เสียงนี้... เป็คนสนิทของบุรุษผู้นั้น เป็เสียงของเหล่าลิ่วมิใช่หรือ?
นับั้แ่ครั้งก่อนที่บุรุษผู้นั้นบุกเข้าบ้านนางในยามวิกาล นางก็ไม่กล้าเปิดประตูห้องไว้อีกเลย
แต่แม้จะปิดประตูเช่นนี้ มันก็ยังเปล่าประโยชน์!
หลินฟู่อินเด้งตัวขึ้นมา แต่งตัว แล้วยื่นมือไปหยิบเสื้อคลุม
เพราะตอนนี้เป็ฤดูใบไม้ร่วง อากาศในยามค่ำคืนยังคงเย็นอยู่
นางเปิดประตูออกไป แล้วจึงเห็นบุรุษในชุดขาวบนไหล่ของเหล่าลิ่ว กลิ่นเืลอยมาแตะจมูกหลินฟู่อินจนนางต้องนิ่วหน้า ดวงตาฉายแววของความเป็ห่วงทันที
บุรุษผู้นั้นก้มหน้าต่ำแต่ยังมีสติอยู่
หลินฟู่อินปรายตามองบุรุษผู้นั้นภายใต้แสงเทียนสลัวทันที จึงเห็นว่าที่ไหล่ขวาของเขามีแผลอาบเืหลายแผล แต่มีการห้ามเืไว้แล้ว แม้ผ้าจะซับเืจนกลายเป็สีดำไปแล้วก็ตาม
บุรุษผู้นี้!
หลินฟู่อินคิดอยู่ในใจเงียบๆ อาการหนักจริงๆ
“นี่โดนอะไรมา?” หลินฟู่อินนิ่วหน้าโดยลืมลดเสียงตัวเองลงในขณะที่เข้าไปเร่งถามต้นสายปลายเหตุจากเหล่าลิ่ว
เหล่าลิ่วอายเล็กน้อย พูดไม่ออกว่านายท่านของเขามิได้าเ็หนักอะไร ทั้งแผลนี้ก็ยังได้รับการรักษามาเรียบร้อยแล้วด้วย
แต่ไม่รู้ว่านายท่านคิดอะไรอยู่ ถึงได้กำชับว่าไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมาให้คุณหนูหลินทำการรักษาให้!
แต่แผลเล็กน้อยเช่นนี้ คุณหนูหลินจะยอมช่วยหรือไม่นี่สิ?
“แผลแค่เล็กน้อยเท่านั้น พวกเ้าแตกตื่นกันเกินไปแล้ว!” หวงฝู่จินโยนความผิดให้ลูกน้องด้วยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย
หลินฟู่อินได้ยินเช่นนี้ก็พยายามเข้าข้างเหล่าลูกน้องของหวงฝู่จิน “คนของท่านเพียงเป็ห่วงท่านเท่านั้น เข้ามาสิ เดี๋ยวข้ารักษาให้เอง ถึงแผลจะดูเหมือนเป็แผลภายนอกแต่ดูแล้วค่อนข้างลึก ดังนั้นต้องรักษาอย่างถูกวิธี”
เหล่าลิ่วได้ยินก็แทบสำลักน้ำลายจนไอโขลกออกมา แต่เมื่อสังเกตเห็นสายตาเ็าของผู้เป็นายที่กำลังมองตนอยู่ เขาก็หยุดไอลงทันที
หลินฟู่อินมองเขาราวกับเห็นสิ่งแปลกประหลาด “พี่เหล่าลิ่ว ท่านรู้สึกไม่สบายหรือ?”
ดูเหมือนอาการคนมีไข้สินะ…
“ไม่… ไม่เป็ไร คุณหนูหลินช่วยรักษาาแให้นายท่านของข้าก่อนเถอะ!” เหล่าลิ่วกล่าวพลางถูกสายตาข่มขู่ของผู้เป็นายจับจ้องไปด้วย
เหล่าลิ่วยังคงงงงวย นายท่านของเขาเป็อะไรไป? แม้เขาจะมาให้คุณหนูหลินรักษาเช่นนี้ แต่ก่อนหน้านี้กลับบอกว่าเขาเพียงเชื่อในวิชาแพทย์ของคุณหนูเท่านั้น แต่ในความหมายจริงๆ แล้วคือบอกว่านอกจากคุณหนูหลินแล้วเขาจะไม่ยอมให้ใครมารักษาตนมิใช่หรือ?
