รัตติกาลที่เงียบสงัดนี้ จู่ๆ คบเพลิงอันหนึ่งพุ่งฝ่าความมืดถูกโยนจากด้านนอกเข้าไปในลานเรือนของเมิ่งอู่ เกิดเสียงดังแ่เบา แล้วบังเอิญไปตกในเรือนไม้หลังใหม่ที่เพิ่งสร้างแต่ยังไม่ได้มุงกระเื้ัคาพอดี
อินเหิงพลันลืมตาแล้วเอ่ยเรียกเบาๆ "อาอู่"
ผู้ที่ยืนอยู่นอกลานเรือนแอบทำลับๆ ล่อๆ หลังโยนคบเพลิงเข้าไปแล้วก็ไม่รีรออยู่ต่ออีก หันหลังกลับแล้ววิ่งหนีไปทันที
แม่เฒ่าผู้นั้นมือเท้าคล่องแคล่ว นางต้องรีบกลับเรือนตนเองก่อนที่ผู้อื่นจะมาพบ
ทว่าวิ่งไปได้เพียงครึ่งทาง นางอดเหลียวกลับไปมองไม่ได้ พอเห็นว่าเรือนของเมิ่งอู่ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของประกายไฟ ก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย
เหตุใดถึงไม่ไหม้? เป็ไปได้หรือไม่ว่าคบเพลิงดับแล้ว?
แต่นี่ไม่ถูกสิ นางชุบคบเพลิงด้วยน้ำมันตะเกียง ย่อมยากที่จะดับ แต่กลับติดไฟง่าย
เพิ่งคิดแบบนี้ ด้านหลังของนางก็มีแสงสลัวค่อยๆ สว่างขึ้นพร้อมกับไออุ่นเล็กน้อย
เสียงแ่เบาดังขึ้นข้างหลังนางราวกับเสียงภูตผี "กำลังดูไฟอยู่กระมัง?"
แม่เฒ่าหันขวับกลับไปมองโดยพลัน
แสงจากคบเพลิงที่ลุกโชติ่ส่องสว่างใบหน้าของเมิ่งอู่จากข้างล่างขึ้นข้างบน น่าสะพรึงอย่างอธิบายไม่ถูกดุจภูตผี โดยเฉพาะั์ตาคู่นั้นทั้งมืดมนและเ็า
แสงยังส่องสว่างไปที่ใบหน้าเหี่ยวย่นของนางเหอด้วย
นางเหอใมากจนแทบสิ้นสติ เกือบกรีดร้องออกมา
แท้จริงแล้วไม่รู้ว่าเมิ่งอู่มาดักรออยู่ข้างหน้านางเหอั้แ่เมื่อไร ด้วยนางเหอเอาแต่มุ่งหน้าวิ่งหนี จึงไม่ทันสังเกตเห็นเลยแม้แต่น้อย!
เมิ่งอู่เดินเข้าไปหานางเหอทีละก้าวๆ พลางเอ่ย "เมิ่งเจียนเจียเผาครั้งที่หนึ่งไม่สำเร็จ เ้าเลยมาเผาอีกเป็ครั้งที่สองอย่างนั้นรึ?"
นางเหอควบคุมเท้าของตนเองไม่ได้ นางก้าวถอยหลังทีละก้าวๆ ในใจไร้ความมั่นใจอย่างสิ้นเชิง แต่นางยังคงสาปแช่งด่าทอ “นางเด็กสารเลว! เ้าพูดจาเหลวไหลไร้สาระอันใด เ้าเห็นข้าจุดไฟด้วยตาตนเองหรือไร!”
เมิ่งอู่กล่าว “ข้าไม่จำเป็ต้องเห็น คืนนี้ข้าจับเ้าได้เพียงคนเดียว ข้าบอกว่าเป็เ้าก็ต้องเป็เ้าสิ” นางแสยะยิ้มเ็าพร้อมก้าวเข้าหานางเหอทีละก้าว “การจุดไปเผาเรือนให้วอดวายจะทำลายความพยายามทำงานอย่างหนักของข้าตลอดเวลาที่ผ่านมา เท่านั้นยังไม่พอ ค่ำคืนเงียบสงบ คืนนี้มีลมแรง ในเรือนมีคนนอนหลับอยู่สามคน หากเพลิงค่อยๆ ลุกลาม สามชีวิตคงต้องถูกฝังอยู่ท่ามกลางทะเลเพลิง”
นางเหอประหวั่นกับสีหน้าท่าทางของเมิ่งอู่เหลือหลาย พอเท้านางสะดุดก็ล้มลงกับพื้น ดวงหน้าซีดเผือดภายใต้แสงไฟ
เมิ่งอู่จ้องมองนางเหออย่างไม่ลดละพลางเอ่ย “ข้าว่าเ้าคงอยากจะเผาพวกเราให้ตายทั้งหมดสินะ พอเผาพวกเราตายแล้วก็จะได้ที่ดินของครอบครัวข้า ไม่ต้องกังวลเื่อาหารอีก อย่างไรเสียเ้าก็ไม่ใช่เพิ่งเคยฆ่าคนเป็ครั้งแรกใช่หรือไม่?”
