ดูเหมือนเ้าคนนี้จะมีขั้นการบำเพ็ญอยู่ในระดับสมบูรณ์ของขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์แล้วและพลังิญญาในตัวยังกลายเป็พลังไสยศาสตร์แล้วด้วย ไม่ว่าจะเป็แววตาที่ดุร้ายหรือหอกยาวที่พุ่งเข้ามาเหมือนงูพิษนั้นต่างก็น่าสยดสยองทั้งสิ้น!
ข้าใช้ปลายเท้าแตะไปบนกองไม้แห้งก่อนจะหลบการโจมตีของเขาด้วยเพลงขาเมฆาหมอกและถือโอกาสใช้กระบี่คมจันทราแทงเข้าไปที่หน้าอกของเขาอย่างจัง
ฉึบ!
แต่สิ่งที่ทำให้ข้าต้องแปลกใจก็คือคนของชนเผ่าอำมหิตโบราณพวกนี้ไม่มีเกราะรบิญญาทำให้ข้าแทงทะลุร่างของเขาได้อย่างง่ายดาย
ปั้ง!
เมื่อกระบี่คมจันทราของข้าแทงทะลุร่างของเขาไปแล้วพลังก็ะเิออกจนคนของชนเผ่าอำมหิตโบราณลอยปลิวไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่หลายต้นก่อนจะสิ้นลมหายใจ
ไม่นานพลังไสยศาสตร์ในตัวเขาก็ลอยเข้ามาเป็คะแนนสะสมในการประลองของข้าทันทีดูเหมือนว่าพวกชนเผ่าอำมหิตโบราณจะเป็เพียงเครื่องมือชนิดหนึ่งที่ใช้ทดสอบของสนามเซินยวนแห่งนี้จริงๆสินะ พอความคิดนี้ผุดขึ้นมา ในใจของข้าก็หนักอึ้งไปชั่วขณะสมาคมเทพศาสตราวุธช่างโหดร้ายเหลือเกิน แต่ก็นั่นแหละถ้าไม่เด็ดเดี่ยวและโหดร้ายมากพอก็ไม่มีทางเป็หนึ่งในสมาคมเทพศาสตราวุธได้อย่างแน่นอน
ตำราโบราณได้มีการบันทึกเกี่ยวกับการสู้รบว่าเมื่อก่อนเคยมีการรบราฆ่าฟันของคนในเมืองกับพวกชนเผ่าอำมหิตโบราณหลายต่อหลายครั้งจนถึงขั้นปลงพระชนม์พระาาก็ว่าได้เพราะแบบนี้จึงทำให้มนุษย์เราเห็นว่าพวกชนเผ่าอำมหิตโบราณเป็ศัตรูมาแต่ไหนแต่ไรหากเจอเมื่อไรจะต้องฆ่าทิ้งเท่านั้นซึ่งความคิดแบบนั้นก็เหมือนกับเื่ราวฝังใจที่สืบเนื่องมาจนถึงยุคแห่งไฟฟ้าในปัจจุบันและยังไม่มีการแก้ปัญหา
ข้าะโลงจากต้นไม้แล้วเข้าไปตรวจดูร่างกายของชายหนุ่มชนเผ่าอำมหิตโบราณก็พบว่ากระบี่ของข้าได้แทงทะลุหัวใจทำให้เขาตายแทบจะทันทีบนร่างกายของเขาก็ไม่มีของมีค่าใดๆ ติดตัวนอกจากหอกยาวด้ามยาวซึ่งเป็อาวุธิญญาระดับขาวชนิดหนึ่งเท่านั้นแต่ข้าก็เก็บมันไว้ในแหวนกระดูกจักรภพก่อนจะเดินทางต่อไป ข้าจะชักช้าไม่ได้เพราะบางทีทุกคนอาจจะกำลังรวมตัวกันอยู่รอบๆหมู่บ้านและรอข้าอยู่ก็ได้
พอคิดได้แบบนั้นข้าจึงเดินทางลงเขาแล้วหายลับเข้าไปในป่าใน่เวลาโพล้เพล้
...
ตะวันยามโพล้เพล้หายลับไปแล้วทำให้ความมืดเริ่มเข้ามาปกคลุมผืนป่าที่ข้ากำลังมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านของชนเผ่าอำมหิตโบราณอยู่และขณะที่ข้าเข้าไปใกล้ก็ดูเหมือนจะมีนายทหารของชนเผ่าที่สังเกตเห็นจึงยิงธนูใส่ข้าทันที
พลังมหาัั์!
