ความพยายามของจางเฟิงสูญสลายไปพร้อมกับอสุรกายพระโพธิสัตว์ เขาจึงจำเด็กหนุ่มตรงหน้าลึกฝังใจ
“บัดซบ…” เสียงกัดฟันกระทบแน่นอย่างเคียดแค้น ก่อนจะหนีออกไปในความมืด
เขาเป่านกหวีดพลางวิ่งไปตามป่าผีคร่ำครวญ จากนั้นอีกาตัวหนึ่งก็บินออกมา ก่อนร่อนลงไปเกาะบนต้นไม้ข้างลู่เต้า เพื่อจับตาดูทุกความเคลื่อนไหว
จางเฟิงกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด “รอก่อนเถอะ!” พูดจบเขาก็หายลับเข้าไปในพุ่มไม้
หลังจากกำจัดอสุรกายพระโพธิสัตว์ได้แล้ว ลู่เต้าก็ทรุดลงกับพื้นทันที การต่อสู้เมื่อครู่ทำให้เขาเสียพลังไปมาก พอสิ้นเื่สิ้นราวแล้วก็หมดแรงล้มลงไป
“เ้าหนู เ้าไม่เป็ไรนะ”
“ยังไม่ตายหรอก” ลู่เต้านอนยิ้มอย่างขมขื่น “แค่ขยับแขนขาไม่ได้เท่านั้นเอง”
“เป็ธรรมดาของคนที่พลังิญญาหมด” ไป๋เสียรวบรวมพลังิญญาที่กระจัดกระจายของอสุรกายพระโพธิสัตว์เข้าไปในร่างลู่เต้า จากนั้นก็แบ่งพลังิญญาของตนเองให้อีกเล็กน้อย ลู่เต้าถึงจะพยุงตัวเองลุกขึ้นยืนได้
ลู่เต้าสำรวจดูาแ แขนซ้ายของเขาฟกช้ำเป็บริเวณกว้าง ซี่โครงหักไปสองซี่ โชคดีที่เขาถนัดขวาอยู่แล้ว จึงยังพอช่วยเหลือตัวเองได้บ้าง
เขามองไปรอบๆ ราวกับกำลังมองหาอะไรบางอย่าง ไม่นานเขาก็เดินไปที่กองใบไม้แห้ง หยิบเสื้อของตัวเองออกมา
น่าเสียดายที่เสื้อผ้าของเขาถูกพิษกัดกร่อนจนเป็รูเหมือนเศษผ้าเน่าๆ ไปแล้ว ลู่เต้าจำต้องทิ้งไปอย่างเสียดาย
ไป๋เสียถอนหายใจอย่างโล่งอก ถึงแม้พลังที่ลู่เต้าเผยออกมาก่อนหน้านี้จะเพียงพอทำให้ผู้ควบคุมิญญาหวาดหวั่นหวาดผวาได้แล้ว แต่เขาก็ยังไม่อาจมั่นใจได้ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ลู่เต้าอ่อนแอลงมาก เดินซวนเซไปมา หากต้องเลี่ยงการปะทะได้ก็ควรเลี่ยง
“ไปกันเถอะ อีกฝ่ายคงจะล่าถอยไปแล้ว” ไป๋เสียว่า “ในถ้ำลับมีเสื้อผ้าให้เ้าเปลี่ยน”
เดิมทีลู่เต้าคิดจะเดินทางต่อ แต่ตนก็หิวไส้กิ่วจนไม่อาจทนต่อไปได้ไหวแล้ว จึงเอ่ยขัดไป๋เสีย ก่อนจะเดินไปที่ต้นสนแดงอายุหลายสิบปี แล้วเริ่มควานหาอะไรบางอย่างในกองหญ้าแห้ง
ไป๋เสียปรากฏตัวข้างหลังลู่เต้าพลางมองดูด้วยความสงสัย “เ้ากำลังทำอะไร”
“หาอะไรกิน”
ลู่เต้าหาอยู่ครู่หนึ่ง ปลายนิ้วก็เหมือนจะเจออะไรบางอย่าง ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมา เมื่อเขาปัดหญ้าออก เห็ดป่าที่มีหมวกเห็ดสีน้ำตาลอ่อน ก้านเห็ดสีขาวอมเทาใหญ่ประมาณหนึ่งชุ่นก็เผยโฉมตรงหน้าเขา
ไป๋เสียมองด้วยสีหน้ารังเกียจราวกับว่า ‘ของแบบนี้กินได้ด้วยหรือ’
ในฐานะที่เติบโตในป่าในเขา ลู่เต้าย่อมรู้จักพืชและสัตว์ที่กินได้ในแถบนี้ทั้งหมด
เขาขุดเห็ดป่าขึ้นมาอีกหลายดอกด้วยความตื่นเต้น ปัดดินที่ติดอยู่บนดอกเห็ดออก ก่อนจะยื่นให้ไป๋เสียพลางยิ้มแย้ม “เห็ดป่าพวกนี้ย่างไฟหอมมากเลยนะ เ้าอยากลองชิมดูหรือไม่”
ไป๋เสียคิดว่าตนหูฝาไปจนสีหน้าสับสนครู่หนึ่ง ก่อนที่ใบหน้าจะเริ่มกระตุกขึ้นมา “เ้าหมายความว่า ให้ข้านำของที่ขุดขึ้นมาจากดิน ที่มีแต่กลิ่นดินกลิ่นสาบ แถมยังน่าเกลียดน่าชังเช่นนี้ กินลงท้องไปงั้นหรือ”