แล้วตอนนี้เป็อะไรอีก?
ที่เมื่อครู่บอกว่าพวกลูกน้องถือวิสาสะพาเขามาให้คุณหนูหลินรักษากันเองนั่นน่ะ?
เหล่าหลิ่วแห่งเป่ยหรงผู้นี้เป็คนง่ายๆ และตอนนี้เขาไม่เข้าใจความคิดของนายท่านของเขาเลยจริงๆ
แต่เพราะเขาเป็คนง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เขาจึงคิดไปว่านายท่านของเขาเพียงเจ็บแผลมากจนลืมเื่ที่ตัวเองเคยกล่าวไปเท่านั้น
หลินฟู่อินพาหวงฝู่จินเข้าห้องนางเพื่อทำการรักษา เหล่าลิ่วก็จะตามเข้ามาด้วย แต่หวงฝู่จินมองเขาด้วยสายตาเ็า “เ้าไปรออยู่ข้างนอก”
“รับคำสั่ง!” เหล่าลิ่วรับคำสั่ง แล้วโทษตัวเองเล็กน้อย นี่เป็ห้องสตรี จะให้บุรุษเช่นเขาเข้าไปได้อย่างไร
แต่เขาเองก็ลืมไปว่านายท่านของเขาก็เป็บุรุษเช่นกัน มีเหตุอันใดที่หวงฝู่จินจะเข้าไปได้แต่เหล่าลิ่วกลับเข้าไม่ได้กันเล่า?
เมื่ออยู่ต่อหน้าคนเจ็บแล้ว สมาธิทั้งหมดของหลินฟู่อินจึงเพ่งไปที่หวงฝู่จิน นางช่วยให้เขานั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จากนั้นจึกนำสุราขาวที่เก็บไว้เผื่อฉุกเฉินมาราดแผล ก่อนจะเริ่มแต่งแผลอย่างเบามือ
แม้การเคลื่อนไหวของหลินฟู่อินจะทั้งเบาและอ่อนโยน แต่กล้ามเนื้อของบุรุษตรงหน้ากลับยังเกร็งแน่น คงเจ็บมากเป็แน่
บุรุษผู้นี้ผ่านการฝึกฝนมาเป็อย่างดี ดังนั้นแล้วเขาควรจะมีความอดทนในระดับสูง แต่หากเจ็บกับแผลเช่นนี้ หรือว่าแผลนี้จะมีอะไรมากกว่าที่ตาเห็น?
หลินฟู่อินเบามือมากขึ้น และมองเขาด้วยสีหน้าเป็กังวลพลางถาม “เจ็บมากหรือไม่เ้าคะ? หากเจ็บมากข้าจะได้เบามือลงอีก”
“ไม่เป็ปัญหา” หวงฝู่จินทนเจ็บ น้ำเสียงนิ่งสงบ
หลินฟู่อินตัดแต่งแผลเสร็จแล้ว จึงใช้เข็มเงินล้างด้วยสุราขาวไปจิ้มๆ แผลของหวงฝู่จินดูเพื่อวินิจฉัย
หวงฝู่จินก้มหน้าลงเพื่อมิให้นางเห็นว่าเขากำลังกัดฟันอยู่ เขาไม่กลัวความเ็ปก็จริง แต่นั่นไม่ได้แปลว่ามันจะไม่เจ็บ
เมื่อวินิจฉัยเสร็จแล้ว หลินฟู่อินจึงสูดหายใจเข้า
แผลนี้แปลกประหลาดนัก เพราะนี่ไม่ใช่ทั้งแผลมีดหรือดาบ แต่เป็แผลจากกรงเล็บเหล็ก!