ขาเหยียบลงพื้นด้วยพลังของัพันศิลาก่อนจะทำท่าสะพานโค้งหลบลูกธนูที่แทบจะเฉียดหน้าไปทหารลาดตระเวนสองนายวิ่งเข้ามาพร้อมกับมีดสั้นในมือพลางพูดบางอย่างที่ข้ายังคงไม่เข้าใจเหมือนเดิมร่างกายของพวกนั้นเต็มไปด้วยรอยสักซึ่งคล้ายกับลายสักเทพราชันัของข้าแถมคมมีดสั้นนั้นยังมีพลังของวรยุทธ์แขนงลายสักแทนพลังิญญาออกมาอีกด้วย
ไม่นานข้าก็เข้าใจได้ทันทีว่าชนเผ่าอำมหิตโบราณพวกนี้น่าจะมีการฝึกฝนพลังที่สูญหายไปอย่างพลังลายสักก่อนที่จะถูกสมาคมเทพศาสตราวุธจับตัวมาและตอนนี้พวกมันก็เหมือนกับผู้ที่ทำให้โลกต้องสนั่นหวั่นไหวเพราะกำลังใช้พลังที่เคยสาบสูญไปเพื่อต่อสู้กับข้า
พวกมันพุ่งเข้ามาพร้อมกับมีดสั้นในมือซึ่งพลังลายสักของมันรุนแรงไม่แพ้พลังิญญาเลยทีเดียวเมื่อพวกมันปล่อยพลังเข้ามาหาข้า ลายสักบนตัวก็เปล่งแสงสว่างออกมาอีกต่างหาก!
ดูเหมือนพวกมันจะเป็จอมยุทธ์ในขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์อีกแล้วสินะ!
ข้าเคลื่อนพลังของมหาัั์ไปไว้ที่เท้าทั้งสองข้างเพื่อเพิ่มความเร็วก่อนจะพุ่งเข้าใส่คนที่อยู่ด้านซ้ายด้วยกระบวนท่าเอกากัลป์เบิกขุนเขาที่ทำให้ร่างของมันลอยปลิวออกไปไกลและกระอักเืส่วนกระบี่ในมือก็ฟันไปที่หน้าอกของอีกคนจนเืสาดกระเซ็นและตายในที่สุดเช่นกัน
นายทหารลาดตระเวนของชนเผ่าอำมหิตโบราณที่ได้รับาเ็ไปเมื่อครู่มองข้าด้วยสายตาเหี้ยมโหดแต่บอกไว้เลยว่าถ้ายังไม่ตาย ข้าก็ไม่มีวันรามือเด็ดขาด!
ข้าให้พลังไหลเข้าไปที่เท้าทั้งสองข้างก่อนจะพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็วดุจสายฟ้าแล้วฟันที่คอเพื่อให้มันตายอย่างทรมานที่สุด
ข้ารู้สึกหน่วงๆอยู่ก่อนจะเกิดคำถามขึ้นในใจว่าทำไมจะต้องฆ่าพวกมัน ทว่าคำถามนี้ก็ถูกตอบกลับด้วยหลักการว่าถ้าข้าไม่ฆ่าพวกมันพวกมันก็จะหันมาฆ่าข้าอยู่ดีเพราะความแค้นระหว่างพวกเราเป็สิ่งที่มีมาแต่โบราณกาลแล้วนั่นเอง
...
