เฉินปั๋วนั่งหลังตรงพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “เอาล่ะ เ้าพูดได้ดี มีเหตุมีผล ข้ารับเื่ร้องเรียนของเ้า แต่คดีความนี้เหมือนข้าจะเคยได้รับร้องเรียนมาแล้ว เมื่อสิบวันก่อน วัดก่วงจี้ได้ฟ้องร้องตระกูลหลิวเกี่ยวกับข้อพิพาทกรรมสิทธิ์ที่ดิน สองคดีนี้ดูเหมือนว่าจะเป็เื่เดียวกันกระมัง ในเมื่อเป็เื่เดียวกัน ข้าก็ไม่อาจตัดสินซ้ำซ้อน ฉะนั้นทั้งคดีข้อพิพาทที่ดินหรือคดีความแค้นส่วนตัวข้าจะทำการไต่สวนพร้อมกัน”
“อมิตาพุทธ” ฝ่าคงเอ่ยนามพระพุทธองค์ “จากความบาดหมางเื่ที่ดินหลังวัดนี้ เดิมทีคุณชายหลิวก็มักมาก่อความวุ่นวายในวัดเป็ประจำ ทว่าคราวนี้ถึงขั้นทำให้มีคนาเ็สาหัส มีคนตาย ทั้งยังทำลายบ้านเรือนของชาวบ้าน พอทางวัดร้องเรียนขอความเป็ธรรม วันนี้ประสกหลิวก็พาพวกไปหาเื่ถึงในวัด ฝู่จวินเองก็เห็นกับตา”
หลิวเวยพยักหน้าน้อยๆ ได้! จะเอาอย่างนี้ใช่หรือไม่ เขาเองก็อยากพูดถึงเื่ที่ดินนี้อยู่พอดี หลิวเวยรีบเอ่ยโต้แย้งทันที “ฝู่จวินโปรดพิจารณาด้วย วัดก่วงจี้ทำลายสุสานบรรพชนตระหลิวเพื่อต่อเติมอาคาร นับเป็ความอัปยศอดสูเกินจะรับไหว ต่อให้เื่นี้เกิดขึ้นกับตระกูลอื่น พวกเขาย่อมมิอาจรับได้ไม่ต่างจากข้า
อีกทั้งหลายปีมานี้ วัดก่วงจี้ยังคอยหาเื่ขัดขวางข้าอยู่ตลอด อย่างเื่ทุ่งนาดินดีที่เหอซี ชาวนา้ามอบที่ดินให้ข้า ขอเพียงข้ารับพวกเขาเป็คนงานของตระกูลหลิว ทั้งที่ข้าตกลงกันเป็เื่เป็ราวแล้ว ทว่าพระเฒ่าผู้นี้กลับมาขัดขวางกลางคันด้วยการเป่าหูให้เขาออกบวช ฝู่จวินคิดว่ามันเป็การกระทำที่ไร้ยางอายหรือไม่! แต่พอมาใคร่ครวญดูแล้ว เขาเป็คนจากที่อื่นและพึ่งมาเป็เ้าอาวาสที่นี่ อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่นนั้นขอเพียงรื้ออาคารที่สร้างใหม่ และสร้างสุสานบรรพชนตระกูลหลิวขึ้นมาใหม่ ด้วยความสูงยี่สิบฉื่อ กว้างยี่สิบฉื่อ มีป้ายศิลาสลักชื่อ มีศาลา และมีหอสูง เซ่นไหว้ปีละสี่ครั้ง ข้าถึงจะจบเื่นี้”
“ประสกหลิวช่างหนักแน่นยิ่งนัก” ฝ่าคงยิ้ม “หากท่านไม่พูดว่ากระดูกในหลุมหลังวัดเป็บรรพบุรุษของท่านข้าคงมิรู้ เช่นนั้นเหตุใดท่านไม่ลองขุดขึ้นมาฝังใหม่เองดูเล่า คนในนั้นอาจอบรมสั่งสอนคุณธรรมทั้งสี่ [1] ให้ลูกหลานท่านได้”
“ตาแก่หัวโล้นอยากมีเื่หรือ!” หลิวเวยกำหมัดแน่นพยายามข่มใจไว้ หันไปฟ้องเฉินปั๋ว “ฝู่จวินท่านดูสิ ‘ผู้ทรงศีล' ผู้นี้ไม่สำรวมวาจาเลยแม้แต่น้อย โปรดพิจารณาและให้ความเป็ธรรมแก่ตระกูลหลิวด้วย”
“ิหยวน ครอบครัวเ้าคือเ้าทุกข์ เ้าออกมาอธิบาย เหตุใดจึงมีความแค้นต่อกัน?”