ตามชื่อ กรงเล็บเหล็กเป็อาวุธที่สร้างออกมาให้มีรูปร่างคล้ายมืุ์ ทำจากโลหะ เมื่อใช้งาน นิ้วทั้งห้าจะเกร็งขึ้นเมื่อกระทบิัของเป้าหมาย แล้วทำความเสียหายให้กับกล้ามเนื้อของเป้าหมายจนเกิดเป็าแขนาดใหญ่
นางเดาว่าผู้โจมตีคงไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมาก และถูกหวงฝู่จินปัดป้องการจู่โจมด้วยกรงเล็บนี้ได้ มิเช่นนั้นแล้วแผลมันไม่จบแค่การล้างแผลแล้วหายแน่ๆ
แต่หลินฟู่อินก็มองเขาอย่างตกตะลึง นี่เขาไปขัดขาคนเช่นไรเข้ากันถึงได้มีแผลกลับมาทุกครั้งเช่นนี้?
แม้ว่าหวงฝู่จินจะก้มหน้าอยู่จนหลินฟู่อินมิอาจเห็นสีหน้าของเขาได้ แต่จากการหายใจก็แสดงให้เห็นว่าเขาเจ็บอยู่
อยู่ๆ นางก็อารมณ์ดีขึ้นมา
“ท่านควรไปขอบคุณลูกน้องท่านนะ” หลังจากสูดหายใจเข้าลึก หลินฟู่อินก็สงบใจลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงปรับท่านั่งใหม่แล้วกล่าวกับเขา “อยู่นิ่งๆ ข้าจะไปเอาของก่อน!”
หวงฝู่จินพยักหน้าเล็กน้อย เล็กน้อยจนยากสังเกต
หลินฟู่อินเดินออกจากห้อง ตรงไปยังห้องครัว หยิบเอาถ้วยมาหนึ่งใบแล้วกลับมายังห้อง เหล่าลิ่วเห็นว่านางกลับมาพร้อมถ้วยเพียงใบเดียวก็รู้สึกงงงวยขึ้นมา
หลินฟู่อินไม่มีเวลาไปสนใจเขา เข้าห้องไปแล้วเทสุราขาวใส่ถ้วยจนเกือบเต็ม จากนั้นจึงนำสำลีออกมาจากกล่องอุปกรณ์การแพทย์ แล้วโยนมันลงไปในถ้วยสุราขาวเมื่อครู่
“จำเป็ต้องทำอะไรเช่นนี้ด้วยหรือ?” หวงฝู่จินทนเจ็บครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งนางหยุดมือลง เขาจึงเงยหน้าขึ้นมา
หลินฟู่อินทำหน้าไม่พอใจใส่เขา นางไม่ชอบให้คนมาตั้งคำถามเื่วิธีการรักษา โดยเฉพาะจากตัวคนเจ็บเอง
“คุณชาย นี่เป็แผลข่วน ดังนั้นแล้วอย่าได้มองแค่ร่องรอยภายนอกห้ารอยนั่น เพราะเนื้อข้างในเองก็ได้รับความเสียหายจนเริ่มเน่าแล้ว...” หลินฟู่อินกล่าวไม่ทันจบก็มีเสียงเหล่าลิ่วลอยมาจากข้างนอก “คุณหนูหลิน คุณชายาเ็หนักถึงเพียงนั้นเลยหรือ? ท่านทำข้ากลัวแล้วนะ”
หลินฟู่อินเมินเขา แล้วจึงฉีกเอาสำลีชุ่มสุราขาวเมื่อครู่ออกมาส่วนหนึ่ง อีกมือหนึ่งถือเข็มเงินเล่มบางมาแทงเข้าแผลบนแขนขวาของหวงฝู่จินก่อนทำความสะอาดด้วยสำลีเมื่อครู่
“อึก!” หวงฝู่จินทนไม่ไหวจนต้องส่งเสียงออกมา แต่ก็รีบปิดปากลงทันที สีหน้ากลายเป็ซีดเซียวแต่ก็แฝงไว้ด้วยความเ็า
“รู้แล้วใช่หรือไม่ว่ามันเจ็บเพียงใด!” หลินฟูอินอดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นเขาหลุด “หากเจ็บก็ส่งเสียงออกมาเสีย เพราะการฆ่าเชื้อเ็ปมาก และนี่แค่เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เดี๋ยวจะมีเจ็บยิ่งกว่านี้อีก”
หากเจ็บก็ให้ส่งเสียงหรือ?
