เฉินโหรวรีบลุกขึ้นรับยา เอ่ยทั้งรอยยิ้มว่า“ขอบคุณท่านปู่อวี๋เ้าค่ะ ยาราคาเท่าใดหรือเ้าคะ?”
“ราคาไม่เท่าใด แค่ห้าสิบอีแปะ เอายาพวกนี้กลับไปกินเสียก่อนเถิด เ้าเด็กคนนี้ช่างเห็นเป็คนอื่นคนไกลเสียจริง”คำกล่าวของอวี๋หรูไห่ค่อนข้างเสแสร้ง
“ท่านปู่อวี๋หยอกล้อแล้วเ้าค่ะ ในเมื่อท่านเป็หมอการรับค่ารักษาย่อมเป็สิ่งสมควรเ้าค่ะ”เฉินโหรวนับเงินห้าสิบอีแปะในกระเป๋าดอกบัวที่พกติดกาย จากนั้นวางลงบนโต๊ะ
ครั้นอวี๋เจียวกลับไปถึงเรือนฝั่งตะวันออกอวี๋ฝูหลิงกำลังพูดคุยกับอวี๋ฉี่เจ๋อ
“อาโหรวมาแล้ว เ้ารีบไปพูดคุยกับนางที่ห้องโถงเร็วเข้าพวกเ้าไม่ได้พบหน้ากันนานมากแล้ว อาโหรวงามกว่าเดิมไม่น้อย!ชุดกระโปรงบนกายของนางก็งามมากเช่นกัน!”
“ท่านพี่ ข้าเคยบอกไปแล้วข้ากับอาโหรวไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันแม้แต่นิดสกุลอวี๋ของพวกเรากับสกุลเฉินของนางไม่ข้องเกี่ยวกันมานานแล้วนางจะเป็อย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับข้า” ใบหน้าของอวี๋ฉี่เจ๋อฉายแววจนใจยังคงอธิบายอีกครั้ง
อวี๋ฝูหลิงกลับไม่ยอมแพ้ “น้องเล็ก ตอนแรกเ้าร่างกายไม่ดีแต่ยังฝืนลงสอบติดต่อกันสามสนามก็เพราะนัดหมายกับอาโหรวเอาไว้ว่าหากสอบได้อันดับหนึ่งจะไปสู่ขอนางที่จวนสกุลเฉินไม่ใช่หรือ? เ้าคงไม่ได้เปลี่ยนใจแล้วกระมัง? เมิ่งอวี๋เจียวเทียบไม่ได้แม้แต่ปลายผมของอาโหรวข้าไม่เชื่อว่าเ้าจะชอบนาง! เป็เพราะเ้าสุขภาพไม่ดีถึงจงใจทำตัวห่างเหินจากอาโหรวใช่หรือไม่? น้องเล็ก ขอเพียงภายหน้าร่างกายของเ้าหายดีแล้วได้ตำแหน่งจอหงวนถึงตอนนั้นค่อยไปสู่ขออาโหรวที่สกุลเฉินก็ได้!”
“พอได้แล้ว” สีหน้าของอวี๋ฉี่เจ๋อเคร่งขรึม “ท่านพี่ท่านไม่ต้องคิดเพ้อเจ้ออีกแล้ว เื่ของข้ากับอาโหรวไม่มีความเป็ไปได้อีกต่อไปแล้วภายหน้าอย่าเอ่ยชื่อของนางต่อหน้าข้าอีก”
อวี๋ฝูหลิงใเพราะสีหน้าของเคร่งขรึมของเขาผ่านไปครู่ใหญ่กว่าจะเอ่ยเสริมว่า “ไม่เอ่ยถึงก็ไม่เอ่ยถึงเหตุใดเ้าต้องมีโทสะกับพี่ด้วย?”
กล่าวจบเดินออกไปข้างนอก บังเอิญพบกับอวี๋เจียวที่เดินเข้ามาพอดีอวี๋ฝูหลิงถลึงตาใส่นางด้วยความโมโห “ล้วนแต่โทษเ้าขัดขวางการแต่งงานอันดีของน้องเล็กกับอาโหรว!”
