เมื่อผู้คนได้ยินบทสนทนาของผู้ฝึกยุทธ์จากสามกองกำลังต่างก็เผยสีหน้าแตกต่างกันไป แต่คนส่วนใหญ่มองดูด้วยความสนใจ
สามกองกำลังรวมตัวกันข่มเหงรังแกสำนักยุทธ์เทียนเสวียน สัญญาณเหล่านี้ล้วนเผยให้เห็นถึงความทะเยอทะยานที่ราชวงศ์จ้าวอยากจะกำจัดสำนักยุทธ์เทียนเสวียน
เมื่อพวกเย่เฟิงได้ยินคำพูดพวกนั้นต่างก็เผยสีหน้าเย็นเยือก และยิ่งทำให้ผู้าุโอู๋มีน้ำโหมากขึ้นกว่าเดิม ในขณะนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางฝูงชนอย่างฉับพลัน จนดึงดูดความสนใจจากผู้คนเป็จำนวนมาก
“ผู้เฒ่ามู่มาถึงแล้ว!”
ผู้เฒ่ามู่เปี่ยมด้วยคุณธรรมและบารมีสูงส่ง ในฐานะเ้าภาพหลักของวันนี้ การมาของเขาย่อมเป็ที่สนใจของเหล่าผู้คน
เย่เฟิงหันไปมองประตูตำหนักใหญ่ ก่อนจะเห็นชายชราชุดสีน้ำตาลเดินเข้ามาข้างในตำหนัก ชายชราผู้นี้มีผมสีขาว แก่ชรากว่าที่เย่เฟิงจินตนาการไว้ แต่กลับดูภูมิฐาน และยังมีสองคนติดตามอยู่ข้างกายชายชรา ซึ่งก็คือบุตรคนที่สามมู่เทียนฉีและมู่หว่านเอ๋อร์บุตรสาวของเขา
ผู้ฝึกยุทธ์ของทุก ๆ กองกำลังต่างทยอยลุกขึ้นยืนทำความเคารพผู้เฒ่ามู่ ผู้เฒ่ามู่เป็ผู้าุโ พวกเขาก็ย่อมต้องทำความเคารพ แม้แต่องค์หญิงจ้าวซินอี๋และจ้าวเฉินก็ไม่มีข้อยกเว้น ไม่นานนักผู้เฒ่ามู่ก็นั่งประจำที่
“ขอขอบคุณเหล่าผู้กล้าที่มาร่วมงานคล้ายวันเกิดของผู้แซ่มู่ ทางตระกูลมู่ได้จัดเตรียมอาหารเครื่องดื่มไว้ หวังว่าทุกท่านจะเพลิดเพลินไปกับงานเลี้ยงในวันนี้!” ผู้เฒ่ามู่กล่าว จากนั้นผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนยกจอกสุราขึ้นดื่ม ทุกคนต่างดื่มด่ำไปกับเสียงเพลงและการร่ายรำอันงดงาม หลังจากดื่มด่ำไปกับเสียงเพลงนี้ ผู้ฝึกยุทธ์แต่ละฝ่ายก็เริ่มทยอยส่งมอบของขวัญอันเป็ของล้ำค่าจำนวนมาก
แต่ของขวัญที่ราชวงศ์จ้าว จวนเซิ่งอ๋อง สำนักศึกษาเสินเจียง หอชิงหลง และสำนักอี่เทียนมอบให้เป็สิ่งที่ล้ำค่าที่สุด ทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างต้องตกตะลึง
บรรยากาศครึกครื้นเต็มไปด้วยสีสัน มู่เทียนหลง มู่เทียนหู่ มู่เทียนฉี และมู่ไฉ่เจี๋ยนั่งแถวล่างถัดจากผู้เฒ่ามู่ ทำให้ผู้เฒ่ามู่รู้สึกสุขใจที่ครอบครัวอยู่พร้อมหน้า ครู่ต่อมาดวงตาของผู้เฒ่ามู่วาบประกายแสงแห่งความโศกเศร้า ก่อนจะทอดถอนใจแล้วกล่าวว่า “ช่างน่าเสียดายที่ไฉ่อิงไม่ได้อยู่ที่นี่!”
