ต่อให้โง่เง่าแค่ไหน ก็รู้ว่าการได้รับตำแหน่งสูงั้แ่อายุยังน้อยหมายความว่าอย่างไร
หมายความว่าอนาคตจะมีพื้นที่ในการก้าวหน้าได้มากขึ้นกว่าเดิมน่ะสิ
เซี่ยจื่ออวี้ไม่มีความรู้ในด้านนี้มากนัก แต่ตอนนี้เธอรู้เพียงว่า โจวเฉิงคู่ครองของเซี่ยเสี่ยวหลานมาจากตระกูลดีเยี่ยม และตัวโจวเฉิงเองก็เป็คนเก่ง อายุเพียงยี่สิบต้นๆ ก็ได้รับตำแหน่งสำคัญแล้ว
สภาพจิตใจของเซี่ยจื่ออวี้เวลานี้ไม่ได้ขมขื่นเพียงอย่างเดียว แต่เธอยังรู้สึกเ็ปราวกับถูกคนควักหัวใจไปทั้งดวง จากนั้นก็นำลงไปทอดในกระทะ และนำไปปิ้งบนเตาไฟร้อนต่อ ระดับความเ็ปไม่อาจใช้คำใดมาอธิบายได้!
วันนี้เซี่ยจื้ออวี้ได้พบกับเซี่ยเสี่ยวหลานในงานเชื่อมสัมพันธ์ ทั้งยังเหมือนถูกตบหน้าอย่างจัง ทำให้เธออดกลั้นจนแทบหายใจไม่ออก
เธอไม่อยากยอมรับว่าเซี่ยเสี่ยวหลานนั้นทั้งสวยและการศึกษาดี ไม่มีตรงไหนที่ไม่คู่ควรกับผู้อื่น
เซี่ยจื่ออวี้ยังคงมีทัศนคติที่คับแคบ ยืนหยัดในความเชื่อที่ว่า เซี่ยเสี่ยวหลานยังคงเป็คนเด็กบ้านนอกที่หัวรั้นอยากเอาชนะเท่านั้น นอกจากหน้าตาแล้วก็ไม่มีอะไรดีเด่กว่าสาวบ้านนอกคนอื่นตรงไหน
เซี่ยเสี่ยวหลานมีชีวิตที่ดีกว่าเธอ จุดนี้เซี่ยจื่ออวี้ไม่มีวันยอมรับ
อย่างไรเธอก็ต้องหาจุดตำหนิให้ได้
“เจี้ยนหัว โจวเฉิงคนนั้นหน้าตาเป็อย่างไรหรือ”
ชาติกำเนิดดีขนาดนั้น ยังจะเลือกคนอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานอีก ไม่แน่ว่าโจวเฉิงผู้นี้อาจจะมีข้อบกพร่องก็ได้!
อย่างเช่นรูปร่างเตี้ยมาก หน้าตาอัปลักษณ์ หัวโต หูใหญ่?
เซี่ยจื่ออวี้ทำได้เพียงคาดเดาเท่านั้น เธอใช้สายตาเปี่ยมไปด้วยความหวังมองไปยังหวังเจี้ยนหัว หวังจะได้รับคำยืนยันจากปากของเขา
โจวเฉิงหน้าตาเป็อย่างไร?
