้นร่างของท่านก็ล้มลงกับพื้น
“เห้ย ตาแกเป็อะไรน่ะ?” หวางอู่รู้สึกว่าไม่ดีแล้ว เขารีบตบหน้าตาแก่ กลับพบว่าตาของนักพรตเบิ่งออกกว้าง ไม่มีการหายใจแล้ว
“ไม่ใช่ว่าตายแล้วเหรอ?” เพื่อนๆ ที่อยู่โดยรอบก็รีบวิ่งมาที่บนแท่นพูด ในระหว่างที่ทั้งเค้นทั้งส่ายนักพรต แต่ทว่าไม่มีผลใดๆ ทั้งสิ้น เพราะว่านักพรตได้ล้มลงกับพื้นแล้ว ไม่มีการหายใจและการเต้นของหัวใจแล้ว
“เขาตายแล้ว” หวางอู่ปล่อยมือแล้วพูด
คนที่อยู่โดยรอบมองหน้ากัน เดิมทีคิดว่านักพรตท่านนี้คือผู้ช่วยชีวิต แต่ผู้ช่วยชีวิตท่านนี้ กลับตายอย่างง่ายดาย ทำให้ทุกคนมีอาการพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“นักพรตท่านนี้ ถูกิญญาอาฆาตที่อยู่ในห้องเรียนของพวกเราฆ่าใช่ไหม?” เกาเจิ้นพูด
“ใช่ น่าจะเป็เช่นนั้น ไม่ผิดแน่นอน” เหลียงเสี่ยวหย่าตอบด้วยสีหน้าที่ขาวซีด
“น่าจะเป็เพราะตบะเขายังน้อยเกินไป ถึงกำจัดิญญาอาฆาตไม่ได้ แต่กลับถูกิญญาอาฆาตกำจัดแทน” ตวนมู่เซวียนเดินเข้ามาพลางพูด เขามองนักพรตที่ตายอยู่เบื้องหน้าด้วยความสงบ สีหน้าซีดเป็ที่สุด