อวี๋เจียวเผยสีหน้าประหลาดใจ เหตุใดถึงโทษนางเสียแล้ว? นางก็ได้ยินอย่างชัดเจนเห็นได้ชัดว่าสกุลเฉินรังเกียจที่อวี๋ฉี่เจ๋อร่างกายไม่แข็งแรงสกุลอวี๋ถึงได้เปลี่ยนไปซื้อตัวนางจากหมู่บ้านสกุลเมิ่งเพื่อเสริมมงคล
หลังจากเฉินโหรวเดินออกไปสตรีแซ่อวี๋โจวเดินออกมาจากห้องฝั่งตะวันออกอวี๋หรูไห่ใช้เวลาทั้ง่บ่ายกว่าจะเอาใจภรรยาสำเร็จครั้นคราวนี้ถูกอวี๋เจียวทำให้โมโหจึงเอ่ยกับสตรีแซ่อวี๋โจวอย่างอดไม่ได้ว่า“นังเด็กเมิ่งอวี๋เจียวผู้นั้นเพิ่งอ้าปากบอกว่าจะแบ่งเงินค่ารักษาครึ่งหนึ่งจากข้าจะเนรคุณแล้วจริงๆ ! สกุลอวี๋ของข้าซื้อตัวนางมา คอยดูแลอาหารการกินของนางนึกไม่ถึงว่านางจะคิดเื่เงินเช่นนี้!”
สตรีแซ่อวี๋โจวเอ่ยใส่สีตีไข่อย่างถูกเวลา“นังเด็กคนนั้นเป็คนอกตัญญูเ้าค่ะ เสียแรงที่นายท่านคอยปกป้องนางมาตลอดเพราะนางรู้ว่าท่านให้ความสำคัญกับวิชาหมอของนางนางถึงได้ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำและเอ่ยวาจาเช่นนี้ภายหน้าไม่รู้ว่าจะกลายเป็เช่นไรเ้าค่ะ!”
อวี๋หรูไห่โกรธจนเครากระตุก “นางกล้ารึ! เื่เงินค่ารักษาแค่นางคิดก็อย่าได้คิด!”
สตรีแซ่อวี๋โจวออกความเห็น “ท่านควรจะหมางเมินนางเ้าค่ะทำให้นางรู้ว่าเดิมทีภายในสกุลอวี๋ของพวกเราก็ไม่มีที่ว่างให้นางยืนสกุลอวี๋ของพวกเรา เมิ่งอวี๋เจียวอย่าได้คิดจะสร้างคลื่นลมอะไร มีให้นางกินคำเดียวนางก็ควรจะรู้จักพอแล้วเ้าค่ะ!”
อวี๋หรูไห่ครุ่นคิดครู่หนึ่งคิดว่าตลอดหลายวันมานี้ตนให้ความสำคัญกับวิชาหมอของเมิ่งอวี๋เจียวมากเกินไปถึงได้ทำให้นางลืมตัวครั้นสายตาหยุดอยู่ที่กับข้าวบนโต๊ะ อวี๋หรูไห่เอ่ยว่า “ควรกินข้าวได้แล้วเ้าไปบอกกับครอบครัวรองสักหน่อย คืนนี้ห้ามไม่ให้เมิ่งอวี๋เจียวกินอะไรเด็ดขาด!”
ใบหน้าของสตรีแซ่อวี๋โจวเผยรอยยิ้ม “นายท่านท่านทำเช่นนี้ถูกต้องแล้วเ้าค่ะ คนบางคนในใต้หล้านี้ หากท่านยิ่งทำดีกับนางนางก็ยิ่งไม่รู้จักหวาดกลัว ไม่รู้จักบุญคุณ จะต้องทำให้นางรู้สถานะของตนเอง ภายหน้าถึงจะควบคุมได้ง่ายเ้าค่ะ”
สตรีแซ่อวี๋โจวเดินไปถึงห้องครัว สตรีแซ่ซ่งกำลังตักน้ำแกงสตรีแซ่อวี๋โจวหยิบถ้วยกับตะเกียบขึ้นมาหนึ่งชุดแล้ววางกลับเข้าไปในตู้กับข้าวเอ่ยขึ้นว่า “นายท่านบอกว่าวันนี้ไม่อนุญาตให้อวี๋เจียวกินข้าวให้นางกลับห้องไปสำนึกตนให้ดี”
สตรีแซ่ซ่งไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรจึงเอ่ยถามเสียงเบาว่า “ท่านแม่เหตุใดอยู่ดีๆ ถึงไม่ให้แม่หนูเมิ่งกินข้าวเ้าคะ? กับข้าวในวันนี้ยังคงเป็ฝีมือของแม่หนูเมิ่งนะเ้าคะนางอายุยังน้อยไม่รู้ความ หากทำให้ท่านโมโห ท่านอย่าได้ถือสาหาความกับนางเลยเ้าค่ะ”
สตรีแซ่อวี๋โจวเหลือบมองสตรีแซ่ซ่ง เอ่ยทั้งรอยยิ้มอย่างเสแสร้งว่า“นางไม่ได้ยั่วโมโหข้า แต่ยั่วโมโหท่านพ่อของเ้าช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริง แค่ได้ยืมมือนายท่านตรวจคนไข้ไม่กี่ครั้งนางกลับกล้าเรียกร้องค่ารักษาอย่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ รนหาที่ตาย!”