หวังเจี้ยนหัวไม่ได้เจอโจวเฉิงมาหลายปีแล้ว ในความทรงจำของเขา โจวเฉิงเป็ที่นิยมในหมู่เด็กสาวั้แ่สมัยมัธยมต้น จะบอกว่าโจวเฉิงเป็พวกหน้าขาวอ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิงก็คงไม่ใช่ เพราะหน้าตาของเขานั้นทั้งหล่อเหลาและดูแข็งแกร่งยิ่งนัก
หวังเจี้ยนหัวปิดปากสนิท
เซี่ยจื่ออวี้เห็นดังนั้นก็ฝืนยิ้ม “เธอไม่ได้เจอเขามาหลายปีแล้ว คนเราย่อมมีการเปลี่ยนแปลงสินะ”
หากไม่เจอจุดด้อยของโจวเฉิง เซี่ยจื่ออวี้คงไม่ยอมหยุด
โจวเฉิงหน้าตาอัปลักษณ์หรือไม่ หวังเจี้ยนหัวคิดว่ามันไม่สำคัญ สิ่งที่ผู้ชายมองเพศเดียวกันย่อมไม่ใช่เื่หน้าตา แต่เป็ความสำเร็จในด้านหน้าที่การงาน
แต่หากไม่สามารถหาจุดด้อยอกมาสักอย่าง หวังเจี้ยนหัวก็คงทุกข์ทรมานมากเช่นกัน
สายตาของทั้งคู่จับจ้องอยู่ที่ตัวเซี่ยเสี่ยวหลาน มองเธอถูกกวนฮุ่ยเอ๋อพาเดินทักทายแขกในงาน ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครไม่เป็มิตรกับกวนฮุ่ยเอ๋อและเซี่ยเสี่ยวหลานเลยสักคน
พอคิดถึงท่าทีเ็าอย่างกะทันหันของพวกคุณน้าจานเมื่อครู่ หวังเจี้ยนหัวก็ยิ่งรู้สึกเ็ป
ไม่เห็นจะแย่ตรงไหน คนพวกนี้พูดดีด้วยเพราะตำแหน่งหน้าที่การงานทั้งนั้น ตระกูลหวังเพิ่งลืมตาอ้าปากได้ แต่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้ารับรองว่าตระกูลหวังจะต้องเจริญรุ่งโรจน์อย่างแน่นอน!
—--------------------------------------------
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ว่าเวลานี้เซี่ยจื่ออวี้กับหวังเจี้ยนหัวคงทุกข์ทรมานใจอยู่อย่างแน่นอน
เห็นทั้งคู่เ็ป เซี่ยเสี่ยวหลานย่อมรู้สึกดีใจ แม้แต่ดวงตาก็เจือไปด้วยรอยยิ้ม ระหว่างเดินทักทายคนอื่นกับกวนฮุ่ยเอ๋อ ปากเอ่ยเรียกคุณอาคุณน้าเสียงหวาน ทำเอาคนฟังเอ่ยปากชมเปราะอย่างอดใจไม่อยู่
“คู่ครองของโจวเฉิงนิสัยดีจริงๆ”
หน้าตาสะสวย การศึกษาดีเยี่ยม ทั้งยังดูอัธยาศัยดีอีกด้วย ่ต้นยุค 80 สภาพแวดล้อมทางสังคมค่อนข้างเรียบง่าย แค่สิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานแสดงออกให้เห็น ย่อมไม่มีใครรู้สึกว่าเธอไม่คู่ควรกับโจวเฉิงอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะตามค่านิยมของประเทศจีนที่มีมาโดยตลอดว่า ฝ่ายหญิงจะแต่งงานกับคนที่มีสถานะสูงกว่าหาใช่เื่แปลก ครอบครัวของเซี่ยเสี่ยวหลานเป็อย่างไร คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสำคัญสักเท่าไร
แต่ที่กล่าวว่าควรหาคนที่คู่ควร นั่นก็เป็เพราะกลัวฝ่ายหญิงจะเป็พวกใจแคบ และครอบครัวฝ่ายหญิงจะเป็พวกคุยด้วยยาก ทว่าคนอย่างเซี่ยเสี่ยวหลาน ดูใจแคบเสียที่ไหน
พวกคุณน้าจานหลังปลีกตัวจากคนตระกูลหวัง พวกเธอก็กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง
งานเชื่อมสัมพันธ์คืนนี้ ประเด็นร้อนที่ถูกถกเถียงกันมากที่สุดยังคงเป็เื่ของเซี่ยเสี่ยวหลานและเซี่ยจื่ออวี้
ประจวบเหมาะกับการที่ตระกูลโจวและตระกูลหวังพาว่าที่ลูกสะใภ้มาเปิดตัวอย่างเป็ทางการครั้งแรก หากไม่มีเซี่ยเสี่ยวหลานเป็ผู้ดึงมาตรฐานให้สูงลิ่ว ความจริงแล้วเซี่ยจื่ออวี้ก็ไม่นับว่าแย่อะไร หน้าตาดูไม่ใช่คนเลวร้าย ทั้งยังเป็นักศึกษาหญิงเช่นกันอีกด้วย เมื่อยืนเคียงข้างหวังเจี้ยนหัวแล้วนับว่าเหมาะสมกันดี
แต่คุณน้าจานคิดว่าชื่อเสียงของตระกูลหวังไม่สู้ดีนัก หากเื่ชั้นเรียนกวดวิชาแดงออกไป ตระกูลหวังคงแทบไม่มีที่ยืนในสังคมแน่นอน อีกทั้งเมื่อครู่เซี่ยจื่ออวี้ยังจงใจกลั่นแกล้งเซี่ยเสี่ยวหลานสารพัด... วาจาที่เต็มไปด้วยกับดักชั่วร้ายนั่น ใครบ้างจะดูไม่ออก?