ข้าเดินเข้าไปตรวจดูบนร่างของทหารลาดตระเวนชนเผ่าอำมหิตโบราณก็พบว่าในกระเป๋าคาดเอวใบหนึ่งมีตำราโบราณที่เรียกว่า ‘ตำราอักษรกระดองเต่า’ ติดอยู่ด้วยซึ่งข้าเองก็เคยเรียนอักษรกระดองเต่าที่ว่านี้อยู่บ้างจึงพอจะอ่านออกนิดหน่อย
หน้าปกตำราเขียนเอาไว้ด้วยตัวอักษรที่เก่าคร่ำครึว่า‘ตำรามีดทะลวงหิน’ ซึ่งเป็วรยุทธ์ชั้นล่างอยู่ด้วย
ดูเหมือนตำรานี้จะเป็วิชาการป้องกันตัวของพวกชนเผ่าอำมหิตโบราณซึ่งเป็เพียงวิชาพื้นฐานเท่านั้นสำหรับข้าแล้ววิชาพวกนี้ก็ไม่ต่างจากกองขยะที่ไร้ประโยชน์ เพราะถ้ามีดีจริงๆทหารลาดตระเวนของชนเผ่าอำมหิตโบราณทั้งสองนายคงไม่ตายด้วยน้ำมือข้าง่ายๆแบบนี้เป็แน่
แต่ถึงจะเป็อย่างนั้นข้าก็ยังนำตำราเล่มนั้นเก็บไว้ในแหวนกระดูกจักรภพอยู่ดีเพราะถึงอย่างไรพื้นที่ด้านในแหวนก็ยังเหลือเยอะอยู่แล้วถือซะว่าเอาตำราโบราณเล่มนั้นไปศึกษาก็แล้วกัน
อยู่ๆข้าก็เห็นว่าหมู่บ้านของชนเผ่าอำมหิตโบราณข้างหน้ามีไฟลุกถาโถมมาคิดดูแล้วจะต้องเป็หนึ่งในผู้เข้าร่วมการประลองครั้งนี้เป็คนวางเพลิงแน่ๆและที่สำคัญคนที่กล้าวางเพลิงในหมู่บ้านแห่งนี้จะต้องมีฝีมือไม่ธรรมดา
ขณะที่ข้าถือกระบี่คมจันทราเข้าไปใกล้ก็เห็นพวกคนแก่และพวกที่อ่อนแอของชนเผ่าอำมหิตโบราณต่างก็มีาแที่หมายจะเอาชีวิตบางคนก็ถึงกับร่างกายะเิแตกละเอียดไปแล้วก็ว่าได้
“สหายปู้!”
เป็เสียงของถงจั๋วที่เดินพลางถือขวานลาวาเพลิงเข้ามาพร้อมกับศิษย์ของสำนักทิวากรอีกสามคน“เ้าก็มาถึงแล้วเหมือนกันเหรอ?”
“อืม แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น” ข้าถาม
ถงจั๋วยิ้มอย่างจนปัญญาก่อนจะพูด“เป็เพราะฟางชิงยวนและมู้เซวี่ยนจากสำนักวรยุทธ์นักปราชญ์ออกคำสั่งให้ล้างบางหมู่บ้านนี้ทั้งหมดและอย่าให้คนของชนเผ่าอำมหิตโบราณหนีรอดไปได้เด็ดขาดไงล่ะ!”
“ทำไมถึงต้องโหดร้ายขนาดนี้ จุดมุ่งหมายของพวกเราก็แค่ข้ามผ่านชั้นที่สี่ไปไม่ใช่เหรอ?”
ถงจั๋งยิ้มเจื่อนก่อนจะพูดต่อ“คงเพราะ้าคะแนนสะสมด้วยนั่นแหละ...ตอนนี้คะแนนของเ้าเป็ที่หนึ่งของการประลองในครั้งนี้อยู่แล้วคนอย่างฟางชิงยวนจะไปยอมได้อย่างไรกันล่ะเพราะแบบนี้เขาก็เลยฆ่าคนของชนเผ่าอำมหิตโบราณทุกคนเพื่อเอาที่หนึ่งกลับมาให้ตัวเอง”
“ไปดูกัน...เ้าจะไปดูกับข้าไหมล่ะ?”
“อืม!”
...
ฟางชิงยวนยืนอยู่บนแท่นบูชายัญแบบลวกๆของพวกชนเผ่าอำมหิตโบราณพร้อมกับใบหน้าที่โกรธจัด ส่วนมู้เซวี่ยนและคนอื่นๆก็ยืนอยู่ข้างๆ โดยไม่พูดอะไรออกมา นอกจากนั้นยังมีคนที่คาดว่าจะเป็ผู้าุโของชนเผ่าอำมหิตโบราณนั่งก้มหน้าก้มตาด้วยเืที่อาบไปทั่วร่างอยู่กลางแท่นบูชายัญนั้นด้วย
“ข้าจะถามอีกครั้ง เ้าเอาตำราเคล็ดวิชาหลอมเวทไปไว้ที่ไหน?” ฟางชิงยวนถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
ทว่าชายแก่คนนั้นกลับไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
“เ้าจะไม่บอกใช่ไหม ได้!...พวกเ้าไปสังหารเด็กของชนเผ่าอำมหิตโบราณหนึ่งคน!”
