บทที่ 8 ประกาศศักดา
หนึ่งเดือนต่อมา ณ ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้านานาชาติแห่งเซี่ยงไฮ้
บรรยากาศภายในห้องประชุมใหญ่คึกคักและตึงเครียดไปพร้อมๆ กัน แสงไฟสปอตไลท์สาดส่องลงบนเวทีขนาดใหญ่ ที่ซึ่งตัวแทนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วประเทศจีนกำลังเตรียมตัวสำหรับรอบชิงชนะเลิศของการแข่งขัน "แผนการลงทุนจำลองระดับประเทศ" หรือที่เรียกกันว่า "Future Investor Challenge"
เวทีนี้ไม่ใช่แค่การแข่งขันของนักศึกษา แต่เป็ที่จับตามองของเหล่าแมวมองจากสถาบันการเงินั์ใหญ่ กองทุนร่วมลงทุน (Venture Capital) และบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของประเทศ ผู้ชนะไม่เพียงแต่จะได้รับเงินรางวัลและเกียรติยศ แต่ยังหมายถึงตั๋วทองคำที่จะนำไปสู่เส้นทางอาชีพที่สดใสในวงการการเงิน
หลินซูเม่ยยืนสงบนิ่งอยู่หลังเวทีในชุดสูทสีเทาเข้มที่สั่งตัดมาอย่างดีซึ่งขับให้บุคลิกของเธอดูสุขุมและเป็มืออาชีพเกินวัย เธอดูแตกต่างจากนักศึกษาคนอื่นๆ ที่กำลังท่องสคริปต์ของตัวเองอย่างร้อนรนหรือเดินไปมาด้วยความประหม่า ในทางกลับกันเธอกลับยืนนิ่งๆมองดูความวุ่นวายเ่าั้ด้วยแววตาที่เรียบเฉยราวกับทุกสิ่งอยู่ในการควบคุมของเธอแล้ว
"ตื่นเต้นไหม?" เสียงของศาสตราจารย์หวัง เจี้ยนกั๋ว ดังขึ้นข้างๆ เขามาในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษา
"นิดหน่อยค่ะ" ซูเม่ยตอบตามความจริง "แต่เป็ความตื่นเต้นที่จะได้แสดงผลงานมากกว่าค่ะ"
ศาสตราจารย์หวังพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาได้เห็นศักยภาพอันน่าสะพรึงกลัวของลูกศิษย์คนนี้อย่างเต็มตา เธอไม่ได้แค่มีความรู้ แต่ยังมีความคิดสร้างสรรค์ ไหวพริบ และความกล้าที่จะคิดนอกกรอบ แผนการลงทุนที่เธอร่างขึ้นมานั้นซับซ้อนและมองการณ์ไกลจนแม้แต่ตัวเขาเองยังต้องทึ่ง มันไม่ใช่แผนของนักศึกษา แต่เป็แผนของผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์โชกโชน
"จำไว้"ศาสตราจารย์หวังพูดให้กำลังใจ "แผนของเธอสมบูรณ์แบบแล้ว สิ่งที่เธอต้องทำตอนนี้คือเชื่อมั่นในตัวเองและทำให้คณะกรรมการเห็นในสิ่งที่ผมเห็น"
"ค่ะศาสตราจารย์" ซูเม่ยพยักหน้ารับ
การแข่งขันดำเนินมาถึง่สุดท้าย หลินซูเม่ยถูกขานชื่อให้ขึ้นไปนำเสนอเป็ลำดับเกือบสุดท้าย เธอเดินขึ้นเวทีด้วยท่วงท่าที่มั่นคงและสง่างาม ทุกย่างก้าวของเธอสะกดสายตาของผู้ชมทั้งห้อง แววตาของคณะกรรมการซึ่งประกอบไปด้วยผู้บริหารระดับสูงและนักลงทุนในตำนานหลายคนจับจ้องมาที่เธอเป็ตาเดียว
"สวัสดีค่ะท่านคณะกรรมการ ท่านผู้มีเกียรติ และเพื่อนนักศึกษาทุกท่าน" เธอกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนและกังวาน "ดิฉันหลินซูเม่ย ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ วันนี้จะมานำเสนอแผนการลงทุนภายใต้ชื่อ Phoenix Rebirth Portfolio หรือพอร์ตโฟลิโอการถือกำเนิดใหม่ของฟีนิกซ์ค่ะ"
ชื่อของแผนการลงทุนก็สร้างความน่าสนใจได้ั้แ่แรกแล้ว
