การนัดพบกับเ้าของบ้านนั้น จัดขึ้นที่ห้องน้ำชาแห่งหนึ่ง ใน่กลางยุค 80 ห้องน้ำชายังคงเป็สิ่งหายาก แต่บุคคลที่มีฐานะมักจะชื่นชอบสถานที่ที่ดูสง่างามและมีเอกลักษณ์แบบนี้มากกว่า เพราะมันแสดงถึงสถานะและภูมิหลังที่ลึกซึ้ง เพราะการดื่มชานั้นไม่ใช่เื่ง่ายๆ มันมีอะไรมากกว่านั้น
สำหรับเื่นี้ หมี่หลันเยว่กลับไม่รู้สึกประหม่ามากนัก ในอนาคตเธอจะได้ััสถานที่แบบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะในยุคหลังๆ การเจรจาธุรกิจแทบจะไม่ไปตามสถานบันเทิงหรือไนต์คลับแล้ว หมี่หลันเยว่ในฐานะผู้จัดการร้าน บางครั้งก็จำเป็ต้องสังสรรค์กับผู้จัดการเขตของโรงงานหรือผู้ค้าส่ง
ดังนั้น ห้องน้ำชาจึงไม่ใช่สิ่งที่หมี่หลันเยว่ไม่คุ้นเคย กลับกัน เธอค่อนข้างคุ้นเคยด้วยซ้ำ เพื่อไม่ให้ขายหน้า เธอเคยไปเรียนพิธีชงชากับคนอื่นมาในชาติก่อน แม้จะไม่เชี่ยวชาญ แต่ก็มีความมั่นใจเพียงพอที่จะรับมือกับการเข้าสังคมใน่กลางยุค 80 ได้
ยังไงซะ พิธีชงชายังไม่เป็ที่นิยมมากนักในยุค 80 เธอคงจะก้าวไปข้างหน้าคนส่วนใหญ่แล้ว และเพราะรู้ว่าจะได้ใช้มันในอนาคต หมี่หลันเยว่จึงไม่ละทิ้งทักษะนี้ไป แม้แต่การชงชาในชีวิตประจำวันง่ายๆ เธอก็ยังพิถีพิถันเป็พิเศษ
"ไม่นึกเลยว่าพวกเธอจะนัดกันในสถานที่ที่มีวัฒนธรรมแบบนี้"
เจิ้งซวี่เหยามองป้ายเหนือห้องน้ำชา ตัวอักษรบนป้ายนั้นดูเคร่งขรึมและสง่างาม ส่วนกลอนคู่ก็มีความหมายลึกซึ้ง
"ยอดชาอ่อนยังไม่ทันเปียกฝนเดือนสาม ชาจักรพรรดิก็กลับชิงความสดของฤดูใบไม้ผลิไปก่อนแล้ว”
เขาอ่านกลอนคู่ออกมาเบาๆ ความเก่าแก่และสง่างามนั้นก็คล้ายจะลอยออกมาจากถ้อยคำที่เปล่งออกจากปากจนทำให้รู้สึกขนลุก ทำให้ขนลุกไปทั้งแขน เจิ้งซวี่เหยาถูแขน ความรู้สึกนี้ทำให้เขาประหลาดใจมาก
"ถ้าไปดื่มกาแฟ ฉันยังพอมีความรู้บ้าง เพราะอย่างน้อยก็ดื่มมาห้าหกปีในต่างประเทศ แต่ถ้าพูดถึงการดื่มชา ที่บ้านฉันก็มีแต่คุณปู่เท่านั้นที่มีวัฒนธรรมชาบ้าง แม้แต่พ่อฉันก็ยังถูกคุณปู่เรียกว่า 'ดื่มแบบวัว' ซดเอาๆ โดยไม่ลิ้มรสเลยด้วยซ้ำ ดูเหมือนว่าฉันจะช่วยอะไรไม่ได้เลยในสถานที่แบบนี้"
เจิ้งซวี่เหยาพูดอย่างประชดประชันเล็กน้อย เขาไม่ค่อยมั่นใจที่จะมาในสถานที่แบบนี้ ดูเหมือนว่าการพึ่งพาความรู้จากต่างประเทศเพียงเล็กน้อย จะทำให้ประสบความสำเร็จในประเทศได้ไม่ง่ายนัก สิ่งที่เขาต้องเรียนรู้ยังมีอีกมาก แม้ว่าของต่างประเทศจะล้ำสมัยมาก แต่ก็ต้องสอดคล้องกับสภาพของประเทศจีนด้วย