หวงฝู่จินนิ่วหน้าจนคิ้วยู่ หากเป็เช่นนั้นเขาขอยอมตายเสียดีกว่า!
“คุณหนูหลิน อย่าได้แกล้งคุณชายเลย เบามืออีกหน่อยเถอะ...”
เมื่อได้ยินคำขอบ้าบอนี่ หวงฝู่จินจึงมองเหล่าลิ่วด้วยสายตาเย็นะเืแล้วกล่าวด้วยเสียงต่ำ “เ้า หุบปากไป!”
เหล่าลิ่วพยายามปกป้องผู้เป็นาย จนต้องเอ่ยปากขอร้องหลินฟู่อิน แม้จะไม่รู้ว่าเื่ที่นางกล่าวมาเมื่อครู่จริงเท็จมากแค่ไหนก็ตาม แต่กลับถูกผู้เป็นายดุใส่เสียแทน เขาจึงตะลึงและนิ่งไป
“ส่วนเ้า ทำต่อไป ข้าทนได้” หวงฝู่จินกล่าวด้วยเสียงต่ำที่แฝงด้วยบรรยากาศอันมิอาจขัดขืน
หลินฟู่อินพยักหน้า ครุ่นคิด แล้วจึงกล่าว “หากทนเจ็บไม่ไหวก็บอกข้า ข้าจะหยุดให้ท่านได้พักหายใจ”
คำพูดของนางนี้ดูถูกเขานัก สายตาของหวงฝู่จินจึงหรี่ลงพลางฉายแววอันตราย
แต่ที่นางพูดออกมาก็เพื่อตัวเขาเอง เมื่อคิดเช่นนั้นได้แล้ว ความไม่พอใจในอกจึงมลายหายไปราวกับใช้วิชาเซียน
หลินฟู่อินทำความสะอาดแผลที่แขนขวาของหวงฝู่จินต่อไปจนทั่ว จนเหงื่อกาฬไหลท่วมร่างนาง โดยในระหว่างการรักษานี้หวงฝู่จินก็มิได้ส่งเสียงอันใดออกมาอีกเลย ไม่แม้แต่จะเม้มปาก หลินฟู่อินจึงรู้สึกทึ่งเป็อย่างมาก
“ทีนี้ข้าจะราดจินชวงเย่า [1] ให้ ท่านมีจินชวงเย่าดีๆ อยู่ใช่หรือไม่?” หลินฟู่อินปาดเหงื่อแล้วถามออกมา
“เหล่าลิ่ว เอาของมา”
เหล่าลิ่วได้ยินคำสั่งแล้วจึงรีบหยิบเอาขวดยาขนาดเล็กดูบอบบางออกมาจากแขนเสื้อ แล้วจึงโยนมันผ่านอากาศไปให้หวงฝู่จิน
หวงฝู่จินยื่นแขนซ้ายออกไปรับไว้ แล้วจึงยื่นให้หลินฟู่อินที่กำลังเบิกตากว้างอยู่
“คุณหนู นายท่านเป็อย่างไรบ้างหรือ? เขาปลอดภัยหรือไม่?” เหล่าลิ่วถามด้วยสีหน้าเป็กังวล “คุณหนู ท่านต้องรักษานายท่านให้ได้นะ มันเป็เพราะข้าเอง หากข้าไม่ไร้ประโยชน์เช่นนั้น นายท่านก็คงมิต้องมาเป็แผลสาหัสเช่นนี้! กลับไปเมื่อไร ผู้เฒ่าคงเอาข้าตายแน่…”
เหล่าลิ่วขอร้องหลินฟู่อินให้ช่วยรักษานายท่านของเขาให้ดีๆ ก่อนที่จะเริ่มร้องไห้ออกมา หลินฟู่อินจึงได้เห็นภาพของบุรุษร่างใหญ่ที่ร้องห่มร้องไห้ราวกับเด็กสาวตัวจ้อย แล้วนางจึงทนไม่ไหวจนต้องลูบศีรษะเขา
นางส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ก่อนจะเปิดขวดยาเมื่อครู่ แล้วทาจินชวงเย่าให้หวงฝู่จินอย่างระมัดระวัง เมื่อเรียบร้อยแล้ว นางจึงดึงเอาผ้าพันแผลจากกล่องอุปกรณ์ของนางมาพันแผลให้เขา
“อย่าลืมเปลี่ยนยาทุกสองวัน และเมื่อเปลี่ยนแล้วก็นำผ้าไหมสะอาดมาพันปิดไว้เสีย โดยอย่าให้หลวมหรือแน่นเกินไป...”