"คนส่วนใหญ่มักจะมองหาการลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ที่มั่นคง หรือไม่ก็ไล่ตามหุ้น กระแสที่กำลังร้อนแรง แต่ฟีนิกซ์พอร์ตโฟลิโอของเรามีปรัชญาที่แตกต่างออกไปค่ะ เราเชื่อว่าผลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด มักจะซ่อนอยู่ใน เถ้าถ่าน... ในบริษัทที่คนส่วนใหญ่มองข้าม บริษัทที่กำลังอยู่ใน่เปลี่ยนผ่าน และบริษัทที่กำลังจะเกิดใหม่จากวิกฤตค่ะ"
สไลด์แรกปรากฏขึ้นบนจอขนาดั์ มันไม่ใช่กราฟที่ซับซ้อน แต่เป็ภาพของนกฟีนิกซ์ที่กำลังสยายปีกออกจากกองไฟ
เธอเริ่มอธิบายกลยุทธ์ของเธออย่างละเอียดและเป็ระบบ โดยแบ่งพอร์ตการลงทุนออกเป็สามส่วนหลัก
ส่วนแรก The Hidden Dragon (ัซ่อนกาย) คือการลงทุนในหุ้นคุณค่า (Value Stocks) ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งแต่ราคาในตลาดยังต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ซึ่งหุ้นตัวเอกในกลุ่มนี้ก็คือ ซิงเฉิน เทคโนโลยีนั่นเอง เธอได้นำเสนอการวิเคราะห์ที่เฉียบคมแบบเดียวกับที่เคยอธิบายให้หลี่น่าฟัง แต่ลงลึกในรายละเอียดของข้อมูลทางการเงินและสิทธิบัตรทางเทคโนโลยีมากขึ้น ทำให้คณะกรรมการต้องพยักหน้าตามอย่างเห็นด้วย
ส่วนที่สอง The Turnaround Titan (ั์ใหญ่ผู้พลิกฟื้น) คือการลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ที่เคยประสบปัญหาหรือราคาหุ้นตกต่ำ แต่มีสัญญาณชัดเจนของการฟื้นตัวและการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร เธอได้ยกตัวอย่างบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าแห่งหนึ่งที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจพลังงานสะอาด ซึ่งเป็ข้อมูลที่ยังไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนในวงกว้าง แต่เธอรู้ มาจากความทรงจำในอนาคต
และส่วนที่สาม ซึ่งเป็ส่วนที่ท้าทายและน่าทึ่งที่สุด The Crisis Catalyst (วิกฤตคือโอกาส)
"ในอีกหนึ่งถึงสองปีข้างหน้า" เธอพูดด้วยความมั่นใจ "ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนจะเผชิญกับภาวะฟองสบู่แตกในระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในเมืองรองบางแห่งนโยบายที่เข้มงวดของรัฐบาลจะทำให้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดเล็กและขนาดกลางจำนวนมากต้องประสบปัญหาสภาพคล่องอย่างรุนแรง"
คำพูดของเธอทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในห้องประชุม การทำนายวิกฤตอย่างเฉพาะเจาะจงและมั่นใจขนาดนี้ถือว่าเสี่ยงและอาจหาญอย่างยิ่ง!
"ในขณะที่คนอื่นจะตื่นตระหนกและเทขายสินทรัพย์...ฟีนิกซ์พอร์ตโฟลิโอจะเข้าช้อนซื้อค่ะ!" เธอกล่าวเสียงดังฟังชัด"เราจะเข้าซื้อหนี้เสียของบริษัทเหล่านี้ในราคาที่ต่ำมาก และเข้าซื้อที่ดินทำเลทองในราคาที่ถูกราวกับได้เปล่า จากนั้นเมื่อตลาดฟื้นตัว ซึ่งมันจะฟื้นตัวอย่างแน่นอน... มูลค่าของสินทรัพย์เหล่านี้จะเพิ่มขึ้นเป็สิบๆ เท่า!"
มันคือแผนการที่บ้าบิ่น... แต่ก็อัจฉริยะ!