"อาจารย์เจิ้ง ไม่ต้องกังวล น้องสาวผมชงชาเก่งมาก ถือว่าหาตัวจับยากในซวงเฉิงเลยครับ ครั้งหนึ่งโรงเรียนของพ่อผมจัดงานน้ำชา น้องสาวถูกเรียกไปช่วย ปรากฏว่าชาที่น้องชง ทุกคนแย่งกันดื่ม ส่วนชาที่คนอื่นชงกลับถูกรังเกียจ เรียกได้ว่าดังเป็พลุแตกเลยครับ"
หมี่หลันหยางมั่นใจในฝีมือน้องสาวอย่างเต็มเปี่ยม ตอนนั้นชื่อเสียงของน้องสาวแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว สำนักงานการศึกษาจึงให้พ่อพาน้องสาวไปร่วมประชุมประจำปี และยังหาเหตุผลมามอบรางวัลนักเรียนดีเด่นระดับเมืองให้น้องสาวด้วย แน่นอนว่าผลการเรียนของน้องสาวก็ทำให้คนที่อยากจะพูดอะไรสักอย่าง พูดไม่ออกไปเลยครับ
"โอ้ มีเื่แบบนี้ด้วยเหรอ?"
ไม่นึกเลยว่าหมี่หลันเยว่จะชงชาเก่งด้วย
"หลันเยว่ อย่างนี้มันไม่ค่อยยุติธรรมนะ ฝีมือดีขนาดนี้ ไม่เคยแสดงฝีมือให้ฉันเห็นเลย แถมคุณปู่ก็ชอบดื่มชามากด้วยนะ"
หมี่หลันเยว่รู้สึกผิดเล็กน้อย รีบอธิบายว่า "ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังจริงๆ นะคะ แค่ไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือตัวเอง อย่าไปฟังพี่ชายพูดเลยค่ะ แค่ชงชาจากกาน้ำชาธรรมดา ไม่ได้วิเศษอย่างที่เขาว่าหรอกค่ะ"
"กาน้ำชาธรรมดานี่แหละถึงจะเห็นฝีมือ ชาจากกาน้ำชาธรรมดาจะชงให้อร่อยได้ยังไง ถ้าเธอชงชาจากกาน้ำชาธรรมดาให้อร่อยได้ แสดงว่าเธอเป็มือหนึ่งเลย คุณปู่ต้องชอบแน่ๆ"
เพื่อที่จะได้ดื่มชาที่หมี่หลันเยว่ชงด้วยตัวเอง เจิ้งซวี่เหยาจึงยกคุณปู่มาเป็เกราะกำบังอีกครั้ง
"โธ่ พวกเราอย่ามัวเสียเวลาเลยค่ะ ไม่ได้บอกว่าจะมาแต่เช้าเพื่อรอเหรอคะ นี่มัวยืนอยู่ข้างนอกเสียเวลาไปเยอะแยะแล้ว รีบเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ เผื่อว่าเ้าของบ้านมาถึงก่อนจะแย่เอา"
หมี่หลันเยว่เห็นว่าถ้าเธอไม่ห้าม เจิ้งซวี่เหยายังคงคุยต่อไปเรื่อยๆ จึงรีบดึงเขาเข้าไปในห้องน้ำชา หมี่หลันหยางยิ้มและส่ายหน้า ก่อนจะก้าวตามเข้าไป
ภายในห้องน้ำชาตกแต่งอย่างสวยงามเป็พิเศษ ทุกหนทุกแห่งอบอวลไปด้วยความหอมและความสง่างาม เครื่องประดับในห้องส่วนใหญ่ทำจากไม้ไผ่และใบไผ่ ห้องน้ำชาเล็กๆ แต่ละห้องก็กั้นด้วยรั้วไม้ไผ่ แม้ว่ารั้วไม้ไผ่จะไม่แ่า แต่ก็มีเถาวัลย์พันอยู่ ทำให้ห้องน้ำชาเล็กๆ แต่ละห้องไม่สามารถมองเห็นกันได้
"ยินดีต้อนรับค่ะ ไม่ทราบว่ามากี่ท่านคะ ได้จองไว้ไหมคะ?"