นางเหออ้าปากพะงาบๆ ก่อนพูดเสียงสั่นเครือ “ข้าไม่ได้ทำแบบนั้น! เ้าบ้าไปแล้ว! บ้าแล้ว!”
นางเหอลุกขึ้นหมายจะวิ่งหนี ทว่าเมิ่งอู่กลับยกเท้าขึ้นเหยียบกระดูกข้อเท้าของนางเหอ ก่อนบดขยี้กับพื้นดินหยาบๆ อย่างแรง ความเ็ปที่เกิดขึ้นฉับพลันโดยไม่ทันป้องกันทำให้ร่างกายนางเหออ่อนแรง ล้มลงกับพื้นอีกครั้ง
นางเหอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยังไม่ทันกรีดร้องลั่นเพราะความเ็ปถึงขีดสุดนั้น เมิ่งอู่ก็หลุบตาลงจ้องนางด้วยสายตามืดมน จากนั้นจึงใช้คบเพลิงในมือจิ้มไปที่ทรวงอกของนางเหอ
ขณะนางเหอกำลังจะกรีดร้อง เสียงราวกับน้ำแข็งในฤดูเหมันต์ของเมิ่งอู่กลับดังขึ้น “ร้องสิ ร้องให้สุดเสียง เรียกชาวบ้านให้ตื่นขึ้นมา แล้วเอาคบเพลิงนี้ไปเปรียบเทียบกับรอยไหม้ในเรือนข้า ทั้งพยานบุคคลและหลักฐานครบถ้วน ข้าอยากเห็นผลลัพธ์ที่จะตามมาเหมือนกันว่า โทษทัณฑ์ของการฆ่าคนวางเพลิงเป็เช่นไร”
นางเหอหน้าตาบิดเบี้ยว แต่จำต้องกลืนเสียงกรีดร้องเอาไว้
เมิ่งอู่กระซิบถาม “ไฉนถึงไม่ร้องแล้วเล่า?”
คบเพลิงเผาเสื้อผ้าของนางเหอจนทะลุ ไฟถูกผ้าดับ แต่อุณหภูมิร้อนแรงแผดเผาของคบเพลิงก็เพียงพอที่จะเผานางเหอจนพุพอง
นางเหอขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เ้านี่… สมควรตายด้วยแผลนับพัน นางเด็กสารเลว!”
เมิ่งอู่ยกมือขึ้นแล้วจ่อคบเพลิงที่ดับแล้ว แต่ยังมีควันดำลอยกรุ่นไปที่ลำคอของนางเหอ
นางเหอทั้งโกรธทั้งกลัวอักโข เอ่ยเสียงสั่น “ขะ... ข้าเป็ย่าของเ้า! เ้ากล้าดีอย่างไรถึงทำกับข้าเช่นนี้!”
“ย่า? ยามที่เ้าพยายามจะฆ่าคนในครอบครัวข้า เหตุใดถึงไม่เคยคิดบ้างว่าเ้าเป็ย่าของข้า”
ได้ยินเพียงเมิ่งอู่หัวเราะเบาๆ ก่อนกล่าวอย่างดุร้าย “แม่เฒ่า ทำกรรมชั่วไว้มากย่อมต้องชดใช้ เด็กสารเลวที่สมควรตายด้วยแผลนับพันอย่างข้า อาจเป็์ส่งมาทวงหนี้ ในเมื่อคืนนี้เ้ากล้าจุดไฟวางเพลิงฆ่าคน ก็สมควรได้ลิ้มรสชาติของผิวไหม้เนื้อเน่านี่บ้าง ข้าบอกเ้าไว้เลยนะว่า หากคนในครอบครัวของข้าเป็อันใดไปแม้แต่ผมสักเส้น ข้าจะทำให้เ้าไม่สงบสุขแม้จะอยู่บนเส้นทางไปเยือนน้ำพุเหลือง [1] ก็ตามที”
นางเหอที่เดิมเต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาททั้งใกลัวทั้งพรั่นพรึง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
เมิ่งอู่จึงเก็บคบเพลิงสีดำเอาไว้ นางเหอรีบร้อนลุกขึ้น ก่อนวิ่งกะโผลกกะเผลกกลับเรือนของเมิ่งต้าโดยเร็ว
ทว่าบนถนนมืดสนิท นางไม่ได้มองทาง วิ่งไปได้ไม่ไกล จู่ๆ เท้าก็สะดุดล้มจนกลิ้งตกคันนา นางส่งเสียงร้องครวญครางด้วยความเ็ป แต่ก็ได้แต่กัดฟันกล้ำกลืนความเ็ปนั้นไว้
เมิ่งอู่ทำเป็ไม่ได้ยิน เดินผ่านคันนากลับเรือนไป