ลู่เต้านิ่งยิ้มและพยักหน้า
“ล้อเล่นอันใดกัน!!!” นกที่โผบินอยู่ในป่าต่างพากันใกับเสียงะโของไป๋เสีย
ลู่เต้ายกนิ้วมือมาอุดหูด้วยสีหน้าไร้เดียงสา ก่อนจะละมือลง “ไม่กินก็ไม่กินสิ จะะโเสียงดังขนาดนี้ทำไม…”
ตอนนี้เป็่ต้นคิมหันต์ ไม่ใช่่ที่จะเก็บเกี่ยวเห็ดป่าชนิดนี้ อีกทั้งเห็ดนี่ไร้พลังิญญา เป็เพียงของธรรมดาสามัญ
ลู่เต้าร้องเพลงพลางหาเห็ดป่าใต้ต้นไม้ ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม เขาก็ได้เห็ดป่ามาเป็กองย่อมๆ เลยทีเดียว
เขาใช้ฟืนและหญ้าแห้งก่อกองไฟ ก่อนจะนั่งขัดสมาธิ และเสียบเห็ดป่าเข้ากับกิ่งสนทีละดอก
ครู่ต่อมา ลู่เต้าก็เสียบเห็ดป่าจนเต็มไม้ แล้วถึงค่อยปักกิ่งสนเสียบเห็ดไว้ใกล้ๆ กับกองไฟ
แต่ทว่าเปลวไฟช่างริบหรี่เหลือเกิน ไฟไม่แรงเท่าใดนัก ลู่เต้าจึงต้องเอากิ่งสนออก ก่อนจะก้มหน้าลงไปใกล้ๆ แล้วเป่าลมเร่งไฟ ทันใดนั้น ควันไฟมากมายก็พวยพุ่งเข้าสู่จมูกเขาจนสำลักไอคอกแคก น้ำตาพลันไหลพราก
ไป๋เสียที่นอนเอาแขนหนุนหัวอยู่บนกิ่งไม้ไม่ไกลจากลู่เต้าเหลือบมองเขาที่ไอไม่หยุด ก่อนจะกลับไปหลับตาพักผ่อนอย่างสบายใจ
ลู่เต้าไออยู่นาน ในตอนนี้เขาอดคิดถึงที่สูบลมในครัวที่บ้านไม่ได้ หากมีมันอยู่ คงไม่สำลักควันง่ายๆ เช่นนี้แน่
เขากวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างจนใจ ซึ่งไม่พบต้นไผ่ที่ใช้ทำที่สูบลมได้เลย
ในขณะที่เขากำลังจะล้มเลิกความคิด และก้มลงไปเป่าฟืนต่อ ฉับพลันนั้น ขลุ่ยสะกดมารก็กลิ้งมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
“โอ้...?” ลู่เต้านึกอะไรขึ้นได้ จึงหยิบขลุ่ยสะกดมารขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
ไป๋เสียที่แสร้งทำเป็หลับอยู่ก็ได้ยินเสียงดีใจของลู่เต้าดังมาจากด้านล่าง “เย้! สำเร็จแล้ว!”
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาจึงลืมตาขึ้นเล็กน้อยเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่ทันได้เห็นชัดๆ ไป๋เสียก็เบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก เขาะโลงมาจากต้นไม้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับะโว่า “จะ...จะ...จะ...จะ...จะ...เ้ากำลังทำอะไร!!!”
ลู่เต้าเลิกคิ้วมองไป๋เสียด้วยสีหน้าฉงน ขลุ่ยสะกดมารในมือเขามีไฟลุกท่วมปลายขลุ่ย ก่อนหน้านี้เขาใช้นิ้วทั้งสิบปิดรูบนขลุ่ยสะกดมาร แล้วใช้มันเป็ที่สูบลม
ยิ่งไปกว่านั้น...มันได้ผลดีเสียด้วย! เพียงแค่เป่าลมเบาๆ เปลวไฟก็ลุกโชนพึ่บพั่บ
เมื่อไป๋เสียเห็นขลุ่ยิญญาอันล้ำค่าที่ท่านกูซูมอบให้กลับถูกเด็กนี่เหยียดหยาม ก็ฉุนเฉียวเสียจนพูดจาติดอ่าง “มะ...มะ...มะ...มะ...มารดาเ้าสิ! กล้าเอาขลุ่ยสะกดมารมาใช้เป็ที่สูบลมอย่างนั้นหรือ?!”
“ทำไมต้องตื่นใขนาดนั้นด้วยเล่า” ลู่เต้าเอ่ยอย่างไม่พอใจ “แค่เปลี่ยนวิธีใช้เอง”
“สิ่งนี้สำหรับผู้สืบทอดวิถีมารอย่างพวกข้า ถือเป็สิ่งล้ำค่าสูงส่งนะ!!!!” ไป๋เสียสติแตก “ไม่เคยมีผู้สืบทอดคนใดใช้ขลุ่ยสะกดมารแบบนี้มาก่อน!”