ทันทีที่ทั้งสามคนก้าวเข้าไปในห้องน้ำชา พนักงานต้อนรับก็รีบเข้ามาต้อนรับ นี่เป็เพียง่กลางยุค 80 เท่านั้น อุตสาหกรรมบริการในเมืองหลวงก็มีคุณภาพและความสูงส่งแบบนี้แล้ว ทำให้หมี่หลันเยว่รู้สึกซาบซึ้งมาก
"มีชื่อคุณหลี่จองห้องไว้ไหมครับ?"
เจิ้งซวี่เหยารีบพูดก่อน พนักงานต้อนรับพยักหน้า
"มีค่ะ คุณหลี่จากหน่วยงานรัฐ...เป็คนจอง เชิญตามมาทางนี้ค่ะ"
เมื่อได้ยินพนักงานต้อนรับพูดถึงคุณหลี่จากหน่วยงานรัฐ...อย่างไม่ตั้งใจ หมี่หลันเยว่และคนอื่นๆ ก็รู้ว่าไม่ผิดแน่ ยังไงก็ตาม พนักงานต้อนรับคนนี้ก็ฉลาด เขาไม่ได้เปิดเผยข้อมูลของลูกค้าออกมาโดยพลการ เขาแค่กลัวว่าจะจำคนผิด จึงถือโอกาสพูดขึ้นมา ถ้าไม่ผิด ก็ยินดี แต่ถ้าผิด ลูกค้าก็จะสังเกตได้เอง และจะแก้ไขข้อผิดพลาดได้ทันที
เมื่อเข้าไปในห้องน้ำชาเล็กๆ ที่จองไว้ ทั้งสามคนก็ไม่ได้รีบร้อนสั่งชา แต่กลับนั่งอย่างเป็ระเบียบ สำรวจการตกแต่งและรูปแบบของห้องน้ำชาเล็กๆ ก่อน ห้องไม่ใหญ่มาก แต่ถ้านั่งกันเจ็ดแปดคน ก็จะไม่รู้สึกอึดอัด นอกจากนี้ สีไม้ธรรมชาติ ผสมผสานกับการตกแต่งสีเขียวเข้มและสีเขียวอ่อน ทำให้จิตใจเบิกบาน
การสนทนาในสถานที่แบบนี้ จะทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลาย ราวกับว่ามีความสุขซึมเข้าไปในกระดูก ทำให้คุณรู้สึกสบายตัวไปทั้งร่าง สภาพแวดล้อมแบบนี้เหมาะสำหรับการพูดคุยเื่ต่างๆ จริงๆ มันสามารถทำให้ผู้คนใจเย็นและมีสติ
"มาถึงแล้วเหรอ ขอโทษที มาสาย พอดีฉันเพิ่งประชุมเสร็จ"
ในขณะที่หมี่หลันเยว่ทั้งสามคนกำลังสำรวจห้องน้ำชาเล็กๆ ประตูไม้ไผ่ของห้องน้ำชาก็ถูกเปิดออกเบาๆ ภายใต้ท่าทางเชิญของพนักงานต้อนรับ ชายวัยกลางคนสองคนในวัยสี่สิบกว่าๆ ก็เดินเข้ามา คนที่เดินนำหน้า น่าจะเป็ท่านผู้นำนามสกุลหลี่
"คุณลุงหลี่ มาแล้วเหรอคะ เชิญนั่งค่ะ ไม่ใช่ว่าคุณลุงมาสาย พวกเรามาเร็วไปหน่อย ไม่อยากให้คุณลุงรอค่ะ พวกเรารู้ว่าคุณลุงยุ่งมาก แค่มีเวลามาเจอพวกเรา พวกเราก็รู้สึกเป็เกียรติอย่างยิ่งแล้ว เชิญนั่งทางนี้ค่ะ"
รองรัฐมนตรีหลี่ไม่คิดเลยว่า คนที่เปิดปากพูดกับเขาจะเป็เด็กผู้หญิงที่ดูเหมือนจะอายุแค่สิบกว่าปีคนนี้ ยังไงก็ตาม แม้ว่าจะดูเด็กมาก แต่การต้อนรับที่แสดงออกมา ก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