หวงฝู่จินยิ้มแล้วมองนาง “ข้าจะมาหาเ้าเมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยน”
น้ำเสียงถือดีนัก แต่กลับมีพลังที่ทำให้ผู้ฟังมิอาจปฏิเสธได้
หลินฟู่อิน “…”
นางถอนหายใจเงียบๆ อยู่ในใจพลางคิด ชายผู้นี้ไม่รู้จักคำว่ามารยาทเลยหรือไง แต่นางจะไปขัดอะไรได้?
มีแต่ต้องยอมแพ้แล้วไหลตามน้ำไป ขอเพียงแค่เขาคอยระวังมิให้คนอื่นตื่นในระหว่างที่เขามาพบนางก็พอ
แต่นางก็มั่นใจอยู่แล้วว่าเขาจะคอยระวังเื่นั้น
ในตอนที่หวงฝู่จินกล่าวประโยคเมื่อครู่ เขาก็จงใจสบตากับนางด้วย และเมื่อเห็นว่านางมีท่าทียอมแพ้ต่อโชคชะตา เขาจึงอารมณ์ดีขึ้นมา
“นี่ก็ดึกแล้ว ทั้งแผลของคุณชายยังมีอาการดีขึ้น ดังนั้นแล้วท่านควรรีบกลับไปพักผ่อนจะดีกว่า” หลินฟู่อินไม่อยากให้เขาอยู่ค้างคืนที่บ้านนาง นางจึงเปิดปากขอให้เขากลับ
“มันเจ็บเกินกว่าที่จะนอนได้” หวงฝู่จิบปรายตามองนางแล้วกล่าวออกมา “แสงจันทร์ในหมู่บ้านกลางหุบเขาเล็กๆ ของเ้าช่างงดงามนัก และในเมื่อข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว เ้าจะไม่ลองออกไปเดินรับลมกับข้าเสียหน่อยหรือ?”
นี่เขาชวนนางออกไปเดินเล่นหรือ?
หลินฟู่อินมองหวงฝู่จินราวกับกำลังเห็นผี นี่นางเข้าใจถูกใช่หรือไม่?
“ข้ารู้ว่าเ้าสนใจเื่โรงผลิตเทียนที่คนขับเกวียนกล่าวถึงในวันนี้ และข้ามีข้อมูล เ้าอยากฟังหรือไม่เล่า?”
แปลได้ว่า หากอยากรู้ก็ตามมาซะ
แล้วนางจะปฏิเสธอะไรได้?