แววตาของเย่เฟิงส่องประกายแสง จากการสังเกตการณ์ผู้เฒ่ามู่มาโดยตลอด ทำให้เขาได้รู้ว่าผู้เฒ่ามู่ยังคงคิดถึงมารดาของเขา ถึงอย่างไรก็เป็พ่อลูกกัน
“ท่านพ่อเลิกพูดถึงคนผู้นี้ได้แล้ว ั้แ่นางแต่งงานกับเย่เจิน นางก็ไม่ใช่คนของตระกูลมู่อีกต่อไปแล้ว ทุกสิ่งที่นางประสบในตอนนี้ล้วนเป็นางที่ก่อขึ้นเอง จะโทษคนอื่นไม่ได้” มู่เทียนหลงกล่าว
“พี่ใหญ่พูดถูก นั่นเป็หนทางที่มู่ไฉ่อิงเลือกเดิน แม้นางจะกลับมา ตระกูลมู่ก็ไม่มีทางต้อนรับนาง นางทำให้ตระกูลมู่ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง” มู่เทียนหู่กล่าวเสริม เมื่อเอ่ยถึงมู่ไฉ่อิงมารดาของเย่เฟิง เขาก็ดูไม่พอใจเท่าไร เหมือนไม่ใช่พี่น้องกัน
“นางไม่เชื่อฟังใคร ปีนั้นข้าโน้มน้าวนางหลายหน ว่าให้ตัดขาดความสัมพันธ์กับเย่เจินและให้แต่งเข้าราชวงศ์จ้าว แต่สุดท้ายก็โน้มน้าวไม่สำเร็จ บัดนี้ครอบครัวพังพินาศ ส่วนตัวคนก็ไม่อยู่แล้ว พลอยทำให้ตระกูลมู่ข้าข้องเกี่ยวกับนางไปด้วย ช่างน่าอับอายยิ่งนัก นางไม่คู่ควรที่จะเป็คนของตระกูลมู่ด้วยซ้ำ!” มู่ไฉ่เจี๋ยกล่าวโดยไม่เกรงใจและพูดตรง ๆ ว่ามารดาของเย่เฟิงไม่สมควรเป็คนของตระกูลมู่
ปีนั้นเื่ที่มารดาเย่เฟิงแต่งงานกับเย่เจินผู้เป็บิดาเขาได้ทำให้ตระกูลมู่เกิดการต่อต้านรุนแรง พยายามทำให้มารดาเย่เฟิงแต่งกับเซิ่งอ๋อง แต่มารดาเย่เฟิงไม่สนใจ และเลือกเย่เจินบิดาเย่เฟิงอย่างเด็ดเดี่ยว ทางตระกูลมู่จึงตัดขาดความสัมพันธ์กับมารดาเย่เฟิงั้แ่นั้นมา แม้กระทั่งพี่ชายน้องสาวแท้ ๆ ก็ยังไม่สนใจไยดี
“ไม่ต้องพูดแล้ว เื่ในอดีตก็ปล่อยให้มันผ่านไป ข้าจะคิดเสียว่าไม่เคยมีลูกสาวแบบนี้” ผู้เฒ่ามู่รู้สึกเสียใจเมื่อพูดถึงเื่บุตรสาวคนโตมู่ไฉ่อิง แต่ถึงอย่างนั้นเขาเป็คนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก จึงปรับอารมณ์ได้เร็วและกลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง
เย่เฟิงได้ยินคำพูดไม่รื่นหูพวกนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมตาวาบประกายเย็นเยือก บิดามารดาของเขาหาใช่คนพวกนี้จะพูดจาใส่ร้ายได้ไม่ สักวันหนึ่งเขาจะทำให้บิดามารดากลับสู่เมืองหลวงอย่างสง่าผ่าเผย ทำให้คนเหล่านี้รู้ว่าสิ่งที่ตนพูดในตอนนี้มันโง่เง่ามากเพียงใด
มู่เทียนฉีเผยสีหน้าไม่ค่อยดี เพียงแต่เป็งานวันเกิดผู้เฒ่ามู่ เขาไม่อยากทำเสียบรรยากาศ จึงไม่สนใจคำพูดของพวกมู่เทียนหลง
ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนจากกองกำลังแห่งเมืองหลวงต่างเพลิดเพลินไปกับเครื่องดื่มและเสียงเพลง แต่มีคนบางส่วนสนใจบทสนทนาของเหล่าคนตระกูลมู่ และยังได้รู้เื่ที่เกี่ยวข้องกับมู่ไฉ่อิงและตระกูลมู่ในปีนั้นอีกด้วย
“ท่านพ่อ ถึงท่านพี่จะไม่อยู่ แต่วันนี้ตระกูลมู่มีแขกคนพิเศษคนหนึ่งมาเยี่ยม” มู่เทียนฉีกล่าว
“ใคร?” ผู้เฒ่ามู่เอ่ยถาม
มู่เทียนฉียิ้มให้ผู้เฒ่ามู่โดยไม่พูดอะไร จากนั้นเขาหันไปมองเย่เฟิง ก่อนจะกล่าวว่า “เสี่ยวเฟิง มานี่สิ!”