ศิษย์ของสำนักวรยุทธ์นักปราชญ์ที่ถือดาบใหญ่อยู่ในมือดึงเด็กคนหนึ่งขึ้นมาและฟันลงไปที่คอจนหัวของเด็กน้อยตกลงไปกองกับพื้นพร้อมกับเืที่ไหลอาบร่างไร้ชีวิต
ร่างของชายแก่ถึงกับสั่นไหวด้วยความสงสารแต่ยังคงเงียบไม่พูดอะไรเหมือนเดิม
ฟางชิงยวนเห็นแบบนั้นแล้วจึงพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ“ข้าจะบอกก็ได้ว่าที่ข้าเข้าร่วมการประลองครั้งนี้เนี่ย...ก็เพื่อมาตามหาเคล็ดวิชาหลอมเวทนี้โดยเฉพาะดังนั้นถึงแม้เ้าไม่บอก ข้าจะล้างโคตรหมู่บ้านของเ้าก็ยังได้เลย!”
ชายแก่ถอนหายใจออกมายาวๆก่อนจะเงยหน้ามองแล้วพูดขึ้น“เ้าเป็ถึงศิษย์ของสำนักชื่อดังที่มากด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีแต่กลับฆ่าคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่แบบนี้ ช่างทำให้ข้ารู้สึกผิดหวังจริงๆ”
นึกไม่ถึงว่าชายแก่คนนี้จะสามารถพูดภาษาของคนในแผ่นดินหลงหลิงได้!
ดูเหมือนว่าที่นี่น่าจะเคยมีผู้เข้าร่วมการประลองเข้ามาก่อนแล้วสินะ
ถงจั๋วเข้ามากระซิบข้างหู“ไม่มีใครเข้ามาถึงชั้นที่สี่ของสนามเซินยวนกว่าสามสิบหกปีแล้วและพวกเราก็เป็กลุ่มแรกที่เข้ามาหลังจากผ่านไปนานหลายปีดังนั้นฟางชิงยวนจะต้องไปรู้ข่าวจากไหนมาแน่ๆ ถึงได้ตัดสินใจทำเื่แบบนี้ได้”
ข้ากระแอมสองสามทีก่อนจะพูด“ฟางชิงยวน เด็กของชนเผ่าอำมหิตโบราณพวกนี้ไม่ได้ทำอะไรเ้าเลยสักนิดทำไมเ้าจะต้องฆ่าพวกเขาด้วยล่ะ?”
ฟางชิงยวนหันมามองข้าด้วยสายตาเยือกเย็นก่อนจะพูดขึ้น“นึกไม่ถึงว่าคนที่เคยเดินทางในถนนแห่งความตายอย่างเ้าจะรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่นด้วยข้าช่างผิดหวังในตัวเ้าจริงๆ ...”
ข้าขมวดคิ้วเข้มก่อนจะพูดต่อ“ถ้าเ้า้าหาตำราหลอมเวทก็ไปหาสิมันจะต้องอยู่ที่ใดที่หนึ่งในหมู่บ้านนี้อยู่แล้ว ทำไมต้องฆ่าคนด้วยฮะ?”
ชายแก่คนนั้นหันมามองข้าด้วยแววตาที่บ่งบอกถึงความตื้นตันใจและขอบคุณ
ทว่าฟางชิงยวนกลับไม่คิดแบบเดียวกัน“ข้าไม่มีเวลาอยู่ที่นี่มากนักหรอกนะไม่ว่าอย่างไรเ้าพวกชนเผ่าอำมหิตโบราณก็เป็ศัตรูของพวกเราอยู่แล้วและเ้าก็ไม่จำเป็ต้องพูดเข้าข้างพวกมันด้วย...ปู้อี้เชวียนถ้าเ้ายังพูดเข้าข้างพวกมันเหมือนคนใจอ่อนอยู่ข้าจะถือว่าเ้าเป็พวกเดียวกับมันก็ไม่แปลกสินะ?”
ข้าอดไม่ได้ที่จะยิ้มก่อนจะบอกไป“ฟางชิงยวน ทั้งที่เ้ายังเด็กแต่กลับมีจิตใจโเี้ทารุณแล้วในเมื่อเป็แบบนี้เ้าจะให้เวลาพวกข้าไปตามหาตำราที่เ้าว่ามาได้ไหมล่ะ? และเ้าก็ต้องรับปากด้วยว่าถ้าข้ากับถงจั๋วหามาได้เ้าจะต้องปล่อยเด็กและคนพวกนี้ไปด้วย ข้อเสนอนี้เป็ไง?”
“ฮึ ถ้าเ้าหามันเจอจริงๆ ข้ารับปากว่าจะปล่อยพวกมันไปแต่ว่า...ข้ามีเวลาให้พวกเ้าแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเ้าคิดเองแล้วกันว่าจะทำยังไง!”
“ได้ ครึ่งชั่วโมงก็ครึ่งชั่วโมง!”
