"แป๊บเดียวเองลูก พ่อสัญญา เราจะอยู่กันแป๊บเดียว หลังจากนั้นพ่อจะพาไปกินอะไรอร่อย ๆ และซื้อของที่นิดชอบ ดีไหม? ตอนนี้ทำหน้าสวย ๆ ไว้ก่อนลูก" กานต์ปลอบลูกสาวที่ตอนนี้ทำหน้าจ๋อยเดินอยู่ด้านข้าง
พวกเขาปิดร้านสามวันเนื่องจากเป็่เทศกาลสงกรานต์ และกานต์ก็ใช้โอกาสใน่นี้พาสองแม่ลูกไปกราบสวัสดีปีใหม่นายอารักษ์ที่บ้านในตัวเมือง
"อ้อ คุณเองเรอะ สบายดีนะคะ" ใจ คนงานบ้านนายอารักษ์เอ่ยทักทายขณะที่เดินมาเปิดประตูรั้ว
"สบายดีครับ ใจก็คงสบายดีเหมือนกันใช่ไหม" กานต์ถามยิ้ม ๆ ทั้งบ้านก็มีใจนี่แหละที่ดีกับเขามากที่สุด "คุณท่านอยู่บ้านใช่ไหมครับ"
"อยู่ค่ะ ตอนนี้ยังอยู่ที่ห้องรับแขกกันครบ ลูกน้องเก่าท่านก็เพิ่งกลับไปเมื่อกี้"
อนงค์กานต์มองสำรวจรอบบ้านที่เธอเคยอยู่มาห้าปีกว่าอย่างเงียบ ๆ ขณะเดินตามพ่อไปที่ห้องรับแขก
เมื่อได้เข้ามาในบ้านหลังนี้ อนงค์กานต์ก็ถูกรู้สึกอ้างว้าง มืดมนและเย็นเยียบจู่โจมเข้ามาในใจแบบทันควัน เธอเบียดตัวและกอดแขนแม่ไว้แน่นเพื่อหาความอบอุ่นและ้ายืนยันว่าตอนนี้เธอยังมีพ่อและแม่ แม่ของเธอยังแข็งแรงดี ไม่ได้จากเธอไปไหน
"นิด มือเย็นเฉียบเลย ไหวไหมลูก" อนงค์เห็นถึงความผิดปกติของลูกสาวและเข้าใจในทันที
"ไม่เป็ไรจ้ะแม่ นิดแค่หนาว" เธอตอบเสียงเบาตามความรู้สึกในตอนนี้ เธอรู้สึกเย็นเยียบจับใจ แม้จะอยู่ใน่เดือนเมษายนก็ตาม
"นิด ไม่ต้องกลัวนะ คุณท่านหน้าขรึมเป็ปกติของท่าน แต่จริง ๆ ไม่มีอะไร" กานต์ปลอบเพราะคิดว่าลูกสาวเกรงกลัวนายอารักษ์จนไม่อยากเข้าไปหา
อนงค์กานต์ส่งรอยยิ้มเจื่อนให้พ่อ และเหลือบตามองบริเวณบ้านที่เดินผ่านเป็ระยะ ที่ตรงนี้เธอเคยโดนยุภาตบหน้าจนบวมช้ำเพราะเอาน้ำดื่มมาให้ช้า ที่ตรงนี้เธอเคยโดนชนิดาผลักล้มจนหัวแตก ไม่ได้มีข้อหาใด เพียงแค่ชนิดาเกิดรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมากะทันหันเท่านั้น บ้านหลังนี้ไม่เคยให้เธอรู้สึกมีความสุขเลยสักเสี้ยว อนงค์กานต์ลอบถอนหายใจเบา ๆ ถ้าหากเลี่ยงได้ เธอไม่อยากเหยียบย่างเข้ามาในบ้านหลังนี้แม้แต่ก้าว
แต่ก็เพื่อกานต์ พ่อกานต์ที่แสนดีของเธอเป็คนกตัญญูนัก แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าพวกเขาไม่ต้อนรับ ก็ยังคงยืนกรานที่จะมาหาเพื่อจะได้มีโอกาสได้กราบนายอารักษ์สักครั้ง ชาติก่อนก็เป็แบบนี้ เดี๋ยวนะ...ชาติก่อน!