เมื่อพูดเช่นนี้ออกไป จู่ ๆ ผู้คนจำนวนมากต่างหันมามองเย่เฟิงเป็ตาเดียวกัน รวมทั้งองค์หญิงจ้าวซินอี๋และมู่เยี่ยน ส่วนผู้เฒ่ามู่ก็มองเย่เฟิงเช่นกัน ก่อนรูม่านตาจะหดแคบลงพร้อมเผยสีหน้าสับสน
“เย่เฟิง ไปเถิด!” เยว่กู่ที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวกับเย่เฟิง คล้ายหวังว่าเย่เฟิงจะสานสัมพันธ์กับตระกูลมู่ เย่เฟิงตาเผยประกายแสง จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป
“คนนี้คือ?”
ผู้เฒ่ามู่หรี่ตาลงเล็กน้อยขณะมองชายหนุ่มรูปหล่อที่ดูไม่ธรรมดาผู้นี้ ช่างคล้ายกันยิ่งนัก แม้จะเยาว์วัยมาก แต่ชายหนุ่มตรงหน้านี้เหมือนเย่เจินในปีนั้นเหลือเกิน กระทั่งมีกลิ่นอายที่ล้ำลึกกว่าเย่เจิน ทำให้ผู้เฒ่ามู่มองไม่ออก
“เย่เฟิง บุตรของท่านพี่” มู่เทียนฉีกล่าวแนะนำให้ผู้เฒ่ามู่ จากนั้นเขาหันไปมองเย่เฟิงแล้วกล่าวว่า “เย่เฟิง ยังไม่รีบทำความเคารพท่านตาเ้าอีก”
“ผู้เยาว์เย่เฟิง คารวะผู้าุโมู่!” เย่เฟิงกล่าวพร้อมคำนับผู้เฒ่ามู่โดยมีสีหน้าเรียบนิ่งเสมอต้นเสมอปลาย และยังเรียกผู้เฒ่ามู่ว่าผู้าุโมู่ แทนที่จะเป็ท่านตา
ในเมื่ออีกฝ่ายคัดค้านการแต่งงานของบิดามารดาเขา มิหนำซ้ำยังดูแคลนเย่เฟิง เช่นนั้นเขาเย่เฟิงจะนับถือตาท่านนี้ไปทำไม
“ดี ดีมาก นิสัยเหมือนแม่เ้าในตอนนั้นไม่มีผิด” ผู้เฒ่ามู่มองสำรวจเย่เฟิง ก่อนจะกล่าวเช่นนั้น เขารู้การมีอยู่ของหลานชายตน แต่เพราะความชิงชังที่มีต่อบิดามารดาเย่เฟิง จึงไม่สนใจไยดีเย่เฟิงแม้แต่นิดเดียว
นาทีนี้มู่เทียนหลง มู่เทียนหู่ และมู่ไฉ่เจี๋ยต่างก็มองมาที่เย่เฟิงด้วยสายตารังเกียจ
จ้าวซินอี๋คอยสังเกตเย่เฟิงมาตลอด นางจึงได้รู้บางอย่างผ่านบทสนทนาของคนตระกูลมู่ เย่เฟิงก็คือบุตรของอดีตจอมพลเย่เจิน ทำให้นางอดสนใจเย่เฟิงมากขึ้นกว่าเดิมไม่ได้ ทว่าเื่นี้ทำให้มู่เยี่ยนไม่พอใจ บุตรของผู้ทรยศ เขามู่เยี่ยนรังเกียจฐานะเช่นนี้ยิ่งนัก
“บุตรของมู่ไฉ่อิง? เหตุใดเ้าถึงปรากฏตัวที่นี่ แล้วใครเชิญเ้ามา? ตระกูลมู่ไม่ต้อนรับเ้า เชิญเ้าออกไปเสีย!” มู่เทียนหลงในฐานะผู้ดำเนินงานวันเกิดผู้เฒ่ามู่ จึงกล่าวกับเย่เฟิงด้วยเสียงเย็นเช่นนั้น และไล่เย่เฟิงออกจากตระกูลมู่ตรง ๆ
เมื่อผู้คนในงานได้ยินเช่นนี้ต่างก็เผยสีหน้าสนใจ งานวันเกิดผู้เฒ่ามู่จะเปลี่ยนไปเป็ศึกาแล้วอย่างนั้นหรือ?