แน่นอนว่านางอยากรู้เื่โรงผลิตเทียน เพราะมันเกี่ยวโยงกับเื่ที่ว่านางจะทำผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเช่น ‘หย่าซวง’ และชาดทาผิวได้หรือไม่
“ท่านจะออกไปตอนนี้เลยหรือ?” หลินฟู่อินถามด้วยสายตาว่าง่าย
หวงฝู่จินนิ่วหน้า
สีหน้าของนางเปลี่ยนไปมาตลอดในเวลาที่นางไม่ได้ทำการรักษา ซึ่งเขาไม่ชอบเลย แต่จะให้นางเปลี่ยนก็เกินความจำเป็เกินไป
อย่างไรเสีย นางก็มิใช่ลูกน้องของเขา…
หลินฟู่อินตามหวงฝู่จินออกไปยังสวนด้านหลัง แสงจันทร์ทอประกาย คลอด้วยอากาศเย็นสบายดังที่หวงฝู่จินกล่าว หมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาที่มีเพียงเสียงเจื้อยแจ้วของแมลงในฤดูใบไม้ร่วงนี้ช่างงดงามมากจริงๆ
นางตามหวงฝู่จินไปโดยไม่กังวลเลยว่าเขาจะฉวยโอกาสจากสถานการณ์ล่อแหลมของยามค่ำคืนนี้ ทั้งยังเผลอเชื่อไปอีกว่าเขาจะไม่ทำร้ายนางแน่
ไม่มีใครกล้าทำลายความเงียบสงบระหว่างทั้งสอง พวกเขาเพียงเดินตามทางไปเรื่อยๆ แม้นี่จะเป็ฤดูใบไม้ร่วงแล้วแต่ก็ยังมียุงเหลืออยู่ และยุงประจำฤดูเหล่านี้ก็มีพิษมาก หลินฟู่อินเองก็ถูกยุงกัดไปหลายครั้งจนนางต้องเกาแขนไม่หยุด
“โอ๊ย...” หลินฟู่อินที่กำลังถูกยุงกัดรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมาเมื่อนางได้ยินเสียงหัวเราะของบุรุษตรงหน้า
ใบหน้าของนางร้อนผ่าว คืนนี้แย่ยิ่งนัก ต้องตามคนตรงหน้าออกมาข้างนอกในยามค่ำคืน ถูกยุงกัด ทั้งยังถูกเยาะเย้ย
ภาพของนางที่เงยหน้ามองแสงจันทร์พลางเกาแขนไปด้วยทั้งน่าขันและน่ารักในเวลาเดียวกัน หวงฝู่จินจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
หลินฟู่อินเองก็มองภาพของหวงฝู่จินที่หัวเราะจนอกกระเพื่อม หัวเราะได้เต็มที่นัก
หลินฟู่อินปากกระตุก นางไม่คิดว่าตัวเองด้อยปัญญาอะไร แต่นางไม่เข้าใจบุรุษตรงหน้านี้เลยจริงๆ
และในระหว่างที่กำลังอารมณ์เสียนั้นเอง นางก็สะดุดก้อนหินเข้าจนล้มหน้าทิ่ม
นางใกลัวจนเผลอหลับตา ในใจคิดว่าคงได้จบที่สภาพไม่น่าดูแน่แล้ว แต่ฉับพลันนั้นตรง่เอวกลับอบอุ่นขึ้นมา เพราะหวงฝู่จินเข้ามาโอบนางไว้ด้วยแขนขวาที่าเ็อยู่
เมื่อช่วยรับนางไว้แล้ว เขาก็ยืนกะพริบตาด้วยความประหลาดใจ ร่างกายผอมบางถึงเพียงนี้เชียวหรือ...
และในพริบตาต่อมา เขาก็ช่วยให้นางยืนได้ ก่อนจะดึงแขนขวาที่าเ็อยู่กลับไป
ดูท่าแผลจะเปิดเสียแล้ว
หลินฟู่อินนิ่งค้างไป ในตอนที่มือเขาััเอวของนางนั้น หัวใจของนางก็เต้นไม่เป็ระส่ำ
รู้สึกราวกับ่เวลารอบกายได้หยุดนิ่งลง
นางคาดไม่ถึงว่าเขาจะมาช่วยรับนางไว้ราวกับสุภาพบุรุษเช่นนี้
เมื่อหัวใจที่เต้นระส่ำสงบลงแล้ว ก็เหลือไว้เพียงความอบอุ่นในใจ
“ขอบคุณท่านมาก” หลินฟู่อินส่งเสียงออกมา และเมื่อคิดได้ว่าเขาใช้แขนขวาที่าเ็อยู่มารับนาง สายตาของนางจึงฉายประกายความกังวลขึ้นมา “แผลท่านเปิดหรือไม่?”
