หลังจากเื่ราววุ่นวาย ทุกคนก็แทบกลั้นหายใจด้วยความระทึก โชคดีที่เจิ้งซวี่เหยาเข้ามาช่วยไว้ทัน ไม่อย่างนั้นคงล้มไม่เป็ท่า หมี่หลันเยว่อาจจะไม่ถึงกับหมดตัว แต่กำลังใจคงหดหายไปเยอะแน่นอน เพราะมีเหตุผลแต่พูดออกไปไม่ได้ มันน่าอึดอัดใจเสียยิ่งกว่าอะไร
"อาจารย์เจิ้ง คราวนี้ต้องขอบคุณอาจารย์มากจริงๆ ค่ะ"
พอออกมาจากโรงงาน หมี่หลันเยว่ก็โค้งคำนับให้เจิ้งซวี่เหยาอย่างนอบน้อม หมี่หลันหยาง เฉียนหย่งจิ้น และหลิวเสี่ยวหว่านก็รีบโค้งตาม การกระทำนี้ทำให้เจิ้งซวี่เหยาใ
"ทำอะไรกันน่ะ อย่ามองว่าฉันเป็คนอื่นสิ เื่แค่นี้ช่วยกันได้อยู่แล้ว ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ ฉันไม่ชอบนะ"
เจิ้งซวี่เหยาทำตัวไม่ถูก เด็กๆ พวกนี้ ถ้าใครทำตัวห่างเหินกับเขาสักคน เขาก็รู้สึกไม่สบายใจแล้ว
"อาจารย์เจิ้ง คราวนี้ต้องขอบคุณอาจารย์จริงๆ นะคะ ถ้าไม่ได้อาจารย์ช่วย เราก็ไม่รู้ว่าผลจะเป็ยังไง อาจจะต้องมองเงินจำนวนนี้ละลายหายไปต่อหน้าต่อตา"
ที่จริงไม่ใช่ ‘อาจจะ’ แต่มันเกือบจะแน่นอนแล้วต่างหาก
"แต่เื่เงินมันเื่เล็ก เงินหมดแล้วก็หาใหม่ได้ แต่ถ้ากำลังใจหมดไป ก้าวของเราอาจจะช้าลงไปเยอะ นั่นต่างหากคือสิ่งที่ฉันกังวลที่สุด"
หมี่หลันเยว่ไม่ได้เป็เด็กอย่างที่เห็น ภายในใจเธอรู้ดีถึงกลโกงหลอกลวงในวงการธุรกิจ
การเจอเื่แบบนี้ก็ถือว่าซวยไป แต่เธอรับมือได้ ส่วนคนอื่นๆ ที่อยู่ข้างกายอาจจะรับมือไม่ได้ ถ้าเื่นี้ทำลายความมั่นใจของพวกเขาไป มันคงไม่คุ้มค่าเลย
"เพราะงั้น อาจารย์เจิ้งคะ ต้องขอบคุณอาจารย์จริงๆ ค่ะ สิ่งที่อาจารย์กอบกู้ไว้ให้เรา มันไม่ใช่แค่การไม่เสียเงิน แต่มันมากกว่านั้น พวกเขายังเด็ก ประสบการณ์เลวร้ายแบบนี้ ถึงจะเป็บทเรียน แต่ก็อาจทำให้พวกเขาท้อแท้ไปเลยก็ได้ เพราะมันรุนแรงเกินไป"
"แต่ผลลัพธ์ที่อาจารย์นำมาให้ มันพอดีมากๆ ทำให้พวกเขาทั้งได้รับบทเรียนและข้อคิด แต่ก็ไม่ถึงกับเสียกำลังใจ เื่นี้ยังดีที่ฉันเป็คนเซ็นสัญญา ถ้าเป็พวกเขาคนใดคนหนึ่งเซ็น ฉันคงกังวลและหวาดกลัวกว่านี้อีก ดังนั้น อาจารย์เจิ้ง ขอบคุณค่ะ!"