ข้าว่าแล้วหันไปหาถงจั๋วก่อนจะถามขึ้น“สหายถงจั๋ว เ้าคงไม่คิดว่าข้ายุ่งเื่ชาวบ้านมากไปใช่ไหม?”
ถงจั๋วยิ้มแบบเก้อเขินก่อนจะพูด“เอาจริงๆ มันก็มีนิดหน่อย แต่ไม่ว่ายังไงข้าก็เห็นด้วยกับเ้านั่นแหละเพราะการไม่ฆ่าฟันกันคือสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้ว ไปเถอะ เวลาของพวกเรามีไม่มากค่อยๆ หาตามที่พักของพวกนั้นทีละหลังก็แล้วกันถึงอย่างไรเราก็ต้องหาตำราหลอมเวทเล่มนั้นเจอแน่!”
“อืม!”
พวกเราแบ่งกันออกตามหาโดยข้าเดินทางมุ่งไปยังทิศตะวันออกในระยะหนึ่งลี้ของหมู่บ้านซึ่งคนของที่นี่ต่างก็ถูกฟางชิงยวนและมู้เซวี่ยนสังหารจนกลายเป็หมู่บ้านร้างไปแล้ว
ข้าพยายามตามหาตามบ้านมาหลายหลังแล้วแต่ก็มีแค่พวกของใช้ในชีวิตประจำวันของชาวบ้านเท่านั้นส่วนตำราที่หาเจอก็แค่ตำราประเภทเดียวกับตำรามีดทะลวงหินที่ข้าเคยเจอมาก่อนหน้านี้
...
ขณะที่ข้าเข้าไปในที่พักหลังที่เจ็ดก็พบว่าในนั้นมีกระดองเต่าขนาดเท่ากับหม้อใบกลางๆวางอยู่บนก้อนหิน ซึ่งตัวหนังสือค่อนข้างสลับซับซ้อนเอาการทว่าพลังของมันกลับแผ่ซ่านออกมาจางๆและผสานเข้ากับพลังลายสักเทพราชันัของข้าได้ดีเลยทีเดียว!
จะต้องเป็วรยุทธ์ลายสักแน่นอน!
ข้าชะงักไปพักหนึ่งก่อนจะตั้งจิตให้มั่นแล้วสอดพลังเข้าไปเพียงชั่วพริบตาในหัวก็มีลายสักเป็เส้นๆ ลอยวนอยู่ด้านในและมากขึ้นเรื่อยๆซ้ำยังซับซ้อนมากอีกด้วย มันไหลวนไปมาและต่อเข้าด้วยกันแยกออกแล้วม้วนสลับกันไปมาเหมือนกำลังแสดงการฝึกฝนบางอย่างให้ข้าดูไม่นานข้าก็คิดได้ว่ามันจะต้องเป็วรยุทธ์อย่างหนึ่งที่มีการสืบทอดและฝึกฝนเหมือนกับตำราวรยุทธ์ิญญาของแผ่นดินใหญ่เป็แน่!
ทว่ามันไม่ใช่ตำราที่ข้า้าตามหาแต่เป็ตำราหลอมกระดูกซึ่งด้านในบันทึกเกี่ยวกับการหลอมปราณและพลังของกระดูกลายเวทเท่านั้น
แต่แล้วอยู่ๆในหัวมันก็เกิดเสียง หวึ่ง! ดังขึ้นมาซึ่งทำให้ข้าถึงกับดีใจจนออกนอกหน้าเลยก็ว่าได้ นี่สินะที่เรียกว่าโชคชะตานึกไม่ถึงเลยว่าข้าจะได้รับพลังของมันมาได้ง่ายๆ ในสถานการณ์แบบนี้ได้เดิมทีกระดูกลายเวทเป็สิ่งที่ตกทอดมาจากโบราณอยู่แล้วและตอนนี้บนแผ่นดินใหญ่ก็ไม่มีการฝึกฝนกระดูกลายเวทกับพลังลายสักแล้วด้วยดังนั้นเมื่อข้าได้ตำราหลอมเวทเล่มนี้มามันก็เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นมาเพื่อข้าอย่างไรอย่างนั้นเลยก็ว่าได้!
...
ขณะที่ข้ากำลังดีใจจนออกนอกหน้าอยู่นั้นแผ่นหลังก็รู้สึกถึงพลังไอเย็นที่พุ่งเข้ามาก่อนที่ความรู้สึกเจ็บจะแล่นไปทั่วร่าง
นึกไม่ถึงว่าตอนที่ข้ากำลังประมาทจะถูกทำร้ายจนเกราะรบิญญาถูกแทงทะลุแบบนี้!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้