ทันทีที่เมิ่งอู่เข้าเรือน ก็เห็นอินเหิงรอนางอยู่ สีหน้าเ็าของนางพลันมลายสิ้น นางยิ้มเอ่ย "อาเหิง ไม่มีอันใดแล้ว นอนเถิด"
อินเหิงไม่ได้เอ่ยถามให้มากความ
ขอเพียงนางออกไล่ล่าย่อมไม่มีทางจับตัวคนวางเพลิงไม่ได้ เดาไม่ยากว่าผู้ใดที่ฟั่นเฟือนถึงเพียงนี้
เมิ่งอู่จะจัดการอย่างไรล้วนเป็สิทธิของนาง
ทว่าเช้าวันรุ่งขึ้นก็ได้ยินชาวบ้านเล่าลือกันว่า นางเหอที่เดินอยู่บนถนนตอนมืดค่ำเจอผี เลยพลัดตกคันนาโดยบังเอิญจนขาหัก นอนตากน้ำค้างอยู่ในทุ่งของผู้อื่นทั้งคืน กว่าจะมีคนพบก็เช้าวันรุ่งขึ้นแล้ว
ด้วยนิสัยใจคอของนางเหอในอดีต หากโดนผู้ใดทำร้ายถึงเพียงนี้ต้องด่าทอไม่หยุดแน่ แต่คราวนี้นางกลับเงียบกริบ ท้ายที่สุดแล้วเพราะนางรู้ดีว่าตนเองทำเื่เลวร้ายน่าละอาย หากเปิดเผยออกไป ผลลัพธ์อาจร้ายแรงยิ่งกว่านี้
นางเหอทำได้เพียงร้องครวญครางอยู่ที่เรือนตลอดทั้งวัน และด่าทอเมิ่งอู่ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
หน้าอกของนางถูกไฟไหม้รุนแรงจนเป็แผลพุพองใหญ่หลายแห่ง ขาของนางก็ขยับไม่ได้ หมอหยางที่ได้รับเชิญมาตรวจอาการและจ่ายยา หวังแต่จะเก็บค่ารักษาจากนางเพิ่มหลายๆ ครั้ง ไหนเลยจะยอมให้นางหายป่วยโดยเร็ว
ระหว่างนั้นนางเย่ได้ยินข่าวลือว่า หวังสี่ซุ่นที่ตระกูลหวังคอยดูแลอยู่ ลุกจากเตียงและเดินไปรอบๆ ได้แล้ว นางจึงไปเยี่ยมแม่เฒ่าหวังพร้อมกับนำตะกร้าผักสดที่เพิ่งเก็บไปฝาก ก้นตะกร้ายังมีไข่อยู่บ้าง
ครั้งก่อนครอบครัวของแม่เฒ่าหวังกับครอบครัวของเมิ่งต้าฉีกหน้ากันอย่างเปิดเผย ดูไม่ดีมาก นี่เป็ครั้งแรกที่นางเย่เป็ฝ่ายไปหาก่อน
ครั้นแม่เฒ่าหวังเห็นนางเย่ สีหน้าพลันมืดลง แทบจะใช้ไม้กวาดไล่นาง แต่เมื่อเห็นของที่นางเย่นำมาฝาก นางจะปฏิเสธได้อย่างไร จึงรับไว้อย่างไม่เกรงใจ
นางเย่เป็คนกลิ้งกลอกเ้าเล่ห์ แต่เป็ที่นิยมในหมู่บ้านมาก เพียงพูดจาดีๆ ไม่กี่ประโยค สีหน้าของแม่เฒ่าหวังก็ดีขึ้นเล็กน้อย
หวังสี่ซุ่นนอนพักฟื้นอยู่บนเตียงระยะหนึ่ง แผลภายนอกหายดีแล้ว แต่น้องชายคนเล็กของเขาสูญเสียพลังไปอย่างสิ้นเชิง ยามนี้แม่เฒ่าหวังกำลังพยายามตามหาหมอชื่อดังอย่างใจจดใจจ่อ
นางเย่เอ่ยถามถึงอาการของหวังสี่ซุ่น ทั้งยังกล่าวว่านางรู้ว่ามีหมอชื่อดังอยู่ที่ใด หากมีโอกาสจะเชิญพวกเขามารักษาให้ในหมู่บ้าน
นางเย่ถอนหายใจ “แม้เื่นี้พวกเรามีส่วนรับผิดชอบ แต่คนที่ทำร้ายสี่ซุ่นก็คือเมิ่งอู่ นางโหดร้ายนัก ชัดเจนว่าจงใจฆ่าสี่ซุ่นให้ตาย ยามนี้ไม่รู้ว่าเมิ่งอู่หาเงินจากที่ใดมาสร้างเรือนใหม่ ขณะที่สี่ซุ่นยังนอนซมอยู่บนเตียง ไม่คุ้มค่าที่จะคิดเลยจริงๆ”
……….
[1] หมายถึง โลกของคนตาย หรือปรโลก