หนุ่มสาวที่ติดตามเจิ้งซวี่เหยามา ต่างก็ประหลาดใจกับสิ่งที่หมี่หลันเยว่พูด เด็กสาววัยรุ่นพูดออกมาว่าเื่เงินเป็เื่เล็กน้อย หมดแล้วหาใหม่ได้ ก็ทำให้พวกเขาตกตะลึงแล้ว พอได้ยินสิ่งที่เธอพูดต่อมา ทุกคนก็แทบถลนตา
เจิ้งซวี่เหยาเดินเข้าไปหาหมี่หลันเยว่ แล้วลูบหัวเล็กๆ ของเธอ ทำให้ผมที่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ยิ่งยุ่งเหยิงกว่าเดิม
"เธอเองก็อย่าแบกทุกอย่างไว้คนเดียวนัก พวกเขาอายุยังน้อย แล้วเธอล่ะ โตแล้วหรือไง"
"อย่าเอาแต่ปกป้องพวกเขาเหมือนเด็กๆ คนเราต้องมีประสบการณ์ถึงจะเติบโตได้ ไม่มีใครราบรื่นไปตลอดชีวิต ยิ่งคนที่เจอน้อย ก็ยิ่งง่ายที่จะล้มเหลวในการพัฒนาต่อไปในอนาคต แค่เจอเื่เล็กน้อย ก็อาจจะทำให้ซึมเศร้าหมดกำลังใจไปเลยก็ได้"
หมี่หลันเยว่เอามือใหญ่ที่ลูบหัวออก แล้วหลบไปข้างหลัง มองเจิ้งซวี่เหยาด้วยท่าทีขนลุก แต่ปากก็ยังพูดเื่สำคัญอยู่
"ฉันถึงขอบคุณอาจารย์ไงคะ เื่นี้ถึงจะเป็บทเรียนที่รุนแรง แต่ผลที่ตามมาก็ยังรับได้ สำหรับพวกเขา มันคือประสบการณ์ที่พอดีมากๆ"
เจิ้งซวี่เหยาลูบมือที่ถูกผลักออกไป มองด้วยสีหน้าจนปัญญา แต่แล้วเขาก็พยายามเอื้อมมือไปลูบผมที่ชี้ฟูของหมี่หลันเยว่อีกครั้ง
"หลันเยว่ เธอต้องทำตัวห่างเหินกับฉันขนาดนี้เลยเหรอ"
หมี่หลันเยว่ย่นจมูกน้อยๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก แต่การกระทำของทั้งคู่ ทำให้คนรอบข้างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก มีความคลุมเครือ ความรักใคร่ ที่บอกไม่ถูก แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้ทำอะไร เพียงแต่บรรยากาศมันชวนให้คิดไปไกล
"เอาล่ะๆ พวกเราสองคนไม่ต้องเกรงใจกันไปมาแล้ว เื่ที่แก้ปัญหาได้ราบรื่นขนาดนี้ มันเป็เื่ที่ควรฉลอง ไปกินข้าวกันดีกว่า พวกนายอยากกินอะไรฉันเลี้ยงเอง วันนี้ลำบากพวกนายวิ่งมาตั้งไกล"
ในที่สุดเจิ้งซวี่เหยาก็ปล่อยมือจากเด็กสาว แล้วโบกมือเรียกคนรอบข้าง การที่ทุกคนสละงานมาให้กำลังใจเขา เจิ้งซวี่เหยาไม่ใช่คนไม่รู้คุณคน ยังไงก็ต้องเลี้ยงข้าวตอบแทน ให้พี่น้องได้คุยกันสบายๆ
"อาจารย์เจิ้ง…"
หมี่หลันเยว่กำลังจะปฏิเสธ แต่พอเห็นสายตาที่เจิ้งซวี่เหยาส่งมาให้ ก็หุบปากทันที เธอรู้ว่าถ้าเจิ้งซวี่เหยาแสดงท่าทีแบบนี้ แสดงว่าเขามีแผนอยู่ในใจ