“ขอรับ อย่างที่ผู้น้อยเคยบอกไป เื่นี้เกิดจากความแค้นส่วนตัวนั้นเป็ความจริง ผู้น้อยกับหลิวเปียวมีเื่บาดหมางกันมาก่อนหน้านี้แล้ว ประมุขตระกูลิเมตตาอนุญาตให้ผู้น้อยร่วมเล่าเรียนที่สำนักศึกษา เมื่อต้นเดือน ท่านอาจารย์ทำการทดสอบวิเคราะห์บทเรียน พอถึงตาหลิวเปียว เขาไม่มีความรู้ในเื่ที่ท่านอาจารย์ถามเลยแม้แต่น้อย จึงพยายามให้ผู้น้อยช่วยบอกคำตอบ ผู้น้อยเห็นใจจึงส่งคำตอบให้เขา แต่พอท่านอาจารย์ถามเขาต่อ ผู้น้อยเขียนคำตอบให้เขาไม่ทัน หลิวเปียวจึงถูกท่านอาจารย์ตำหนิ หลังสิ้นสุดการทดสอบ ทุกคนกำลังแยกย้าย หลิวเปียวก็พาพรรคพวกเข้ามาหาเื่ผู้น้อย บอกว่าจะ ‘สอนบทเรียนดีๆ’ แก่ผู้น้อย ทว่ากลับเป็เขาเองที่พลัดตกลงไปในน้ำต่อหน้าสหายในสำนัก เป็เหตุให้เขาอับอายมาก จึงขู่ผู้น้อยว่า ‘ฝากไว้ก่อน’ สหายร่วมสำนักยี่สิบกว่าคนเป็พยานได้ขอรับ”
“ความบาดหมางครั้งที่สอง ญาติผู้พี่ของผู้น้อยที่เป็สาวใช้ในจวนตระกูลิถูกหลิวเปียวรังแก นางตัดสินใจโดดน้ำหมายปลิดชีวิตตนเพื่อหนีความอัปยศอดสูนี้ โชคดีที่ผู้น้อยไปช่วยไว้ได้ทันเวลา พานางกลับจวนพร้อมเนื้อตัวที่เปียกโชก เหตุการณ์วันนั้นผู้คนสัญจรไปมาในหมู่บ้านก็เห็น ฝู่จวินส่งคนไปตรวจสอบได้”
“ต่อมาหลิวเปียวกลัวว่าผู้น้อยจะเอาเื่นี้ไปฟ้องท่านอาจารย์ จึงตามไปหาเื่ผู้น้อยถึงจวนของท่านอาจารย์ เขาถูกท่านอาจารย์ไล่กลับไป มันยิ่งทำให้ความแค้นในใจของเขาเพิ่มพูน เื่นี้ฝู่จวินถามท่านอาจารย์และฮูหยินได้”
“ครั้งที่สาม ผู้น้อยโชคดีมีโอกาสได้ร่วมงานเลี้ยงของฝู่จวินที่สวนจื่อหยวนกับคุณชายสามิ หลิวเปียวนัดแนะกับใต้เท้าผู้ตรวจการ มั่นใจว่าตนจะต้องได้เข้าศึกษาที่สำนักศึกษากลาง อีกทั้งยังมีปากเสียงกันก่อนงานเลี้ยงเริ่ม และยังต้องเผชิญหน้ากันในการประลองปัญญา ทว่าเป็คุณชายสามที่ได้รับชัยชนะ หลิวเปียวจึงพูดว่าความแค้นในวันนี้จะชำระในวันหน้า ใต้เท้าทุกท่านที่อยู่ในงานเลี้ยงวันนั้นก็ได้ยิน”
“หลังเหตุการณ์ในงานเลี้ยงวันนั้น ผ่านไปไม่ถึงสองวัน หลิวเปียวก็ยกพวกขี่ม้ามาทำลายบ้านเรือนเพื่อแก้แค้น” ิหยวนก้มหน้ากล่าวสรุปสั้นๆ “วันนี้ผู้น้อยขอฟ้องร้องหลิวเปียวในข้อหาอ้างความแค้นส่วนตัวเพื่อกระทำการชั่วช้าไร้คุณธรรมขอรับ”
“ที่แท้เื่ก็เป็มาเช่นนี้ ข้าจะทำการไต่สวนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทีละคน เริ่มการตัดสินคดี ณ บัดนี้” เฉินปั๋วเคาะไม้ปลุกสติเพื่อประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ว่าเขายอมรับคำฟ้องร้องอย่างเป็ทางการแล้ว
“ฝู่จวินช้าก่อน” ฝ่าคงและหลิวเวยเรียกเฉินปั๋วพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ทั้งสองหันมองหน้ากันทันที พอเห็นว่าหลิวเวยนั่งลง ฝ่าคงจึงเป็ฝ่ายพูดก่อน “ที่ประสกน้อยิกล่าวนั้นฟังดูสมเหตุสมผลก็จริง แต่ตระกูลหลิวและวัดก่วงจี้บาดหมางกันมาหลายปี ิเฉียวได้รับาเ็ในขณะที่ทำงานอยู่ในวัด บ้านเรือนที่เสียหายก็เป็บ้านของคนงานในวัด เหตุใดจะไม่เกี่ยวข้องกับวัด?”