นอกจากนี้ เด็กผู้หญิงยังชี้ให้เขานั่งที่นั่งที่ดีที่สุดในห้องน้ำชา บอกตามตรงว่าหลายคนที่มาดื่มชาที่นี่ เพียงเพื่อ้าแสดงความรู้ทางวัฒนธรรมและฐานะอันสูงส่งของตนเองเท่านั้น แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจวัฒนธรรมชาเหล่านี้ แต่เด็กผู้หญิงคนนี้กลับสามารถแยกแยะความสำคัญของที่นั่งได้ แสดงให้เห็นว่าเป็คนที่มีความรู้ ทำให้รองรัฐมนตรีหลี่รู้สึกสนใจเล็กน้อย
"ดีๆๆ พวกเรานั่งคุยกัน"
รองรัฐมนตรีหลี่นั่งลงที่ที่นั่งหลัก และหมี่หลันเยว่ก็รีบดึงเก้าอี้ที่นั่งด้านข้าง จัดให้คุณลุงที่ติดตามเขามานั่ง ทำให้ดวงตาของรองรัฐมนตรีหลี่เป็ประกาย
"พวกเธอก็นั่งด้วย พวกเรานั่งคุยกัน"
รองรัฐมนตรีหลี่ยื่นมือชี้ไปที่ที่นั่งที่เหลือ ส่งสัญญาณให้หมี่หลันเยว่และคนอื่นๆ สามคนนั่งลง หมี่หลันเยว่ดึงเก้าอี้ให้เจิ้งซวี่เหยาและพี่ชายของเธอนั่ง ส่วนเธอเองกลับไม่ได้นั่ง
"คุณลุงหลี่ ไม่ทราบว่าคุณลุงชอบดื่มชาอะไรคะ?"
รองรัฐมนตรีหลี่สั่งชาตามใจชอบ เวลาพักเที่ยงของเขาไม่ได้มีมากนัก ดังนั้นการดื่มชาจึงไม่สามารถดื่มได้อย่างเต็มที่ แค่้าหาสถานที่เงียบๆ สำหรับพูดคุยเท่านั้น
หมี่หลันเยว่สั่งให้พนักงานต้อนรับเตรียมชา แล้วนั่งลงที่ที่นั่งต่ำสุด
"คุณลุงหลี่คะ คนนี้คืออาจารย์เจิ้งซวี่เหยา คนนี้คือพี่ชายของหนู หมี่หลันหยาง หนูชื่อหมี่หลันเยว่ พวกเราเป็นักศึกษาใหม่ของชิงหัวในปีนี้ทั้งคู่ค่ะ"
นี่เป็ครั้งแรกที่หมี่หลันเยว่นำตำแหน่งนักศึกษาใหม่ของชิงหัวออกมาใช้ เพราะเธอไม่มีทุนอะไรที่จะไปต่อรองกับเขา อย่างน้อยก็ต้องให้เขารู้ว่าเธอไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้อะไร การสอบเข้าชิงหัวได้ ก็ถือว่าเป็คนที่มีวัฒนธรรมแล้ว
"โอ้ ไม่นึกเลยว่าพวกเธอสองคนจะเป็นักศึกษาของชิงหัว สาวน้อย เธออายุเท่าไหร่แล้ว ฉันดูยังไงเธอก็ไม่เหมือนนักศึกษาเลยนะ"
เห็นได้ชัดว่ารองรัฐมนตรีหลี่สนใจหมี่หลันเยว่มาก ไม่อย่างนั้น ตามนิสัยและสถานะของเขา เขาคงไม่พูดมากขนาดนี้