ผลก็เป็อย่างที่คิด บนโต๊ะอาหาร เจิ้งซวี่เหยาก็แนะนำทุกคนให้รู้จักกันอย่างเป็ทางการ เขาแนะนำหมี่หลันเยว่ให้เพื่อนๆ รู้จักอย่างจริงจัง โดยเน้นย้ำว่านี่คือน้องสาวของเขา ให้ช่วยดูแลกันด้วย แล้วก็แนะนำฐานะของเพื่อนแต่ละคนให้หมี่หลันเยว่รู้จัก ให้เธอรู้ว่านี่คือคนที่เธอสามารถพึ่งพาได้ในอนาคต
ในปักกิ่ง ถึงแม้เราจะไม่ต้องใช้อำนาจข่มเหงใคร แต่ถ้ามีคนช่วยหนุนหลัง ธุรกิจก็จะราบรื่นขึ้นเยอะ หมี่หลันเยว่เข้าใจหลักการนี้ดี ภูมิหลัง คือสิ่งที่นักธุรกิจพึ่งพามากที่สุด ตอนนี้คือเวลาที่เธอต้องยืมมือคนอื่น ยืมบารมีของเจิ้งซวี่เหยา ดึงคนใหญ่คนโตมาร่วมงานกับเธอ
"งั้นฉันขอขอบคุณพี่ๆ ทุกคนไว้ล่วงหน้านะคะ ต่อไปคงต้องรบกวนพวกพี่ๆ จริงๆ นั่นแหละ ฉันยังเด็ก ขอใช้ชาแทนเหล้า ยกให้พี่ๆ ทุกคนหนึ่งจอก หวังว่าต่อไปน้องสาวคนนี้จะมีเื่ให้พี่ๆ ช่วยเหลือ ก็ขอความกรุณาด้วยนะคะ"
หมี่หลันเยว่ยกแก้วของตัวเองขึ้นอย่างมีท่าทาง แล้วชนแก้วกับทุกคนทีละคน จากนั้นก็ดื่มรวดเดียวหมดแก้ว ท่าทีแบบนี้ก็ดูน่าเกรงขามอยู่บ้าง ทุกคนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา แล้วยกแก้วดื่มรวดเดียวหมดแก้วตามอย่างเต็มใจ เด็กสาวคนนี้ น่าสนใจจริงๆ
"หลันเยว่ ในเมื่อซวี่เหยาแนะนำพวกเรากับเธอขนาดนี้ ก็แสดงว่าเธอไม่ใช่คนอื่นคนไกล พี่ๆ ก็ต้องดูแลเธออยู่แล้ว เื่เครื่องจักรพวกนั้นปล่อยให้เป็หน้าที่ของพี่เถอะ เชื่อฟังจากที่อาจารย์เจิ้งพูด เธอต้องรีบใช้นี่ รบกวนเธอเขียนรายการมาให้หน่อยว่า้าเครื่องจักรแบบไหนบ้าง เดี๋ยวพี่จะช่วยติดต่อให้ แล้วจะแจ้งข่าวให้ภายในสองสามวันนี้นะ"
หลิวม่าวหลินจากแผนกตรวจสอบตลาดของสำนักงานอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ วางแก้วเหล้าลง แล้วยื่นข้อเสนอให้หมี่หลันเยว่ เื่ดีๆ แบบนี้หมี่หลันเยว่จะปฏิเสธได้อย่างไร
"ถ้าอย่างนั้นต้องขอบคุณพี่หลิวมากๆ เื่นี้สำคัญจริงๆ ฉันจะไม่เกรงใจพี่แล้วนะคะ"
"จะเกรงใจอะไรกัน พวกเราขนาดนี้ มีซวี่เหยาอยู่ เธอก็เหมือนน้องสาวของพวกเราทุกคน มีอะไรก็บอกมาได้เลย ตราบใดที่ทำได้ พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่ พวกเรากับซวี่เหยาเป็พี่น้องกันมาั้แ่เด็ก ใครที่เขาอยากปกป้อง พวกเราก็ต้องปกป้อง"