เฉินปั๋วกับโหวอิงแอบส่งสายตาหงุดหงิดหากัน โหวอิงก็ส่ายหัวน้อยๆ ก่อนเหลือบมองิหยวน
ิหยวนก็รู้หน้าที่ ยืดตัวตรงพร้อมประสานมือขึ้นตอบ “เนื่องจากพระอาจารย์บอกว่าความบาดหมางระหว่างวัดกับตระกูลหลิวมีมานานหลายปี นับเป็ความขัดแย้งยากจะแก้ไข เช่นนั้นผู้น้อยขอถามพระอาจารย์ ท่านทราบหรือไม่ว่าั้แ่สร้างวัดนี้ขึ้นมา เกิดการทะเลาะวิวาทกันกี่รอบ แล้วผลเป็อย่างไร?”
“เื่นี่…” ฝ่าคงขมวดคิ้วพร้อมประนมมือตอบ “เกิดเื่วิวาทหลายหนเกินจะรู้ได้”
“หามิได้ วัดนี้มีมาร้อยกว่าปี การฟ้องร้องเื่ที่ดินนี้มีมาแล้วหลายครั้งหลายหน จนเ้าหน้าที่ต้องทำบันทึกรวบรวมไว้โดยเฉพาะ สามารถตรวจสอบได้ เริ่มั้แ่รัชศกหลงเหอปีที่สอง มีการฟ้องร้องถึงสิบเอ็ดครั้ง จากนั้นยังมีการฟ้องร้องเป็ระยะๆ รัชศกไท่เหอปีที่สาม รัชศกไท่เหอปีที่สี่ รัชศกหนิงคังปีที่หนึ่ง รัชศกไท่หยวนปีที่เจ็ด รัชศกไท่หยวนปีที่สิบห้า รัชศกหลงอันปีที่สาม รัชศกหลงอันปีที่สี่ รัชศกอี้ซีปีที่สาม รัชศกอี้ซีปีที่เก้า รัชศกอี้ซีปีที่สิบเอ็ด รัชศกอี้ซีปีที่ยี่สิบ การฟ้องร้องครั้งสุดท้ายใช้เวลาไต่สวนกินเวลานานถึงสี่ปี นับั้แ่รัชศกอี้ซีปีที่เก้าไปจนถึงปีที่สิบสอง ผ่านั้แ่ศาลระดับอำเภอไปจนถึงศาลใหญ่ในเมืองหลวง และส่งกลับมาให้ศาลเมืองเจียงโจวพิจารณาคดีใหม่ เ้าเมืองคนก่อนนามว่า “เฉาย่งจี๋” จึงได้ตัดสินให้วัดก่วงจี้ทำพิธีย้ายสุสาน บรรพชนของตระกูลหลิว โดยที่ดินหลังวัดยังคงเป็ของวัดก่วงจี้ ที่ดินเจ็ดในสิบส่วนในเหอซีที่อยู่ทางทิศเหนือของวัดก่วงจี้มอบให้ตระกูลหลิวสร้างสุสานบรรพชนแห่งใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดข้อพิพาทอีกในอนาคต”
“เ้าอาวาสวัดก่วงจี้ในยามนั้นและประมุขตระกูลหลิวต่างลงนามในหนังสือสัญญาแล้ว นับว่าคดีนี้คลี่คลายและยุติแล้ว หรือเพราะพวกท่านเห็นว่าใต้เท้าเฉาย้ายไปที่อื่น อีกทั้งเ้าเมืองคนใหม่พึ่งเข้ารับตำแหน่ง จึงคิดจะหลอกใช้คนไม่รู้เื่ในอดีต ไม่คิดไว้หน้าผู้ใดทั้งนั้นหรือ?”
นับว่าอธิบายได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว อาศัยความได้เปรียบว่าอยู่มาก่อน ดูิ่ขุนนางมาใหม่ ทำเช่นนี้เพราะมีเจตนาใด หรือคิดจะท้าทายกฎหมายบ้านเมือง? ด้านฝ่าคงและหลิวเวยสะดุ้งโหยง รีบโค้งขออภัยอย่างพร้อมเพรียง
“ผู้น้อยไม่กล้า”
“อาตมาไม่กล้า”
“ไม่กล้าก็ดี” เฉินปั๋วเอ่ยเสียงเข้มพร้อมแอบปรบมือในใจ “คดีนี้ยุติไปั้แ่หลายปีก่อน อีกทั้งสองฝ่ายต่างไกล่เกลี่ยกันไปแล้ว ฉะนั้นคดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความบาดหมางครั้งเก่าระหว่างตระกูลหลิวและวัดก่วงจี้ จึงไม่ควรยุยงให้เกิดความบาดหมางใหม่ ิหยวน ทั้งสามคดีที่เ้าฟ้องร้องล้วนมีสาเหตุมาจากเื่เดียวกันก็นับว่าเป็เื่เดียวกัน ฉะนั้นข้าจะพิจารณาร่วมกัน เ้าหน้าที่! นำตัวหลิวเปียวออกมา!”
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] คุณธรรมทั้งสี่ (礼义廉耻) หมายถึง จริยธรรม มโนธรรม สุจริตธรรม และความละอาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้