“ว้าว! งั้นข้าก็ค้นพบวิธีใช้แบบใหม่แล้วละสิ” ลู่เต้าหัวเราะพลางถ่ายเทพลังิญญาเข้าไปในขลุ่ยสะกดมาร ทำให้มันกลายเป็ไม้สะกดมาร จากนั้นก็หยิบก้อนผลึกเกลือที่ไม่รู้เก็บได้มาจากที่ใดมาฝนกับร่องอักขระบนไม้สะกดมาร
“ตึ้ง!”
ไป๋เสียโมโหจนสติขาดสะบั้น ก่อนที่ตาจะเหลือกจนหมดสติไป
เมื่อสติฟื้นคืน ลู่เต้าก็โรยเกลือใส่เห็ดป่า และเสียบไม้เอาไปย่างเสร็จพอดี ลู่เต้าเห็นเขาดึงสติกลับมาได้แล้วก็เอ่ยว่า “ทานได้แล้ว”
“ร่างของข้าสูญสิ้นไปแล้ว ไม่จำเป็ต้องกิน!” เขายังคงโกรธอยู่ จึงเบือนหน้าหนีไม่สนใจลู่เต้า
ลู่เต้าที่เห็นอาหารอันโอชะอยู่ตรงหน้าไม่ยี่หระว่ามันจะลวกปากหรือไม่ เขาหยิบเห็ดเสียบไม้ขึ้นมาเป่าสองสามที ก่อนจะส่งเข้าปากทันที
“ฮ่าๆๆ ... ฮ่าๆๆ ... ร้อนๆ!” ลู่เต้าร้องลั่น เพราะเห็ดย่างลวกปาก จึงรีบอ้าปากพ่นลมเพื่อลดความร้อนในปาก
เมื่อความร้อนลดลงจนถึงระดับที่พอรับได้ เขาก็ใช้ฟันกัดลงไป ทันใดนั้น รสชาติเข้มข้นเฉพาะตัวของเห็ดป่าก็แผ่ซ่านไปทั่วปลายลิ้น เกลือที่เพิ่มเข้าไปได้ชูรสเห็ดออกมาอย่างเต็มที่
ลู่เต้าเคี้ยวเห็ดอย่างเอร็ดอร่อย ใบหน้าเปื้อนยิ้มไปด้วยความสุข ไป๋เสียที่เห็นเช่นนั้นก็ฮึมฮัมเบาๆ แล้วหันหน้าหนีพลางพึมพำว่า “แสดงได้เนียนจริงๆ”
ไป๋เสียไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าของแบบนี้จะอร่อยได้
ทว่าลู่เต้ากลับกินอย่างเอร็ดอร่อย กินหมดไปทีละไม้ๆ ราวกับมรสุมดูดกลืน
ไป๋เสียรู้สึกประหลาดใจนัก เพราะจริงๆ แล้วเขาไม่ได้ชอบเห็ดเป็พิเศษ แถมยังแหยงๆ มันเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นลู่เต้ากินอย่างเอร็ดอร่อยเช่นนั้น เขากลับรู้สึกหิวขึ้นมาบ้างแล้ว!
ไม่นานนัก ข้างกองไฟก็เหลือเพียงเห็ดเสียบไม้เพียงไม้เดียว ลู่เต้าหยิบเห็ดเสียบไม้ขึ้นมาเตรียมจะส่งเข้าปาก แต่เมื่อใกล้ถึงริมฝีปาก เขาก็หันกลับไปถามไป๋เสียว่า “ไป๋เสีย เ้าแน่ใจนะว่าไม่...”
จู่ๆ ในป่าก็มีลมกระโชกแรงพัดจนร่างกายลู่เต้าเซเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเ้าเล่ห์ทันใด
“ในเมื่อเ้าอุตส่าห์เชิญชวนด้วยความจริงใจเช่นนี้ ข้าย่อมไม่ปฏิเสธน้ำใจแน่นอน” ลู่เต้าที่ถูกไป๋เสียสิงร่างเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
“ไอ้หมอนี่...” ลู่เต้าที่ถูกบังคับให้ลงมาอยู่ข้างในร่างบ่นอุบอิบ
ไป๋เสียยื่นเห็ดป่าย่างมาใกล้จมูกเพื่อลองดมดู กลิ่นหอมใช้ได้! เขาลองกัดเห็ดป่าเข้าปากหนึ่งคำก่อนจะเคี้ยวงับๆ จากนั้นก็ใช้ปากรูดเห็ดป่าย่างเข้าปากจนหมด
สุดท้ายเขาก็เช็ดปากแล้วเรอออกมา ก่อนทำสีหน้าจริงจังกล่าวว่า “รสชาติก็งั้นๆ แหละ ยังมีกลิ่นดินแรงเกินไป”
“ไม่ใช่ว่าตอนนี้ควรพูดว่าอร่อยหรือ!!!”