พอเด็กสาวขอบคุณ หลิวม่าวหลินก็รู้สึกประหม่าขึ้นมา รีบยกเจิ้งซวี่เหยาขึ้นมาอ้าง แต่เจิ้งซวี่เหยาก็ไม่ได้ช่วยแก้ต่างให้ แค่มองดูทั้งสองคนพูดจาไปมาอย่างสนุกสนาน เขามีความสุขที่ได้เห็นหมี่หลันเยว่ฉลาดหลักแหลม พูดจาคล่องแคล่ว สามารถผูกมิตรกับคนอื่นได้อย่างง่ายดาย
หมี่หลันเยว่มองเจิ้งซวี่เหยาด้วยความซาบซึ้ง พอสบเข้ากับสายตาที่ดูสนุกสนานของเจิ้งซวี่เหยา เธอก็กลืนคำขอบคุณที่กำลังจะพูดลงไป เธอรู้ว่าเจิ้งซวี่เหยาไม่ชอบให้เธอพูดจาเกรงใจ คำพูดขอบคุณเพียงคำเดียว ไม่สามารถแสดงความรู้สึกของเธอได้ ความช่วยเหลือและความห่วงใยที่เจิ้งซวี่เหยามีให้เธอ ก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถตอบแทนได้ด้วยคำพูดเพียงคำเดียว ชีวิตยังอีกยาวนาน มิตรภาพนี้เธอจะค่อยๆ ตอบแทนไปเอง
"พี่ๆ คะ ร้านของฉันอยู่ที่อาคารหงจีใจกลางเมือง วันนี้กำลังจัดของอยู่ พี่ๆ สนใจไปดูไหมคะ เผื่อจะได้ช่วยออกความคิดเห็น ให้คำแนะนำ"
เจิ้งซวี่เหยามองหมี่หลันเยว่ ก็พอจะเดาได้ว่าเด็กสาวกำลังคิดอะไรอยู่
"ดีเลยๆ พวกเราก็อยากไปดูร้านของน้องสาวเหมือนกัน อายุน้อยแค่นี้ก็สามารถมีร้านอยู่ในทำเลแบบนั้น แถมยังขยายกิจการเปิดร้านได้เร็วขนาดนี้ พี่ต้องไปดูให้เห็นกับตาหน่อยแล้ว"
หม่าฮ่าวป๋อจากกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งภายนอกดูสุภาพอ่อนโยน แต่จริงๆ แล้วแข็งแกร่งดุดัน ก็เกิดความสนใจ อยากจะไปดูร้านที่เด็กสาวสร้างขึ้นมา ว่าจะมีขนาดและระดับไหนกัน
พอกินข้าวเสร็จ ทุกคนก็ตรงไปยังร้านของหมี่หลันเยว่ที่อาคารหงจี พอไปถึง หลินเผิงเฟยกับหนิวเถียจู้กำลังพาพนักงานสาวสวยแปดคนกินข้าวเที่ยง ตกแต่งหน้าต่างร้านเสร็จแล้ว แต่ของในร้านยังแขวนไม่เยอะเท่าไหร่ เครื่องประดับก็วางไว้คร่าวๆ เท่านั้น
ที่บอกว่าคร่าวๆ เพราะพวกเขายังไม่ได้แกะหีบห่อ แค่วางไว้ในตำแหน่งที่ควรจะเป็ การแกะหีบห่อ จัดวางให้เรียบร้อย นั่นถึงจะเป็การเสร็จสิ้นขั้นตอนสุดท้าย ตอนนี้ยังเป็แค่การวางแผนเบื้องต้น ดูท่าว่าพวกของจุกจิกเหล่านี้ คงต้องใช้เวลาอีกเยอะ
"หลันเยว่ พวกเธอกลับมาแล้วเหรอ ทางนั้นเป็ยังไงบ้าง แก้ปัญหาได้ยัง เกิดอะไรขึ้นกันแน่"
ตอนที่เรียกหมี่หลันเยว่กลับไป ก็ไม่ได้บอกรายละเอียดอะไร หลินเผิงเฟยกับหนิวเถียจู้เลยยังงงๆ อยู่ เป็ห่วงแทบแย่