“แล้วท่านเป็ใคร? มีสิทธิ์อะไรมาไล่ข้า?” เย่เฟิงเหยียดยิ้มอย่างเ็า เมื่อได้รู้เื่ในวันนี้ก็มิอาจสงบจิตสงบใจและยับยั้งตัวเองได้
“ข้าคือบุตรคนโตมู่เทียนหลง แล้วก็เป็ลุงของเ้า เ้าว่าข้ามีสิทธิ์หรือไม่ล่ะ?” มู่เทียนหลงกล่าวโดยไม่คิดว่าเย่เฟิงจะแข็งกร้าวเช่นนี้
“ตระกูลเย่ก็เป็เช่นนี้ ไม่เคารพผู้าุโ รู้ไหมว่ามันไร้มารยาทมาก?” มู่เทียนหลงกล่าวเชิงสั่งสอน พร้อมกับมีพลังปราณแผ่ออกจากร่าง ก่อนจะเข้ากดดันเย่เฟิง
“ผู้าุโหรือ? ท่านพูดจาให้ร้ายพ่อแม่ข้าอย่างเปิดเผย นี่น่ะหรือกิริยาท่าทีของพี่ชายอย่างท่าน? ผู้าุโเช่นท่าน ข้าเย่เฟิงไม่้า!” เย่เฟิงกล่าวพร้อมยืนตัวตรงโดยไม่ได้ผลกระทบใด ๆ จากแรงกดดันของมู่เทียนหลง
“สวะ เ้ากล้าดียังไงมาพูดจาเยี่ยงนี้กับพ่อข้า อยากตายงั้นหรือ?” มู่เยี่ยนเห็นเย่เฟิงไม่เคารพมู่เทียนหลงก็เกิดโทสะ ก่อนจะลุกขึ้นตวาดใส่เย่เฟิงเช่นนั้นพร้อมไอสังหารแผ่ออกจากร่าง
“มู่เยี่ยน ระวังคำพูดของเ้าด้วย!” มู่เทียนหลงดุด่ามู่เยี่ยนพลางเผยสีหน้าดูไม่ได้
“พอ เลิกทะเลาะกันได้แล้ว ในเมื่อมาแล้วก็ให้เขาอยู่ต่อ ยังไงซะเขาก็เป็ลูกของไฉ่อิง” ผู้เฒ่ามู่เห็นบรรยากาศไม่ค่อยดี จึงกล่าวเช่นนั้นด้วยท่าทีเกรงขาม
“ท่านพ่อ ข้าว่าไม่เหมาะที่จะให้เด็กคนนี้อยู่!” ขณะนั้นมู่ไฉ่เจี๋ยที่นิ่งเงียบมาตลอด จู่ ๆ ก็พูดขึ้นมา จากนั้นหันไปมองเย่เฟิง ก่อนกล่าวว่า “เด็กคนนี้ไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ดูแคลนพี่ใหญ่ แม่เขาก็สร้างความอัปยศให้กับตระกูลมู่ ขืนให้เขาอยู่ต่อ ตระกูลมู่คงขายหน้า”
มู่เทียนหู่ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวเสริมว่า “ข้าเห็นด้วยกับไฉ่เจี๋ย จะให้เด็กคนนี้อยู่ที่ตระกูลมู่ต่อไม่ได้”
“ฮ่า ๆ ๆ!” เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็ะเิเสียงหัวเราะ แล้วพูดขึ้นว่า “ตระกูลมู่ตัวดี พี่น้องแท้ ๆ เืย่อมข้นกว่าน้ำ ปีนั้นแม่ข้าแค่ยืนหยัดในสิ่งที่ตนเลือก แต่พวกท่านที่เป็พี่น้องแท้ ๆ ของนาง ไม่เพียงแต่ไม่อวยพร แต่ยังพูดจาให้ร้าย หรือคิดว่าดูถูกแม่ข้าแล้วตัวพวกท่านจะสูงส่งขึ้น? กลับกัน บางทีบัดนี้ตระกูลมู่ในสายตาของทุกคนก็เป็แค่พวกหัวมังกุท้ายัที่พึ่งพาบารมีอำนาจของตระกูลมู่เท่านั้นแหละ!”