“ไม่เป็ปัญหา” แผลของหวงฝู่จินไม่เพียงเปิดเท่านั้น แต่เืก็เริ่มกลับมาไหลอีกครั้ง เขาเพียงไม่อยากให้หลินฟู่อินรู้
หากเขาบอกว่าไม่เป็ปัญหา ก็คือไม่เป็ปัญหา
แต่หลินฟู่อินไม่เชื่อ และคิดจะเข้าไปตรวจแผล หวงฝู่จินจึงเบี่ยงร่างหลบนาง “ไม่เป็ไร ข้าจะกลับไปส่งเ้าเอง”
ออกมาตะลุยดงยุงห่างบ้าน โดนรุมกัดจนพรุน เกือบล้มหน้าคว่ำ ทำแผลเขาเปิด ทั้งหมดนี้โดยยังไม่ได้ยินเื่โรงผลิตเทียนเลยสักคำ สรุปแล้วนางออกมาลำบากเพื่ออะไรกัน?
โชคยังดีที่บุรุษผู้นี้ดูหล่อเหลา เมื่ออาบด้วยแสงเดือน จึงดูราวกับภูติพรายที่หยอกเย้ากับแสงจันทร์ นับเป็อาหารตาชั้นยอดโดยแท้
หลินฟู่อินหัวเราะทั้งน้ำตา แต่จะบอกว่าไม่อยากกลับก็คงไม่ได้
อย่างไรเสียที่นี่ก็อยู่ในป่าเขาที่มีสัตว์ป่าออกหากินไม่ขาดสาย จะให้กลับเองก็ไม่ไหวเป็แน่
“ส่วนเื่โรงผลิตเทียน เ้าไม่ต้องเสียเวลาไปสอบถาม เพราะเ้าของโรงผลิตนั่นเป็คนของข้าเอง” หวงฝู่จินกล่าวด้วยร่างที่ต้องแสงรัตติกร พลางหันหน้ามามองนาง “ข้าบอกให้เ้านั่นมาเปิดโรงผลิตในเมืองชิงหยางเพื่อสั่งสมเม็ดเงิน”
หวงฝู่จินกล่าวโดยไม่ปิดบัง
เขาไม่กลัวที่จะให้นางได้รู้เื่นี้ หรือต้องบอกว่าที่จริงแล้ว หลังจากที่เขารู้เื่ที่นางไปภัตตาคารหลิวจี้มาในวันนี้ เขาก็คิดว่านางมีพร์ทางการค้าสูงมาก หากได้นางมาช่วย เช่นนั้นแล้วก็คงมีเม็ดเงินมหาศาลหลั่งไหลมาหาเขาอย่างแน่นอนมิใช่หรือ?
ตอนนี้เขามีเป้าหมายที่จะลักลอบซื้อเหล็กคุณภาพสูงจากต้าเว่ยเพื่อนำกลับไปทำอาวุธในเป่ยหรง
น้องสามกับน้องห้ามาเข้าร่วมกับเขาแล้ว พี่ใหญ่และน้องสี่ก็กำลังซ่องสุมกำลังโดยได้รับการสนับสนุนจากเหล่าตระกูลใหญ่และเสนาบดีที่ทรงอำนาจในราชวงศ์เพื่อชิงอำนาจจากเสด็จพ่อ
แน่นอนว่าเสด็จพ่อไม่รู้เื่เหล่านี้ เพราะเขาชรามากแล้ว จิตใจจึงมิได้เข้มแข็งเช่นเมื่อครั้งเยาว์วัย จึงเชื่ออยู่เสมอว่าลูกๆ ของเขาต่างก็มีสัมพันธ์อันดีต่อกันโดยไร้ซึ่งการเบาะแว้ง
แต่เื่เช่นนั้นมันเป็ไปไม่ได้ และเขาก็ไม่อยากให้เสด็จพ่อของเขาที่ชราขึ้นเรื่อยๆ ต้องเสียใจ เขาจึงพยายามปกปิดเื่เหล่านี้จากเสด็จพ่อ แต่ก็ไม่อาจลดการระแวดระวังต่อเหล่าพี่น้องได้
ดังนั้นทั้งการรวบรวมกำลังพล ม้า ผลิตอาวุธและเสบียง ต่างก็กลายเป็สิ่งที่ต้องทำอย่างลับๆ เพราะทั้งต้องคอยระวังไม่ให้เสด็จพ่อรู้ และต้องคอยดูไม่ให้เหล่าพี่น้องไหวตัวได้ทัน
โชคร้ายที่สองมือของเขานั้นไม่อาจรับมือจากสี่ทิศได้พร้อมกัน เพราะเหล่าพี่น้องต่างก็มุ่งที่จะบั่นคอเขาผู้ซึ่งเป็พระโอรสของฮองเฮาองค์ก่อนลงให้ได้ก่อน!