"ไม่มีอะไรแล้วค่ะ อาจารย์เจิ้งช่วยแก้ปัญหาให้แล้ว เื่ทั้งหมด รอตอนเย็นพวกเราประชุมกันค่อยว่ากันอีกทีนะคะ"
หลันเยว่ไม่ได้เล่ารายละเอียดให้ทั้งสองคนฟังในตอนนี้ เพราะตอนนี้ในร้านยังมีพนักงานใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยอยู่ บางเื่ก็อย่าให้คนรู้มากเกินไปเลย
"พี่หลิว พี่หม่า แล้วก็พี่ๆ ทุกคน นี่คือเสื้อผ้าในร้านของฉัน ถึงจะเอาออกมาแขวนไม่เยอะ แต่ก็น่าจะพอเห็นรูปแบบเสื้อผ้าคร่าวๆ ได้ พี่ๆ ลองดูว่ามีอะไรที่เข้าตาไหม ช่วยออกความคิดเห็นให้ฉันได้มีแรงบันดาลใจเพิ่มขึ้นด้วยนะคะ"
"หมายความว่ายังไง เธอออกแบบเองเหรอ"
หม่าฮ่าวป๋อชี้ไปที่เสื้อผ้าด้วยสีหน้าประหลาดใจ หมี่หลันเยว่พยักหน้า แสดงว่าเขาพูดถูก ผู้ชายที่ตามหลังหม่าฮ่าวป๋อมา ทุกคนต่างก็ยืนนิ่งอึ้งไป แล้วหันไปมองเจิ้งซวี่เหยาเป็แถว
"ซวี่เหยา น้องสาวของนายมีอะไรที่ไม่เป็บ้างไหม บอกให้พวกเรารู้บ้าง ไม่เว้นช่องให้พวกเราหายใจบ้างเลย อย่างน้อยเราก็แก่กว่าเธอตั้งหลายปีนะ"
บนหน้าของหลิวม่าวหลินเขียนคำว่า ‘ยอมแล้ว’ ไว้อย่างชัดเจน
เจิ้งซวี่เหยาพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจที่สายตาของตัวเองได้รับการยอมรับ
"เธอทำได้ทุกอย่างนั่นแหละ"
คำพูดนี้เรียกมาซึ่งการลงไม้ลงมือทันที หนุ่มๆ วัยยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด ก็พลันกลับมากระชุ่มกระชวย
"พี่ๆ คะ นี่คือสินค้าใหม่ล่าสุดของโรงงานเรา พี่ๆ เลือกไปคนละชุดที่ชอบ แล้วช่วยฉันโฆษณาหน่อยนะคะ อีกสองวันเราก็จะเปิดร้านให้ลองแล้ว"
หมี่หลันเยว่้าใช้เสื้อผ้าตอบแทนทุกคน เจิ้งซวี่เหยาไม่ถือว่าพวกเขาเป็คนนอก แต่เธอทำไม่ได้
ทุกคนไม่ยอมรับ แต่หมี่หลันเยว่ย้ำว่า้าให้พวกเขาช่วยโฆษณา แถมเสื้อผ้าก็สวยถูกใจจริงๆ ทุกคนเห็นว่าเจิ้งซวี่เหยาไม่ได้ช่วยปฏิเสธ ก็เลยรับน้ำใจของหมี่หลันเยว่ไว้ แต่ในใจก็แอบคิดว่าเด็กสาวคนนี้รู้จักทำมาหากินจริงๆ
อีกสองวันต่อมาก็ถึงวันเปิดร้านสาขาใจกลางเมือง คนที่ได้รับของขวัญไปก่อนหน้านี้ ก็ต้องมาช่วยงานกันอย่างเต็มที่ แต่ละคนก็พาเพื่อนฝูงมาให้กำลังใจ แถมแม่เจิ้งยังเชิญเพื่อนสนิทมาอีกมากมาย ทำให้ร้านเสื้อผ้าหลันเยว่ที่ตั้งอยู่ในอาคารหงจี เปิดทำการได้อย่างสมศักดิ์ศรี