อนงค์กานต์นึกไปถึงเหตุการณ์ในชาติที่แล้ว ใช่ ชาติที่แล้วเธอก็ได้มาที่บ้านหลังนี้ใน่นี้ด้วยนี่นา แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เธอมีรอยแผลเป็สีแดงตรงหัวคิ้วติดตัวไปจนโตด้วย อนงค์กานต์หวนนึกถึงเหตุการณ์นั้นด้วยแววตาที่แข็งกร้าว
"อ้อ นายกานต์ มาด้วยเหรอ" วัลภาทักเสียงเย็นเมื่อเห็นกานต์เดินเข้ามาพร้อมกับภรรยาและลูก
นายอารักษ์มองพวกเขาทั้งสามคนด้วยใบหน้าที่เฉยเมย ไร้ความรู้สึกใด ๆ ขณะที่ยุภา อำภา ต่างพากันบิดปาก นายประวัติสามีอำภาก็ส่งแววตาดูถูกจาง ๆ กลับมาให้ด้วยเช่นกัน มีเพียงชนิดา หรือเชอรี่ ลูกสาวของประวัติและอำภาเท่านั้นที่ส่งสายตาเกลียดชังมาให้พวกเขาแบบตรง ๆ
"ผมพาลูกกับเมียมากราบสวัสดีปีใหม่คุณท่านกับคุณนายครับ" กานต์พูดด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ แสร้งทำเป็ไม่เห็นกิริยาต่าง ๆ ที่สมาชิกในบ้านนี้ส่งมาให้ พร้อมกับจูงมืออนงค์และลูกสาวให้นั่งพับเพียบอยู่ต่อหน้านายอารักษ์และนางวัลภา นำพวงมาลัยและผลไม้ที่เตรียมมาวางไว้บนถาดที่อยู่ด้านหน้านายอารักษ์ และกราบที่ตักพร้อมกับกล่าวอวยพร
นายอารักษ์นั่งฟังนิ่ง ๆ หลุบตาแลดูกานต์ที่นั่งอยู่ด้านหน้าพร้อมกับเผยให้เห็นแววตาที่แสดงถึงความพึงพอใจออกมาจาง ๆ ก่อนจะเก็บแววตานั้นกลับ แล้วก็หันมาทำสีหน้าเฉยเมยตามปกติ สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยคำอวยพรกลับไปให้ทั้งสามคนแม้แต่ครึ่งคำ
"น้ำชาคุณเย็นหมดแล้ว เดี๋ยวชงใหม่ดีกว่านะคะ ฉันให้ใจต้มน้ำเตรียมไว้แล้ว" พร้อมกับเรียกใจที่อยู่แถวนั้นให้ยกกาน้ำร้อนเข้ามา
ตอนนี้แหละ! อนงค์กานต์ทำตาสว่างวาบ แต่ด้วยที่เธอนั่งก้มหน้าอยู่ตลอด จึงไม่มีใครเห็นความผิดปกตินี้
ใจหิ้วกาน้ำเดินเข้ามา ตรงพวยกายังมีควันพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าเพิ่งยกออกจากเตามาสด ๆ ร้อน ๆ แล้วก็วางกาน้ำลงบนที่รองตรงโต๊ะรับแขกด้านหน้านางวัลภา
อนงค์กานต์ลอบเหลือบตามองกาน้ำเ้าปัญหาพร้อมกับนึกถึงเหตุการณ์ในชาติก่อนไปด้วย ในชาติก่อน เธอกำลังเตรียมตัวลุกออกจากห้องรับแขก ระหว่างที่กำลังชันเข่าเพื่อเตรียมยืนขึ้น จู่ ๆ เธอก็โดนชนิดาผลักด้านหลังอย่างแรงจนเธอถลาไปด้านหน้าที่มีกาน้ำร้อน ๆ วางอยู่ ใบหน้าของเธอไปนาบกับผิวร้อน ๆ ของกาน้ำจนปรากฏรอยโดนลวกสีแดงบนใบหน้าฝั่งขวาทั้งแถบ เธอจำความแสบร้อนของตอนนั้นได้ดี
วันนี้ ชาตินี้ เธอจะไม่ยอมให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นซ้ำรอยอีกเป็อันขาด