การนำเสนอของเธอจบลงด้วยเสียงปรบมือที่ดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้อง คณะกรรมการต่างมองหน้ากันด้วยความทึ่งและตื่นเต้น คำถามที่ยิงเข้ามาหาเธอนั้นล้วนแต่เป็คำถามที่ยากและท้าทาย แต่เธอก็สามารถตอบกลับได้อย่างเฉียบคมและมั่นใจทุกคำถาม ราวกับว่าเธอไม่ได้กำลังตอบคำถาม แต่กำลังสอนพวกเขาอยู่เสียด้วยซ้ำ
"คุณหลิน... คุณมั่นใจได้อย่างไรว่าวิกฤตอสังหาฯ จะเกิดขึ้นจริง?" หนึ่งในกรรมการซึ่งเป็ประธานกองทุนั์ใหญ่ถามขึ้น
"มันเป็วัฏจักรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ค่ะท่าน" เธอตอบอย่างสุขุม "การเติบโตที่ร้อนแรงเกินไปย่อมนำมาซึ่งการปรับฐานเสมอ และจากข้อมูลการปล่อยสินเชื่อที่ไม่มีคุณภาพและปริมาณสต็อกบ้านที่ล้นตลาดในเมืองรองหลายแห่ง...มันไม่ใช่คำถามว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่เป็คำถามว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ต่างหาก และดิฉันเชื่อว่าสัญญาณเตือนภัยได้เริ่มดังขึ้นแล้ว"
คำตอบของเธอทำให้กรรมการคนนั้นถึงกับพยักหน้ายอมรับ
ในขณะที่หลินซูเม่ยกำลังเฉิดฉายอยู่บนเวทีแห่งเกียรติยศ ที่ธนาคารแห่งหนึ่งในอีกมุมของเมืองจางเหว่ยและหลินซูซานกำลังนั่งอยู่หน้าเ้าหน้าที่สินเชื่อด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความหวัง
"นี่คือแผนธุรกิจฉบับปรับปรุงใหม่ของเราครับ" จางเหว่ยยื่นเอกสารที่เขาและซูซานใช้เวลาทั้งอาทิตย์ ขโมยและปรับปรุงมาจากไฟล์ของหลินซูเม่ย "เราได้เพิ่มรายละเอียดของแบบจำลองทางการเงินและกลยุทธ์การตลาดที่ชัดเจนขึ้น ผมรับรองว่านี่คือแผนการที่รัดกุมและมีความเป็ไปได้ทางธุรกิจสูงที่สุด"
เ้าหน้าที่สินเชื่อรับเอกสารไปพิจารณา เขาเปิดอ่านผ่านๆ ทีละหน้าสีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนจากเรียบเฉยเป็ขมวดคิ้ว ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
"คุณจางครับ... แผนธุรกิจนี้..." เขาพูดอย่างลังเล "มันดูดีมากครับ... ดีเกินไป"
"หมายความว่ายังไงครับ?" จางเหว่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
"โมเดลทางการเงินของคุณมันสวยหรูมากแต่กลับตั้งอยู่บนสมมติฐานที่มองโลกในแง่ดีเกินไป คุณคาดการณ์อัตราการเติบโตของผู้ใช้งานสูงลิ่ว แต่กลับมีต้นทุนการได้มาซึ่งลูกค้า ที่ต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้... แผนการตลาดของคุณก็ดูน่าสนใจแต่กลับขาดการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบของภาครัฐที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง"
เ้าหน้าที่คนนั้นชี้ไปยังจุดหนึ่งในแผน "โดยเฉพาะส่วนนี้... การที่คุณจะใช้กลยุทธ์ P2P Lending เป็ผลิตภัณฑ์หลักนั้น มีความเสี่ยงสูงมากที่จะถูกควบคุมอย่างเข้มงวดในอีกไม่ช้า"
ทุกคำพูดของเ้าหน้าที่สินเชื่อเหมือนกับมีดที่กรีดลงบนแผนการของพวกเขา! ช่องโหว่ร้ายแรงที่หลินซูเม่ยจงใจใส่ทิ้งไว้ในแผนธุรกิจฉบับเก่านั้น บัดนี้มันกำลังทำงานของมันอย่างสมบูรณ์แบบ! เธอรู้ดีว่ากฎระเบียบด้าน P2P Lending กำลังจะเปลี่ยนไป และเธอจงใจเขียนแผนให้ดูสวยหรูโดยละเลยความเสี่ยงข้อนี้ไป เพื่อล่อให้คนที่ไม่มีความรู้ลึกซึ้งพอเข้ามาติดกับ!