และเมื่อเขาเริ่มมีสติและรู้ตัวว่าตนอยู่ในสถานะเช่นไรแล้ว เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกนอกจากต้องสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
คิดถึงเื่นี้แล้วหวงฝู่จินก็นิ่วหน้า เกิดมาในราชวงศ์ ตัวคนเดียวมาั้แ่เกิด…
แล้วมองเด็กสาวข้างๆ เขาผู้ที่วันๆ เอาแต่คิดเื่การหาเงินเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตเปี่ยมสุขกับน้องๆ เขาอิจฉานางมากเพียงใดกันนะ
เมื่อได้สติ หลินฟู่อินจึงคิดขึ้นมาว่านี่ไม่น่าจะใช่เื่บังเอิญที่คนของเขามาเปิดโรงผลิตเทียนในละแวกนี้
ฟันเฟืองความคิดในหัวหมุนไม่หยุด
ชายผู้นี้เป็คนเป่ยหรง เื่นี้นางมั่นใจอยู่แล้ว ดังนั้นจึงพออนุมานได้ว่าที่เขาให้คนมาเปิดโรงผลิตที่นี่ก็เพื่อหาเงินกลับแคว้น
แต่ตอนนี้นางมีตัวเลือกว่านางจะเลือกซื้ออิ้งจือซวนจากเขาไปทำชาดของนางดี หรือจะร่วมมือกับเขาดี
หลินฟู่อินไตร่ตรองดู แล้วจึงรู้สึกได้ว่ามีเื่หนึ่งที่นางยังไม่ได้พิจารณาอย่างจริงจัง
นั่นก็คือหากนางทำชาดทาผิวได้แล้ว นางจะขายให้ใคร นางยังไม่ได้คิดเลย!
ในตอนแรกนางเพียงคิดว่าสตรีนั้นรักสวยรักงามอยู่แล้ว ขอเพียงนางผลิตสินค้ามีคุณภาพได้ก็ไม่ต้องกังวลเื่ยอดขาย เื่นี้เพียงดูจากร้านของแม่นางฉินก็เข้าใจได้แล้ว
แต่ในตลาดชาดระดับสูงของต้าเว่ยมีร้านไฉ่จือไจอยู่แล้ว ส่วนชาดระดับล่างก็พบได้ทั่วไป แม้แต่พ่อค้าที่ขนของไปขายตามบ้านนอกคอกนาก็ยังมี
เมื่อลองคิดดูแล้ว ก็พบว่าการที่นางจะเข้าไปตีตลาดนั้นมันไม่ง่ายเลย
แต่ฉับพลันแสงไฟในหัวของนางก็ส่องสว่างขึ้นมา หากตีตลาดต้าเว่ยได้ยาก เช่นนั้นก็ไปตีตลาดเป่ยหรงแทนเสียสิ!
ทั้งชาดที่นางจะทำขายและผลิตภัณฑ์เสริมความงามอื่นๆ ที่นางคิดจะทำ นางเพียงแค่ต้องทำให้มันเหมาะกับสตรีในเป่ยหรงมากขึ้นเท่านั้นเอง
หลินฟู่อินคิดได้เช่นนี้แล้วก็แทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น นางจึงหยุดเดินแล้วมองหวงฝู่จินด้วยสายตาร้อนแรง…
—-----------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] จินชวงเย่า หมายถึง ผงห้ามเื เป็ผงยาที่ใช้สำหรับาแ มีสรรพคุณห้ามเื แก้อักเสบและสมานแผล สูตรยาอาจมีส่วนผสมแตกต่างกันไป แต่เรียกโดยรวมว่าจินชวงเย่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้