ตามหลักแล้ว เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายส่งเด็กผู้หญิงมาเจรจาเื่ต่างๆ เขาไม่ควรจะมีความหวังอะไรกับการพบปะครั้งนี้แล้ว เพราะอีกฝ่ายอาจจะไม่จริงจัง แต่หมี่หลันเยว่กลับส่งสัญญาณให้เขารู้ในทันที เด็กผู้หญิงคนนี้ แม้จะอายุน้อย แต่ก็เป็คนที่สามารถตัดสินใจได้เด็ดขาดทีเดียว
"คุณลุงหลี่ หนูอายุสิบห้าแล้วค่ะ ไม่ได้เด็กแล้ว ตอนนี้เป็นักศึกษาแล้วนะคะ"
หมี่หลันเยว่ไม่ได้พูดถึงเื่ที่ตัวเองสอบข้ามชั้น แต่เื่แบบนี้ไม่ต้องพูด ทุกคนก็เข้าใจกันได้ เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ และอาจจะมีลูกไม้เล็กๆ น้อยๆ ด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น สำหรับการซื้อขายบ้านสี่ประสานขนาดใหญ่ การที่อีกฝ่ายส่งเด็กผู้หญิงมา รองรัฐมนตรีหลี่ก็ยังไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ด้วยความที่เจิ้งซวี่เหยานั่งอยู่ข้างๆ เขาจึงไม่ได้แสดงความไม่พอใจออกมาในทันที ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็สนใจเด็กผู้หญิงคนนี้จริงๆ
"เธอเป็หลานชายของเจิ้งซูฝางใช่ไหม เบอร์โทรศัพท์ของฉันก็มาจากคุณปู่ของเธอใช่ไหม?"
เจิ้งซวี่เหยารีบพยักหน้า เขาต้องแสดงท่าทีที่กระตือรือร้น อย่าทำให้เื่ของหลันเยว่เสีย
"ใช่ครับ คุณลุงหลี่ บังเอิญรู้ว่าคุณลุงจะปล่อยบ้านสี่ประสาน ผมเห็นว่าน้องสาวคนนี้ของผมอยากจะซื้อบ้าน ก็เลยขอเบอร์โทรศัพท์จากคุณปู่ รบกวนคุณลุงแล้วครับ"
"โอ้? คนที่โทรศัพท์มาหาฉันเมื่อวันก่อน ก็คือเด็กผู้หญิงคนนี้เหรอ?"
เมื่อวานรองรัฐมนตรีหลี่รับโทรศัพท์ ก็ได้ยินว่าปลายสายเป็ผู้หญิงสาว แต่เพราะเสียงในโทรศัพท์มีการปรับเปลี่ยน เขาจึงไม่ได้ยินว่าเป็เสียงของหมี่หลันเยว่ และไม่คิดว่าจะเป็เด็กอายุน้อยขนาดนี้
ช่างเหนือความคาดหมายจริงๆ โทรศัพท์เมื่อวันก่อน ทำให้รองรัฐมนตรีหลี่มั่นใจในการปล่อยบ้านของตัวเอง เพราะคนนั้นมีเหตุผลที่ชัดเจน มีเส้นแบ่งที่ชัดเจน และรู้จักการถอยและรุก ดังนั้นเขาจึงรีบนัดเวลาพบปะ แต่สิ่งที่ทำให้เขาคาดไม่ถึงก็คือ คนนั้นคือเด็กผู้หญิงอายุเพียงสิบห้าปีที่อยู่ตรงหน้าเขา มันทำให้เขาประหลาดใจเหลือเกิน