"ผมเสียใจด้วยนะครับคุณจาง" เ้าหน้าที่สินเชื่อกล่าวปิดท้าย "แต่ด้วยแผนธุรกิจที่มีช่องโหว่ชัดเจนขนาดนี้...ทางเราไม่สามารถอนุมัติสินเชื่อให้คุณได้จริงๆ"
โลกของจางเหว่ยและหลินซูซานพังทลายลงมาอีกครั้ง พวกเขามองหน้ากันด้วยความไม่เชื่อสายตา ทำไมถึงเป็แบบนี้ไปได้!? แผนธุรกิจที่ได้รับรางวัลที่หนึ่งของนังซูเม่ย... ทำไมมันถึงใช้ไม่ได้ผล!?
ตัดกลับมาที่เวทีการแข่งขัน ผลการตัดสินได้ประกาศออกมาแล้ว...
"และผู้ชนะเลิศการแข่งขัน Future Investor Challenge ในปีนี้ ได้แก่... คุณหลินซูเม่ย จากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้!!!"
เสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง หลินซูเม่ยก้าวขึ้นไปรับถ้วยรางวัลเกียรติยศและเงินรางวัลห้าแสนหยวนด้วยรอยยิ้มที่สง่างาม แสงแฟลชจากกล้องของนักข่าวสาดเข้าใส่เธอไม่หยุดชื่อของ หลินซูเม่ย ได้ถูกจารึกไว้ในวงการการเงินของจีนในฐานะดาวรุ่งดวงใหม่ที่น่าจับตามองที่สุดในรอบทศวรรษ!
หลังจบงานเธอถูกรุมล้อมด้วยเหล่าผู้บริหารและนักลงทุนที่้าจะทำความรู้จักและยื่นนามบัตรให้เธอ แต่คนที่เธอให้ความสนใจมากที่สุดคือชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ยืนรออย่างเงียบๆ อยู่ห่างจากวงล้อม เขาไม่ได้สวมสูทหรูหราเหมือนคนอื่น แต่สายตาของเขานั้นเฉียบคมและเปี่ยมด้วยอำนาจอย่างประหลาด
"ยินดีด้วยนะคุณหลิน" ชายคนนั้นกล่าวขึ้นเมื่อเธอเดินเข้าไปหา "การนำเสนอของคุณน่าประทับใจมาก โดยเฉพาะแิเื่ Crisis Catalyst"
"ขอบคุณค่ะท่าน..."
"ผม โม่ อี้ฟาน จาก เทียนเฉิง แคปปิตอล" เขายื่นนามบัตรให้เธอ
หัวใจของหลินซูเม่ยกระตุกวูบ!
โม่ อี้ฟาน! พยัคฆ์ร้ายแห่งวงการเงินทุน! ประธานหนุ่มแห่ง "เทียนเฉิง แคปปิตอล" กลุ่มทุนลึกลับและทรงอิทธิพลที่สุดตระกูลหนึ่งในเซี่ยงไฮ้! ในที่สุด... เธอก็ได้พบกับเขาเร็วกว่าที่คาดไว้!
การปรากฏตัวของเขาคือสัญญาณว่าเธอได้ก้าวเข้ามาสู่สมรภูมิที่แท้จริงแล้ว
"เป็เกียรติอย่างยิ่งค่ะประธานโม่" เธอรับนามบัตรมาด้วยท่าทีที่สงบนิ่งที่สุด แม้ในใจจะเต้นระรัว
"ผมสนใจในแผนการลงทุนของคุณ" โม่ อี้ฟาน พูดตรงไปตรงมา "บางที... เราอาจจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันในอนาคต"
สายตาของทั้งสองประสานกัน มันไม่ใช่แค่การพบกันของนักลงทุนรุ่นใหญ่กับดาวรุ่งดวงใหม่... แต่มันคือการเผชิญหน้ากันของพยัคฆ์และหงส์เพลิง ที่ต่างฝ่ายต่างรับรู้ได้ถึงพลังอันน่าเกรงขามของอีกฝ่าย
หมากตัวต่อไปบนกระดาน... ได้ปรากฏขึ้นแล้ว และมันเป็หมากที่แข็งแกร่งและคาดเดายากที่สุดเท่าที่เธอเคยเจอมา