นอกจากนี้เซี่ยจื่ออวี้ยังใช้วิธีเหมือนตอนอยู่ชนบท คิดว่าคนกลุ่มนี้หลอกง่ายเหมือนหญิงบ้านนอกหรือชาวบ้านในตำบลเล็กๆ อย่างนั้นหรือ ความจริงแขกในงานล้วนฉลาดเฉลียว เซี่ยจื่ออวี้คิดว่าเพียงคำพูดไม่กี่คำก็จะสามารถเหยียบย่ำตระกูลโจวให้จมดินได้อย่างนั้นหรือ?
ตระกูลโจวเป็ใคร สองปีมานี้ตระกูลโจวนับวันยิ่งเจริญรุ่งเรือง
หากไม่รู้ประวัติความเป็มาของว่าที่ลูกสะใภ้เป็อย่างดี ใครบ้างจะกล้าพามาแนะนำตัวกับทุกคนในงานเชื่อมสัมพันธ์เช่นนี้
“ว่าที่ลูกสะใภ้ของรองหวังเจี้ยนหัว... ยากจะอธิบายจริงๆ ”
เป็ลูกพี่ลูกน้องกัน แต่ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
ทุกคนเห็นด้วยกับคำพูดของคุณน้าจาน
เป็คนแบบไหนย่อมเลือกสะใภ้แบบนั้น สองพี่น้องตระกูลเซี่ยเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกัน แต่เซี่ยจื่ออวี้กลับมีจิตใจคับแคบเสียได้
เด็กสาวเช่นนี้ตระกูลหวังยังถูกใจ บ่งบอกได้ทันทีว่าตระกูลหวังอยู่ในระดับไหน
หวังก่วงผิงแทบจะเป็ข้าราชการกลุ่มสุดท้ายที่ถูกเรียกตัวกลับมารับตำแหน่งในปักกิ่งอีกครั้ง การที่เขาสามารถกลับปักกิ่งมาได้ เื่นี้เกินความคาดหมายของใครหลายคนเลยทีเดียว
หลังกลับมารับตำแหน่ง หวังก่วงผิงยังไม่มีผลงานอะไรให้เป็ที่ประจักษ์ แต่กลับได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์ด้านลบไปไม่น้อย อีกทั้งหร่านซูอวี้ยังพยายามวิ่งเต้น ตอนแรกทุกคนยังพอรู้สึกเห็นใจ แต่นานวันเข้าก็พบว่าหร่านซูอวี้ชอบเรียกร้องความสงสาร ไม่ว่าจะเป็การแต่งกายที่ดูมอซอเกินงาม หรือกิริยาวาจาที่มักจะตัดพ้อถึงความลำบากสมัยใช้ชีวิตอยู่ที่ไร่... พอพูดมากเข้า ทุกคนจึงรู้สึกรังเกียจ
ไม่ใช่แค่หวังก่วงผิงกับหร่านซูอวี้ที่ถูกส่งไปทำงานที่ไร่เสียหน่อย แม้พวกเขาจะกลับปักกิ่งช้า แต่สุดท้ายก็ได้รับตำแหน่งคืน
ตอนนี้ยังคงมีคนที่ไม่ได้กลับปักกิ่ง ซึ่งน่าสงสารกว่าอีกมิใช่หรือ!