“เย่เฟิงเ้าบ้าไปแล้วเหรอ เขาคิดว่าด้วยความสัมพันธ์ของตัวเองกับตระกูลมู่แล้วจะพูดจาเหิมเกริมตอนไหนก็ได้หรือ? กำเริบเสิบสานมาก!” ผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างก็รูม่านตาหดแคบลง คิดว่าคำพูดของเย่เฟิงเป็การยั่วโมโหตระกูลมู่
เป็ไปตามคาด เหล่าคนของตระกูลมู่เผยสีหน้าดูไม่ได้ แม้แต่ผู้เฒ่ามู่ก็เผยสีหน้าอึมครึม
ดวงตาของมู่เทียนหลงเผยประกายเย็นเยือก ก่อนจะขึ้นเสียงใส่เย่เฟิงด้วยความโมโห “เหิมเกริม อย่าคิดว่าเ้าเป็ลูกของมู่ไฉ่อิง แล้วข้าจะปล่อยเ้าไป วันนี้ข้ามู่เทียนหลงจะสั่งสอนเ้าแทนแม่ของเ้าเอง!”
พลังปราณพลันพวยพุ่งออกจากร่างมู่เทียนหลง ขณะพูดจู่ ๆ เขาก็เดินออกมาหนึ่งก้าว ก่อนจะไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าเย่เฟิงในพริบตา พร้อมกับใช้พลังกรงเล็บัเข้าจู่โจมเย่เฟิง แม้ดูเหมือนเป็เคล็ดวิชาทั่วไป แต่เมื่ออยู่ในมือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้อย่างมู่เทียนหลง มันสามารถสร้างภัยคุกคามให้เย่เฟิงได้อย่างใหญ่หลวงเลยทีเดียว
“พี่ใหญ่ ท่านอย่าวู่วาม!” มู่เทียนฉีเห็นฉากนี้ก็ตอบสนองทันที โดยวาดฝ่ามือหยุดกรงเล็บัของมู่เทียนหลง
“ข้าจะจับเ้าเด็กนี่!” มู่เทียนหู่ตวาดเสียงกร้าวก่อนจะวาดฝ่ามือจู่โจมเย่เฟิง
“ผู้มาเยือนคือแขก ตระกูลมู่รังแกศิษย์สำนักยุทธ์เทียนเสวียนข้าเช่นนี้ มันจะไม่มากเกินไปหน่อยหรือ!” ขณะนั้นเยว่กู่เคลื่อนไหวอย่างฉับพลันก่อนจะวาดฝ่ามือเข้าปะทะกับฝ่ามือของมู่เทียนหู่ ทำมู่เทียนหู่กระเด็นถอยหลัง
“เยว่กู่ เื่นี้ไม่เกี่ยวกับท่าน หรือท่านอยากให้สำนักยุทธ์เทียนเสวียนเข้ามามีเอี่ยวกับเื่ของตระกูลมู่?” มู่เทียนหู่กล่าวพลางเผยสีหน้าไม่สู้ดี และต้องขายหน้าเพราะถูกเยว่กู่ซัดกระเด็น
“สำนักยุทธ์เทียนเสวียนข้าไม่มีสิทธิ์ยุ่งเื่ของตระกูลมู่เ้า แต่หากจะรังแกศิษย์สำนักยุทธ์เทียนเสวียนข้า ข้ามิอาจนิ่งดูดายได้!” เยว่กู่กล่าวเสียงเย็น ใน่เวลาสำคัญ เขาย่อมอยู่ข้างเย่เฟิง