“โจวเฉิงของฮุ่ยเอ๋อเก่งจริงๆ นะ เด็กคนนั้นเพิ่งอายุไม่เท่าไรก็ได้รับตำแหน่งสำคัญแล้วใช่ไหม”
“สายตาก็หลักแหลม ถึงตัดสินใจลงหลักปักฐานกับเด็กสาวที่ยอดเยี่ยมั้แ่ตอนนี้ หาภรรยาก็เหมือนเลือกซื้อเนื้อหมู หากไปซื้อช้า เนื้อดีๆ ย่อมถูกคนอื่นเลือกไปหมดแล้ว!”
“ถ้าฮุ่ยเอ๋อได้ยินเธอเปรียบลูกสะใภ้ของเขาว่าเป็เนื้อหมู เขาต้องตำหนิเธอแน่!”
“ตอนนี้สหายฮุ่ยเอ๋อปกป้องว่าที่ลูกสะใภ้อยู่นะ”
“ครอบครัวเดียวกัน อยู่ข้างนอกจะไม่เข้าข้างกันได้อย่างไร อีกอย่างคู่ครองของโจวเฉิงคนนี้ยังปากหวานอีกด้วย ฉันว่าคงเข้ากับคนตระกูลโจวได้ดีแน่ๆ ”
คุณน้าจานพยักหน้าเห็นด้วย
เวลานี้กวนฮุ่ยเอ๋อถอดเสื้อคลุมขนเป็ดออกแล้ว เสื้อตัวนั้นสวยมาก แถมยังเป็เสื้อที่เซี่ยเสี่ยวหลานมอบให้อีกด้วย
ไม่มีใครขัดสนเงินทองในการซื้อเสื้อผ้า แต่ความใส่ใจในเลือกซื้อเสื้อผ้าให้กับว่าที่แม่สามีของตน ไม่ใช่สิ่งที่เด็กสาวทุกคนจะสามารถคิดเองได้ หากเซี่ยจื่ออวี้ได้ยินคำเหล่านี้คงอยากร้องขอความเป็ธรรมอย่างแน่นอน เพราะเธอซื้อเสื้อผ้าให้หร่านซูอวี้ไปไม่น้อย ทว่าหร่านซูอวี้ก็ยังคงหน้าเนื้อในเสือกับเธอ ตอนตระกูลหวังตกต่ำ เธอเคยให้เสื้อกันหนาวแก่พวกเขา แต่พอตระกูลหวังกลับมามีอำนาจอีกครั้งก็เริ่มเื่มากกับเธอ!
เซี่ยเสี่ยวหลานถูกกวนฮุ่ยเอ๋อพาเดินวนรอบงาน และเธอยังได้เจอต่งลี่ลี่อีกด้วย
ต่งลี่ลี่เดินตามหลังสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่ง หรือว่ามาดูตัวเช่นกัน? ดูท่าเส้ากวงหรงจะรับมือกับแรงกดดันของครอบครัวได้สินะ มิเช่นนั้นต่งลี่ลี่คงไม่ต้องออกมาหาคู่ครองเช่นนี้
ต่งลี่ลี่เองก็เห็นเธอแล้วเช่นกัน
ต่งลี่ลี่ไม่ได้เดินมาท้าทายแต่อย่างใด เธอเพียงกระตุกแขนเสื้อมารดาให้หลบไปอีกทาง
กวนฮุ่ยเอ๋อบุ้ยปาก
“คนที่กำลังเดินลงบันไดมาคือพี่ชายคนโตของจี้หย่า สหายจี้หลิน”
เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินลงบันไดมา กิริยาท่าทางของเขาดูไม่เลวเลยทีเดียว คนตระกูลจี้ล้วนมีหน้าตาและบุคลิกภาพที่ดี อีกทั้งใบหน้าของจี้หลินกับจี้เจียงหยวนมีความละม้ายคล้ายกันอยู่บ้างเช่นกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าตนไม่ได้คิดไปเอง จี้หลินลงบันไดก็เดินตรงมาหาเธอกับกวนฮุ่ยเอ๋อทันที หรือจี้หลินจะจำเธอได้?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้